ทำไม นักธุรกิจเครือข่าย ขายตรง MLM ส่วนใหญ่ ทำแล้วเลิก?
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
"อาจารย์คะ ตอนนี้หนูทำต่อไปไม่ได้ ไม่สามารถพาลูกทีมไปต่อ พาเขามาแล้ว ไม่เดินก็ไม่สำเร็จ หนูเลิกทำแล้วค่ะใจไม่แข็งพอ พาเขาเป็นหนี้สินค่ะ หนูจะทำยังไงคะ "
More...
วีดีโอ
"หนูเลิกทำธุรกิจ พาคนมาเป็นหนี้ หนูทุกข์ใจ จะทำยังไงดี?"
หนังสือเสียง
"หนูเลิกทำธุรกิจ พาคนมาเป็นหนี้ หนูทุกข์ใจ จะทำยังไงดี?"
เชษฐวิทย์ สิงขร:
สวัสดีครับ วันนี้มาเจอเราทั้งสองคน ที่จะให้คำตอบสำหรับคำถาม ในการทำธุรกิจ เครือข่ายธุรกิจออนไลน์ สำหรับคำถามนี้ ก็ถามมาจากคุณ มณธิยา ถามมาแบบนี้ ท่านอาจารย์กมลเวชจะตอบอย่างไรดีครับ
กมลเวช เมืองศรี:
ขอบคุณคุณมณธิยาที่ถามมา ทำให้เราได้มีโอกาสมาตอบ และเป็นวิทยาทานให้กับผู้คน
ทุกท่านทราบไหมครับว่า ความไม่รู้นั้นแพงมาก ขนาดทำให้คนคนหนึ่งล้มเหลวจากธุรกิจ ได้เลย และไม่ใช่คนเดียวด้วย เป็นร้อยพันหมื่นแสนล้าน เพราะฉะนั้นเราสองคนมีความตั้งใจ ที่อยากจะมาแบ่งปัน วิธีการที่ทำให้เรานั้นเอาตัวรอด จากความไม่รู้ทั้งหลายทำให้ตัวเองรู้
ไม่ใช่แค่ รอด แต่เราทำให้ประสบความสำเร็จรุ่งเรืองได้ด้วย ดังนั้นคำถามที่ถามมา เราก็ขออนุญาตมาออกอากาศ และแบ่งปัน ขอให้บุญกุศลนี้ส่งถึงคุณมณธิยาด้วย
จากคำถามที่ว่า ชวนคนมาทำธุรกิจเครือข่าย แล้วเขาไม่ทำต่อ พาเขาไปต่อไม่ได้ ใจไม่แข็งพอ ตอนนี้รู้สึกเสียใจ ที่พาเขามาเป็นหนี้สิน ซึ่งตรงจุดนี้ เป็นจุดที่ทำให้คนที่ทำธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจที่จำเป็นต้องสร้างองค์กร ตกอยู่ในหลุมและกับดักแห่งความ เศร้าโศกแบบนี้ อยู่เต็มไปหมดเลย
แล้วถ้าเขาไม่ได้ฟังวีดีโอนี้ หรือว่าท่านไม่ได้กดแชร์ให้เขาฟัง คนเหล่านี้จะยังตกอยู่ในหลุมแห่งความ เสียใจเศร้าโศก และในสิ่งที่เขาไม่ควรจะเสียใจด้วยซ้ำ ไปตลอดชีวิต
ถ้าท่านเห็นว่าวีดีโอนี้มีคุณค่า ผมแนะนำให้กด Like กดแชร์ กดติดตามกด Subscribe ทั้ง Facebook YouTube ทุกที่ที่ท่านเห็นวีดีโอนี้ เพื่อที่ท่านจะได้เรียนรู้ข้อมูล ดีๆที่จะเปลี่ยนชีวิตของท่าน และเมื่อท่านแชร์ก็จะเปลี่ยนชีวิตคนอื่นด้วย
ถ้าถามผม สำหรับผมก็เคยมีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน โค้ชแนมเคยสปอนเซอร์คนแล้วไม่ประสบความสำเร็จบ้างไหม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มีครับ เยอะเต็มไปหมดเลยครับ แล้วก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน เราก็เคยผ่านมาแล้วกับความรู้สึกที่ไม่อยากไปต่อ มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ
กมลเวช เมืองศรี:
เราก็รู้สึกเสียใจที่ไปต่อไม่ได้ แล้วก็ยังพาคนมาไม่สำเร็จด้วย แต่วันนี้ ข้อมูลที่ผมกำลังจะแบ่งปันท่านตอนนี้ จะทำให้ท่านนั้นพลิก ความคิด พลิกทัศนคติ ในการทำธุรกิจเครือข่าย
แล้วก็มีความรู้สึกมีความสุข ในการทำธุรกิจ ถึงแม้คนที่มาทำธุรกิจกับท่านเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งใจฟังนะครับ ว่าผมนั้นเปลี่ยนความคิดนี้ได้อย่างไร แล้วท่านจะเปลี่ยนได้อย่างไร
ผมมีที่ปรึกษาอยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ทำรายได้ปีละ 100 กว่าล้าน จากธุรกิจเครือข่าย เขาประสบความสำเร็จมาก เขาได้แนะนำผม ให้เข้าใจ ว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมันไม่ได้ใช้เวลาแค่ 3 เดือน ขนาด 3 ปีอาจจะยังไม่ใช่ บางที 5 ปี 10 ปี 20 ปี กว่าจะเจอความสำเร็จกันจริงๆ เหมือนธุรกิจทั่วไป บางคน 20 ปีแล้วยังพายเรืออยู่ในอ่าง ไม่ไปไหนเลย
เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้แล้ว ว่าจะทำธุรกิจนี้ อย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ เช่นมี Passive Income เดือนละ 100,000 ถึงเดือนละล้านบาททุกเดือน อันนี้คือค่าเฉลี่ย เราจะต้องทำงานกับคนเยอะมาก ต้องมีการชวนคนสปอนเซอร์คน
และไม่มีอะไรการันตีว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย ในจำนวนนั้น 80-90 เปอร์เซ็นต์ไม่ประสบความสำเร็จ
จากที่เข้ามา ทำธุรกิจ พร้อมลุย กลับกลายเป็นซื้อกินซื้อใช้ เป็นลูกค้าธรรมดา บางคนเป็นนักขาย ซื้อมาขายไปเอากำไรอย่างเดียว
คน 3 แบบ ในธุรกิจเครือข่าย
ในธุรกิจเครือข่ายของเราที่ประสบความสำเร็จ จะมีคนอยู่ 3 แบบ
คนกลุ่มที่ 1 ลูกค้า
คนกลุ่มที่ 1 ที่มีเยอะที่สุดเลยคือลูกค้าซื้อกินซื้อใช้ ถ้าเรามีทีมงานใหม่เข้ามา แล้ว แล้วเปลี่ยน ตัวเองจาก นักธุรกิจมาเป็นนักขาย กลายเป็น ไม่ทำอะไรเลย แต่ยังซื้อกินซื้อใช้ จงรักเขาเหมือนเดิม จงรักเขาเหมือนพี่เหมือนน้อง
เพราะธุรกิจเครือข่าย คือองค์กรแห่งการซื้อซ้ำ ถ้าไม่มีใครซื้อซ้ำ ท่านจะไม่ได้ค่าคอมมิชชั่น รายได้เดือนละแสนเดือนละล้านมาจากการที่สินค้าถึงมือ ผู้บริโภค ผู้บริโภคจ่ายเงินเข้ามา เพราะฉะนั้นจงรักเขา เพราะในธุรกิจเครือข่ายองค์กรใดก็ตามจะมี นักธุรกิจแบบนี้อยู่ประมาณ 80%
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ธุรกิจเครือข่ายคือการสะสม ฐานผู้บริโภค
กมลเวช เมืองศรี:
เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากเป็นลูกค้าจงรักเขา จงส่งข้อมูล ให้เขาอย่างน้อยเดือนละครั้ง ช่วยเขายังอยู่ใน การสื่อสารของธุรกิจของเรา
คนกลุ่มที่ 2 นักขาย
