ทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว จะสำเร็จได้ยังไง?

ทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผลไม่มีเงินไปต่อแล้วจะสำเร็จได้อย่างไร

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ลงทุนทำธุรกิจแล้ว แต่ไม่สามารถขายสินค้า หรือ สปอนเซอร์คนได้ ไม่มีเงินลงทุนเพิ่ม เงินซื้อบัตรเข้าประชุม ค่าเดินทาง อัพไลน์แนะนำว่าให้ไปยืม หรือไปกู้มาทำ แบบนี้จะสำเร็จได้อย่างไร แนะนำด้วยค่ะ

More...

วีดีโอ
"หนูทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว หนูจะสำเร็จได้ยังไง!"

หนังสือเสียง
"หนูทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว หนูจะสำเร็จได้ยังไง!"

เชษฐวิทย์ สิงขร:

สวัสดีครับมาพบกันในช่วงกมลเวชจ่ายยา ให้กับนักธุรกิจเครือข่าย นักธุรกิจขายตรง นักธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจที่ต้องการสร้างทีม ธุรกิจที่ต้องสปอนเซอร์ หรือรับสมัครคนที่เข้ามาร่วมทีม

สำหรับวันนี้ เรามีคำถาม มาอีกเช่นเคย ผมขออนุญาตอ่านคำถาม

คำถามมาจาก ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ดิฉันขอเรียนปรึกษาหน่อย ดิฉันไม่เคยทำเครือข่ายของที่ไหนมาก่อน แต่รู้จักศึกษามาทุกเครือข่าย

ดิฉันชอบแผนการตลาด กับสินค้าของบริษัทหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจทำ แต่พอเราลงทุนไปแล้ว ถึงจะเป็นการลงทุนครั้งเดียวครั้งแรก ในระยะเริ่มต้นนั้น แต่มันก็เกิดปัญหาตรงนี้ คือ

ไม่มีเงินจะไปต่อ เราต้องออกไปสปอนเซอร์ผู้คน ต้องเข้าเรียนรู้ที่ระบบจัดขึ้น ต้องซื้อบัตรต้องเติมน้ำมัน

แต่อัพไลน์ก็ให้คำแนะนำว่า ถ้าไม่มีเงินก็ไปหามาสิ ไม่มีก็ยืมมาก็ได้ ยืมไม่ได้ก็ต้องไปกู้ ถ้าอยากสำเร็จนะ

แล้วแบบนี้ เราจะสำเร็จแบบไหนคะ อาจารย์กมลเวช ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ ดิฉันอยากทำธุรกิจนี้ กับบริษัทนี้นะค่ะ

เพราะเห็นผู้คนที่มาเข้าร่วมงาน เขาสำเร็จได้จริง แต่ดิฉันเนี่ย เป็นคนกลัว เวลาไปชวนคน กลัวถูกปฏิเสธ ที่นี่เราจะหาคน มาเพื่อสร้างผู้นำ จึงไม่เน้นขายของนะคะแต่ก็ขายได้ เพราะถ้าขายได้ เราก็จะมีเงินไปต่อ ดิฉันขอคำชี้แนะด้วยค่ะ

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่มีคำถามซ่อน อยู่ข้างในเยอะมาก แล้วถ้าได้รับคำตอบ ผมเชื่อว่าจะช่วยผู้คน ได้เยอะมากเลยครับ ต้องขอชื่นชมท่านที่ถามมาขอบคุณโค้ดแนมที่อ่านจนจบ ยาวมาก

เรามาตอบทีละคำถามเอาแบบให้ทะลุปรุโปร่งไปเลย

มันมีหลายอย่างอยู่ในนี้ ที่ทางผู้ถาม ต้องทำความเข้าใจ หลายๆอย่าง ตัวผู้ถามเอง จะต้องเริ่มต้นทำอะไรให้ถูกต้อง ตั้งแต่ก้าวแรกใหม่ด้วย เรามาดู

