3 สิ่งต้องรู้ ก่อนทำธุรกิจเครือข่าย

3 สิ่งต้องรู้ ก่อนทำธุรกิจเครือข่าย

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านไม่พอใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ กำลังมองหาสิ่งที่ดีกว่างานประจำ ต้องการมีรายได้มากขึ้นกว่าเดิม หรือมีรายได้เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งช่องทาง

ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ธุรกิจที่ดีที่สุด แต่มันเป็นธุรกิจที่ดีกว่า!

และข่าวดีมาถึงท่านแล้ว! 

มันมีวิธีที่ดีกว่า และสิ่งนี้ไม่มีสอนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แต่ก่อนที่จะอธิบายว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร เรามาลองคิด วิเคราะห์ถึงงานหรืออาชีพที่ทุกคนต้องการว่ามันเป็นอย่างไร 

ทุกคนต้องการทำงานที่มีลักษณะแบบนี้:

  • ไม่มีเจ้านาย
  • ไม่ต้องเดินทาง
  • ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก
  • ไม่จำเป็นต้องมีพนักงาน
  • ไม่มีการเมือง
  • ไม่มีการผูกมัด
  • ไม่มีการแบ่งแยก
  • จบการศึกษาระดับไหนก็ทำได้
  • ต้องมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยอดเยี่ยม
  • มีรายได้ไม่จำกัด
  • เพลิดเพลินกับคนที่คุณทำงานด้วย
  • เวลาอิสระ
  • สนุก!

ตอนนี้ท่านอาจจะอยากเพิ่มคุณสมบัติงานของท่านเอง ลองออกแบบดูสิครับว่างานของท่านนั้นจะเป็นลักษณะใด ถ้านึกไม่ออกก็เอาตามตัวอย่างที่กล่าวไว้ด้านบนก็ได้

ทำไมธุรกิจเครือข่าย จึงดีกว่า?

ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่แค่ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่จะมาปฏิวัติเศรษฐกิจใหม่ทั้งหมด สินค้าและบริการในโลกปัจจุบันนี้ ล้วนต้องการช่องทางไปสู่มือผู้บริโภคที่มีความต้องการใช้สินค้าหรือบริการทั้งสิ้น และผู้บริโภคจำเป็นจะต้องได้รับความรู้ความเข้าใจในสินค้าและบริการ

บริษัทต่างๆ มีทางเลือก ในการใช้วิธีการโฆษณา และจ้างพนักงานขายด้วยค่าจ้างราคาแพงเพื่อขายสินค้าและบริการ หรือ เปลี่ยนมาดำเนินธุรกิจแบบเครือข่ายเพื่อส่งต่อเรื่องราวผ่านชุมชนนักธุรกิจเครือข่าย

มีบริษัทจำนวนมากขึ้นเลือกใช้การตลาดแบบเครือข่าย เพราะมันเหมาะกับเศรษฐกิจยุคใหม่ บริษัทพร้อมให้การสนับสนุน และจ่ายค่าคอมมิสชั่น ให้กับตัวแทนในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของบริษัท มันสุดยอดมาก และมีประสิทธิภาพเพราะในเศรษฐกิจยุคใหม่การโฆษณาแบบปากต่อปาก ยังคงทำงานได้ดีกว่ารูปแบบการโฆษณาอื่น ๆ

บริษัท แทนที่จะต้องเอาเงินไปใช้ในการโฆษณาและโปรโมชั่น แต่สามารถเอามาจ่ายให้กับ ผู้จำหน่ายเพื่อกระจายสินค้าของตัวเองแทน

มันมีความหมายอะไรกับท่านบ้าง ในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบการเอง คือท่านสามารถรับผลประโยชน์ทั้งหมดของการเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยไม่มีความเสี่ยง และจะไม่มีขีดจำกัดในการสร้างรายได้

เพราะ ทุกบริษัทเครือข่ายการตลาดต้องการให้ท่านสร้างรายได้ ให้ได้มากที่สุดโดยไม่มีขีดจำกัดอยู่แล้ว 

การเป็นมืออาชีพในธุรกิจเครือข่าย

มีคนสามประเภทในธุรกิจเครือข่ายการตลาด ผมเคยเห็นมาหมดแล้ว และผมก็เคยเป็นมาหมดแล้วด้วย คนสามประเภทนั้น คือ

  1. คนที่เข้าใจอะไรยากและไม่ค่อยจะทำอะไร
  2. มือสมัครเล่น
  3. ผู้เชี่ยวชาญ

คนที่เข้าใจอะไรยากและไม่ค่อยจะทำอะไร เขาจะคิดว่าอาชีพนี้เป็นเหมือนสลากกินแบ่ง ที่เมื่อซื้อแล้วก็รอลุ้นรางวัล และจะใช้ความพยายามน้อยที่สุด ซึ่งคนที่เข้ามาในธุรกิจนี้ใหม่ๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ผมเองก็เช่นเดียวกัน 

แต่การเรียนรู้และได้เข้าใจในธุรกิจ ทำให้อยู่ในกลุ่มนี้ไม่นาน ก็ได้ย้ายไปอยู่ในกลุ่ม มือสมัครเล่น และขอเตือนไว้ว่า อย่าอยู่ในกลุ่มนี้นานเกินไป

มือสมัครเล่น จะคิดต่างไปอีกแบบหนึ่ง คือ คิดว่าความสำเร็จที่ได้มาจากความโชคดี เพราะได้เห็นผู้ประสบความสำเร็จที่มาบอกเล่าเรื่องราวความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการลงชื่อสมัครแล้วก็เล่าถึงภาพแห่งความสำเร็จให้ฟัง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้เห็นความพยายามของเขาที่ก้าวสู่ความสำเร็จนั้นได้อย่างไร

ผู้เชี่ยวชาญ คือ “คนที่มีทักษะที่จำเป็นในการสร้างธุรกิจขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จในองค์กรการตลาดเครือข่าย” 

ผู้เชี่ยวชาญจะต้องลงทุนกับการเรียนรู้เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง เพราะคุณค่าที่ท่านมีให้กับผู้อื่นได้มากเท่าไร ก็จะมีผู้คนมาติดตามท่านมากเท่านั้น

อย่าหยุดที่จะเพิ่มคุณค่า และสร้างผู้ติดตามของท่านด้วยการพัฒนาความรู้ในตัวท่าน ผู้ประกอบการทุกคนที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนเรียนรู้และสะสมข้อมูลในอุตสาหกรรมของเขา ซึ่งเหมือนกับการเรียนปริญญาโท หรือปริญญาเอกเลยทีเดียว ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ผู้ที่มีเงินในบัญชีมาก ก็ย่อมมีความรู้ในตัวเองมากเช่นเดียวกัน และเขาก็จะไม่หยุดเรียนรู้เมื่อประสบความสาเร็จในเป้าหมายแล้วก็ตาม

เมื่อท่านลงทุนกับการเรียนรู้ ท่านกำลังมองหาไอเดีย หรือความคิดของใครคนหนึ่งที่ท่านไม่มีมาก่อน แค่ความคิดเดียวเท่านั้น อย่ากลัวที่จะใช้เงินในการเรียนรู้เกี่ยวกับการตลาด จงใช้เงินในการซื้อหนังสือและคอร์สเรียนรู้ เพราะมันสร้างคุณค่าให้ในระยะยาว ทัศนคติเกี่ยวกับการเรียนรู้นี้จะทำให้ท่านมีคุณค่ามากขึ้นในอาชีพหรือธุรกิจเครือข่ายของท่าน มันเหมือนกับภาพต่อ ทุกความรู้ใหม่ๆ จะช่วยเติมเต็มให้ท่านเสมอ

3 สิ่งต้องรู้ ก่อนทำธุรกิจเครือข่าย

มาถึงตรงนี้หวังว่า ท่านจะมีความเชื่อมั่นว่า การตลาดเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ดีกว่า และถ้าท่านกำลังจะเข้าร่วม หรืออยู่ในธุรกิจเครือข่ายอยู่แล้ว เป็นการดีที่สุดที่ท่านจะเป็นมืออาชีพ ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้และ ฝึกทักษะให้เป็นมืออาชีพ

ท่านไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายในการเรียนรู้ ซึ่งเว็บของเรา MLMOnlineSchool.com ได้นำเสนอเนื้อหา บทความต่างๆ ให้ท่านสามารถเรียนรู้ได้ฟรี! ท่านก็สามารถเป็นมืออาชีพได้

แต่ถ้าท่านไม่ต้องการเสียเวลา และใช้วิธีที่ชาญฉลาดในการเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ท่านสามารถเรียนคอร์สต่างๆ ของเรา เช่น Top Sponsor Formula ท่านก็จะเป็นมืออาชีพได้อย่างรวดเร็ว 

และนี่คือแนวคิดที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของธุรกิจ ทำให้ท่านมีธุรกิจขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ

สิ่งต้องรู้ 1

ท่านมีสินค้าของบริษัทที่ท่านเป็นสมาชิก

ถ้ามีคนที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดสินค้านี้ ที่ท่านก็มี

แต่ท่านยังไม่ประสบความสำเร็จ 

มันไม่ใช่ความผิดของสินค้า

สิ่งต้องรู้ 2

ท่านมีแผนการจ่ายผลตอบแทนของบริษัทเหมือนกัน

ถ้ามีคนที่ทำรายได้มากแต่ท่านไม่มีรายได้

มันไม่ได้หมายความว่าแผนนั้นออกแบบมาไม่ดี

แผนนั้นไม่ได้ออกแบบมาสำหรับคนใดคนหนึ่ง

ไม่ได้ออกแบบสำหรับเฉพาะผู้ชาย หรือเฉพาะผู้หญิง

แผนการจ่ายผลตอบแทนนั้นออกแบบมาสำหรับทุกคน

สิ่งต้องรู้ 3

สำคัญมากที่สุด นั่นก็คือ ตัวท่าน

ท่านเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด

ทุกคนนั้นมีสินค้าและแผนเหมือนกัน

แต่ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นผู้ล้มเหลว

หรือผู้ประสบความสำเร็จ

ท่าน เลือกเป็นอะไรระหว่าง ผู้ล้มเหลว หรือ ผู้ประสบความสำเร็จ เขียนความคิดเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

ทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว จะสำเร็จได้ยังไง?

ทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว จะสำเร็จได้ยังไง?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ลงทุนทำธุรกิจแล้ว แต่ไม่สามารถขายสินค้า หรือ สปอนเซอร์คนได้ ไม่มีเงินลงทุนเพิ่ม เงินซื้อบัตรเข้าประชุม ค่าเดินทาง อัพไลน์แนะนำว่าให้ไปยืม หรือไปกู้มาทำ แบบนี้จะสำเร็จได้อย่างไร แนะนำด้วยค่ะ

วีดีโอ “หนูทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว หนูจะสำเร็จได้ยังไง!”

หนังสือเสียง”หนูทำธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ผล ไม่มีเงินไปต่อแล้ว หนูจะสำเร็จได้ยังไง!”

เชษฐวิทย์ สิงขร:

สวัสดีครับมาพบกันในช่วงกมลเวชจ่ายยา ให้กับนักธุรกิจเครือข่าย นักธุรกิจขายตรง นักธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจที่ต้องการสร้างทีม ธุรกิจที่ต้องสปอนเซอร์ หรือรับสมัครคนที่เข้ามาร่วมทีม

สำหรับวันนี้ เรามีคำถาม มาอีกเช่นเคย ผมขออนุญาตอ่านคำถาม

คำถามมาจาก ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ดิฉันขอเรียนปรึกษาหน่อย ดิฉันไม่เคยทำเครือข่ายของที่ไหนมาก่อน แต่รู้จักศึกษามาทุกเครือข่าย

ดิฉันชอบแผนการตลาด กับสินค้าของบริษัทหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจทำ แต่พอเราลงทุนไปแล้ว ถึงจะเป็นการลงทุนครั้งเดียวครั้งแรก ในระยะเริ่มต้นนั้น แต่มันก็เกิดปัญหาตรงนี้ คือ

ไม่มีเงินจะไปต่อ เราต้องออกไปสปอนเซอร์ผู้คน ต้องเข้าเรียนรู้ที่ระบบจัดขึ้น ต้องซื้อบัตรต้องเติมน้ำมัน

แต่อัพไลน์ก็ให้คำแนะนำว่า ถ้าไม่มีเงินก็ไปหามาสิ ไม่มีก็ยืมมาก็ได้ ยืมไม่ได้ก็ต้องไปกู้ ถ้าอยากสำเร็จนะ

แล้วแบบนี้ เราจะสำเร็จแบบไหนคะ อาจารย์กมลเวช ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ ดิฉันอยากทำธุรกิจนี้ กับบริษัทนี้นะค่ะ

เพราะเห็นผู้คนที่มาเข้าร่วมงาน เขาสำเร็จได้จริง แต่ดิฉันเนี่ย เป็นคนกลัว เวลาไปชวนคน กลัวถูกปฏิเสธ ที่นี่เราจะหาคน มาเพื่อสร้างผู้นำ จึงไม่เน้นขายของนะคะแต่ก็ขายได้ เพราะถ้าขายได้ เราก็จะมีเงินไปต่อ ดิฉันขอคำชี้แนะด้วยค่ะ

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่มีคำถามซ่อน อยู่ข้างในเยอะมาก แล้วถ้าได้รับคำตอบ ผมเชื่อว่าจะช่วยผู้คน ได้เยอะมากเลยครับ ต้องขอชื่นชมท่านที่ถามมาขอบคุณโค้ดแนมที่อ่านจนจบ ยาวมาก

เรามาตอบทีละคำถามเอาแบบให้ทะลุปรุโปร่งไปเลย

มันมีหลายอย่างอยู่ในนี้ ที่ทางผู้ถาม ต้องทำความเข้าใจ หลายๆอย่าง ตัวผู้ถามเอง จะต้องเริ่มต้นทำอะไรให้ถูกต้อง ตั้งแต่ก้าวแรกใหม่ด้วย เรามาดู

ผมขอเปิดคำถามและอ่านไปด้วยเพราะมันยาวมาก ผู้ถามบอกว่าชอบสินค้า และชอบบริษัทเครือข่ายนี้มาก แต่พอลงทุนไปแล้ว ในการลงทุนครั้งเดียวระยะเริ่มต้น แต่เกิดปัญหา ตรงที่ว่าเงินจะไปต่อ เพราะเราต้องออกสปอนเซอร์คน เสียค่ารถ

ค่าใช้จ่ายในระบบเดิมๆ มีค่าใช้จ่ายเยอะมาก แต่ผลลัพธ์ต่ำ เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ระบบในการทำการตลาดแบบเดิมที่เราเรียกว่า direct Marketing นักการตลาดแบบตรง คนต่อคน ปากต่อปาก

เป็นการตลาดที่ถ้าไม่เข้าใจและทำให้เป็นแล้ว เป็นการตลาดที่มีอัตราการถูกปฏิเสธ สูงมากเพราะเราไม่เข้าใจมัน ไม่เข้าใจวิธีการและไม่เข้าใจตัวเลขด้วย เอาง่ายๆว่าถ้าไม่เข้าใจเวลาคุย 100 คนจะตอบรับไม่ถึง 10

องค์ประกอบ 3 อย่างที่ทำธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ

สิ่งแรก การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เราจะต้องเข้าใจ ว่ามันมีองค์ประกอบ 3 อย่าง

  1. คือเงิน
  2. คือเวลา
  3. คือแรงงานหรือการลงมือทำ 

จะต้องมี 3 อย่างนี้ถ้าไม่มีเงิน ลงทุนและการทำตลาด ก็ไปต่อไม่ได้ ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ไม่ได้จบตอนเริ่มลงทุนนะครับ เอาเงินทั้งหมดที่มีมาไปลงทุน แล้วคิดว่า ธุรกิจเสร็จแล้วไม่ใช่นะครับ มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น มันไม่ใช่ระบบอัตโนมัติ

เริ่มต้นก้าวแรกเรียนรู้ ว่าจะทำธุรกิจนี้อย่างไรให้สำเร็จ ผมจึงพูดอยู่เสมอเลยว่า ถ้าเป็นไปได้แม้แต่ตัวผมเอง ผมจะไม่สมัครทำธุรกิจเหล่านี้ ก่อนที่จะรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

เพราะคนส่วนมากพอเข้ามา บริษัทต่างๆ จะมีระบบสอน แต่คนเหล่านี้ ก็เห็นอยู่ว่าต้องเดินทาง ต้องไปประชุม เงินไม่มี ประชุมไม่ได้ สปอนเซอร์คนไม่ได้ อัพไลน์บอกว่าก็ไปกู้มาสิ ไปหามาสิ

เครียดหรือไม่ เครียดนะครับ เพราะเงินก็เพิ่งลงทุนไป แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จ แถมมีค่าเรียนด้วยนะ มันเหมือนกับว่า เอาละนะ น้องเกิดมาแล้ว ไม่ต้องเรียนประถมมัธยมมหาลัย เดี๋ยวเจ้าของงาน จะสอนให้เอง มีไหม

ไม่มีนะครับ ต้องเรียน ให้จบก่อนเอาใบปริญญา ไปโชว์ เขาถึงจะรับเราเข้าไป แล้วให้เงินกับเรา

แต่ถ้าเป็นไปได้ ธุรกิจเหล่านี้ เขาก็จะมีระบบสอนให้ ธุรกิจดีๆจะมีสอนหมด บริษัท ยักษ์ใหญ่ ทั่วไปจะมีสอน 

ท่านต้องเข้าใจด้วยว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนในการเรียนรู้ เพื่อที่ท่านจะสร้างรายได้ 6 หลัก ในธุรกิจเครือข่าย ถ้าท่านให้เวลาเรียน 6 เดือน ฝึกฝนลงมือทำ โดยไม่คาดหวังเรื่องรายได้

เพราะปีแรกถือว่าเป็นการตั้งไข่ แต่จะมีสักกี่คนที่ไม่คาดหวังรายได้ เพราะฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ ท่านจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ถ้าท่านมี 3 อย่างนี้ ไม่ครบ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านต้องทุ่มเทอีก 2 อย่างที่เหลือ 

เงิน ถ้าขาดเงินทั้งท่านต้องทุ่มแรงกับเวลา เพราะไม่มีเงินไป เดินทางไปสปอนเซอร์ ท่านจึงต้องทุ่มแรง ทุ่มเวลา ในการหาลูกค้ามากขึ้น

เพราะมีปัจจัยที่สำคัญ ถ้าไปเรียนที่ศูนย์ไม่ได้ มีระบบออนไลน์ เรียนอยู่ที่บ้าน ก็ได้ต้องหาทางออกให้ได้ เพราะถ้าท่านไม่เรียนท่านจะทำไม่เป็น

เพราะฉะนั้นอย่างแรกเข้าใจแล้วนะครับว่า ปัจจัยสำคัญ 3 อย่างต้องมีเงิน เวลา แรงงาน ถ้ามีไม่ครบ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งต้องใส่อีก 2 อย่างให้เต็มที่ แต่บางธุรกิจถ้ามีไม่ครบจะไปต่อไม่ได้