กลุ่มคนกลุ่มที่ 2 มีอยู่ประมาณ 15 ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มนี้คือนักขาย เข้ามาอาจจะยังไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย คิดว่าซื้อมาขายไป เหมือนขายตรงทั่วไป แล้วไม่เข้าใจเรื่องการสร้างองค์กร เขาจะไม่สำเร็จไม่ร่ำรวยถ้ามัวแต่การขาย แต่เขาจะมั่งคั่งได้ ถ้ามุ่งขยายองค์กร แต่คนกลุ่มนี้จะไม่เข้าใจ หรือบางทีเข้าใจ แต่ไม่พร้อมจะพัฒนาทักษะ เบื่อเรื่องคน
เชษฐวิทย์ สิงขร:
จริงๆถ้าไม่ทำกับคนได้ยิ่งดีมากเลยครับ แต่ในธุรกิจมันต้องทำกับคน
กมลเวช เมืองศรี:
ในธุรกิจ ต้องทำกับคน ในธุรกิจอื่นก็ต้องทำกับคนเช่นเดียวกัน แล้วก็มีปัญหาเหมือนกันหมด จะขายสินค้าอะไรก็ตาม ต้องทำกับคนหมด
คนกลุ่มที่ 3 นักสร้าง
ดังนั้นต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าท่านอยากสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ท่านต้องเป็นคนกลุ่มสุดท้ายให้ได้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์หรือ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กลุ่มนี้เขาเรียกว่า Builder หรือว่านักสร้าง
ซึ่งคนส่วนมากที่เข้ามาใหม่ๆ จะดูเหมือนเป็น Builder หมด ตื่นเต้น แล้วจะมีอะไรบางอย่างมันดึงเขาออกจากการ เป็นนักสร้างองค์กร เช่น คนในครอบครัวไม่เห็นด้วย เวลาทำงาน ทัศนคติ ที่ไม่ชอบการขาย
จริงๆ แล้ว นักธุรกิจที่ทำเครือข่าย เขาจะรู้เลยว่าไม่มีอะไรต้องขายเลย เวลาเราจะให้คนได้รับสินค้าของเรา หรืออยากซื้อสินค้าของเรา เราไม่ต้องขาย เราให้เขาทดลอง แจกตัวอย่าง แต่ถ้าเราโฟกัสการขาย เรากำลังจะไปผิดทาง ถ้าถามว่าอยากขายได้ไหม ขายได้ครับ
แนวคิดในการสร้างทีม
เรามาทวนคำถามของคุณมณธิยา ที่ไม่อยากไปต่อที่พาเขามาไม่สำเร็จ สิ่งสำคัญที่ทุกท่านจะต้องเข้าใจ ก็คือ เราไม่มีหน้าที่ ที่จะต้องรับผิดชอบ ต่อความสำเร็จของใครเลยแม้แต่คนเดียวนอกจากตัวเรา
การที่คนส่วนมากติดกับ เหมือนกับตกหลุม ว่าหลังจากชวนเขามาแล้วจะต้องรับผิดชอบ จริงๆแล้ว เมื่อท่านสมัครทำธุรกิจเครือข่ายแล้ว ธุรกิจนี้เป็นของใครครับ มันเป็นของเรา
สมมุติผม Sponsor โค้ชแนม เมื่อเข้ามาปุ๊บ ธุรกิจที่โค้ชแนมลงทุน แล้วได้สินค้าไป เป็นของผมหรือเป็นของ โค้ชแนม มันเป็นของโค้ชแนมครับ
ธุรกิจใคร คนนั้นก็ต้องดูแล ผมก็ต้องดูแลธุรกิจของผม โค้ชแนม ก็ต้องดูแลธุรกิจของตัวเอง ถ้าผมทำเต็มที่เลย ทำ ในสิ่งที่จำเป็นต้องทำในฐานะของนักธุรกิจเครือข่าย ที่ดีและผู้สปอนเซอร์ที่ดี