ผมขอเปิดคำถามและอ่านไปด้วยเพราะมันยาวมาก ผู้ถามบอกว่าชอบสินค้า และชอบบริษัทเครือข่ายนี้มาก แต่พอลงทุนไปแล้ว ในการลงทุนครั้งเดียวระยะเริ่มต้น แต่เกิดปัญหา ตรงที่ว่าเงินจะไปต่อ เพราะเราต้องออกสปอนเซอร์คน เสียค่ารถ

ค่าใช้จ่ายในระบบเดิมๆ มีค่าใช้จ่ายเยอะมาก แต่ผลลัพธ์ต่ำ เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ระบบในการทำการตลาดแบบเดิมที่เราเรียกว่า direct Marketing นักการตลาดแบบตรง คนต่อคน ปากต่อปาก

เป็นการตลาดที่ถ้าไม่เข้าใจและทำให้เป็นแล้ว เป็นการตลาดที่มีอัตราการถูกปฏิเสธ สูงมากเพราะเราไม่เข้าใจมัน ไม่เข้าใจวิธีการและไม่เข้าใจตัวเลขด้วย เอาง่ายๆว่าถ้าไม่เข้าใจเวลาคุย 100 คนจะตอบรับไม่ถึง 10

องค์ประกอบ 3 อย่างที่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ

สิ่งแรก การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เราจะต้องเข้าใจ ว่ามันมีองค์ประกอบ 3 อย่าง

  1. คือเงิน
  2. คือเวลา
  3. คือแรงงานหรือการลงมือทำ 

จะต้องมี 3 อย่างนี้ถ้าไม่มีเงิน ลงทุนและการทำตลาด ก็ไปต่อไม่ได้ ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ไม่ได้จบตอนเริ่มลงทุนนะครับ เอาเงินทั้งหมดที่มีมาไปลงทุน แล้วคิดว่า ธุรกิจเสร็จแล้วไม่ใช่นะครับ มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น มันไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ

เริ่มต้นก้าวแรกเรียนรู้ ว่าจะทำธุรกิจนี้อย่างไรให้สำเร็จ ผมจึงพูดอยู่เสมอเลยว่า ถ้าเป็นไปได้แม้แต่ตัวผมเอง ผมจะไม่สมัครทำธุรกิจเหล่านี้ ก่อนที่จะรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

เพราะคนส่วนมากพอเข้ามา บริษัทต่างๆ จะมีระบบสอน แต่คนเหล่านี้ ก็เห็นอยู่ว่าต้องเดินทาง ต้องไปประชุม เงินไม่มี ประชุมไม่ได้ สปอนเซอร์คนไม่ได้ อัพไลน์บอกว่าก็ไปกู้มาสิ ไปหามาสิ

เครียดหรือไม่ เครียดนะครับ เพราะเงินก็เพิ่งลงทุนไป แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จ แถมมีค่าเรียนด้วยนะ มันเหมือนกับว่า เอาละนะ น้องเกิดมาแล้ว ไม่ต้องเรียนประถมมัธยมมหาลัย เดี๋ยวเจ้าของงาน จะสอนให้เอง มีไหม

ไม่มีนะครับ ต้องเรียน ให้จบก่อนเอาใบปริญญา ไปโชว์ เขาถึงจะรับเราเข้าไป แล้วให้เงินกับเรา

แต่ถ้าเป็นไปได้ ธุรกิจเหล่านี้ เขาก็จะมีระบบสอนให้ ธุรกิจดีๆจะมีสอนหมด บริษัท ยักษ์ใหญ่ ทั่วไปจะมีสอน 

ท่านต้องเข้าใจด้วยว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนในการเรียนรู้ เพื่อที่ท่านจะสร้างรายได้ 6 หลัก ในธุรกิจเครือข่าย ถ้าท่านให้เวลาเรียน 6 เดือน ฝึกฝนลงมือทำ โดยไม่คาดหวังเรื่องรายได้