มันจะมีกี่ธุรกิจที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน แทบไม่มีเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เพราะธุรกิจเครือข่ายก็คือธุรกิจหนึ่งที่เราจะต้องลงทุน

กมลเวช เมืองศรี:

ถึงแม้ว่าจะไม่ต้องลงทุนเลย ก็จะมีค่าสมัคร เพราะฉะนั้น ในโลกของธุรกิจนะครับ จำเป็นที่จะต้องลงทุน 3 อย่างนี้เพื่อให้ประสบความสำเร็จ

แต่คนส่วนมาก หลงเข้ามา แล้วเอาเงินก้อนสุดท้ายมาลง แล้วหวังว่าจะรวย ไม่รวยนะต้องเข้าใจก่อนว่าไม่รวย

เพราะเห็นคนอื่นเขารวย แต่เราเพิ่งเริ่ม เขาไม่เห็นว่า เขาใช้เวลากี่ปีกว่าจะได้ตรงนั้น

ต่อมา อัพไลน์บอกว่า ไม่มีก็ไปยืมมาสิ ไปกู้มา คำพูดนี้มีทั้งใช่และไม่ใช่ ผมถามแบบนี้

พูดแบบผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ทั้งหลาย ควักเงินสดตัวเอง หรือกู้ธนาคารมาสร้างธุรกิจ

โรงแรมใหญ่ๆ เขาก็ยืมเงินคนอื่น ถึงแม้ว่าเขามีเงินเขาก็จะไม่ใช้เงินตัวเอง เขาเอาเงินคนอื่น ถ้าอยากจะเป็นผู้ประกอบการท่านจำเป็นจะต้องมีปัจจัยที่ 1 มีเงินให้ได้

ที่อัพไลน์บอกว่า ไม่มีก็ไปหามา ถูกแล้วนะ เพียงแต่ว่าใช้คำพูดรุนแรงไปหน่อย และไม่ได้ทำให้ท่านเข้าใจเป็นขั้นเป็นตอน ว่าผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ เขาทำแบบนี้ทั้งสิ้น

ที่ได้ฟังเมื่อสักครู่ก็จะรู้แล้วว่าจริง เพราะว่าธุรกิจต่างๆ ก็ต้องกู้ทั้งนั้น อย่างเช่นเรานั่งอยู่ในออฟฟิศของเรา เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ หมู่บ้านนี้ควักเงินตัวเองสร้าง หรือว่าไปกู้ธนาคาร กู้ใช่ไหม กูมาทั้งนั้นแหละยืมเงินคนอื่น

เพราะฉะนั้นถ้าท่านคิดว่า ที่อัพไลน์พูดแล้วรู้สึกไม่แฮปปี้ ผมขอพูดอีกครั้งว่า เขาพูดได้ค่อนข้างถูก แต่วิธีสื่อสารอาจจะไม่ถูกใจ ฟังแล้วแบบว่า รู้สึกว่าเงินก็เพิ่งลงทุนไป แล้วยังจะให้กู้อีกเหรอ

เราต้องทำความเข้าใจด้วยว่า ใช่ ทุกครั้งที่ใครก็ตามลงทุนทำธุรกิจ เช่นไปเปิดร้านอาหารในห้าง เปิดเสร็จต้องนอนเลยเหรอไม่ใช่นะ ต้องทำกิจกรรมอย่างนึง เพื่อให้คนเข้าร้านให้ได้ กิจกรรมนั้นคือการตลาด Marketing

ที่ท่านติดปัญหา ทำไม่ได้ โดนปฏิเสธ เวลาชวนคน กลัวโดนปฏิเสธ ผมแบ่งปันอย่างนี้ อย่าคิดว่าเราไม่กลัวนะ ทุกคนกลัวหมด ไม่มีใครชอบถูกปฏิเสธ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ครับ กว่าจะยกหูโทรศัพท์ โทรหาคนแรกได้ คิดแล้วคิดอีก ว่าจะโทรไปชวนใคร

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่ท่านที่ดูวีดีโอนี้อยู่ คงสามารถรู้สึกได้เหมือนเรา เพราะวิธีการทำการตลาดแบบเดิม เป็นวิธีการตลาด ที่จะต้องโดนปฏิเสธมากมาย

เป็นการโทรไปเรื่อยๆถ้าใครไม่ใช่ก็โดนปฏิเสธไป ไม่มีการกรองคนก่อน การตลาดแบบเดิมจึงทำให้ผู้คนเลิกกันหมด

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ในการตลาดแบบเดิมนั้นเดี๋ยวนี้ก็ยังมีคนสอนกันอยู่นะครับ ยังมีวิธีการนี้ สอนกันอยู่ในธุรกิจเครือข่าย แทบทุกบริษัทครับ

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะว่าในวงการธุรกิจเครือข่าย วงการอื่นเขาเปลี่ยนไปหมดแล้ว เขาพัฒนา ปรับตามยุคสมัย แต่ธุรกิจเครือข่ายยังใช้ระบบเดิม เพราะยึดติดกับคำว่า ระบบทำแบบเดิม

ไม่ใช่สิ่งที่ผิดนะ แต่ต้องยอมรับให้ได้ว่า ต้องโดนปฏิเสธมหาศาล แต่ถ้าฝึกทักษะ ในการเชิญคนให้ถูกต้อง ฝึกทักษะในการสปอนเซอร์คนให้ถูกต้อง ฝึกทักษะในการพาคนเข้ามา แล้วช่วยเขาโตอย่างถูกต้อง การปฏิเสธจะลดลง

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ด้วยการเรียนรู้ ถ้าเข้ามาแล้วและไม่เคยเรียนรู้ มาก่อนรีบไปเรียนรู้ กับเขา ถ้าเขามีระบบสอน

เรากลับมาที่ อีกระบบนึง ที่ไม่ถูกปฏิเสธเลย สิ่งที่เราต้องทำคือ เราจะต้องทำการตลาดให้เป็น เพราะการทำการตลาดแบบตรงๆ ชวนตรงๆ พูดตรง ขายตรง คือ direct Marketing

แต่การตลาดอีกแบบนึงที่ผมอยากจะบอก คือ เราใช้การตลาดแบบนี้มาเกือบ 10 ปีแล้ว ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย เพราะเราก็ไม่ชอบการตลาดแบบตรงตรง เราชอบการตลาดแบบอ้อมๆ แต่การตลาดแบบอ้อมเนี่ย ได้ผลดีกว่าแบบตรงนะ อย่างน้อย 10 ถึง 100 เท่า พูดง่ายๆ คือพันถึงหมื่นเปอร์เซ็นต์

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ครับเป็นการตลาดที่เรียกว่า ไม่กดดัน เป็นการตลาดที่ยินยอมพร้อมใจ เต็มใจ 100%

กมลเวช เมืองศรี:

เต็มใจ 100% ทั้งผู้ทำการตลาด และผู้ถูกทำการตลาด เรามาขยายความตรงนี้ ให้ฟังดีกว่าว่าระบบแบบนี้เป็นอย่างไร

ตัวผมทุกครั้งที่ทุกคนปฏิเสธ ถึงแม้จะฝึก ความแข็งแกร่งของจิตใจ จากการทำการตลาดแบบตรงมา อย่างน้อย 5 ปีแล้ว สัมมนาต่างๆเข้าหมด แต่ทุกครั้งที่ถูกปฏิเสธ ก็ยังรู้สึก ทุกคนมีความรู้สึก

เพราะฉะนั้น ผมจึงมองหาวิธีการที่ เราไม่โดนปฏิเสธอีกเลย แถมได้ผลลัพธ์มากกว่าเดิม พันถึงหมื่นเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

ตัวผมเองไม่เคยเหลียวหลังกลับ ไปทำการตลาดแบบเดิมอีกเพราะอะไรรู้ไหม

  1. ผลลัพธ์ได้มากขึ้น
  2. ลดต้นทุนลงมหาศาล 

แทนที่ผมจะต้องขับรถวิ่ง ไปเชียงใหม่ยันปัตตานี ผมทำ การตลาดอยู่ที่บ้านของตัวเอง แบบที่เวิร์กและถูกต้อง ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาหาเราเอง

ลดต้นทุนในการเดินทาง ลดต้นทุนในการออกนอกบ้าน ค่าน้ำค่ากิน เราไม่เสียอีกเลย อยู่ที่บ้านเปิดแอร์เย็น สบายๆ ใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ ทำการตลาด ไปหากลุ่มคนที่มีคุณภาพ ที่สนใจเราอยู่แล้ว คุยได้ง่ายกว่าคนที่ไม่สนใจ หลายพันเท่า

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บางเคสไม่ต้องคุยเลยครับพร้อมซื้อเลย สมัครเลย โทรมาถาม วิธีสมัครทำอย่างไรโอนเงินไปที่ไหน โดยที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน

กมลเวช เมืองศรี:

การตลาดแบบนี้ เราเรียกว่า attraction Marketing แปลเป็นภาษาไทยก็คือ การตลาดแบบดึงดูด

ใครที่ทำการตลาดแบบนี้เป็น จะแปลงร่างตัวเองเป็นเหมือนมนุษย์แม่เหล็ก ที่สามารถดึงดูด คนที่จริงคนที่ใช่ กลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ ให้วิ่งแข่งแย่งกัน ถือเงิน และเครดิตการ์ดในมือ อยากขอซื้อสินค้า อยากขอทำธุรกิจกับเราเอง

โดยที่เรานั้น ไม่ต้องเอ่ยปากเลย แม้แต่คำเดียว ไม่ต้องชวนด้วย ตื้อ ง้อ ขอ ขาย ไม่ต้องทำอีกต่อไป

เพราะมันมีคำกล่าวอยู่คำนึง จากกูรู การตลาด ระดับโลกพูดเอาไว้ ถ้าคุณอยากทำยอดขายให้ระเบิด คุณต้องทำการตลาดให้เป็น

เพราะ การขายที่ดี จะนำมาซึ่งยอดขายที่ดี แต่การทำการตลาดที่ดี จะนำมาซึ่งยอดขายถล่มทลาย

หลังจากที่ผมรู้ ความลับนี้ชีวิตผมเปลี่ยนเลย ผมไม่โฟกัสเรื่องการขายอีกเลยผมเลิกทำตัวเป็นนักขาย โพสต์ขายของหรือพยายามนำเสนอสินค้า เราไม่ทำแบบนี้แต่เราเน้นทำการตลาด หลายท่านคงจะสงสัย ที่บอกการตลาดนั้นคือทำอะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมก็สงสัยครับเพราะไม่เคยถูกสอนว่าถ้าทำธุรกิจแล้วจะต้องทำการตลาด แต่หลังจากที่รู้ว่าต้องทำการตลาด ชีวิตผมเปลี่ยนเลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมบอกเคล็ดลับให้เลย ดูวีดีโอนี้แล้วต้องได้เคล็ดลับ สามารถเอาไปทำให้เกิดผลลัพธ์

การตลาดที่เราสอน ในเรื่อง Action Marketing การตลาดพลังแม่เหล็ก ต้องวางตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ต้องมีการ positioning การวางตำแหน่งตัวเองให้ถูกต้อง แล้วก็ branding หรือนำเสนอตัวเอง ออกไปให้ถูกต้อง

กฎการตลาดพลังแม่เหล็กกฎการตลาดพลังแม่เหล็กกฎการตลาดพลังแม่เหล็ก

กฎการตลาดพลังแม่เหล็ก

คนทั่วไป ในการตลาดแบบเดิม ที่ไม่รู้วิธีการแบบนี้ เขาจะวางตัวเป็นนักขาย นำเสนอตัวเองไปเป็นนักขาย นักชวน นักตื้อ ง้อ ขอ ขาย ไม่มีอะไรผิดนะครับ แต่คนไม่ชอบ เพราะคนไม่ชอบถูกขายแต่ทุกคนชอบซื้อ นักการตลาดมีหน้าที่ให้ทุกคนชอบซื้อ

กฎข้อที่ 1

จง branding และ positioning ตัวเอง ให้ถูกต้อง คือ วางตัวเองให้ถูกต้อง ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาหรือสินค้า บริการ หรือโอกาสทางธุรกิจของท่าน จะช่วยผู้มุ่งหวังเขาแก้ปัญหาได้ 

ยกตัวอย่างตรงๆ ถ้าท่านอยากสปอนเซอร์คนให้ได้มากๆ อยากจะชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ อยากจะสร้างทีมให้โต ท่านจะต้อง วางตัว เป็นผู้เชี่ยววชาญในการสร้างธุรกิจ ให้เกิดผลลัพธ์

ผมไม่ได้บอกว่าประสบความสำเร็จ ผมไม่ได้บอกว่าท่านต้องเก่ง วางตัวก่อน เหมือนอย่างที่ท่านเห็นคนเค้าวางตัวเป็น โค้ช อาจารย์ ทั้งหลาย ไม่มีใครเรียกเขาก็เรียกตัวเองนะครับ

กฎข้อที่ 2

ฉันต้องนำเสนอออกไป อะไรคือ branding ข้อความที่ท่านโพสต์บน Social Media นับเป็นการ branding วีดีโอที่ท่านทำ ถือเป็นการ branding คำที่ท่านพูด รูปที่ท่านถ่าย คำคมที่ท่านโพสต์ เนื้อหาที่ท่านสอน มันคือการสร้างแบรนด์ของท่าน

สมมุติว่า ถ้าผมอยากจะดึงดูดผู้คนให้เข้ามาทำ ผมจะวางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ผมจะแบรนด้วยคุณค่า และเนื้อหา ที่คนมาอ่านแล้ว เขาได้ประโยชน์ เอาไปสร้างธุรกิจให้สําเร็จ

เช่น เทคนิคในการนัดคนแล้วให้คนมาปรากฏตัวในงาน ก็มี 3 ขั้นตอน ต้องเร่งรีบ ให้คุณค่าแล้วก็ดึงกลับมา เร่งรีบมีแบบนี้ ให้คุณค่ามีแบบนี้ ดึงกลับมามีแบบนี้

ถ้าท่านทำ 3 ขั้นตอนนี้ คนจะตอบรับแล้วมาแน่นอน ผมก็สอน นี่คือการวางตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ แล้วเริ่ม นำเสนอ ด้วย Content ออกไป

คนที่มีปัญหาเรื่องคนแล้วไม่มา พอเขาดูว่ามี 3 สูตร พอมีคนเรียนแล้วมีคนเอาไปทำให้เกิดผลลัพธ์ คนก็เห็นว่าเรามีคุณค่ามากขึ้น หรือแม้แต่ฟังแล้วรู้สึกว่าดีมาก คุณค่าที่เราให้ ให้แบบนี้บ่อยๆ สุดท้ายแล้วคนเหล่านี้จะติดตามท่าน เป็นผู้ติดตาม

ท่านโพสต์อะไร ฉันทำวีดีโออะไร สอนอะไร เขาจะติดตามตลอด สุดท้ายเมื่อท่านเปิดให้เขา เข้าร่วมธุรกิจกับท่าน ทายสิว่า จะเป็นเขาหรือว่าคนอื่นที่อยากจะสมัครทำธุรกิจกับท่าน

ก็ต้องเป็นคนที่ติดตามนั่นแหละครับ ถูกต้องครับ มันจึงมาเข้ากับเนื้อหาตามขั้นตอนที่เราสอนว่า

กฎการตลาดออนไลน์

จะทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จต้องมี 3 ขั้นตอน 1 ต้องบิ้ว ต้องสร้างผู้ติดตาม สอนสร้างผู้ติดตามเสร็จแล้ว เราต้องทำการปฏิสัมพันธ์ 

ก็คือการสอนการให้คุณค่า พอสอนให้คุณค่าแล้ว เราต้องเซลล์ เดี๋ยวมาเต็มที่เลยปฏิสัมพันธ์เต็มที่

เหมือนการจีบผู้หญิงโทรทุกวัน ทำความรู้จัก แต่ไม่ขอแต่งงาน จบเลยไหม อยู่ในฐานะเพื่อนตลอดเธอเป็นเพื่อนตลอดชาติ แล้วเราก็คาดหวังว่าเดี๋ยวเขาคง จะเป็นแฟนเราเอง หรือไม่เขาก็อยากแต่งงานกับเราเอง

แต่ถ้าเราไม่เอ่ยปากว่าเรามีของขายเขาก็ไม่รู้ เขาก็ไม่ซื้อ ถ้าเราไม่ชวน เขาแต่งงานเขาจะแต่งไหมล่ะ เพราะฉะนั้น 3 ขั้นตอนนะ

  1. สร้างผู้ติดตาม
  2. สร้างความสัมพันธ์
  3. สร้างยอดขาย 

ยิ่งผู้ติดตามใหญ่ขึ้น ท่านก็ยิ่งสร้างความสัมพันธ์กับคนได้มากขึ้น ยอดขายก็ มากขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ท่านได้สูตร ไปเยอะเลย

ถ้ากลัว ถูกปฏิเสธให้มาเรียนการตลาดแบบ Action Marketing ตัวผมเองสอนไว้ในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint เวอร์ชั่น 2.0 ต้อง 2.0 เท่านั้นถึงจะเป็นของใหม่ ถ้าไม่ใช่อย่าไปเรียน

เทคนิคการขาย

คำถามต่อมา เขาบอกว่าไม่เน้นขายของจะขายได้เพราะขายเราก็มีเงินไปต่อ ขอคำชี้แนะ นี่คือคำถามสุดท้ายที่จะตอบ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ถ้าเกิดว่าเรายังขายไม่เป็นหรือขายไม่ได้ อาจจะขอคำปรึกษาจากอัพไลน์ ของท่านก่อนก็ได้ ว่าเขามีวิธีการอย่างไร ให้เรา เอาสินค้าไปขาย แต่วิธีการขาย ได้เฉลยไปเมื่อสักครู่นี้ ใน 3 ขั้นตอนคือ สร้างผู้ติดตาม สร้างความสัมพันธ์ แล้วก็ขาย

กมลเวช เมืองศรี:

ในธุรกิจเครือข่ายมันจะมีอยู่อีกหนึ่งขั้นตอน ที่ท่านทำไว้ดี เดี๋ยวการขายมันจะมาเอง ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายเป็นและเข้าใจมัน ท่านจะไม่นำเสนอสินค้าเป็นอันดับแรกแต่ท่านจะโฟกัสในการสปอนเซอร์เป็นหลัก

เพราะท่านจะไม่ร่ำรวยจากการขาย สินค้า ท่านจะร่ำรวยมั่งคั่งจากการสร้างทีม ท่านจงโฟกัสคุยกับทุกคน ในเรื่องของการสร้างทีมเป็นหลัก สปอนเซอร์คนเข้าร่วมทำธุรกิจ