ผมสอนทุกอย่าง ที่จำเป็นต้องรู้สินค้าแผนการสมัครคน วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการขยายองค์กร สอนในสิ่งที่จำเป็นต้องสอนทั้งหมด แล้วให้เขาได้ฝึกทำฝึกฝน และสอนคนอื่นต่อให้ได้ อย่างนี้เราเรียกว่าเรารับผิดชอบต่อความสำเร็จของคนอื่นเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้นจำไว้ ถ้าท่านจำเป็นจะต้องรับผิดชอบให้กับทีมของท่านหรือคนในองค์กรของท่าน สิ่งที่ท่านต้องรับผิดชอบมีอย่างเดียวเท่านั้น สอนในสิ่งที่จำเป็น ที่เขาจำเป็นจะต้องรู้ เพื่อให้เขาทำธุรกิจได้ ท่านไม่มีหน้าที่ รับผิดชอบ
ถ้าท่านมีความรู้สึก ว่าพาคนมาแล้วทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ ต้องฟังให้ดี เพราะมันอาจจะมีปัญหาตั้งแต่ตอนชวน คือมีการให้ความหวัง หรือให้สัญญา เกินไป
เช่น ฉันกำลังเริ่มธุรกิจ มาทำด้วยกันเถอะ เดี๋ยวจะช่วยทุกอย่าง เดี๋ยวจะพาสำเร็จ เดี๋ยวจะหาลูกค้าให้ เดี๋ยวต่อคนลงไปข้างล่าง การสปอนเซอร์คนเข้ามาโดยการให้สัญญาว่าจะช่วย เท่ากับ ตอนนั้นติดกระดุมเม็ดแรกผิด
จริงๆ แล้วการที่จะ สปอนเซอร์คนเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่ท่านควรทำคือ ต้องทำให้คนที่ท่านสปอนเซอร์มา มีความคาดหวังที่ถูกต้อง ว่าเขาจำเป็นจะต้องเรียนอย่างน้อย 6 เดือน แล้วต้องลงมือทำด้วยตัวเอง แล้วต้องรับผิดชอบธุรกิจของตัวเอง
เราไม่ต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จของเขา เพราะเรามีหน้าที่คือแนะนำโอกาส แต่ถ้าจะพลาด คนส่วนมากมักจะบอกว่า มาเถอะ เดี๋ยวช่วย จะช่วยหาคนให้เดี๋ยวช่วยต่อคนให้
พอนักธุรกิจเครือข่าย พูดแบบนี้กับทีมงาน สิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะคิดว่าสบายแล้ว สมัครก็ได้ เพราะเขาสัญญาว่า จะช่วยความคิดเขาจะเปลี่ยนเลย พอบอกว่าจะช่วยเขาก็จะรอเราช่วย สมัครเสร็จแล้วไหนบอกว่าจะช่วยล่ะ ไหนเงินล่ะ ไหนของล่ะ ไหนลูกค้าล่ะ
พอเราพูดคำว่าช่วยแล้วเขาก็รอให้เราช่วย แล้วพอเราช่วยให้เขาสำเร็จไม่ได้ เขาก็เลยตกหลุม คนชวนก็ตกหลุมด้วยว่า ฉันต้องรับผิดชอบ ความสำเร็จของคนอื่น
จริงๆแล้วเรามีวิธีการที่ดีกว่านั้น เวลาเราสปอนเซอร์คนเราจะไม่พูดคำว่าช่วย ห้ามพูดเด็ดขาด จากนี้ไป ไปถ่ายทอดต่อให้องค์กรเลย ไม่อย่างนั้นมันจะมัดคอเรา
ผมจะบอกว่าอย่างนี้ ผมจะเป็นหุ้นส่วน ที่จะสนับสนุน ในการสอนให้รู้ว่าธุรกิจนี้ทำอย่างไร สินค้ามีอะไรบ้าง แผนการจ่ายผลตอบแทนเป็นอย่างไร การนำเสนอ การชวนคนเข้ามา แล้วเขาก็ต้องเรียนรู้จากผม ลงมือทำโดยมีผมคอยให้คำแนะนำทุกอย่าง
เมื่อคุณมีคำถามเราจะเดินกันไปแบบนี้คุณโอเคไหมในการทำงานกับเรา ผมไม่ได้บอกนะว่าผมจะช่วย ผมมีธุรกิจที่ต้องดูแล คุณก็มีธุรกิจ ที่ต้องดูแล เพราะฉะนั้นเรามาดูแลธุรกิจของเราไปด้วยกันจะทำให้เราวิ่งได้เร็ว