เพราะปีแรกถือว่าเป็นการตั้งไข่ แต่จะมีสักกี่คนที่ไม่คาดหวังรายได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ท่านจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ถ้าท่านมี 3 อย่างนี้ ไม่ครบ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านต้องทุ่มเทอีก 2 อย่างที่เหลือ 

เงิน ถ้าขาดเงินทั้งท่านต้องทุ่มแรงกับเวลา เพราะไม่มีเงินไป เดินทางไปสปอนเซอร์ ท่านจึงต้องทุ่มแรง ทุ่มเวลา ในการหาลูกค้ามากขึ้น

เพราะมีปัจจัยที่สำคัญ ถ้าไปเรียนที่ศูนย์ไม่ได้ มีระบบออนไลน์ เรียนอยู่ที่บ้าน ก็ได้ต้องหาทางออกให้ได้ เพราะถ้าท่านไม่เรียนท่านจะทำไม่เป็น

เพราะฉะนั้นอย่างแรกเข้าใจแล้วนะครับว่า ปัจจัยสำคัญ 3 อย่างต้องมีเงิน เวลา แรงงาน ถ้ามีไม่ครบ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งต้องใส่อีก 2 อย่างให้เต็มที่ แต่บางธุรกิจถ้ามีไม่ครบจะไปต่อไม่ได้

มันจะมีกี่ธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน แทบไม่มีเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เพราะธุรกิจเครือข่ายก็คือธุรกิจหนึ่งที่เราจะต้องลงทุน

กมลเวช เมืองศรี:

ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องลงทุนเลย ก็จะมีค่าสมัคร เพราะฉะนั้น ในโลกของธุรกิจนะครับ จำเป็นที่จะต้องลงทุน 3 อย่างนี้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ

แต่คนส่วนมาก หลงเข้ามา แล้วเอาเงินก้อนสุดท้ายมาลง แล้วหวังว่าจะรวย ไม่รวยนะต้องเข้าใจก่อนว่าไม่รวย

เพราะเห็นคนอื่นเขารวย แต่เราเพิ่งเริ่ม เขาไม่เห็นว่า เขาใช้เวลากี่ปีกว่าจะได้ตรงนั้น

ต่อมา อัพไลน์บอกว่า ไม่มีก็ไปยืมมาสิ ไปกู้มา คำพูดนี้มีทั้งใช่และไม่ใช่ ผมถามแบบนี้

พูดแบบผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทั้งหลาย ควักเงินสดตัวเอง หรือกู้ธนาคารมาสร้างธุรกิจ

โรงแรมใหญ่ๆ เขาก็ยืมเงินคนอื่น ถึงแม้ว่าเขามีเงินเขาก็จะไม่ใช้เงินตัวเอง เขาเอาเงินคนอื่น ถ้าอยากจะเป็นผู้ประกอบการท่านจำเป็นจะต้องมีปัจจัยที่ 1 มีเงินให้ได้

ที่อัพไลน์บอกว่า ไม่มีก็ไปหามา ถูกแล้วนะ เพียงแต่ว่าใช้คำพูดรุนแรงไปหน่อย และไม่ได้ทำให้ท่านเข้าใจเป็นขั้นเป็นตอน ว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ เขาทำแบบนี้ทั้งสิ้น

ที่ได้ฟังเมื่อสักครู่ก็จะรู้แล้วว่าจริง เพราะว่าธุรกิจต่างๆ ก็ต้องกู้ทั้งนั้น อย่างเช่นเรานั่งอยู่ในออฟฟิศของเรา เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ หมู่บ้านนี้ควักเงินตัวเองสร้าง หรือว่าไปกู้ธนาคาร กู้ใช่ไหม กูมาทั้งนั้นแหละยืมเงินคนอื่น

เพราะฉะนั้นถ้าท่านคิดว่า ที่อัพไลน์พูดแล้วรู้สึกไม่แฮปปี้ ผมขอพูดอีกครั้งว่า เขาพูดได้ค่อนข้างถูก แต่วิธีสื่อสารอาจจะไม่ถูกใจ ฟังแล้วแบบว่า รู้สึกว่าเงินก็เพิ่งลงทุนไป แล้วยังจะให้กู้อีกเหรอ