แต่ถ้าเขาปฏิเสธ ให้สินค้าเข้าไปทดลองสมมุติสินค้าของท่านคือน้ำขวดนี้ เมื่อคุยธุรกิจเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาบอกว่าขอคิดดูก่อนยังไม่เอา ไม่เป็นไร นี่คือสินค้าของผม ผมไม่ได้ขายนะ ผมอยากให้แจกตัวอย่าง ให้ทดลองใช้ แล้วเดี๋ยวใช้แล้วได้ผลลัพธ์อย่างไร เป็นอย่างไร ผมขอ feedback ให้ผมหน่อยนะ จะใช้สินค้าของผมได้เมื่อไหร่

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วจะรีบใช้ทันทีเลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:

นั่นหมายความว่า พรุ่งนี้ สามารถให้ Feedback หรือว่าผลการใช้ได้ไหม ว่าใช้สินค้าแล้วเป็นอย่างไรรู้สึกอย่างไร

พรุ่งนี้เราก็โทรไป เพราะถ้าเกิดว่าเขาใช้แล้วเขาชอบ แล้ว ถามว่าหาซื้อได้ที่ไหน ก็ตอบว่าซื้อได้ที่เรานี่แหละ ซื้อกับเราได้เลย เห็นภาพไหมครับ

เมื่อส่งตัวอย่างคนที่ได้รับ โดยส่วนมากแล้ว กว่า 50 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์จะซื้อนะครับ เวลาท่านเข้าห้าง ท่านเห็นเขามาแจกไหมครับ แจกโอวัลติน แจกเครื่องดื่ม

ทำไมถึงมีคนมาแจกในซุปเปอร์มาเก็ต ไม่เชื่อไปเดินในเทสโก้โลตัส Big C ท่านจะเห็นตลอด เครื่องดื่มเยอะมากเลยเพราะอะไร เพราะมันเวิร์คท่านต้องแจก Sample แจกไปเถอะ คนที่แจก Sample ไป

  1. กินแล้วอร่อยกว่าที่คิด ก็ซื้อ
  2. รับของเข้ามาแล้ว เกรงใจเขา ต้องซื้อกลับตอบแทน

เราไม่ได้บังคับนะ แต่มันเป็นหลักจิตวิทยา ที่เราสามารถเอาชนะใจคนได้ด้วยการให้ก่อน แต่ส่วนมากเราจะ ไม่ให้ต้องเอาเงินมาก่อนจะปิดการขายก่อน

เห็นไหมครับว่าเมื่อเข้าใจอะไรเล็กน้อยแล้ว ผลลัพธ์จะเปลี่ยนไปเลย เอาละครับผมเชื่อว่า วันนี้น่าจะให้คำตอบได้ ละเอียดชัดเจนและเห็นภาพ ทุกคำถามที่คุณเอ ถามมาเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ครับก็ต้องขอขอบคุณอาจารย์กมลเวชด้วย ที่มาตอบคำถาม เหมือนกับการจ่ายยา ให้กับผู้ที่กำลังเจ็บป่วยอยู่ในตอนนี้

แล้วถ้าเกิดว่า ท่านที่ได้ดูคลิปของเรา ในวันนี้ อย่าลืมกด ติดตาม กดไลค์ กดแชร์ กด Subscribe กดสั่นกระดิ่ง เพื่อ จะไม่พลาด การให้คุณค่าจากเรา วันนี้ เราสองคนลาไปก่อนสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

chetthawit-kamolwechkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

วิธีสปอนเซอร์คนได้ 100% ในธุรกิจเครือข่าย

วิธีสปอนเซอร์คนได้ 100% ในธุรกิจเครือข่าย

“ใช่ท่านหรือเปล่า ที่ต้องการเป็น สุดยอดสปอนเซอร์สมัครหุ้นส่วนคุณภาพดี เข้าร่วมธุรกิจ 5-10 คนและทำรายได้ 5-7 หลัก ทุกๆเดือนการันตี!” คลิกที่นี่

จากเมื่อก่อนที่ผู้มุ่งหวังจะต้องเลือกว่าจะทำธุรกิจกับเราไหม กลายมาเป็น เราเป็นผู้เลือก ว่าเขาจะทำกับเราได้ไหม ถ้าเขาทำไม่ได้เราจะปฏิเสธ เราไม่รับทุกคน

ด้วยการมีระบบนี้ทำให้ผมสร้างสถิติ ใหม่ขึ้นมา สถิตินี้คือ ผมมีอัตราการปิดการสมัคร ถ้าใครก็ตาม ที่ได้คุยโทรศัพท์กับผม จะต้องสมัครกับผม 100%

วีดีโอ “วิธีสปอนเซอร์คนได้ 100% ในธุรกิจเครือข่าย โดยไม่เคยโดนปฏิเสธอีกเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา!”

หนังสือเสียง 

“วิธีสปอนเซอร์คนได้ 100% ในธุรกิจเครือข่าย โดยไม่เคยโดนปฏิเสธอีกเลยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา!”

สารบัญเนื้อหาปัญหาอันดับหนึ่งของนักธุรกิจเครือข่าย ขายตรง ประกันชีวิตระบบในการสปอนเซอร์ สร้างทีมวิธีในการทำตัวให้เป็นมนุษย์แม่เหล็กสร้างระบบเป็นของตนเองทำเว็บไซต์ของตัวเองเรียนการตลาด

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมขอเล่าประสบการณ์ ที่พบเจอมา ผมเคยทำธุรกิจเครือข่าย แบบเดิมๆ ที่ต้องออกไปเจอผู้คน ออกไปนำเสนอสินค้า ออกไปนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ

ในแต่ละครั้งที่ออกไป พบกับปัญหามากมาย กว่าจะประสบความสำเร็จต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด บางครั้งออกไปกลางคืน ดึกดื่น เพื่อไปพบกับคำว่า ขอคิดดูก่อน และคำปฏิเสธกลับมา ก็จะต้องมานอนร้องไห้เสียใจ กับความล้มเหลวของเรา หลายๆครั้ง

ซึ่งหลังจากที่ ได้ศึกษาวิชา การตลาด จากอาจารย์กมลเวช เรียนเนื้อหาในคอร์สของ MLM attraction blueprint เราต้องปรับเปลี่ยน เราพบเจอวิธี เหมือนกับแสงสว่าง ในการทำธุรกิจของเราอย่างไรแล้ว 

ตอนนี้ถ้าทุกท่านอยากทราบว่า เราอยากจะมีระบบ หรือว่ามีตัวช่วย ในการ ให้เราทำธุรกิจประสบความสำเร็จได้ง่าย  และผมก็ใช้ตัวช่วยอันนี้ มาทำให้ผมประสบความสำเร็จ

วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องนี้ เอาเรื่องแรก ปัญหาก่อนดีไหมครับ ว่าเราพบเจอปัญหาอะไรกันมาบ้าง

กมลเวช เมืองศรี:

ก็เหมือนกับโค้ชแนมเล่าให้ฟังนะครับ ทุกคนที่เข้ามาในวงการ การสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ที่จำเป็นจะต้องสร้างทีม สิ่งที่เป็นความท้าทายอันดับหนึ่งก็คือ

ปัญหาอันดับหนึ่งของนักธุรกิจเครือข่าย ขายตรง ประกันชีวิต

พวกเขาจะขาดรายชื่อ  ลิสรายชื่อ โทรชวนคนไม่เป็น เข้าใจการตลาดไม่มากพอ ไม่มีทักษะ โดนปฏิเสธ นัดให้มาดูโอกาสก็ไม่มา มาก็ไม่ทำ ทำก็ไม่นาน แล้วก็เลิก

มันเป็นวงจรอุบาทว์ บางคนทำธุรกิจเหล่านี้มา 10 ปีแล้ว ยังไม่ไปไหนเลย ยังอยู่ที่เดิม ก็ซื้อกินซื้อใช้เข้าเซ็นเตอร์ตลอด

แต่ผมจะไม่ยอมทนอยู่กับอะไรแบบนั้น โดยที่ยังไม่เกิดผลลัพธ์ มากกว่าเดิม  ผมก็เลยคิดหาหนทาง แล้วก็ได้เรียนรู้สุดยอดวิชา ซึ่งถ่ายทอดอยู่ในคอร์ส MLM attraction blueprint

และผมก็ทราบอีก เนื้อหาที่สุดยอดในคอร์สนี้ มันเปลี่ยนชีวิตคนได้ แต่มันจะเปลี่ยน ชีวิตคนจริงๆ ก็จะต้องลงมือทำ

หลายๆท่านไม่มีทักษะในการ ใช้อินเทอร์เน็ต ในการทำการตลาดออนไลน์ ทำเว็บไซต์ไม่เป็น ใช้โซเชียลมีเดียทำการตลาดไม่เป็น ทำระบบ อีเมลตอบกลับอัตโนมัติ Messenger, Line ไม่เป็น

แล้วเวลามีคนติดต่อมา ผ่านโลกออนไลน์ สปอนเซอร์ไม่เป็น เปิดการสมัครปิดการสมัครไม่เป็น วันนี้ผมได้แก้ไขปัญหาเหล่านั้น ได้หมดเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ได้ถ่ายทอดสดยอดวิชานี้ ให้กับโค้ชแนมไปแล้วด้วย หลังจากรู้การตลาดแบบดึงดูดแล้วก็มาฝึกลงมือทำ ระบบเหล่านั้น ได้ผลลัพธ์น่าชื่นใจไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมเรียนแล้วก็เริ่มลงมือทำ ทำทั้งที่ ไม่มีความรู้อะไรมากมาย ไม่ได้เก่งเหมือนปัจจุบันนี้นะครับ โดยเรียนแล้วก็ทำตาม ฝึกฝนในเนื้อหาที่สอน ทำตามทีละขั้นทีละตอน

ซึ่งบางครั้งก็ใช้ความพยายาม ในการทำ เพื่อให้มีผลลัพธ์ตามที่ สอน ทำให้ผมมีระบบเป็นของตัวเอง ที่สร้างขึ้นมา ด้วยมือของเราเอง

ซึ่งระบบนี้สามารถทำงานแทนเรา ได้ดีมากๆ ช่วยเบาแรง ให้เราได้เยอะมาก ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ ยังทำงานให้เราตลอดทั้งเวลาหลับและตื่น

กมลเวช เมืองศรี:

ระบบนี้ทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ 24 ชั่วโมงต่อวัน 52 สัปดาห์ต่อปี หลังจากที่ได้เรียนแล้วเอาไปลงมือทำ ได้ผลลัพธ์แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลยใช่ไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ครับ เพราะว่าระบบช่วยเรา ทำให้เรามีรายชื่อใหม่ๆ เข้ามาทุกวัน รายชื่อเหล่านั้น ระบบจะทำการติดตามให้อัตโนมัติ ตามที่เราได้ ติดตั้งไว้ เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งในการติดตามอัตโนมัตินี้ ก็จะทำให้ผู้ที่มาติดตามเรา รู้จักเรา เชื่อถือเรา และสุดท้ายก็จะโทรมาสอบถาม ถึงธุรกิจของเรา พร้อมที่จะเข้าร่วมธุรกิจกับเรา อันนี้ดีมากๆเลยครับ

และปัจจุบันนี้ ผมใช้ระบบนี้ในการ สปอนเซอร์ แล้วก็สร้างทีม ทำให้มีทีมเกิดตามมาเยอะมาก

ระบบในการสปอนเซอร์ สร้างทีม

กมลเวช เมืองศรี:

ดังนั้นเรามาชำแหละเปิดเผยระบบให้กับ ทุกท่านดูดีไหมครับว่า ถ้าเราอยากจะสร้างระบบ ในการทำการตลาดที่ทรงพลัง ดึงดูดลูกค้าดึงดูดผู้มุ่งหวัง ให้เข้ามาติดต่อขอซื้อสินค้า หรือมาขอสมัครทำธุรกิจกับเราเอง แถมสร้างชื่อเสียงให้กับเรามากมายด้วย ทำอย่างไร

สมมุติว่าผมเป็นคนใหม่ แล้วก็ใช้ระบบเก่าอยู่ ในการทำธุรกิจก็จะโดนความท้าทายสารพัด ตื้อง้อ ขอขาย เดินทาง ไม่ได้ผลลัพธ์ โดนปฏิเสธ

โดนแต่คำว่า ขอคิดดูก่อน แล้วเขาก็ไม่เคยคิด เขากลับบ้านไปเขาก็ไปดูหนังฟังเพลง เราโทรไปเขาก็ไม่รับ มันก็วนเวียนซ้ำซากอยู่อย่างนี้

ผมมาคิดว่าจะต้องทำอย่างไร เราถึงจะทำให้คนที่เราต้องวิ่งไล่ล่าเขา มาวิ่งไล่ล่าเรา ด้วยความที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เราก็เลยได้เรียนสุดยอดวิชานี้ จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ มีรายได้เป็นร้อยหรือพันล้าน เราก็เอามาปรับใช้กับตัวของเรา สิ่งที่เริ่มต้นคือ

วิธีในการทำตัวให้เป็นมนุษย์แม่เหล็ก

เราต้องเข้าใจวิธีการทำการตลาดแบบดึงดูด เราต้องรู้วิธีในการทำตัวให้เป็น มนุษย์แม่เหล็กก่อน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

 รู้หลักการ ว่าทำแบบไหนจึงจะเป็นการตลาดแบบดึงดูด จะได้ไม่ทำผิดวิธี

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะสิ่งนี้จะเปลี่ยนชีวิตคนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนที่ทำวิธีเดิมนั้น จะต้อง ออกไปไล่ล่าคน โทรออกไปหาคน เดินทางไปหาคน โทรศัพท์นัดคน นี่คือออกไปไล่ล่าคน

แต่ใครก็ตามที่เข้าใจหลักการตลาดนี้ จะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็น เราทำอยู่ที่บ้านมีคนมาไล่ล่า มีคนโทรมาหา ส่งข้อความส่งอีเมล์มาหา คนมาขอทำธุรกิจ

อย่างแรกเลยเนื้อหาจะถูกสอนอยู่ในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint 2.0

หลังจากเราเข้าใจการตลาดแล้วเราจะต้องสร้างระบบ เพราะนักธุรกิจที่ต้องการความสำเร็จต่างโหยหา อยากเป็นเจ้าของระบบ

สร้างระบบเป็นของตนเอง

แมคโดนัลมีระบบ ถึงได้ร่ำรวย ขายขายแฟรนไชส์ ได้มากมาย KFC ก็มีระบบ ร้านอาหารใหญ่ๆ สุกี้ MK ก็มีระบบ มีระบบหมดเลย

เพราะฉะนั้นถ้าธุรกิจเครือข่ายอยากจะสร้างระบบ เพื่อแก้ปัญหา 2 อย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของนักธุรกิจเครือข่ายคือ

  • ปัญหาที่ 1 ขาดรายชื่อ เราจะใช้ระบบเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยระบบเราสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องขาดรายชื่อได้
  • ปัญหาที่ 2 คือขาดรายได้ มีระบบแล้วก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องขาดรายได้ได้

เชษฐวิทย์ สิงขร:

 แก้ปัญหาได้แน่นอน ถึงแม้ท่านจะสปอนเซอร์ใครไม่ได้เลย ท่านก็ยังมีรายได้

กมลเวช เมืองศรี:

อันนี้น่าสนใจมาก เพราะในธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจที่จะต้องสปอนเซอร์คน สปอนเซอร์คนไม่ได้ขายของไม่ได้ ยังมีรายได้ จริงเหรอ

บางทีเยอะกว่ารายได้จากธุรกิจเครือข่ายด้วย สิ่งที่เราควรจะทำคือ เข้าใจการตลาดดึงดูดก่อน

ถ้ายังไม่ได้เรียนให้ไปเรียนในคอร์ส MLM attraction blueprint 2.0 ให้เข้าใจแล้ว เราก็มาสร้างระบบ ระบบในที่นี้เราจะต้องเริ่มต้นจากการสร้าง ศูนย์บัญชาการธุรกิจของตัวท่านเอง ดูยิ่งใหญ่ไหมครับ

Digital_MarketingDigital_MarketingDigital_Marketing

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เมื่อก่อนผมใช้ตัวเองนี่แหละทำหมดทุกอย่างเป็นศูนย์บัญชาการ

กมลเวช เมืองศรี:

แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีอะไรบางอย่างมาทำให้เรา ซึ่งเราต้องสร้าง ศูนย์บัญชาการธุรกิจที่เรียกว่าฮับ หรือว่า Nerve Center

คือศูนย์บัญชาการ ที่จะทำให้ธุรกิจของเราเกิดผลลัพธ์ มีคนติดต่อเข้ามา มีคนสมัครเข้ามา หรือว่าจะสปอนเซอร์คน ขยายทีม ขายสินค้า เราเริ่มต้นที่ศูนย์บัญชาการนี้

แปลเป็นภาษาไทยเข้าใจง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ สมัยนี้มีอาจารย์มากมาย ทำให้ผู้คนมองข้ามเรื่องเว็บไซต์ โดยเอาธุรกิจไปฝากไว้กับ Facebook Page, YouTube Channel, Instagram

เห็นถึงความเสี่ยงไหมครับว่า เอาธุรกิจตัวเองสร้าง ผู้ติดตามเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน ถ้าเกิดปัญหาอะไรบางอย่างขึ้น ชีวิตจะเปลี่ยนไหม ถ้าโดนปิดเพจ โดนปิดแชนแนล คิดว่าจะเป็นอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีความเสี่ยงแน่นอนครับ เพราะว่าเราอุตส่าห์สร้าง สะสมผู้ติดตาม สะสมที่ทุกคนที่มาดูเรา อยู่วันนึงถ้าโดนปิดหรือหายไป เราก็ต้องสร้างใหม่ 

กมลเวช เมืองศรี:

ซึ่งไม่มีอะไรการันตีเลยว่าเขาจะปิดหรือไม่  ใครเป็นเจ้าของ Facebook ก็คือ Mark Zuckerberg YouTube ล่ะ Google เป็นเจ้าของ ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย ปัจจุบันนี้มีนักธุรกิจถูกปิดเพจ ถูกปิด YouTube ทุกวัน เดือนนึงเป็นพันคนนะครับ

เพราะฉะนั้นทุกท่านครับ ถ้าวันนึงท่านเคยถามตัวเองไหมว่า ถ้าฝากชีวิตไว้กับ Facebook  หรือ YouTube แล้ววันหนึ่งถูกปิด โดยไม่อธิบายเหตุผล

ท่านอาจจะโพสต์ผิดกฎ หรือมีคนไป Report ว่าท่านทำผิดกฎ ทั้งๆที่ท่านไม่ได้ทำผิดกฎ อาจจะด้วยความหมั่นไส้ ทำให้เพจโดนปิด ง่ายๆ

คราวนี้เว็บไซต์ ใครเป็นเจ้าของครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เจ้าของเว็บไซต์ก็คือเราเองนี่แหละ ที่ไปเช่า web hosting มาเป็นของเราเอง

กมลเวช เมืองศรี:

แล้วเราก็สร้างเว็บไซต์ บน web hosting นี้ โดยชื่อเป็นของเราทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเราสร้างฮับ หรือว่า Nerve Center ที่เป็น เว็บไซต์ของเรา เรียบร้อยแล้ว เราจึงจะทำการขายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบริการสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจ ในเว็บไซต์ของเรา

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ปัจจุบันนี้เว็บไซต์ หรือ web hosting ราคาไม่แพงนะครับ แล้วได้ของดี แล้วก็ถูกมากด้วย เมื่อเทียบกับสมัยก่อน

กมลเวช เมืองศรี:

ต้องเรียนให้ทุกท่านทราบก่อนว่าผมทำเว็บไซต์ไม่เป็น ภาษา html อะไรเนี่ยเขียนไม่เป็น แต่ปัจจุบัน เราสามารถกดปุ่มได้ ภายใน 2-3 ที ได้เว็บไซต์ดีๆออกมาเลย

เขาเรียกว่าการลากหรือหยิบแล้วก็เอามาวาง ไม่มีพื้นฐานเลยก็สามารถทำได้ ขอแค่ ดูวิธีการแนะนำนิดหน่อย เราก็สามารถทำสิ่งนี้ออกมา แล้วก็สอนให้ผู้คน

ซึ่งสิ่งนี้ผมได้เคยถ่ายทอดให้กับโค้ชแนม โดยที่เราไม่เคยเจอตัวกันเลย โค้ชแมนดูทั้งหมดผ่านวีดีโอ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ในสมัยนั้นใช้วิธีสร้างเว็บไซต์แบบเดิมๆด้วย ติด ตั้งเอง set up เอง ทำเองทุกอย่าง แต่ก็สามารถทำได้ และได้ผลลัพธ์มาแล้ว ปัจจุบันนี้เว็บไซต์ก็ยังอยู่

กมลเวช เมืองศรี:

 แล้วมันสร้างผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นจริงไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

จริงครับ

กมลเวช เมืองศรี:

เราสามารถทำอะไรก็ได้กับเว็บไซต์ของเรา ขายก็ได้ สปอนเซอร์ก็ได้ สินค้า บริการได้หมด

แล้วเราไม่ต้องพึ่ง Social Media เหรอ วิธีการคือเราทำเว็บไซต์ให้สำเร็จก่อนแล้วใช้ Social Media เพื่อดึงคนเข้ามา เป็นการใช้ร่วมกัน

ทำเว็บไซต์ของตัวเอง

ดังนั้นขั้นแรก ท่านต้องทำเว็บไซต์ของตัวเองให้ได้ แต่ผมบอกเลยนะครับว่าเว็บไซต์ที่กำลังพูดอยู่กับทุกท่าน ไม่ใช่เว็บไซต์อย่างที่ท่านเข้าใจ

เพราะเว็บไซต์ที่ท่านเห็นในโลกอินเตอร์เน็ต มากกว่า 90% เป็นเว็บไซต์ที่ ดูสวยงาม แต่ไม่ค่อยมีคุณภาพ และประสิทธิผล เพราะไม่ได้ทำให้ถูกต้องตามหลักการตลาด

เว็บไซต์ของเราจะแตกต่างจากคนอื่นคือ เราจะโฟกัสอย่างมาก ในเรื่องของการดักจับรายชื่อ คนที่เข้ามาในเว็บไซต์เราทำไมเราต้องดักจับ

เพราะเรารู้ว่า คนนั้นจะไม่ซื้อสินค้าบริการหรือสมัครทำธุรกิจ ตั้งแต่เห็นเราครั้งแรก เขาจะซื้อก็ต่อเมื่อเห็น 5-7 ครั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องดักจับ เราอาจจะมีของที่มีคุณค่าสูงมอบให้กับเขาฟรี และแลกด้วยการกรอกชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์

เพื่อที่จะให้เราได้มีโอกาสให้คุณค่าสูงขึ้นไปอีก ซึ่งตัวเว็บไซต์ บวกกับระบบติดตามผลของเรา สมัยก่อนเราใช้ Email Follow up สมัยนี้เราสามารถใช้ Facebook Messenger ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องทุ่นแรงที่เราเอามาประกบกัน แล้วเกิดผลลัพธ์ดีมาก

นึกภาพนะครับสร้างเว็บไซต์มา 1 ไซส์ เอาไปทำการตลาดผ่าน Social Media มีคนกรอกข้อมูลเข้ามา วันละ 100 คน สมมุติ นั่นหมายความว่าเรามีคนให้คุยเรื่องสินค้า เรื่องบริการ เรื่องธุรกิจ วันละ 100 คน แถมไม่ต้องคุยเองระบบอัตโนมัติคุยให้ ชีวิตท่านจะดีขึ้นมากไหม ไม่ต้องออกนอกบ้านเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ระบบนี้นะครับจะทำงานทั้งตอนที่เราหลับ หรือตื่น ทำงานตลอดเวลา 

เรียนการตลาด

กมลเวช เมืองศรี:

นั่นคือสาเหตุ ที่เมื่อเราเรียนการตลาด ดึงดูดเราต้องมาใช้เครื่องมือเหล่านี้ ดึงดูดคนเข้ามาและสร้างผลลัพธ์ให้กับเรา

เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องรายชื่อจะหมดไป เพราะเมื่อเรามีตัวดักจับ รายชื่อ ที่ถูกต้องและทรงพลัง ท่านจะมีรายชื่อไหลเข้ามาตลอด

ในธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ขายตรงประกันชีวิต ที่ต้องสปอนเซอร์คน เมื่อขาดรายชื่อจะเท่ากับขาดรายได้

แต่ถ้ามีรายชื่อเข้ามาแบบนี้ นั่นหมายความว่า เอาง่ายๆว่าถ้าท่านมีรายชื่อเข้ามาวันละ 100 รายชื่อ ท่านก็จะโทรไม่หมด ติดตามไม่ทัน ถ้าท่านต้องการสปอนเซอร์คนท่านไม่ต้องการ 100 คนทุกๆวันหรอก เราสามารถส่งต่อ รายชื่อเหล่านี้ให้ทีมงานเราได้ด้วย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

รายชื่อเหล่านี้นะครับไม่ใช่รายชื่อ ตาสีตาสาหรือเพื่อนเรา ที่ไม่สนใจธุรกิจเรานะ เป็นรายชื่อที่มีคุณภาพที่เราคัดเลือกมาแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:

ถูกต้องครับ เป็นรายชื่อที่มีคุณภาพ ถ้าคนที่ไม่สนใจในสิ่งที่เรานำเสนอ เขาจะไม่กรอก แต่คนที่กรอกข้อมูลคือคนที่สนใจ เราจึงได้คุยกับคนที่สนใจ สินค้าหรือบริการของเราอยู่แล้วเสมอ อัตราการโดนปฏิเสธเลยต่ำ 

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มันเป็นหลักสำคัญมากเลย เพราะแต่เดิมเราไปคุยกับคนที่เขาไม่สนใจ

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะเราไม่ได้กรองเขาก่อน เครื่องมือเหล่านี้จะกรองคนที่ไม่ใช่ออกไป ทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นมาก

หรือว่าท่านชอบโดนปฏิเสธวันละ 5 หรือ 10 คนมันไม่ค่อยสนุกนะ

สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือหลังจากที่ผมใช้ระบบนี้ ชีวิตผมไม่โดนปฏิเสธอีกเลย โค้ชแนม ก็เช่นเดียวกันไม่โดนปฏิเสธอีกเลย

จากเมื่อก่อนที่ผู้มุ่งหวังจะต้องเลือกว่าทำจะทำธุรกิจกับเราไหม กลายมาเป็นเรา เป็นผู้เลือก ว่าเขาจะทำกับเราได้ไหม ถ้าเขาทำไม่ได้เราจะปฏิเสธ เราไม่รับทุกคน

ด้วยการมีระบบนี้ทำให้ผมสร้างสถิติ ใหม่ขึ้นมา สถิตินี้คือ ผมมีอัตราการปิดการสมัคร ถ้าใครก็ตาม ที่ได้คุยโทรศัพท์กับผม จะต้องสมัครกับผม 100%

หลายท่านที่ฟังอยู่อาจจะรู้สึกว่ามันจริงหรอ โทรศัพท์แล้วคุยกับอาจารย์เนี่ยนะ คนที่โทรมา อัตราปิดสมัคร 100% จริงเหรอ

ให้ผมเปิดเผยไหมครับว่าทำอย่างไร ตั้งใจฟังนะครับ ผมดัดจับรายชื่อคนที่สนใจโอกาสทางธุรกิจ หรือว่าสิ่งที่ผมมีนำเสนอ ผมติดตามผล จนเขาเห็นคุณค่า แล้วว่าผมจะให้อะไรเขาได้ ช่วยอะไรกับเขาได้

สมมุติว่าเขาจะทำธุรกิจกับผม เขาจะรู้สึกว่าผมสามารถสอนเขาได้ หรือพาและจูงมือให้เขาประสบความสำเร็จได้

ผมสื่อสารว่า ผมนั้นต้องการเปิดตัว ธุรกิจ ผมกำลังจะเข้าร่วมกับธุรกิจเครือข่าย ใหม่ แล้วรับแค่ประมาณ 10 คนเท่านั้นในเดือนนี้ แล้วผมก็ส่งข้อความเหล่านี้ ฐานะระบบที่เราจับรายชื่อคนไว้ เป็นร้อยเป็นพัน ตอนนี้ผมมีหลายหมื่นเลยนะครับ ส่งไป คนเป็นหมื่นคน จะได้รับข้อความจากเรา

และเขาเห็นว่าอาจารย์กมลเวชกำลังเปิดรับหุ้นส่วนใหม่ ถ้าใครไม่สนใจ เขาจะไม่ทักมา ไม่กรอกข้อมูลเข้ามา สำหรับคนที่สนใจก็จะทักเข้ามา แต่เมื่อทักเข้ามา กรอกข้อมูลเข้ามา แต่ยังไม่ได้คุยกับผมนะ เพราะผมไม่รับทุกคน ผมรับแค่ 10 คน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

 ดังนั้นคนที่สนใจก็ต้องรีบนะครับเพราะว่ากลัว จะไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบ

กมลเวช เมืองศรี:

คิดว่าส่งออกไป 10,000 จะกรอกมากกว่า 10 ไหม มากกว่าแน่นอนครับ

ผมจะดักอีกขั้นหนึ่ง ด้วยการทำแบบสอบถาม ยาวประมาณ 20 ข้อ คุณชื่ออะไรนามสกุลอะไรอายุเท่าไหร่ แล้วก็ถามคำถามที่มีคุณภาพ ที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับเขา

เช่น ทำงานอะไร เคยทำธุรกิจอะไรมาก่อนไหม ถ้าเคย ประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ประสบความสำเร็จเพราะอะไร มีงบประมาณในการลงทุนทำธุรกิจเท่าไหร่ ทำไมอยากทำธุรกิจกับผม ทำแล้วอยากให้ผมช่วยอะไร การดูแลรักษายอดธุรกิจรายเดือนมีงบประมาณหรือไม่

ถ้ามีแพ็คเกจเท่านี้ คุณอยากเริ่มต้นที่เท่าไหร่ แล้วถ้าทำธุรกิจแล้ว ต้องการประสบความสำเร็จ ใครต้องรับผิดชอบ คำถามจะมีประมาณแบบนี้

เชษฐวิทย์ สิงขร:

อันนี้เรียกว่า เปิดเผยแทบจะหมดเปลือกแล้วนะครับ

กมลเวช เมืองศรี:

เพียงแต่ว่ามันต้องเรียงลำดับให้ดี จนมาถึงคำถามสุดท้าย คุณพร้อมจะเริ่มต้นธุรกิจวันไหน เดี๋ยวนี้ อีก 1 สัปดาห์ อีก 1 เดือน

เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าเรามีรายชื่อคนสัก 500 รายชื่อ ที่เห็นข้อมูลหมดเลย ประมาณ 20 ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขา แล้วมีคนที่มีเงินลงทุน 100,000 บาทวันนี้ มีเงินดูแลธุรกิจเดือนละ 50,000 แล้วบอกว่าพร้อมเริ่มต้นธุรกิจเดี๋ยวนี้ สัก 50 คน

ท่านโทรไปหา 50 คนนี้ ท่านจะโดนปฏิเสธไหม ในเมื่อเขาพร้อมจะเริ่มต้นเดี๋ยวนี้ จริงไหมครับ 

เราไม่ได้ถามด้วยนะครับว่า เขาจะทำกับเราไหม แต่สิ่งที่เราทำคือ เราจะสัมภาษณ์เขาเพื่อดูว่าเขา เหมาะที่จะเข้ามาร่วมทีมกับเราไหม ถ้าไม่เหมาะเราจะปฏิเสธ

เราจะบอกเลยว่าคุณเนี่ย ยังไม่เหมาะที่จะร่วมทีมกับเรา ไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนไม่ดี ไม่ใช่ว่าคุณไม่เก่งนะ เพียงแต่เราเห็นว่า ยังไม่น่าจะใช่เวลาที่เหมาะสม และการเข้ามาของคุณ อาจจะทำให้คุณมีโอกาสไม่ประสบความสำเร็จ

บางคนกรอกมาอาจจะแบบมีแนวคิด ไม่ถูกต้อง เช่น ทำธุรกิจไม่สำเร็จ ยังพร้อมโทษคนอื่น เราจะบอกชัดเจนเลยว่ายังไม่เหมาะ จนกว่าเขาจะไปปรับแนวคิดใหม่

มีคำถามหนึ่งผมถามว่า ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ ในชีวิต ในธุรกิจนั้นเราต้องรับผิดชอบชีวิตของเรากี่เปอร์เซ็นต์ ผมก็จะมี ตัวเลือก 25%, 50%, 75%, 100% จริงๆแล้วคำตอบก็คือ เราต้องรับผิดชอบ 100% เชื่อไหมครับว่ามีคนตอบ 25% มีคนตอบ 50% มีคนตอบ 75%

ผมจะไม่โทรหาคนเหล่านี้ก่อนเลย ไม่สัมภาษณ์คนเหล่านี้ เพราะแนวคิดเขายังไม่ได้

เห็นไหมครับว่าเราคัดคนที่ไม่ใช่ออกไป ยังมีอีกมากมาย คำถามที่เรากรองคนแบบนี้

สรุปเวลาที่เราคุยกับเขาเราสัมภาษณ์กับเขาแล้ว เราเป็นคนบอกเขาครับ ว่าเขาเหมาะ หรือไม่เหมาะ ถ้าเราบอกว่าเขาไม่เหมาะเขา ก็จะไม่ได้เข้า แต่ถ้าเราบอกว่าเขาเหมาะ

แล้วคุณจะเป็นคนที่ 3 แล้วจำนวน 10 คนที่ผมรับ เพราะตอนนี้ผมรับมาแล้ว 2 คุณพร้อมที่จะเริ่มต้น วันนี้ถูกไหม ตามที่กรอกข้อมูลมา

คุณดูรายละเอียดมาหมดแล้วใช่ไหม คุณมีคำถามหรือข้อสงสัยอะไรไหม คุณจะเริ่มสมัครเมื่อไหร่ คุณจะเริ่มชำระเงินเมื่อไหร่ ผมต้องการข้อมูลของคุณมาเพื่อทำการสมัครคุณพร้อมจะให้ไหม ถ้าไม่ให้ ผมจะต้องไปคนอื่นต่อ เพราะยังมีคนอื่นอีก เดี๋ยวคุณมาต่อคิวทีหลัง

ทำหรือไม่ทำเอาหรือไม่เอา เราเลือกทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ อำนาจอยู่ที่ใคร อำนาจอยู่ที่เรา นี่เป็นหลักการคร่าวๆ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องการทำ Content การ Follow up การขายสินค้าอื่น เพื่อให้เรามีรายได้มากขึ้นแทนที่จะขายสินค้า MLM อย่างเดียว เท่าที่ผมพูดมาทั้งหมด นี่เป็นสิ่งที่ผมสอน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

นี่แหละครับ เป็นสิ่งที่สอนในคอร์ส นี่แค่เนื้อหาส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง สุดยอดมากๆ ยังมีเนื้อหาที่สำคัญสำคัญ เพียบพร้อมอยู่ในคอร์ส อีกนะครับ

กมลเวช เมืองศรี:

สรุปสิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันก็คือว่า เนื้อหาทั้งหมดที่ผมจะสอนอย่างละขั้น อย่างละตอน step by step เริ่มต้นอย่างไรพูดอย่างไร สื่อสารอย่างไรทำการตลาดยังไง จะดูดคนยังไง จะถูกถ่ายทอดทั้งหมด อยู่ในคอร์สที่ชื่อว่า Top Sponsor Formula

ซึ่งตอนนี้เรากำลัง จะปรับเนื้อหา ให้มันกระชับขึ้นให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เราก็จะปรับเป็นเวอร์ชั่นใหม่แล้ว ถ้าท่านดูวีดีโอนี้ ไม่ว่าท่านจะสมัครเข้ามา แล้วยังได้เรียนเนื้อหาเดิม

หรือถ้าได้เรียนเนื้อหาใหม่แล้ว ขอให้รู้ไว้ว่ายังไงท่านก็กำไร เพราะคนที่เรียน Top Sponsor Formula จะได้เรียนทั้ง 2 เนื้อหา ให้เปรียบเทียบกันดูได้เลยครับว่าเนื้อหา แตกต่าง

เชษฐวิทย์ สิงขร:

หมายถึงคนที่สมัครอยู่แล้วก็จะได้เรียนอันใหม่ด้วยฟรี คือเพิ่มเข้าไปในคอร์สเลย สุดยอดเลยครับ 

กมลเวช เมืองศรี:

และคนที่เข้ามาเรียนใหม่ก็ได้เรียนเนื้อหาเก่าด้วย Double ไปเลย ผมเชื่อว่าคอร์สนี้เปลี่ยนแปลงผู้คนมามากแล้ว

เพราะวิธีการที่เราใช้มันคือวิธี การที่นักการตลาดระดับโลกใช้ ใครก็ตามที่ใช้ระบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

แก้ไขปัญหาชีวิตทั้งหมดเลย ไม่มีรายชื่อไม่มีรายได้ ไม่มีชื่อเสียงก็จะกลายเป็นมีชื่อเสียง ไม่มีคนติดตามก็จะมีคนติดตาม ไม่เคยมีใครเรียกว่าเป็นผู้นำหรืออาจารย์ เขาจะมีคนเรียกว่าเป็นผู้นำ หรืออาจารย์ มีคนเรียกอาจารย์เชษฐวิทย์ แล้ว ใช่ไหมครับ 

ผมเล่าอะไรให้ฟังอย่างนึง มีนักเรียนของผมท่านหนึ่ง อายุมากแล้วมาเรียนกับผมแล้วก็ทำการตลาด แล้วก็ทำได้ดีจนกระทั่ง มีคนเห็นเนื้อหาของนักเรียนคนนี้อายุมากแล้วด้วย 50-60 แล้ว

เอาเรื่องราวที่ลูกศิษย์ของผมไปเขียนเป็นหนังสือแล้วตีพิมพ์ ออก ออกขายในซีเอ็ดเลยนะ มีการอ้างอิงถึงชื่อของท่านนี้ด้วย ว่าท่านนี้ อาจารย์ท่านนี้สอนมาแบบนี้ แล้วเป็นหลักการที่สอนดีมาก

ผมก็ยืนอ่านดู นี่คือลูกศิษย์เรานี่นา สอนเนื้อหาที่เราสอน หมดทุกอย่างแล้วมันเปลี่ยนชีวิตคน แล้วคนที่เขียนหนังสือก็ชีวิตเปลี่ยนด้วย

ถ้าท่านอยากจะเรียนรู้ อยากจะพัฒนาตัวเองให้ไปถึงจุด สูงสุด ของการเป็นสุดยอด Sponsor เพราะกิจกรรมที่สำคัญที่สุดใน ธุรกิจเครือข่ายคือการสปอนเซอร์ ถูกไหมครับ สปอนเซอร์คนเข้ามา

เมื่อสปอนเซอร์คนเข้ามาแล้ว ต้องสปอนเซอร์ให้เขาสปอนเซอร์คนต่อได้ ขยายต่อได้ ทั้งหมดอยู่ในเนื้อหาที่ชื่อว่า Top Sponsor Formula สอนแบบหมดเปลือก อยากให้ท่านประสบความสำเร็จ

ถ้าท่านอยากรู้ว่าเนื้อหามีอะไรบ้างคลิกที่ลิงค์ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ หรือว่าอยู่ในโพสต์นี้ แล้วก็ดูรายละเอียด ต้องการสอบถามข้อมูลสอบถามเข้ามาได้ผ่าน Messenger หรือ Facebook นะครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

 ครับก็เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆหลายคนมีความฝัน ต้องการที่จะมีชีวิต หรือว่าทำธุรกิจแล้วอยากให้ เป็นธุรกิจที่ สามารถทำรายได้ให้เรา แม้ในยามหลับ และตอนตื่น สามารถจะมีรายได้จากระบบนี้ได้ วันนี้เราสองคน ลาไปก่อน สวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

TOP Sponsor Formula

“ใช่ท่านหรือเปล่า ที่ต้องการเป็น สุดยอดสปอนเซอร์สมัครหุ้นส่วนคุณภาพดี เข้าร่วมธุรกิจ 5-10 คนและทำรายได้ 5-7 หลัก ทุกๆเดือนการันตี!”