แต่ถ้าผมมีทีมงาน 10 คน แล้วบอกว่าจะช่วยหมด โดยที่ทั้ง 10 คนนั่งเอาแต่รอ ผลักอย่างไรก็ไม่ไป เอารถสิบล้อมาดึงก็ไม่ไปเพราะเขารอจะให้เราช่วย
เพราะฉะนั้นผมบอกเลยว่า เลิกรู้สึกผิด ว่าเราพาเขามาไม่สำเร็จ ถ้าเข้ามาเป็นหนี้เป็นสิน จริงๆถ้าทำธุรกิจถูกต้อง ต้องทำให้ทีมงานของเรามีความคาดหวังที่ถูกต้องว่า ลงทุนไปแล้ว มันคือเงินทุนเขาจะต้องลงมือทำทุกอย่างเพื่อให้เขานั้นได้ทุนคืน และได้กำไร
แต่ในกรณีที่คุณมณธิยาพูดมา ผมเชื่อเลยว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในกรณีที่เราพูดมานี่แหละ คือเขาไม่พยายามจะทำอะไรเลย เพื่อให้เขาสำเร็จ และคุณชวนมา 10 คนคุณก็ต้องรับผิดชอบทั้ง 10 คน นั่นไม่ถูกต้อง
กดแชร์กันเยอะๆ เลยนะครับ เอาไปสอนทีมงาน สอนตัวเองด้วย ผมเชื่อว่าผู้นำที่เคยสปอนเซอร์ ทีมงานเข้ามา แล้วไม่สำเร็จรู้สึกอย่างนี้ทั้งนั้น ไม่อยากชวนแล้ว ช่วยเข้ามาแล้วก็ไม่สำเร็จ
จริงๆแล้วถ้าท่านใดทำหน้าที่ของอัพไลน์ที่ดี สอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจะสำเร็จหรือไม่ ฉันได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว โค้ดแนมมีอะไรแบ่งปันบ้างหรือไม่ครับ
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ครับ น่าจะมีเหตุอีกอย่างนึงที่จะทำให้มีความรู้สึกเช่นนั้น ก็คือว่า พอชวนมาแล้ว ก็อาจจะทำ หรือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาซื้อสินค้า เพื่อที่ตัวเองจะได้มียอด พี่พยายามให้เขาลงทุน
นั่นก็เป็นสาเหตุว่า พอเขาซื้อเรียบร้อยแล้ว ยอดนั้นไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยที่เราไม่ได้ให้แนวความคิดหรือวิธีการ ทำงานลงไป ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้นได้
กมลเวช เมืองศรี:
เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ
เพราะการทำแบบนั้นมันไม่ได้เป็นการทำเพื่อเขา มันเป็นการทำเพื่อตัวเรา ตัวฉัน เราต้องการคอมมิชชั่น
ส่วนใหญ่เขาก็ทำกันนะให้ทีมงานลงทุนเพิ่มจะได้ตำแหน่งเพิ่มเราก็เลยต้องสัญญา ซื้อสินค้าเถอะเดี๋ยวช่วยปล่อยของ ซื้อเถอะเดี๋ยวช่วยสปอนเซอร์ แต่โดยส่วนมากหลังจากที่เขาซื้อแล้วอัพไลน์ไปไหน
บางทีเลิกไปด้วยกันเลย ได้เงินแล้วหายไปเลย ไม่มารับผิดชอบ ก็ไปหาคนใหม่เข้ามา เพราะมองเงินเร็วจากการสปอนเซอร์คนเข้ามา
จริงๆ เป็นการมองที่ไม่ถูกต้อง ในการทำธุรกิจเครือข่ายคนจำนวนมากมี Mindset ของนักขาย เขามองธุรกิจเครือข่ายเป็นเหมือนสินค้าที่จะเอาออกไปขายแล้วให้คนจ่ายเงินซื้อ พอกดสมัครปุ๊บ คิดว่าสำเร็จแล้ว