เราต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ใช่ ทุกครั้งที่ใครก็ตามลงทุนทำธุรกิจ เช่นไปเปิดร้านอาหารในห้าง เปิดเสร็จต้องนอนเลยเหรอไม่ใช่นะ ต้องทำกิจกรรมอย่างนึง เพื่อให้คนเข้าร้านให้ได้ กิจกรรมนั้นคือการตลาด Marketing

ที่ท่านติดปัญหา ทำไม่ได้ โดนปฏิเสธ เวลาชวนคน กลัวโดนปฏิเสธ ผมแบ่งปันอย่างนี้ อย่าคิดว่าเราไม่กลัวนะ ทุกคนกลัวหมด ไม่มีใครชอบถูกปฏิเสธ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ครับ กว่าจะยกหูโทรศัพท์ โทรหาคนแรกได้ คิดแล้วคิดอีก ว่าจะโทรไปชวนใคร

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่ท่านที่ดูวีดีโอนี้อยู่ คงสามารถรู้สึกได้เหมือนเรา เพราะวิธีการทำการตลาดแบบเดิม เป็นวิธีการตลาด ที่จะต้องโดนปฏิเสธมากมาย

เป็นการโทรไปเรื่อยๆถ้าใครไม่ใช่ก็โดนปฏิเสธไป ไม่มีการกรองคนก่อน การตลาดแบบเดิมจึงทำให้ผู้คนเลิกกันหมด

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ในการตลาดแบบเดิมนั้นเดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนสอนกันอยู่นะครับ ยังมีวิธีการนี้ สอนกันอยู่ในธุรกิจเครือข่าย แทบทุกบริษัทครับ

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะว่าในวงการธุรกิจเครือข่าย วงการอื่นเขาเปลี่ยนไปหมดแล้ว เขาพัฒนา ปรับตามยุคสมัย แต่ธุรกิจเครือข่ายยังใช้ระบบเดิม เพราะยึดติดกับคำว่า ระบบทำแบบเดิม

ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะ แต่ต้องยอมรับให้ได้ว่า ต้องโดนปฏิเสธมหาศาล แต่ถ้าฝึกทักษะ ในการเชิญคนให้ถูกต้อง ฝึกทักษะในการสปอนเซอร์คนให้ถูกต้อง ฝึกทักษะในการพาคนเข้ามา แล้วช่วยเขาโตอย่างถูกต้อง การปฏิเสธจะลดลง

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ด้วยการเรียนรู้ ถ้าเข้ามาแล้วและไม่เคยเรียนรู้ มาก่อนรีบไปเรียนรู้ กับเขา ถ้าเขามีระบบสอน

เรากลับมาที่ อีกระบบนึง ที่ไม่ถูกปฏิเสธเลย สิ่งที่เราต้องทำคือ เราจะต้องทำการตลาดให้เป็น เพราะการทำการตลาดแบบตรงๆ ชวนตรงๆ พูดตรง ขายตรง คือ direct Marketing

แต่การตลาดอีกแบบนึงที่ผมอยากจะบอก คือ เราใช้การตลาดแบบนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย เพราะเราก็ไม่ชอบการตลาดแบบตรงตรง เราชอบการตลาดแบบอ้อมๆ แต่การตลาดแบบอ้อมเนี่ย ได้ผลดีกว่าแบบตรงนะ อย่างน้อย 10 ถึง 100 เท่า พูดง่ายๆ คือพันถึงหมื่นเปอร์เซ็นต์

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ครับเป็นการตลาดที่เรียกว่า ไม่กดดัน เป็นการตลาดที่ยินยอมพร้อมใจ เต็มใจ 100%

กมลเวช เมืองศรี:

เต็มใจ 100% ทั้งผู้ทำการตลาด และผู้ถูกทำการตลาด เรามาขยายความตรงนี้ ให้ฟังดีกว่าว่าระบบแบบนี้เป็นอย่างไร

ตัวผมทุกครั้งที่ทุกคนปฏิเสธ ถึงแม้จะฝึก ความแข็งแกร่งของจิตใจ จากการทำการตลาดแบบตรงมา อย่างน้อย 5 ปีแล้ว สัมมนาต่างๆเข้าหมด แต่ทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธ ก็ยังรู้สึก ทุกคนมีความรู้สึก

เพราะฉะนั้น ผมจึงมองหาวิธีการที่ เราไม่โดนปฏิเสธอีกเลย แถมได้ผลลัพธ์มากกว่าเดิม พันถึงหมื่นเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

ตัวผมเองไม่เคยเหลียวหลังกลับ ไปทำการตลาดแบบเดิมอีกเพราะอะไรรู้ไหม

  1. ผลลัพธ์ได้มากขึ้น
  2. ลดต้นทุนลงมหาศาล 

แทนที่ผมจะต้องขับรถวิ่ง ไปเชียงใหม่ยันปัตตานี ผมทำ การตลาดอยู่ที่บ้านของตัวเอง แบบที่เวิร์กและถูกต้อง ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาหาเราเอง

ลดต้นทุนในการเดินทาง ลดต้นทุนในการออกนอกบ้าน ค่าน้ำค่ากิน เราไม่เสียอีกเลย อยู่ที่บ้านเปิดแอร์เย็น สบายๆ ใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ ทำการตลาด ไปหากลุ่มคนที่มีคุณภาพ ที่สนใจเราอยู่แล้ว คุยได้ง่ายกว่าคนที่ไม่สนใจ หลายพันเท่า

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บางเคสไม่ต้องคุยเลยครับพร้อมซื้อเลย สมัครเลย โทรมาถาม วิธีสมัครทำอย่างไรโอนเงินไปที่ไหน โดยที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน

กมลเวช เมืองศรี:

การตลาดแบบนี้ เราเรียกว่า attraction Marketing แปลเป็นภาษาไทยก็คือ การตลาดแบบดึงดูด

ใครที่ทำการตลาดแบบนี้เป็น จะแปลงร่างตัวเองเป็นเหมือนมนุษย์แม่เหล็ก ที่สามารถดึงดูด คนที่จริงคนที่ใช่ กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ให้วิ่งแข่งแย่งกัน ถือเงิน และเครดิตการ์ดในมือ อยากขอซื้อสินค้า อยากขอทำธุรกิจกับเราเอง

โดยที่เรานั้น ไม่ต้องเอ่ยปากเลย แม้แต่คำเดียว ไม่ต้องชวนด้วย ตื้อ ง้อ ขอ ขาย ไม่ต้องทำอีกต่อไป

เพราะมันมีคำกล่าวอยู่คำนึง จากกูรู การตลาด ระดับโลกพูดเอาไว้ ถ้าคุณอยากทำยอดขายให้ระเบิด คุณต้องทำการตลาดให้เป็น

เพราะ การขายที่ดี จะนำมาซึ่งยอดขายที่ดี แต่การทำการตลาดที่ดี จะนำมาซึ่งยอดขายถล่มทลาย

หลังจากที่ผมรู้ ความลับนี้ชีวิตผมเปลี่ยนเลย ผมไม่โฟกัสเรื่องการขายอีกเลยผมเลิกทำตัวเป็นนักขาย โพสต์ขายของหรือพยายามนำเสนอสินค้า เราไม่ทำแบบนี้แต่เราเน้นทำการตลาด หลายท่านคงจะสงสัย ที่บอกการตลาดนั้นคือทำอะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมก็สงสัยครับเพราะไม่เคยถูกสอนว่าถ้าทำธุรกิจแล้วจะต้องทำการตลาด แต่หลังจากที่รู้ว่าต้องทำการตลาด ชีวิตผมเปลี่ยนเลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมบอกเคล็ดลับให้เลย ดูวีดีโอนี้แล้วต้องได้เคล็ดลับ สามารถเอาไปทำให้เกิดผลลัพธ์