สุดยอดวิชา Top Sponsor Formula นี้ จะะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์อย่างชัดเจนให้กับทุกธุรกิจ 100 -1,000 % ในเวลาข้ามคืนและยั่งยืนในระยะยาว ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ทำธุรกิจบริษัทอะไร และอยู่ที่ไหนก็ตาม!

ทำไม นักธุรกิจเครือข่าย ขายตรง MLM ส่วนใหญ่ ทำแล้วเลิก?

ทำไม นักธุรกิจเครือข่าย ขายตรง MLM ส่วนใหญ่ ทำแล้วเลิก?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

“อาจารย์คะ ตอนนี้หนูทำต่อไปไม่ได้ ไม่สามารถพาลูกทีมไปต่อ พาเขามาแล้ว ไม่เดินก็ไม่สำเร็จ หนูเลิกทำแล้วค่ะใจไม่แข็งพอ พาเขาเป็นหนี้สินค่ะ หนูจะทำยังไงคะ

วีดีโอ “หนูเลิกทำธุรกิจ พาคนมาเป็นหนี้ หนูทุกข์ใจ จะทำยังไงดี?”

หนังสือเสียง 

“หนูเลิกทำธุรกิจ พาคนมาเป็นหนี้ หนูทุกข์ใจ จะทำยังไงดี?”

สารบัญเนื้อหา

วีดีโอ “หนูเลิกทำธุรกิจ พาคนมาเป็นหนี้ หนูทุกข์ใจ จะทำยังไงดี?”หนังสือเสียง “หนูเลิกทำธุรกิจ พาคนมาเป็นหนี้ หนูทุกข์ใจ จะทำยังไงดี?”คน 3 แบบ ในธุรกิจเครือข่ายคนกลุ่มที่ 1 ลูกค้าคนกลุ่มที่ 2 นักขายคนกลุ่มที่ 3 นักสร้างแนวคิดในการสร้างทีม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

สวัสดีครับ วันนี้มาเจอเราทั้งสองคน ที่จะให้คำตอบสำหรับคำถาม ในการทำธุรกิจ เครือข่ายธุรกิจออนไลน์ สำหรับคำถามนี้ ก็ถามมาจากคุณ มณธิยา ถามมาแบบนี้ ท่านอาจารย์กมลเวชจะตอบอย่างไรดีครับ 

กมลเวช เมืองศรี:

ขอบคุณคุณมณธิยาที่ถามมา ทำให้เราได้มีโอกาสมาตอบ และเป็นวิทยาทานให้กับผู้คน

ทุกท่านทราบไหมครับว่า ความไม่รู้นั้นแพงมาก ขนาดทำให้คนคนหนึ่งล้มเหลวจากธุรกิจ ได้เลย และไม่ใช่คนเดียวด้วย เป็นร้อยพันหมื่นแสนล้าน เพราะฉะนั้นเราสองคนมีความตั้งใจ ที่อยากจะมาแบ่งปัน วิธีการที่ทำให้เรานั้นเอาตัวรอด จากความไม่รู้ทั้งหลายทำให้ตัวเองรู้

ไม่ใช่แค่ รอด แต่เราทำให้ประสบความสำเร็จรุ่งเรืองได้ด้วย ดังนั้นคำถามที่ถามมา เราก็ขออนุญาตมาออกอากาศ และแบ่งปัน ขอให้บุญกุศลนี้ส่งถึงคุณมณธิยาด้วย

 จากคำถามที่ว่า ชวนคนมาทำธุรกิจเครือข่าย แล้วเขาไม่ทำต่อ พาเขาไปต่อไม่ได้ ใจไม่แข็งพอ ตอนนี้รู้สึกเสียใจ ที่พาเขามาเป็นหนี้สิน ซึ่งตรงจุดนี้ เป็นจุดที่ทำให้คนที่ทำธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจที่จำเป็นต้องสร้างองค์กร ตกอยู่ในหลุมและกับดักแห่งความ เศร้าโศกแบบนี้ อยู่เต็มไปหมดเลย

แล้วถ้าเขาไม่ได้ฟังวีดีโอนี้ หรือว่าท่านไม่ได้กดแชร์ให้เขาฟัง คนเหล่านี้จะยังตกอยู่ในหลุมแห่งความ เสียใจเศร้าโศก และในสิ่งที่เขาไม่ควรจะเสียใจด้วยซ้ำ ไปตลอดชีวิต

ถ้าท่านเห็นว่าวีดีโอนี้มีคุณค่า ผมแนะนำให้กด Like กดแชร์ กดติดตามกด Subscribe ทั้ง Facebook YouTube ทุกที่ที่ท่านเห็นวีดีโอนี้ เพื่อที่ท่านจะได้เรียนรู้ข้อมูล ดีๆที่จะเปลี่ยนชีวิตของท่าน และเมื่อท่านแชร์ก็จะเปลี่ยนชีวิตคนอื่นด้วย

ถ้าถามผม สำหรับผมก็เคยมีความรู้สึกนี้เช่นเดียวกัน โค้ชแนมเคยสปอนเซอร์คนแล้วไม่ประสบความสำเร็จบ้างไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีครับ เยอะเต็มไปหมดเลยครับ แล้วก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน เราก็เคยผ่านมาแล้วกับความรู้สึกที่ไม่อยากไปต่อ มันเกิดขึ้นบ่อยมากๆ

กมลเวช เมืองศรี:

เราก็รู้สึกเสียใจที่ไปต่อไม่ได้ แล้วก็ยังพาคนมาไม่สำเร็จด้วย แต่วันนี้ ข้อมูลที่ผมกำลังจะแบ่งปันท่านตอนนี้ จะทำให้ท่านนั้นพลิก ความคิด พลิกทัศนคติ ในการทำธุรกิจเครือข่าย

แล้วก็มีความรู้สึกมีความสุข ในการทำธุรกิจ ถึงแม้คนที่มาทำธุรกิจกับท่านเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งใจฟังนะครับ ว่าผมนั้นเปลี่ยนความคิดนี้ได้อย่างไร แล้วท่านจะเปลี่ยนได้อย่างไร

ผมมีที่ปรึกษาอยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ทำรายได้ปีละ 100 กว่าล้าน จากธุรกิจเครือข่าย เขาประสบความสำเร็จมาก เขาได้แนะนำผม ให้เข้าใจ ว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมันไม่ได้ใช้เวลาแค่ 3 เดือน ขนาด 3 ปีอาจจะยังไม่ใช่ บางที 5 ปี 10 ปี 20 ปี กว่าจะเจอความสำเร็จกันจริงๆ เหมือนธุรกิจทั่วไป บางคน 20 ปีแล้วยังพายเรืออยู่ในอ่าง ไม่ไปไหนเลย

เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้แล้ว ว่าจะทำธุรกิจนี้ อย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ เช่นมี Passive Income เดือนละ 100,000 ถึงเดือนละล้านบาททุกเดือน อันนี้คือค่าเฉลี่ย เราจะต้องทำงานกับคนเยอะมาก ต้องมีการชวนคนสปอนเซอร์คน

และไม่มีอะไรการันตีว่าทุกคนจะประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรกถึงวันสุดท้าย ในจำนวนนั้น 80-90 เปอร์เซ็นต์ไม่ประสบความสำเร็จ 

จากที่เข้ามา ทำธุรกิจ พร้อมลุย กลับกลายเป็นซื้อกินซื้อใช้ เป็นลูกค้าธรรมดา บางคนเป็นนักขาย ซื้อมาขายไปเอากำไรอย่างเดียว

คน 3 แบบ ในธุรกิจเครือข่าย

ในธุรกิจเครือข่ายของเราที่ประสบความสำเร็จ จะมีคนอยู่ 3 แบบ

คนกลุ่มที่ 1 ลูกค้า

คนกลุ่มที่ 1 ที่มีเยอะที่สุดเลยคือลูกค้าซื้อกินซื้อใช้ ถ้าเรามีทีมงานใหม่เข้ามา แล้ว แล้วเปลี่ยน ตัวเองจาก นักธุรกิจมาเป็นนักขาย กลายเป็น ไม่ทำอะไรเลย แต่ยังซื้อกินซื้อใช้ จงรักเขาเหมือนเดิม จงรักเขาเหมือนพี่เหมือนน้อง

เพราะธุรกิจเครือข่าย คือองค์กรแห่งการซื้อซ้ำ ถ้าไม่มีใครซื้อซ้ำ ท่านจะไม่ได้ค่าคอมมิชชั่น รายได้เดือนละแสนเดือนละล้านมาจากการที่สินค้าถึงมือ ผู้บริโภค ผู้บริโภคจ่ายเงินเข้ามา เพราะฉะนั้นจงรักเขา เพราะในธุรกิจเครือข่ายองค์กรใดก็ตามจะมี นักธุรกิจแบบนี้อยู่ประมาณ 80%

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ธุรกิจเครือข่ายคือการสะสม ฐานผู้บริโภค

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากเป็นลูกค้าจงรักเขา จงส่งข้อมูล ให้เขาอย่างน้อยเดือนละครั้ง ช่วยเขายังอยู่ใน การสื่อสารของธุรกิจของเรา

คนกลุ่มที่ 2 นักขาย

กลุ่มคนกลุ่มที่ 2 มีอยู่ประมาณ 15 ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มนี้คือนักขาย เข้ามาอาจจะยังไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย คิดว่าซื้อมาขายไป เหมือนขายตรงทั่วไป แล้วไม่เข้าใจเรื่องการสร้างองค์กร เขาจะไม่สำเร็จไม่ร่ำรวยถ้ามัวแต่การขาย แต่เขาจะมั่งคั่งได้ ถ้ามุ่งขยายองค์กร แต่คนกลุ่มนี้จะไม่เข้าใจ หรือบางทีเข้าใจ แต่ไม่พร้อมจะพัฒนาทักษะ เบื่อเรื่องคน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

จริงๆถ้าไม่ทำกับคนได้ยิ่งดีมากเลยครับ แต่ในธุรกิจมันต้องทำกับคน

กมลเวช เมืองศรี:

ในธุรกิจ ต้องทำกับคน ในธุรกิจอื่นก็ต้องทำกับคนเช่นเดียวกัน แล้วก็มีปัญหาเหมือนกันหมด จะขายสินค้าอะไรก็ตาม ต้องทำกับคนหมด

คนกลุ่มที่ 3 นักสร้าง

ดังนั้นต้องเข้าใจก่อนว่า ถ้าท่านอยากสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ท่านต้องเป็นคนกลุ่มสุดท้ายให้ได้ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1 ถึง 3 เปอร์เซ็นต์หรือ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น กลุ่มนี้เขาเรียกว่า Builder หรือว่านักสร้าง

ซึ่งคนส่วนมากที่เข้ามาใหม่ๆ จะดูเหมือนเป็น Builder หมด ตื่นเต้น แล้วจะมีอะไรบางอย่างมันดึงเขาออกจากการ เป็นนักสร้างองค์กร เช่น คนในครอบครัวไม่เห็นด้วย เวลาทำงาน ทัศนคติ ที่ไม่ชอบการขาย

จริงๆ แล้ว นักธุรกิจที่ทำเครือข่าย เขาจะรู้เลยว่าไม่มีอะไรต้องขายเลย เวลาเราจะให้คนได้รับสินค้าของเรา หรืออยากซื้อสินค้าของเรา เราไม่ต้องขาย เราให้เขาทดลอง แจกตัวอย่าง แต่ถ้าเราโฟกัสการขาย เรากำลังจะไปผิดทาง ถ้าถามว่าอยากขายได้ไหม ขายได้ครับ

แนวคิดในการสร้างทีม

mlm team buildingmlm team buildingmlm team building

เรามาทวนคำถามของคุณมณธิยา ที่ไม่อยากไปต่อที่พาเขามาไม่สำเร็จ สิ่งสำคัญที่ทุกท่านจะต้องเข้าใจ ก็คือ เราไม่มีหน้าที่ ที่จะต้องรับผิดชอบ ต่อความสำเร็จของใครเลยแม้แต่คนเดียวนอกจากตัวเรา

การที่คนส่วนมากติดกับ เหมือนกับตกหลุม ว่าหลังจากชวนเขามาแล้วจะต้องรับผิดชอบ จริงๆแล้ว เมื่อท่านสมัครทำธุรกิจเครือข่ายแล้ว ธุรกิจนี้เป็นของใครครับ มันเป็นของเรา

สมมุติผม Sponsor โค้ชแนม เมื่อเข้ามาปุ๊บ ธุรกิจที่โค้ชแนมลงทุน แล้วได้สินค้าไป เป็นของผมหรือเป็นของ โค้ชแนม มันเป็นของโค้ชแนมครับ

ธุรกิจใคร คนนั้นก็ต้องดูแล ผมก็ต้องดูแลธุรกิจของผม โค้ชแนม ก็ต้องดูแลธุรกิจของตัวเอง ถ้าผมทำเต็มที่เลย ทำ ในสิ่งที่จำเป็นต้องทำในฐานะของนักธุรกิจเครือข่าย ที่ดีและผู้สปอนเซอร์ที่ดี

ผมสอนทุกอย่าง ที่จำเป็นต้องรู้สินค้าแผนการสมัครคน วิธีการสั่งซื้อสินค้า วิธีการขยายองค์กร สอนในสิ่งที่จำเป็นต้องสอนทั้งหมด แล้วให้เขาได้ฝึกทำฝึกฝน และสอนคนอื่นต่อให้ได้ อย่างนี้เราเรียกว่าเรารับผิดชอบต่อความสำเร็จของคนอื่นเรียบร้อยแล้ว

เพราะฉะนั้นจำไว้ ถ้าท่านจำเป็นจะต้องรับผิดชอบให้กับทีมของท่านหรือคนในองค์กรของท่าน สิ่งที่ท่านต้องรับผิดชอบมีอย่างเดียวเท่านั้น สอนในสิ่งที่จำเป็น ที่เขาจำเป็นจะต้องรู้ เพื่อให้เขาทำธุรกิจได้ ท่านไม่มีหน้าที่ รับผิดชอบ

ถ้าท่านมีความรู้สึก ว่าพาคนมาแล้วทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ ต้องฟังให้ดี เพราะมันอาจจะมีปัญหาตั้งแต่ตอนชวน คือมีการให้ความหวัง  หรือให้สัญญา เกินไป

เช่น ฉันกำลังเริ่มธุรกิจ มาทำด้วยกันเถอะ เดี๋ยวจะช่วยทุกอย่าง เดี๋ยวจะพาสำเร็จ เดี๋ยวจะหาลูกค้าให้ เดี๋ยวต่อคนลงไปข้างล่าง การสปอนเซอร์คนเข้ามาโดยการให้สัญญาว่าจะช่วย เท่ากับ ตอนนั้นติดกระดุมเม็ดแรกผิด

จริงๆ แล้วการที่จะ สปอนเซอร์คนเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่ท่านควรทำคือ ต้องทำให้คนที่ท่านสปอนเซอร์มา มีความคาดหวังที่ถูกต้อง ว่าเขาจำเป็นจะต้องเรียนอย่างน้อย 6 เดือน แล้วต้องลงมือทำด้วยตัวเอง แล้วต้องรับผิดชอบธุรกิจของตัวเอง

เราไม่ต้องรับผิดชอบต่อความสำเร็จของเขา เพราะเรามีหน้าที่คือแนะนำโอกาส แต่ถ้าจะพลาด คนส่วนมากมักจะบอกว่า มาเถอะ เดี๋ยวช่วย จะช่วยหาคนให้เดี๋ยวช่วยต่อคนให้

พอนักธุรกิจเครือข่าย พูดแบบนี้กับทีมงาน สิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะคิดว่าสบายแล้ว สมัครก็ได้ เพราะเขาสัญญาว่า จะช่วยความคิดเขาจะเปลี่ยนเลย พอบอกว่าจะช่วยเขาก็จะรอเราช่วย สมัครเสร็จแล้วไหนบอกว่าจะช่วยล่ะ ไหนเงินล่ะ ไหนของล่ะ ไหนลูกค้าล่ะ

พอเราพูดคำว่าช่วยแล้วเขาก็รอให้เราช่วย แล้วพอเราช่วยให้เขาสำเร็จไม่ได้ เขาก็เลยตกหลุม คนชวนก็ตกหลุมด้วยว่า ฉันต้องรับผิดชอบ ความสำเร็จของคนอื่น