จริงๆแล้วไม่ถูกต้อง ธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจที่มีการขยายองค์กรงานจะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อ เริ่มต้นสปอนเซอร์คนเข้ามาได้แล้ว นั่นแหละเริ่มนับก้าวแรก
เพราะการที่เรามีทีมงานใหม่เข้ามา ลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว 80,000 นี่เป็นเหมือนเด็กคลอดใหม่เลย ถ้าไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ อัพไลน์ก็คือพ่อและแม่ ในฐานะเลี้ยงดู ป้อนข้าวป้อนน้ำ เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่พาเขาโต และปกป้องเขา
ถ้าท่านไม่ได้ทำหน้าที่นี้ ในการเป็นอัปไลน์ ท่านหวังแต่เงินลงทุนของเขา หาคนใหม่ ท่านจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ในธุรกิจเครือข่าย
และแทนที่จะได้รับความ ชื่นชมจากทีมงานของตัวเองกลับจะได้รับแต่การก่นด่าลับหลัง ซึ่งมันไม่เวิร์ค หวังว่า ทุกๆท่านที่ได้ดูวีดีโอนี้อยู่ จะเริ่มเห็นแล้วว่า เราไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบความสำเร็จของใครเลย นอกจากของตัวเราเอง
ในธุรกิจเครือข่าย ถ้าท่านจะประสบความสำเร็จได้ท่านต้องทำเพื่อคนอื่นเป็นหลักเสมอ เช่นท่านช่วยทีมงานของท่าน ให้เขามีธุรกิจที่แข็งแกร่งเติบโตและมีรายได้เข้ามาอย่างน้อยเดือนละ 50,000
เขาก็จะมาช่วยให้ท่านมีรายได้เองโดยอัตโนมัติ ถ้าทีมงานท่านได้ 50,000 บาท 10 คนคือ 500,000 ทุกเดือน ตัวท่านเองก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น จากยอดรวมทั้งหมด ก็จะได้มากกว่าพวกเขาอีก ถ้าทีมงานของท่านมีรายได้ขนาดนี้
เชษฐวิทย์ สิงขร:
การช่วยในกรณีนี้ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนลงไปทำแทนนะครับ ถ้าทำแบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าลูกไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพ่อกับแม่ทำให้หมด
สำหรับวันนี้ก็คงได้รับคำตอบไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากดูคลิปนี้แล้ว ท่านมีความเห็นอย่างไร เขียนความเห็นของท่านลง ในคอมเม้นใต้ล่างนี้ได้เลย สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี
MLM Attraction Blueprint 2.0
"ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่า
ในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธ
ไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่าน
วิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป"
"นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป ...และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า..."