การตลาดที่เราสอน ในเรื่อง Action Marketing การตลาดพลังแม่เหล็ก ต้องวางตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ต้องมีการ positioning การวางตำแหน่งตัวเองให้ถูกต้อง แล้วก็ branding หรือนำเสนอตัวเอง ออกไปให้ถูกต้อง

กฎการตลาดพลังแม่เหล็ก

กฎการตลาดพลังแม่เหล็ก

คนทั่วไป ในการตลาดแบบเดิม ที่ไม่รู้วิธีการแบบนี้ เขาจะวางตัวเป็นนักขาย นำเสนอตัวเองไปเป็นนักขาย นักชวน นักตื้อ ง้อ ขอ ขาย ไม่มีอะไรผิดนะครับ แต่คนไม่ชอบ เพราะคนไม่ชอบถูกขายแต่ทุกคนชอบซื้อ นักการตลาดมีหน้าที่ให้ทุกคนชอบซื้อ

กฎข้อที่ 1

จง branding และ positioning ตัวเอง ให้ถูกต้อง คือ วางตัวเองให้ถูกต้อง ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาหรือสินค้า บริการ หรือโอกาสทางธุรกิจของท่าน จะช่วยผู้มุ่งหวังเขาแก้ปัญหาได้ 

ยกตัวอย่างตรงๆ ถ้าท่านอยากสปอนเซอร์คนให้ได้มากๆ อยากจะชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ อยากจะสร้างทีมให้โต ท่านจะต้อง วางตัว เป็นผู้เชี่ยววชาญในการสร้างธุรกิจ ให้เกิดผลลัพธ์

ผมไม่ได้บอกว่าประสบความสำเร็จ ผมไม่ได้บอกว่าท่านต้องเก่ง วางตัวก่อน เหมือนอย่างที่ท่านเห็นคนเค้าวางตัวเป็น โค้ช อาจารย์ ทั้งหลาย ไม่มีใครเรียกเขาก็เรียกตัวเองนะครับ

กฎข้อที่ 2

ฉันต้องนำเสนอออกไป อะไรคือ branding ข้อความที่ท่านโพสต์บน Social Media นับเป็นการ branding วีดีโอที่ท่านทำ ถือเป็นการ branding คำที่ท่านพูด รูปที่ท่านถ่าย คำคมที่ท่านโพสต์ เนื้อหาที่ท่านสอน มันคือการสร้างแบรนด์ของท่าน

สมมุติว่า ถ้าผมอยากจะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาทำ ผมจะวางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ผมจะแบรนด้วยคุณค่า และเนื้อหา ที่คนมาอ่านแล้ว เขาได้ประโยชน์ เอาไปสร้างธุรกิจให้สําเร็จ

เช่น เทคนิคในการนัดคนแล้วให้คนมาปรากฏตัวในงาน ก็มี 3 ขั้นตอน ต้องเร่งรีบ ให้คุณค่าแล้วก็ดึงกลับมา เร่งรีบมีแบบนี้ ให้คุณค่ามีแบบนี้ ดึงกลับมามีแบบนี้

ถ้าท่านทำ 3 ขั้นตอนนี้ คนจะตอบรับแล้วมาแน่นอน ผมก็สอน นี่คือการวางตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ แล้วเริ่ม นำเสนอ ด้วย Content ออกไป

คนที่มีปัญหาเรื่องคนแล้วไม่มา พอเขาดูว่ามี 3 สูตร พอมีคนเรียนแล้วมีคนเอาไปทำให้เกิดผลลัพธ์ คนก็เห็นว่าเรามีคุณค่ามากขึ้น หรือแม้แต่ฟังแล้วรู้สึกว่าดีมาก คุณค่าที่เราให้ ให้แบบนี้บ่อยๆ สุดท้ายแล้วคนเหล่านี้จะติดตามท่าน เป็นผู้ติดตาม