จริงๆแล้วเรามีวิธีการที่ดีกว่านั้น เวลาเราสปอนเซอร์คนเราจะไม่พูดคำว่าช่วย ห้ามพูดเด็ดขาด จากนี้ไป ไปถ่ายทอดต่อให้องค์กรเลย ไม่อย่างนั้นมันจะมัดคอเรา

ผมจะบอกว่าอย่างนี้ ผมจะเป็นหุ้นส่วน ที่จะสนับสนุน ในการสอนให้รู้ว่าธุรกิจนี้ทำอย่างไร สินค้ามีอะไรบ้าง แผนการจ่ายผลตอบแทนเป็นอย่างไร การนำเสนอ การชวนคนเข้ามา แล้วเขาก็ต้องเรียนรู้จากผม ลงมือทำโดยมีผมคอยให้คำแนะนำทุกอย่าง

เมื่อคุณมีคำถามเราจะเดินกันไปแบบนี้คุณโอเคไหมในการทำงานกับเรา ผมไม่ได้บอกนะว่าผมจะช่วย ผมมีธุรกิจที่ต้องดูแล คุณก็มีธุรกิจ ที่ต้องดูแล เพราะฉะนั้นเรามาดูแลธุรกิจของเราไปด้วยกันจะทำให้เราวิ่งได้เร็ว

แต่ถ้าผมมีทีมงาน 10 คน แล้วบอกว่าจะช่วยหมด โดยที่ทั้ง 10 คนนั่งเอาแต่รอ ผลักอย่างไรก็ไม่ไป เอารถสิบล้อมาดึงก็ไม่ไปเพราะเขารอจะให้เราช่วย

เพราะฉะนั้นผมบอกเลยว่า เลิกรู้สึกผิด ว่าเราพาเขามาไม่สำเร็จ ถ้าเข้ามาเป็นหนี้เป็นสิน จริงๆถ้าทำธุรกิจถูกต้อง ต้องทำให้ทีมงานของเรามีความคาดหวังที่ถูกต้องว่า ลงทุนไปแล้ว มันคือเงินทุนเขาจะต้องลงมือทำทุกอย่างเพื่อให้เขานั้นได้ทุนคืน และได้กำไร

แต่ในกรณีที่คุณมณธิยาพูดมา ผมเชื่อเลยว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในกรณีที่เราพูดมานี่แหละ คือเขาไม่พยายามจะทำอะไรเลย เพื่อให้เขาสำเร็จ และคุณชวนมา 10 คนคุณก็ต้องรับผิดชอบทั้ง 10 คน นั่นไม่ถูกต้อง

กดแชร์กันเยอะๆ เลยนะครับ เอาไปสอนทีมงาน สอนตัวเองด้วย ผมเชื่อว่าผู้นำที่เคยสปอนเซอร์ ทีมงานเข้ามา แล้วไม่สำเร็จรู้สึกอย่างนี้ทั้งนั้น ไม่อยากชวนแล้ว ช่วยเข้ามาแล้วก็ไม่สำเร็จ

จริงๆแล้วถ้าท่านใดทำหน้าที่ของอัพไลน์ที่ดี สอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาจะสำเร็จหรือไม่ ฉันได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว โค้ดแนมมีอะไรแบ่งปันบ้างหรือไม่ครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ครับ น่าจะมีเหตุอีกอย่างนึงที่จะทำให้มีความรู้สึกเช่นนั้น ก็คือว่า พอชวนมาแล้ว ก็อาจจะทำ หรือ ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาซื้อสินค้า เพื่อที่ตัวเองจะได้มียอด พี่พยายามให้เขาลงทุน

นั่นก็เป็นสาเหตุว่า พอเขาซื้อเรียบร้อยแล้ว ยอดนั้นไม่ได้ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน โดยที่เราไม่ได้ให้แนวความคิดหรือวิธีการ ทำงานลงไป ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้นได้

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นตัวอย่างที่ดีมากครับ

เพราะการทำแบบนั้นมันไม่ได้เป็นการทำเพื่อเขา มันเป็นการทำเพื่อตัวเรา ตัวฉัน เราต้องการคอมมิชชั่น

ส่วนใหญ่เขาก็ทำกันนะให้ทีมงานลงทุนเพิ่มจะได้ตำแหน่งเพิ่มเราก็เลยต้องสัญญา ซื้อสินค้าเถอะเดี๋ยวช่วยปล่อยของ ซื้อเถอะเดี๋ยวช่วยสปอนเซอร์ แต่โดยส่วนมากหลังจากที่เขาซื้อแล้วอัพไลน์ไปไหน

บางทีเลิกไปด้วยกันเลย ได้เงินแล้วหายไปเลย ไม่มารับผิดชอบ ก็ไปหาคนใหม่เข้ามา เพราะมองเงินเร็วจากการสปอนเซอร์คนเข้ามา

จริงๆ เป็นการมองที่ไม่ถูกต้อง ในการทำธุรกิจเครือข่ายคนจำนวนมากมี Mindset ของนักขาย เขามองธุรกิจเครือข่ายเป็นเหมือนสินค้าที่จะเอาออกไปขายแล้วให้คนจ่ายเงินซื้อ พอกดสมัครปุ๊บ คิดว่าสำเร็จแล้ว

จริงๆแล้วไม่ถูกต้อง ธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจที่มีการขยายองค์กรงานจะเริ่มต้นก็ต่อเมื่อ เริ่มต้นสปอนเซอร์คนเข้ามาได้แล้ว นั่นแหละเริ่มนับก้าวแรก

เพราะการที่เรามีทีมงานใหม่เข้ามา ลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว  80,000 นี่เป็นเหมือนเด็กคลอดใหม่เลย ถ้าไม่ได้รับการดูแลจากพ่อแม่ อัพไลน์ก็คือพ่อและแม่ ในฐานะเลี้ยงดู ป้อนข้าวป้อนน้ำ เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่พาเขาโต และปกป้องเขา

ถ้าท่านไม่ได้ทำหน้าที่นี้ ในการเป็นอัปไลน์ ท่านหวังแต่เงินลงทุนของเขา หาคนใหม่ ท่านจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ในธุรกิจเครือข่าย

และแทนที่จะได้รับความ ชื่นชมจากทีมงานของตัวเองกลับจะได้รับแต่การก่นด่าลับหลัง ซึ่งมันไม่เวิร์ค หวังว่า ทุกๆท่านที่ได้ดูวีดีโอนี้อยู่ จะเริ่มเห็นแล้วว่า เราไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบความสำเร็จของใครเลย นอกจากของตัวเราเอง

ในธุรกิจเครือข่าย ถ้าท่านจะประสบความสำเร็จได้ท่านต้องทำเพื่อคนอื่นเป็นหลักเสมอ เช่นท่านช่วยทีมงานของท่าน ให้เขามีธุรกิจที่แข็งแกร่งเติบโตและมีรายได้เข้ามาอย่างน้อยเดือนละ 50,000  

เขาก็จะมาช่วยให้ท่านมีรายได้เองโดยอัตโนมัติ ถ้าทีมงานท่านได้ 50,000 บาท 10 คนคือ 500,000 ทุกเดือน ตัวท่านเองก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น จากยอดรวมทั้งหมด ก็จะได้มากกว่าพวกเขาอีก ถ้าทีมงานของท่านมีรายได้ขนาดนี้

เชษฐวิทย์ สิงขร:

การช่วยในกรณีนี้ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนลงไปทำแทนนะครับ  ถ้าทำแบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าลูกไม่ต้องทำอะไรเดี๋ยวพ่อกับแม่ทำให้หมด

สำหรับวันนี้ก็คงได้รับคำตอบไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากดูคลิปนี้แล้ว ท่านมีความเห็นอย่างไร เขียนความเห็นของท่านลง ในคอมเม้นใต้ล่างนี้ได้เลย สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

รีวิวคอร์ส MLM Attraction Blueprint 2.0 สุดยอดวิชาทำธุรกิจเครือข่ายด้วยการตลาดดึงดูด!

รีวิวคอร์ส MLM Attraction Blueprint 2.0 สุดยอดวิชาทำธุรกิจเครือข่ายด้วยการตลาดดึงดูด!

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านคือนักธุรกิจเครือข่าย นักธุรกิจออนไลน์ นักธุรกิจประกัน หรือทำธุรกิจที่จะต้อง รับสมัครคน และสร้างทีม ท่านเคยเจอปัญหาเหล่านี้บ้างไหม ไม่มีลูกค้ามากพอ ไม่มีผู้มุ่งหวังมากพอ นำเสนอสินค้าก็พบกับคำปฏิเสธ ไม่สามารถสร้างรายได้ หรือสร้างรายชื่อ ได้อย่างต่อเนื่อง…

มาฟังคำตอบว่า คอร์ส MLM Attraction Blueprint 2.0 จะแก้ปัญหาให้ท่านได้อย่างไร

วีดีโอ “รีวิวคอร์ส MLM Attraction Blueprint 2.0

สุดยอดวิชาทำธุรกิจเครือข่ายด้วยการตลาดดึงดูด!”

หนังสือเสียง 

“รีวิวคอร์ส MLM Attraction Blueprint 2.0

สุดยอดวิชาทำธุรกิจเครือข่ายด้วยการตลาดดึงดูด!”

สารบัญเนื้อหา

  1. 1บทที่ 1 ความลับที่นักธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 95% ไม่รู้
  2. 2บทที่ 2 ทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ มากกว่าเดิมเกินพันเปอร์เซ็นต์
  3. 3บทที่ 3 ความลับที่สำคัญ ที่สุดของการขาย
  4. 4บทที่ 4 เราต้องขายอะไร
  5. 5บทที่ 5 มนุษย์แม่เหล็ก
  6. 6บทที่ 6 กลยุทธ์ที่สร้างผลลัพธ์อย่างเกินความคาดหมาย
  7. 7บทที่ 7 วิธีการสร้างระบบ และขยายธุรกิจแบบสำเร็จรูป
  8. 8บทที่ 8 วิธีสร้างผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
  9. 9บทที่ 9 ระบบแห่งความสำเร็จ
  10. 10บทที่ 10 หัวใจของความสำเร็จในชีวิต
  11. 11บทที่ 11 พิมพ์เขียวแห่งความสำเร็จ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ถ้าท่านคือนักธุรกิจเครือข่าย นักธุรกิจออนไลน์ นักธุรกิจประกัน หรือทำธุรกิจที่จะต้อง รับสมัครคน และสร้างทีม ท่านเคยเจอปัญหาเหล่านี้บ้างไหม ปัญหาก็คือ

  • ท่านไม่มีลูกค้ามากพอ
  • ท่านไม่มีผู้มุ่งหวังมากพอ
  • ท่านเดินทางไปนำเสนอสินค้าของท่าน แล้วก็พบกับคำปฏิเสธ
  • ท่านไม่สามารถสร้างรายได้ หรือสร้างรายชื่อ ได้อย่างต่อเนื่อง

ถ้าท่านพบกับปัญหาเหล่านี้ และยังไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าท่านอยากรู้วิธีการ ที่เราใช้ และเราสร้างธุรกิจของเรา และได้พบกับวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้

ซึ่งเปลี่ยนเราสองคน จากที่ไม่ประสบความสำเร็จ กลายมาเป็นผู้ที่ ใครๆ ก็อยากสมัครทำธุรกิจกับเราด้วย

วันนี้ เราจะมาพูดคุยกัน ถึงคอร์สของเรา ที่เราสร้างขึ้นมา คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ขายดีอันดับ 1

ขายมามากกว่า 7-8 ปีแล้ว วันนี้ผมอยู่กับเจ้าของ คอร์สที่จะมาไขความลับ ให้ทุกท่านได้ฟัง ก็คืออาจารย์กมลเวช เมืองศรี

กมลเวช เมืองศรี:

สวัสดีครับ จริงๆแล้ว คอร์สนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เพราะว่าผมเกิดแรงบันดาลใจ จากการที่ผมเคย ทำธุรกิจที่ต้องมีการสร้างทีมแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

ผมเชื่อว่ามีปัญหาเหมือนกับทุกท่าน ที่ชวนคนแล้ว คนไม่ค่อยมา ถึงมาแล้วก็ไม่สมัคร สมัครแล้วก็ไม่ค่อยทำ ทำแล้วก็เลิก แล้วก็วนเวียนเป็นวงจร อุบาทอยู่อย่างนี้

แล้วก็ได้แต่คนที่ไม่ค่อยมีคุณภาพ ต้องเดินทางไปไกล คนที่ขับรถ 200-300 กิโล คุย 1-2 ชั่วโมง ก็ได้คำตอบว่าขอคิดดูก่อนอยู่นั่นแหละ เหนื่อย และทุกครั้งที่เดินทาง มีค่าใช้จ่ายทั้งหมด คืนเงินเวลาแรงงาน แต่ผลตอบรับกลับมา ไม่มากพอ

ทำให้ตัวผม ไปต่อไม่ได้ และเพื่อนในวงการนี้ไปต่อไม่ได้เยอะแยะ

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้ค้นพบกับวิธีการ  แทนที่เราจะออกวิ่งไล่ล่า กลับกลายเป็นว่าเรารู้วิธีที่จะทำอย่างไรให้คนกลุ่มเป้าหมายที่มีคุณภาพวิ่งไล่ล่าเรา หรือวิ่งแข่งแย่งกันพร้อมเงินหรือ Credit Card ในมือ มายื่นให้เราขอซื้อสินค้าขอสมัครทำธุรกิจกับเราเอง

และวิธีการนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตผม เปลี่ยนแปลงชีวิตโค้ชแนม และผู้คนจำนวนมากคนที่เรียนแล้วเอาไปทำ ชีวิตเปลี่ยน หรือประสบความสำเร็จในธุรกิจที่เขาทำสามารถสร้างทีมสปอนเซอร์คนได้ง่ายเหมือนดีดนิ้ว

มันง่ายแบบนั้นจริง ๆ ผู้คนจะคิดว่ายากแต่พอรู้วิธีนี้และทำเป็นมันง่ายคนสมัครเข้ามาอย่างง่ายและสร้างทีมได้อย่างรวดเร็ว

พอรู้วิธีการเหล่านี้ ก็เลยตัดสินใจว่าจะต้องมีการแบ่งปันความรู้ให้กับผู้คนเลยเปิดเป็น K-Academy หรือศูนย์การเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดสุดยอดวิชา ในการสอนผู้คนที่อยากจะสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ให้ประสบความสำเร็จ

ซึ่งธุรกิจจากที่บ้านก็คือธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต Single ซึ่งผมก็ถ่ายทอดสุดยอดวิชานี้ลงไปในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint เวอร์ชั่น 2.0

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมเองก็ ได้เรียนกับอาจารย์กมลเวช แล้วก็ได้ผลลัพธ์เกินความคาดหมายจริงๆ

กมลเวช เมืองศรี:

มันเป็นยังไงบ้างครับผลลัพธ์เกินความคาดหมาย จากการเริ่มต้นด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมสปอนเซอร์คนไม่ได้แล้วตอนนี้ชีวิตเป็นอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

วิธีเดิมๆ ก็คือการออกไปนำเสนอสินค้า นำเสนอแผนธุรกิจ ไม่ค่อยได้รับการตอบรับ เพราะว่าผู้สปอนเซอร์ของเรา ไม่ได้มีวิธีการที่ดีเท่าไหร่

ในตอนแรกที่ผมทำ ผมไม่รู้เลยว่าในการทำธุรกิจเราต้องทำการตลาด ผมมาเข้าใจและ get Idea ตรงนี้นะครับ ที่ได้มาเรียนกับอาจารย์กมลเวช ว่าเราจะต้องทำการตลาด

ซึ่งได้นำวิธีการจากการเรียนคอร์สนี้ ทำให้เปลี่ยนจากเดิมที่ต้องออกไปนำเสนอสินค้า นำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เปลี่ยนเป็นมีคนวิ่งเข้ามา มีคนโทรเข้ามาขอสมัครกับเราเอง

ภายในปีที่ได้เรียนคอร์สของอาจารย์นั้นที่ผมใช้วิธีการนี้มีคนมาสมัครกับผมเองโดยผมเป็นผู้สปอนเซอร์รวมทั้งปีนั้นมีมากกว่า 700 คน มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก

กมลเวช เมืองศรี:

 มันคือผลลัพธ์ที่เราได้รับ ที่บอกว่าเกินความคาดหมาย ทั้งหมดเริ่มต้นจาก ความคิดที่ว่าแทนที่จะออกไปขายพรีเซนต์นำเสนอ เราควรจะมาโฟกัสในการทำการตลาด แล้วการตลาดที่เราจะทำนั้นมันควรจะเป็นการตลาดแบบไหนล่ะที่จะเวิร์ค

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ก็คือการตลาดออนไลน์ และยิ่งปัจจุบันมีเครื่องมือซึ่งจะเป็นแรงให้ทวีพลังในการดึงดูดคนเข้ามาก็คือใช้ Social Network

กมลเวช เมืองศรี:

ชีวิตของเราสองคนและผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนแปลงไปเยอะ แทนที่เขาจะออกไล่ล่าคนกลายเป็นผู้คนไล่ล่าเขา

เพราะในวิชาที่ผมถ่ายทอดในคอร์ส MLM attraction blueprint 2.0 นี้มันคือ หลักในการใช้อินเทอร์เน็ตหรือเครื่องมือทั้งหลายมาเป็นเสาหลัก ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถทำการตลาด 

โดยใช้เครื่องมือเหล่านี้ดึงดูดให้ผู้คน ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเรา ที่มีคุณภาพติดต่อเราเข้ามาทุกวันทุกวันอย่างน้อย 2 ถึง 5 คนต่อวัน เดือนละ 150 คน ที่ติดต่อเข้ามา ท่านลองนึกดูนะครับ

ถ้ามีคนติดต่อท่านเข้ามาถามเรื่องสินค้าถามเรื่องธุรกิจที่ท่านกำลังทำอยู่อย่างน้อยเดือนละ 150 คนท่านว่าจะต้องมีคนสมัครกับท่านอย่างน้อย 2 ถึง 5 คนไหม

ถ้าท่านรู้วิธีการในการสปอนเซอร์ เพราะฉะนั้นเราสอนวิธีการครับว่าจะทำอย่างไร จึงจะดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาขอซื้อสินค้าแล้วมาขอสมัครธุรกิจกับท่านเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ซึ่งแต่ก่อนหน้านี้เรามีปัญหาในการที่จะไม่รู้ว่าจะโทรไปหาใครดี ไม่รู้จะไปแนะนำสินค้ากับใครดี ไม่รู้ว่าจะไปนำเสนอโอกาสกับใครดี เปลี่ยนมาเป็นวันนี้เราไปเที่ยวอยู่นะ แล้วมีคนโทรเข้ามาถาม ขอสมัครขอซื้อสินค้า มันเปลี่ยนเป็นคนละทิศละทางเลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราทำการตลาดที่เวิร์คแบบนี้ แล้วผมเปิดตัวธุรกิจใหม่ ผมแค่ประกาศว่าผมเปิดตัวธุรกิจใหม่แล้ว ตอนนี้เปิดรับผู้เข้าร่วมธุรกิจด้วย โทรศัพท์ดังตั้งแต่ 8:00 น จนถึงเที่ยงคืน 2 เครื่อง เครื่องนึงของผม อีกเครื่องของภรรยา