ท่านโพสต์อะไร ฉันทำวีดีโออะไร สอนอะไร เขาจะติดตามตลอด สุดท้ายเมื่อท่านเปิดให้เขา เข้าร่วมธุรกิจกับท่าน ทายสิว่า จะเป็นเขาหรือว่าคนอื่นที่อยากจะสมัครทำธุรกิจกับท่าน

ก็ต้องเป็นคนที่ติดตามนั่นแหละครับ ถูกต้องครับ มันจึงมาเข้ากับเนื้อหาตามขั้นตอนที่เราสอนว่า

กฎการตลาดออนไลน์

จะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จต้องมี 3 ขั้นตอน 1 ต้องบิ้ว ต้องสร้างผู้ติดตาม สอนสร้างผู้ติดตามเสร็จแล้ว เราต้องทำการปฏิสัมพันธ์ 

ก็คือการสอนการให้คุณค่า พอสอนให้คุณค่าแล้ว เราต้องเซลล์ เดี๋ยวมาเต็มที่เลยปฏิสัมพันธ์เต็มที่

เหมือนการจีบผู้หญิงโทรทุกวัน ทำความรู้จัก แต่ไม่ขอแต่งงาน จบเลยไหม อยู่ในฐานะเพื่อนตลอดเธอเป็นเพื่อนตลอดชาติ แล้วเราก็คาดหวังว่าเดี๋ยวเขาคง จะเป็นแฟนเราเอง หรือไม่เขาก็อยากแต่งงานกับเราเอง

แต่ถ้าเราไม่เอ่ยปากว่าเรามีของขายเขาก็ไม่รู้ เขาก็ไม่ซื้อ ถ้าเราไม่ชวน เขาแต่งงานเขาจะแต่งไหมล่ะ เพราะฉะนั้น 3 ขั้นตอนนะ

  1. สร้างผู้ติดตาม
  2. สร้างความสัมพันธ์
  3. สร้างยอดขาย 

ยิ่งผู้ติดตามใหญ่ขึ้น ท่านก็ยิ่งสร้างความสัมพันธ์กับคนได้มากขึ้น ยอดขายก็ มากขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ท่านได้สูตร ไปเยอะเลย

ถ้ากลัว ถูกปฏิเสธให้มาเรียนการตลาดแบบ Action Marketing ตัวผมเองสอนไว้ในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint เวอร์ชั่น 2.0 ต้อง 2.0 เท่านั้นถึงจะเป็นของใหม่ ถ้าไม่ใช่อย่าไปเรียน

เทคนิคการขาย

คำถามต่อมา เขาบอกว่าไม่เน้นขายของจะขายได้เพราะขายเราก็มีเงินไปต่อ ขอคำชี้แนะ นี่คือคำถามสุดท้ายที่จะตอบ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ถ้าเกิดว่าเรายังขายไม่เป็นหรือขายไม่ได้ อาจจะขอคำปรึกษาจากอัพไลน์ ของท่านก่อนก็ได้ ว่าเขามีวิธีการอย่างไร ให้เรา เอาสินค้าไปขาย แต่วิธีการขาย ได้เฉลยไปเมื่อสักครู่นี้ ใน 3 ขั้นตอนคือ สร้างผู้ติดตาม สร้างความสัมพันธ์ แล้วก็ขาย

กมลเวช เมืองศรี:

ในธุรกิจเครือข่ายมันจะมีอยู่อีกหนึ่งขั้นตอน ที่ท่านทำไว้ดี เดี๋ยวการขายมันจะมาเอง ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายเป็นและเข้าใจมัน ท่านจะไม่นำเสนอสินค้าเป็นอันดับแรกแต่ท่านจะโฟกัสในการสปอนเซอร์เป็นหลัก

เพราะท่านจะไม่ร่ำรวยจากการขาย สินค้า ท่านจะร่ำรวยมั่งคั่งจากการสร้างทีม ท่านจงโฟกัสคุยกับทุกคน ในเรื่องของการสร้างทีมเป็นหลัก สปอนเซอร์คนเข้าร่วมทำธุรกิจ

แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ให้สินค้าเข้าไปทดลองสมมุติสินค้าของท่านคือน้ำขวดนี้ เมื่อคุยธุรกิจเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาบอกว่าขอคิดดูก่อนยังไม่เอา ไม่เป็นไร นี่คือสินค้าของผม ผมไม่ได้ขายนะ ผมอยากให้แจกตัวอย่าง ให้ทดลองใช้ แล้วเดี๋ยวใช้แล้วได้ผลลัพธ์อย่างไร เป็นอย่างไร ผมขอ feedback ให้ผมหน่อยนะ จะใช้สินค้าของผมได้เมื่อไหร่

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วจะรีบใช้ทันทีเลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:

นั่นหมายความว่า พรุ่งนี้ สามารถให้ Feedback หรือว่าผลการใช้ได้ไหม ว่าใช้สินค้าแล้วเป็นอย่างไรรู้สึกอย่างไร

พรุ่งนี้เราก็โทรไป เพราะถ้าเกิดว่าเขาใช้แล้วเขาชอบ แล้ว ถามว่าหาซื้อได้ที่ไหน ก็ตอบว่าซื้อได้ที่เรานี่แหละ ซื้อกับเราได้เลย เห็นภาพไหมครับ

เมื่อส่งตัวอย่างคนที่ได้รับ โดยส่วนมากแล้ว กว่า 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์จะซื้อนะครับ เวลาท่านเข้าห้าง ท่านเห็นเขามาแจกไหมครับ แจกโอวัลติน แจกเครื่องดื่ม

ทำไมถึงมีคนมาแจกในซุปเปอร์มาเก็ต ไม่เชื่อไปเดินในเทสโก้โลตัส Big C ท่านจะเห็นตลอด เครื่องดื่มเยอะมากเลยเพราะอะไร เพราะมันเวิร์คท่านต้องแจก Sample แจกไปเถอะ คนที่แจก Sample ไป

  1. กินแล้วอร่อยกว่าที่คิด ก็ซื้อ
  2. รับของเข้ามาแล้ว เกรงใจเขา ต้องซื้อกลับตอบแทน

เราไม่ได้บังคับนะ แต่มันเป็นหลักจิตวิทยา ที่เราสามารถเอาชนะใจคนได้ด้วยการให้ก่อน แต่ส่วนมากเราจะ ไม่ให้ต้องเอาเงินมาก่อนจะปิดการขายก่อน

เห็นไหมครับว่าเมื่อเข้าใจอะไรเล็กน้อยแล้ว ผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปเลย เอาละครับผมเชื่อว่า วันนี้น่าจะให้คำตอบได้ ละเอียดชัดเจนและเห็นภาพ ทุกคำถามที่คุณเอ ถามมาเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ครับก็ต้องขอขอบคุณอาจารย์กมลเวชด้วย ที่มาตอบคำถาม เหมือนกับการจ่ายยา ให้กับผู้ที่กำลังเจ็บป่วยอยู่ในตอนนี้

แล้วถ้าเกิดว่า ท่านที่ได้ดูคลิปของเรา ในวันนี้ อย่าลืมกด ติดตาม กดไลค์ กดแชร์ กด Subscribe กดสั่นกระดิ่ง เพื่อ จะไม่พลาด การให้คุณค่าจากเรา วันนี้ เราสองคนลาไปก่อนสวัสดีครับ


ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

chetthawit-kamolwech

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

"ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่า
ในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธ
ไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่าน
วิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป"


"นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป ...และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า..."

กดแชร์เก็บไว้อ่านหรือแบ่งปันได้ที่นี่
Click Here to Leave a Comment Below 0 comments