เราประกาศออกไปผ่านทางสื่อที่เราทำการตลาดมา และในเดือนนั้นทำรายได้ 7 หลักทันที เพราะพลังของการสปอนเซอร์ที่เราได้เรียนจากคอร์สนี้มันทรงพลังมาก เพราะคนที่ทำธุรกิจนี้มันต้องออกไล่ล่าคนอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้คนไล่ล่าเราบ้าง เนื้อหาในบทเรียนนี้มีทั้งหมด 11 บทครับ เดี๋ยวเรามาดูว่ามีอะไรบ้างผมจะอธิบายให้ฟัง

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 1  ความลับที่นักธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 95% ไม่รู้ อาจารย์จะเผยความลับอะไรในบทนี้ครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมพูดให้ฟังแล้วกัน ถ้าบอกหมดเดี๋ยวจะรู้ทั้งหมดเลย แต่ว่าปะติดปะต่อไม่ได้

ในบทนี้ ผมจะบอกความลับสำคัญที่ว่า การสปอนเซอร์ผู้คนของธุรกิจเรานี้ที่ทำกันมาโดยตลอด ทำกันมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังทำกันอยู่เหมือนเดิม

ทุกท่านสังเกตไหมว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่มีอยู่ธุรกิจหนึ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยนยังทำวิธีการแบบเดิมๆ 50 ปีที่แล้วทำอย่างไรตอนนี้ก็ยังทำอย่างนั้น

ก็คือวงการการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ธุรกิจเครือข่ายนี้แหละ ลิสรายชื่อโทรชวนคน ไม่มีอะไรผิดนะครับ แต่มันควรจะพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัย เดี๋ยวนี้ธนาคารยังมีการเปลี่ยนแปลง พนักงานแบงค์ยังต้องออกจากงาน ตกงานกันเยอะไปหมด

แล้วในธุรกิจเครือข่ายถ้าไม่ปรับตัว จะไหวเหรอ บทที่ 1 เราเลยแบ่งปันว่า ทำอย่างไรให้ท่านได้ปรับหางเสือ เพราะบางทีท่านกำลัง วิ่งตามวิธีการแบบเดิมๆ ที่มีประสิทธิผลต่ำ ลงทุนเงินเวลาและแรงงานสูง

คือเหนื่อยมากกว่าจะได้ผลลัพธ์ ทำยังไงให้สลับกัน คือ พอเปลี่ยนวิธีปุ๊บ ให้เกิดประสิทธิผลสูง ลงทุนต่ำ นี่คือบทที่ 1

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 2 ทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ มากกว่าเดิมเกินพันเปอร์เซ็นต์ โอ้โหมากถึงพันเปอร์เซ็นต์เลยเหรอครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ในบทที่ 2 ผมเผยว่า จากที่ผม ใช้วิธีการแบบเดิมๆ เดือนนึงสปอนเซอร์คนได้ 1 ถึง 2 คนก็ดีใจจะตายอยู่แล้ว แต่หลังจากใช้วิธีนี้ จนกระทั่งเก่งและเชี่ยวชาญ

ผมสปอนเซอร์คนได้เดือนนึงสูงสุด 130 คน โดยที่ 130 คน ใช้เงินในการลงทุนทำธุรกิจ ถึง 30,000 บาท คือเงินลงทุน เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจนั้น ในการเริ่มต้นแพ็คเกจ เพื่อเป็นหุ้นส่วนกับเรา

เพราะฉะนั้นจาก 1 ถึง 2 คนเป็น 130 คิดว่าเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ครับ มันเกินพันเปอร์เซ็นต์ เพราะพันเปอร์เซ็นต์คือ 10 เท่า 10 เท่าของ 1 ถึง 2 คนก็คือ 10 ถึง 20 คน จริงๆ คือหมื่นเปอร์เซ็นต์แต่เราไม่อยากพูดโอเวอร์ เพราะคนจะไม่เชื่อ

และไม่ได้เป็นเพียงแค่ธุรกิจเดียว ถ้าเป็นธุรกิจออนไลน์สามารถสปอนเซอร์คนได้มากกว่านี้ สามารถนำไปทำกับธุรกิจไหนก็ได้ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน

แต่ผมขอเตือนก่อนนะการสปอนเซอร์ คนมากๆไม่ใช่เรื่องดี แต่เรา พูดให้เห็นถึงพลัง ท่านสามารถจัดการได้ว่าจะสปอนเซอร์คนเดือนละ 5 ถึง 10 คนก็ได้ 2 ถึง 5 คนก็ได้ แต่พลังของมัน มันรุนแรงขนาดนั้น นั่นคือเปิดเผยในบทที่ 2

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 3 ความลับที่สำคัญ ที่สุดของการขาย มันมีความลับอะไรอยู่ในนั้นเผยออกมาได้ไหมครับ

กมลเวช เมืองศรี:

บทนี้ผมทำให้คนเห็นภาพครับว่า จริงๆแล้ว สิ่งที่ถูกสอนกันมาโดยตลอด ในวงการการทำธุรกิจจากที่บ้าน ว่าสิ่งที่คุณออกไปขาย มันไม่ต้องเป็นสินค้า หรือแผนหรือบริษัท หรือผู้นำของท่าน

บทนี้ ผมจะแสดงให้เห็นว่าถ้าท่านแค่เปลี่ยน สินค้าที่ท่านขาย ท่านจะได้ผลลัพธ์ 10,000% แล้วถ้าเปลี่ยนแล้วชีวิตจะเปลี่ยนตลอดชีวิต

เพราะ สิ่งที่ท่านได้รับการสอนมาว่า ให้ออกไปเล่าแผน แสดงสินค้า พูดถึงผู้นำพูดถึงบริษัท ท่านกำลังทำพลาด อย่างมหันต์ มาก ที่ทำให้ท่านได้ผลลัพธ์แค่ 1-2 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะได้ 1% บทนี้ ผมบอกเลยว่า เปลี่ยนเลยนะครับ ให้มาขายอย่างนี้แทน เอาสินค้าที่จะบอกนี้ขายแทน ผลลัพธ์เปลี่ยนเลย เรารู้อยู่แล้วว่าต้องขายอะไร แล้วเปลี่ยนใช่ไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เปลี่ยนเลยครับเพราะเมื่อก่อน เวลาเราออกไปเจอผู้คน แล้วเมื่อเริ่มพูดเขาก็เห็น ลิ้นไก่เราแล้ว ว่าเราจะพูดอะไร จะพูดถึงบริษัทอะไร จะพูดถึงสินค้าอะไร

แต่พอเปลี่ยนมาใช้วิธีนี้ ตามที่ได้เรียนมา ผลลัพธ์ จากเดิมที่ได้เดือนละไม่กี่คน กลายมาเป็นปีนั้นทั้งปีได้ 700 คน เฉลี่ยก็เดือนละ 60 คน เมื่อเทียบกับออฟไลน์ ก็จะได้ 100% ถ้าอยากรู้ให้ไปดูบทที่ 3 ว่าท่านต้องขายอะไร

บทที่ 4 เราต้องขายอะไร

กมลเวช เมืองศรี:

บทที่ 4 เราจะบอกเลยว่า เราต้องขายสิ่งนี้ ท่านถึงจะเกิดผลลัพธ์ แล้วรับรองว่าไม่ใช่อย่างที่ท่านคิดแน่นอน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 5 เกี่ยวกับมนุษย์แม่เหล็ก มันคืออะไรครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ให้ท่านได้จินตนาการนะครับว่า ที่ผ่านมาท่านไม่เกิดผลลัพธ์ เพราะท่านไม่สามารถดึงดูดผู้คนเข้ามาหาท่านได้

ลูกค้าผู้มุ่งหวัง คนที่พร้อมจะจ่ายเงินให้ท่าน เพราะท่านไม่มีพลัง ในการดึงดูด จึงเปรียบเหมือนกับท่านเป็นมนุษย์ธรรมดา

แต่ถ้าท่านได้เรียนบทที่ 5 ผมจะบอกความลับว่าทำอย่างไร ท่านจะกลายเป็นมนุษย์แม่เหล็ก คล้ายๆ Superman เลย ท่านจะสามารถดึงดูดใครก็ได้ ที่ท่านอยากจะดึงดูดให้เข้ามาหาท่าน

ด้วยวิธีการทำการตลาดที่ฉลาด แล้วก็ง่าย แล้วเปลี่ยนจากที่ท่านต้องวิ่งออกนอกบ้านตลอด มาเป็นนั่งอยู่บ้าน แล้วดึงดูดคนเข้ามา ผมว่ามันน่าจะเป็นสวรรค์ของคนทำธุรกิจจากที่บ้าน

เพราะทุกคนเรียกว่าธุรกิจจากที่บ้าน แต่เวลาทำต้องออกนอกบ้านหมดเลย ตะลอนไปตั้งแต่เชียงใหม่ยันสุไหงโก-ลก ออกไปสปอนเซอร์

บทนี้เป็นบทที่ทรงพลังมาก เพราะผมเผยความลับว่า ท่านจะต้องเป็นคนแบบไหน จะต้องทำอะไร จึงจะทำให้ท่านกลายเป็นมนุษย์แม่เหล็ก เริ่มแปลงร่าง

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 6 กลยุทธ์ที่สร้างผลลัพธ์อย่างเกินความคาดหมาย

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะเราแบ่งปันแล้วว่าเราจะขายอะไรในธุรกิจ เครือข่าย เราควรจะแปลงร่างตัวเองอย่างไร

วันนี้เรามาเข้าสู่กลยุทธ์ ว่าทำอย่างไร ให้ผู้คนนั้นหลั่งไหล เข้ามาหาเราอย่างต่อเนื่อง และเรานั้นขายของได้ และสปอนเซอร์คนได้ ต้องเข้าใจก่อนนะ ว่าต้องมีสเต็ปอย่างไรต้องทำอย่างไร เราถ่ายทอดทั้งหมดอยู่ในบทนี้

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 7 วิธีการสร้างระบบ และขยายธุรกิจแบบสำเร็จรูป ทำอย่างไร

กมลเวช เมืองศรี:

บทนี้เป็นบทที่เรียกว่า เป็นสิ่งที่ผมภาคภูมิใจอย่างมาก ที่ผมไม่เคยหยุดการเรียนรู้ และผมก็ได้รับการโค้ชชิ่ง mentoring จากมหาเศรษฐีทั้งหลาย ที่มีรายได้เป็นพันล้าน ทุกคนพูดเหมือนกันหมด ว่าถ้าอยากจะสร้างธุรกิจให้สำเร็จ ต้องสร้างระบบ

การสร้างธุรกิจจากที่บ้านก็ต้องสร้างระบบ  วิธีแบบเดิมๆ ในการทำรายชื่อเราออกไปสปอนเซอร์ก็คือระบบ แต่ระบบที่เราถ่ายทอดในบทนี้ คือเราเปิดให้ดู ว่าผมสร้างระบบอย่างไร โดยผมสามารถนั่งอยู่ที่บ้านได้ แล้วก็สามารถสร้างผลลัพธ์ได้ทุกวัน มีเงินเข้าทุกวัน มีคนทักเข้ามาสอบถามเรื่องสินค้าและบริการทุกวัน และมีคนสั่งซื้อ หรือขอทำธุรกิจทุกวัน

ถ้าเราทำระบบไว้ดีแล้ว แล้วเราเปิดรับ รับรองว่า หัวกระไดไม่แห้ง บทนี้จะเปิดให้เห็นหมดเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมว่ามันเป็นความใฝ่ฝันของนักธุรกิจ แทบทุกคน ที่อยากมีระบบ เพราะ เมื่อมีระบบแล้ว ก็ให้ระบบทำงานแทนเราเราก็จะสบายขึ้น

มาถึง บทที่ 8 วิธีสร้างผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ทำอย่างไร

กมลเวช เมืองศรี:

ผมมีสโลแกนที่ นิยามให้วิธีการทำการตลาดแบบนี้ แล้วก็ระบบนี้ว่า ใครก็ตามที่เรียนรู้ แล้วเอาไปทำจะได้ผลลัพธ์ แบบเร็วแรงมาก

  • เร็ว คือได้ผลลัพธ์เร็วมาก คนอื่นอาจจะได้ผลลัพธ์ 3 ปี 5 ปี กว่าจะทำเงินได้เท่าเรา แต่ของเราเร็วมาก 1 เดือนอาจจะทำได้เกินคนทำมามากกว่า 10 ปี
  • แรง คือได้ผลลัพธ์แรงมาก ขึ้นตำแหน่งเร็วสุด ทำเงินแรงสุด
  • มาก คือทำเงินได้มาก มันเร็วเพราะเราได้ใช้เทคโนโลยีช่วย

ผมถามว่า ถ้าท่านนัดคนหนึ่งคนอยู่ชลบุรี ท่านอยู่กรุงเทพฯ กว่าที่ท่านจะได้คุยกับเขา อย่างน้อยต้อง 2 ชั่วโมงแล้ว ระบบเก่าต้องนัดเจอกัน อาจจะ 2 คนรุม 1 คน 3 คนรุม 1 คน เราก็โดนมาหมดแล้ว

ซึ่งในสิ่งที่ไม่ชอบนี่แหละเขาก็สอนให้เราทำกัน เพราะเขาไม่รู้สิ่งที่ดีกว่านั้น เราก็เลยเชื่อและทำตาม สิ่งที่เขาสอนเรา ไม่ใช่ไม่ดี แต่วิธีการมันมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว

เร็วอย่างไรเหรอ เอาง่ายๆว่ากว่าจะเดินทางจากกรุงเทพฯไปชลบุรี เพื่อคุยกับคน 1 คน แต่ถ้าใช้ระบบของผม ผมใช้เวลาเซ็ตอัพแค่ 5 นาที ผมสามารถใช้สื่อสารกับคนได้ 50,000 คน ไม่ใช่คนเดียวนะ 50,000 คน

นี่เป็นการกลับทิศทางเลยนะครับ แต่ก่อนที่เราพา 1-5 คนไป คุยกับคนหนึ่งคน แต่ตอนนี้เปลี่ยนจากคุย เราคนเดียว คุยกับคนที่ 5 หมื่นคนนี่แหละครับจึงทำให้ได้ผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว

เชษฐวิทย์ สิงขร:

บทที่ 9 ระบบแห่งความสำเร็จ

กมลเวช เมืองศรี:

ต่อยอดจากบทที่แล้ว บทที่แล้วพูดถึงความเร็ว ในบทนี้จะพูดถึงถ้าท่านอยากมีระบบเป็นของตัวเองท่านจะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อ setup ระบบนี้ให้เกิดขึ้นได้

ยกตัวอย่างเช่น ท่านต้องมีหน้าไว้ดักจับรายชื่อผู้คนเพราะท่านไม่ดักจับ ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์ ท่าน จะสามารถติดตามผลเข้าได้อย่างไร

ในเมื่อระบบเดิมๆ ฉันเดินทางไปชลบุรี เสร็จแล้วเขาบอกขอคิดดูก่อน แล้วท่านก็เดินทางกลับบ้าน แล้วท่านก็มีเบอร์ของเขาอยู่ในโทรศัพท์ แต่ เมื่อโทรไปเขาไม่รับสายแล้ว หรือไม่เมื่อโทรไป เขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ได้ยังไม่ได้คิดเลย

เพราะท่านไม่มีระบบในการติดตามผลที่ดี ในบทนี้ ผมจะอธิบายอย่างละเอียดเลยว่า ผมเริ่มต้นจากเครื่องมืออะไร ผมทำอะไร ทำอย่างไรกับคนที่ไม่ซื้อ หรือคนที่ซื้อแล้วเราจะพาเขา เข้า กระบวนการอย่างไร เพื่อให้พวกเขานั้นเกิดผลลัพธ์แบบเดียวกับเราด้วย อยู่ในบทนี้แล้วครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

โอ้โหมองเห็นภาพเลยนะครับ ทุกท่านที่ได้ฟังอย่าไปคิดว่ามันยุ่งยาก มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะครับ ระบบนี้ง่ายมาก เพราะตอนที่ผมเริ่มเรียนแรกๆ ก็ไม่ได้มีทักษะอะไรเลย มาเรียนรู้ลงมือทำ ค่อยๆทำ มันก็ได้ผลลัพธ์ เอาล่ะครับมาถึงบทที่ 10 หัวใจของความสำเร็จในชีวิต

บทที่ 10 หัวใจของความสำเร็จในชีวิต

กมลเวช เมืองศรี:

ในบทนี้นะครับ พูดถึงการเป็นเจ้าของระบบ ที่เราพูดมาใน 9 บท ที่ผ่านมา สมมุติว่าท่านเห็นภาพแล้ว ว่าท่านจะต้องสร้างระบบอย่างไร บทที่ 10 ผมจะแบ่งปันว่าท่านจะต้องเป็นคนแบบไหน จึงจะใช้ระบบนี้แล้วประสบความสำเร็จ

สำคัญมากเลยเพราะว่า ถ้าอำนาจที่ส่งพลังไปอยู่ในมือ คนผิด อำนาจนั้นน่ากลัวนะครับ แต่ถ้าอำนาจ ที่ผมสอน มันมีพลังมากในการทำการตลาดที่ทรงพลัง ไปอยู่ในมือคนที่ถูกมันก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตคน บทนี้จะพูดถึงสิ่งเหล่านั้น

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เราได้ฟังว่ามีเนื้อหาขนาดนี้คิดว่าราคาต้องแพง แน่ๆเลยคอร์สนี้

กมลเวช เมืองศรี:

คอร์สนี้ถ้าผมรู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงชีวิตผมมาขนาดนี้ ราคาแสนนึงผมก็จ่าย เพราะผมเป็นคนจ่ายเงินมากกว่าแสนอยู่แล้วในการเรียนวิชา ต่างๆ คอร์สของเดือนที่แล้วเพิ่งสมัครเรียน เพื่อยกระดับตัวเองนั้น   ราคาสองแสนเจ็ดหมื่นบาท

เพราะฉะนั้น คอร์สนี้ คิดแสนนึง ถือว่าถูกเกินไปด้วยซ้ำ แต่เราไม่ได้คิดราคา ขนาดนั้นหรอก คอร์สนี้ หมื่นนึงก็ยังถือว่าถูก แต่เราเปิดให้ผู้คนทั่วไปสามารถเรียนได้ ด้วยราคาที่ถูกมาก แค่ 2,997 บาท

สมัครเรียนแล้ว เรียนได้ตลอดชีวิต ไม่มีหมดอายุ ไม่มีตัด สมัครครั้งเดียวดูซ้ำกี่รอบก็ได้ ดูย้อนกี่รอบก็ได้ ถ้าไม่เข้าใจก็ดูไปเลย 50 รอบ ดูจนกว่าจะเข้าใจ

จริงๆแล้วยังมีเรายังมีโบนัส พิเศษ

บทที่ 11 พิมพ์เขียวแห่งความสำเร็จ

ผมกางให้เห็นเลยว่าถ้าวันนี้ผมเริ่มต้นจากศูนย์ แล้วถ้าผมต้องการเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ผมต้องทำอะไรบ้าง step by step การให้เห็นทีละขั้นทีละตอน ว่าหนึ่งต้องทำแบบนี้ สองต้องทำแบบนี้ สามต้องทำแบบนี้

บทที่ 11 มีวีดีโอแบ่งออกเป็น 4 ตอนใหญ่ นี่คือโบนัสพิเศษ ชำแหละระบบให้ดู ว่าผมทำอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เรียกได้ว่าราคานั้นจับต้องได้ 2,997 บาท และก็สามารถเรียนที่ไหนก็ได้ ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพราะเรียนผ่านออนไลน์ เรียนได้ไม่มีวันหมดอายุ บนอุปกรณ์อะไรก็ได้มือถือคอมพิวเตอร์ iPad

 สุดท้ายสำหรับวันนี้ ท่านใดรู้รายละเอียดของคอร์สนี้ ว่าท่าน จะได้คุณค่าอะไรที่จะนำมาเปลี่ยนชีวิตของท่าน อย่าลืมกดถูกใจกดแชร์กดติดตาม หรือ เขียนความเห็นลงไป

ตั้งคำถามมานะครับ ในช่อง comment ได้เลย ถ้าท่านดูอยู่ใน YouTube ก็กด Subscribe กดสั่นกระดิ่งด้วย เพื่อท่านจะได้ไม่พลาดข้อมูลสำคัญจากเรา

กมลเวช เมืองศรี:

ท่านสามารถกดลิงค์เพื่อเข้าไปดูเนื้อหาของคอร์สนี้ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ได้ เลยนะครับ คลิกเข้าไปดูได้ สำหรับวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

สปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ช่างยากเหลือเกิน จะแก้ไขอย่างไร?

สปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ช่างยากเหลือเกิน จะแก้ไขอย่างไร?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ผมเพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย ทำมา 4 เดือนแล้ว เดือนนี้เข้าเดือนที่ 5 พยายามสปอนเซอร์ ก็สปอนเซอร์ได้ 1 คน ก็ซื้อกิน ซื้อใช้ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น ผู้มุ่งหวังคนนี้ก็หายไป จะสปอนเซอร์หาคนใหม่ก็ยากเหลือเกิน ขอคำแนะนำด้วยครับ 

วีดีโอ “สปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ช่างยากเหลือเกิน จะแก้ไขอย่างไร?”

หนังสือเสียง 

“สปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ช่างยากเหลือเกิน จะแก้ไขอย่างไร?”

บทความนี้เราจะพูดเกี่ยวกับเนื้อหาดังนี้ :

  1. ปรับทัศนคติ
  2. พัฒนาวิธีการสื่อสารกับผู้คน
  3. พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการสร้างธุรกิจเครือข่าย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

สวัสดีครับ ก็มาพบกับช่วงจ่ายยา กับเราสองคนนะครับ วันนี้มีคนไข้ ก็คือนักธุรกิจ ออนไลน์ กำลัง มีปัญหา เขียนคำถามมา

สวัสดีครับอาจารย์กมลเวช ผมชื่อสุทัศน์ เพิ่งจะเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย ทำมา 4 เดือนแล้ว เดือนนี้เข้าเดือนที่ 5 พยายามสปอนเซอร์ ก็สปอนเซอร์ได้ 1 คน ก็ซื้อกินซื้อใช้ได้แค่ 2 เดือนเท่านั้น ผู้มุ่งหวังคนนี้ก็หายไป จะสปอนเซอร์หาคนใหม่ก็ยากเหลือเกิน ขอคำแนะนำด้วยขอบคุณครับกมลเวช เมืองศรี:

ขอบคุณคุณสุทัศน์นะครับ ที่ได้ถามปัญหามา ซึ่งผมบอกเลยว่าปัญหาที่กำลังเจออยู่นี้ นักธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้นใหม่เจอกันหมดทุกคน แม้กระทั่งเราสองคน

ถ้าท่านไม่ใช่ คนที่มี อิทธิพล ต่อคนมากๆ เป็นหัวหน้าคน เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่ ที่มีคนรู้จักพูดอะไรคนก็เอาด้วยหมด รับรองว่าจะต้องเจอปัญหา จากธุรกิจเครือข่ายแน่ๆ

คือชวนแล้วเขาไม่เห็นภาพ ชวนแล้วเขาไม่สมัครทำธุรกิจด้วย หรือสมัครแล้วก็ไปต่อไม่ได้ เพราะเราก็ไม่รู้จะสอนอะไร นี่คือปัญหาโลกแตกของธุรกิจเครือข่าย

เพราะฉะนั้นคลิปนี้นะครับ ผมเชื่อว่าถ้าท่านเป็นนักธุรกิจเครือข่ายและต้องการรู้ว่า ทางออกของปัญหานี้ ต้องทานยาอะไร เพื่อที่ท่านจะได้หายจากปัญหานี้ เพราะเราสองคนก็เคยป่วยแบบนี้มาก่อน และเราก็กินยาก่อน พอกินยาก็หาย ตอนนี้เราไม่ต้องกินยาอีกเลย

แล้วเราก็มาแบ่งปันยานี้ให้กับทุกท่าน เรามาเริ่มต้นแบบนี้ดีกว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ แตกต่างจากแทบธุรกิจบนโลกนี้ คน 99.99% ที่ทำธุรกิจเครือข่ายไม่เข้าใจมันเชษฐวิทย์ สิงขร:

คือถ้าคุณเข้าใจธุรกิจเครือข่าย คุณจะทำทันทีเลยครับ แต่ถ้าคนไม่เข้าใจ เขาก็จะไม่ทำ

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่ ไม่ทำแล้วยังไปห้ามคนอื่นไม่ให้ทำด้วย หรือเข้ามาทำแล้ว ก็เลิกทำ เป็นคำพูดที่ถูกต้องมาก

ถ้าคนบนโลกนี้เข้าใจธุรกิจเครือข่าย เหมือนอย่างที่เราเข้าใจ ถ้าเขาเจอโอกาสดีเขาจะรีบทำทันที ทำทันทีและทำให้สำเร็จ

เพราะมันเป็นธุรกิจที่ลงทุนต่ำความเสี่ยงน้อย ผลกำไรสูง สามารถสร้าง Passive Income หรือรายได้ที่ไม่ต้องทำก็ยังได้เงิน ไปตลอดชีวิตได้

แต่มันจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ

ผมจะแบ่งปันครับว่าท่านจะต้องทานยาอะไรบ้าง ออกเป็น 3 ขนาน ถ้าท่านทานยานี้เข้าไปแล้วรับรองว่า ธุรกิจท่านจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน

1.ปรับทัศนคติ

ท่านจะต้องทานยาปรับทัศนคติของตัวเอง การทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องของความเข้าใจ และเรื่องของทัศนคติ ของผู้ที่ทำธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

การที่ท่านได้เข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย โดยส่วนมาก จะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์มาก่อน และโดยส่วนมาก จะทำงานประจำอยู่ หรือเคยทำงานประจำมาก่อน กลุ่มคนกลุ่มนี้ที่ทำงานประจำ หรือไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจอะไร ให้ประสบความสำเร็จมาก่อนเลย จะมีทัศนคติอยู่ อย่างหนึ่ง 

ผมต้องออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้ว่างานประจำไม่ดีนะครับ ผมก็ทำงานประจำมาก่อน โค้ชแนม ทำงานประจำมาก่อน พ่อแม่เราก็ทำงานประจำเลี้ยงดูเราจนเติบโตมาก่อน ผมไม่มีปัญหาอะไรกับงานประจำ

เพียงแต่ว่า ทัศนคติของคนทำงานประจำ มันจะมีทัศนคตินึงที่ถูกปลูกฝังอยู่ในหัว แทบทุกคน

แล้วทัศนคตินี้ส่วนมากแล้วทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเขาก้าวเข้ามาทำธุรกิจ ทัศนคตินี้เรียกว่าทัศนคติของคนทำงานประจำ

คนทำงานประจำนั้น โดยเบื้องลึกของจิตใจแล้ว การที่ทำให้เขาลุกขึ้นแต่เช้า เช่นทำงานเริ่ม 05:00 นต้องลุกขึ้น 4:00 น 3:00 น แรงผลักดันของคนที่ทำงานประจำ เขาต้องตื่นแต่เช้าไปทุกวัน แล้วไม่กล้าขาดไม่กล้าสายไม่กล้าลา เพราะกลัวตกงาน

เราเคยเป็นกันหมดเจ้านายสั่งอะไรเรา ครับๆ ยินดีทำได้ครับนาย สบายทุกอย่าง เป็นเพราะว่าแรงผลักดัน กลัวการสูญเสีย ความมั่นคงในงานประจำ กลัวโดนไล่ออก แล้วจะไม่มีรายได้

เราไม่มีทักษะที่จะไปสร้างรายได้ในช่องทางอื่น ธุรกิจเราก็ยังทำไม่เป็น ดังนั้นคนทำงานประจำจะถูกแรงผลักดัน ที่เรียกว่า Fear of loss แปลว่าการกลัวการสูญเสีย 

เขาจะไม่กล้าขยับทำอะไรเลย กลัวความสูญเสีย กลัวความมั่นคง และความมั่นคงจะเป็นแบบนี้คือ

สัญญาก่อนสิว่าฉันทำแล้วฉันจะได้เงิน ถ้าเธอสัญญาว่าฉันทำแล้วจะได้เงินแน่ๆ ทุกสิ้นเดือนฉันจะไปทำงานประจำ สัญญาใช่ไหมครับว่าสิ้นเดือนจะได้เงิน นี่คือคำสัญญาของงานประจำ

เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้เขาจะยึดติดกับทัศนคติที่ว่า สัญญาก่อนนะ ทำให้เห็นก่อนนะว่าทำแล้วได้แน่ แล้วฉันจะทำ คราวนี้ถามโค้ชแนมในฐานะของผู้ที่ เคยทำงานประจำ แล้วก็เข้ามา สร้างธุรกิจจากที่บ้าน ในธุรกิจมันสัญญาได้ไหม ว่าทำแล้วจะได้เงินทันที ในเดือนถัดไป

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ธุรกิจไม่ได้สัญญานะครับว่า เราทำแล้วจะได้ธุรกิจเลย ไม่มีการสัญญานะครับ

กมลเวช เมืองศรี:

อย่างนี้ถ้าฉันไปทำก็มีความเสี่ยงนะสิ ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เอาดีกว่ามีความเสี่ยง ใช่ไหมครับทุกท่าน

คนทั่วไปจะคิดอย่างนี้ บางคนก็กล้าเสี่ยง แล้วก็ลองเข้ามาทำสัก 1 อาทิตย์ 1 เดือน 2 เดือนหรือ 3 เดือน แล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ เหมือนกับที่คุณสุทัศน์ถามมาที่ทำได้แล้ว 5 เดือน สปอนเซอร์คนได้ 1 คน เสร็จแล้วคนนั้นก็ไม่ทำต่อ

ผมก็ไม่แน่ใจนะครับว่าคุณสุทัศน์เคยทำงานประจำมาก่อนหรือเปล่า แต่ถ้าตอนนี้กำลังรู้สึกเคว้งคว้างไปต่อไม่ได้ ผมแนะนำว่าจากนี้ไป ถ้าเราต้องการที่จะสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

อย่าใช้ชีวิตด้วยแรงผลักดันของการ กลัวการสูญเสีย ของความมั่นคง

เพราะในธุรกิจ มันจะมั่นคงได้เราต้องมั่นคงก่อน มั่นคงในทัศนคติและความคิดว่า มันจะมี Learning Curve คือ เวลาของการเรียนรู้ เราจะต้องให้เวลา ในการเรียนรู้อย่างน้อย 6 เดือน

เพราะมีสูตรอยู่สูตรนึง เป็นสูตรแห่งความสำเร็จถ่ายทอดโดย ดอน เฟียล่า ผู้เขียนหนังสือโด่งดัง การนำเสนอ 45 วินาที ดอน เฟียล่าเป็นคนหนึ่งที่ทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จมีองค์กรธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 8 แสนคน คงไม่ต้องนึกว่ารายได้ต่อเดือนเขาจะกี่ล้าน

อ่านบทความเกี่ยวกับวิธีการนำเสนอ 45 วินาที

ดอน เฟียล่า แบ่งปันไว้อย่างนี้ครับว่า เราต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ในการเรียนรู้ เพื่อจะสร้างธุรกิจเครือข่ายให้เกิดผลลัพธ์และประสบความสำเร็จ และเพื่อที่จะสร้างรายได้ 6 หลัก

นั่นหมายความว่าใครก็ตาม ที่ทำตามสูตรความสำเร็จนี้ในธุรกิจเครือข่ายได้ ใน 6 เดือน เขาจะต้องมีรายได้แบบ Passive Income 6 หลัก โค้ชแนม ว่าเร็วไหม การทำหกเดือนแล้วมี Passive Income 6 หลักเชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมว่าเร็วๆนะครับ เมื่อเทียบกับธุรกิจทั่วไป

กมลเวช เมืองศรี:

และเมื่อเราเรียนวิชานี้แล้วเราจะสามารถทำได้จริงนะครับ เพราะฉะนั้นท่านที่ทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ ซึ่งหลายคนทำมา 10-20 ปีแล้วยังไม่ไปไหนเลย เหมือนพายเรือวนอยู่ในอ่าง เพราะฉะนั้นเอาใหม่ กลับมาตั้งลำใหม่

ในข้อที่ 1 คือวิธีคิด คือการทำให้มากพอจนเกิดเป็นทักษะ ฝึกวิชา ท่านจะต้องสร้างผลลัพธ์ได้อย่างแน่นอน ผมแบ่งปันวิธีคิดจากเศรษฐีท่านหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย

เศรษฐีท่านนี้ทำธุรกิจมา เมื่อ 10 ปีก่อนเขาเล่าให้ผมฟัง เขาทำธุรกิจเครือข่ายในอุตสาหกรรมลดน้ำหนัก ดูแลผิว ซึ่งเขาไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายประสบความสำเร็จมาก่อน เป็นคนธรรมดา

เขาได้รับการสอนจากผู้แนะนำของเขา คนที่จะช่วย สอนเขาให้ประสบความสำเร็จ ผู้แนะนำเขาบอกว่า ธุรกิจเครือข่ายนั้นง่ายมากๆ ถ้าคุณทำแบบที่ผมบอกได้ คุณต้องทำสำเร็จเป็นเศรษฐีเงินล้านแน่นอน

วิธีนั้นง่ายนิดเดียวคือคุยกับคนวันละ 10 คน ถ้าคุณสัญญากับตัวเองแล้ว คุณสัญญากับผมได้ ว่าคุณจะคุยกับคนวันละ 10 คน ผมการันตี ว่าไม่เกิน 1 ปี คุณจะต้องรวยเป็นเศรษฐีเงินล้านแน่นอน

ผลปรากฏว่า สุภาพบุรุษท่านนี้ เขาก็บอกโอเค จากนี้ไปผมสัญญากับคุณและกับตัวผม ว่าผมจะคุยกับผู้คน ทั้งรู้จักและไม่รู้จัก ในเรื่องโอกาสทางธุรกิจที่ผมกำลังทำอยู่นี้ วันละ 10 คน โดยไม่คาดหวังผลลัพธ์

ดังนั้นทุกเช้าเขาจะตื่นขึ้นมาแล้วแต่งตัว ออกไปพบปะผู้คนออกไปคุยกับคนอื่น แบบตัวต่อตัว สมัยก่อน facebook ,YouTube ยังไม่มี อินเทอร์เน็ตยังไม่ ได้ใช้กันเลย

เขาก็เดินคุยกับคนอื่น ทำความรู้จัก เจอกันที่ไหนก็คุยแบ่งปัน ถึงเรื่องโอกาสทางธุรกิจ โดยการถามว่า

ถ้าฉันมีช่องทาง ในการทำให้คุณมีรายได้เพิ่ม เดือนละ 5,000 ถึง 20,000 คุณอยากจะดูไหมอยากจะฟังไหม

เขา มีเทคนิคก็คือ ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา ก่อนออกจากบ้านก็จะเอาเหรียญใส่กระเป๋า ข้างซ้าย จำนวน 10 เหรียญแล้วก็ออกไปทำงานใช้ชีวิต ออกไปสปอนเซอร์ออกไปคุย

เมื่อคุยโอกาสกับ 1 คนก็ย้ายเหรียญจากกระเป๋าซ้ายมาอยู่ด้านขวา เมื่อคุยครบ 10 คนถึงจะกลับบ้านได้ ถ้าคุยไม่ครบ ก็จะไม่กลับบ้าน

เขาทำอย่างนี้ติดต่อกันประมาณ 4-5 ปี รายได้ล่าสุด จากการที่ทำแค่นี้ เขามีรายได้ 4.5 ล้านบาทต่อเดือน

ทุกท่านพร้อมจะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เพื่อความสำเร็จหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาทำคือสิ่งที่จำเป็นต่อความสำเร็จ ธุรกิจเครือข่ายมันไม่มีหน้าร้าน เราจะต้องทำการตลาดด้วยตัวเราเองให้เป็น

วิธีการทำการตลาดตัวเราง่ายที่สุดก็คือออกไปคุยออกไปลุย สุภาพบุรุษท่านนี้เขา พัฒนาทัศนคติเพื่อความสำเร็จ

ผมอยากจะบอกกับทุกท่านว่ามันมีงานต้องทำนะครับ ถ้าท่านทำงานประจำมา 10 ถึง 30 ปีแล้วยังไม่รวย แต่ถ้าท่านมาฝึกวิชาแล้วทำอย่างที่ สุภาพบุรุษในตัวอย่างนี้ทำ เขาฝึกว่าจะต้องพูดอย่างไร พาคนเข้าระบบอย่างไรสปอนเซอร์คนอย่างไร ทำติดต่อกัน 6 เดือน

นั่นหมายความว่าถ้า 10 วัน ก็จะคุยกับ 100 คน หนึ่งเดือนก็คุยได้ 300 คน ถ้า 6 เดือนก็จะคุยได้ 1,800 คน

ถ้าท่านคุยกับคน 1,800 คน หรือถ้าเป็นยุคนี้ใช้วิธีออนไลน์สื่อสารกับผู้คน มันยิ่งง่ายมากเลยแต่ยังไม่พูดตอนนี้นะครับ

ผมบอกเลยว่ายุคนี้เป็นยุคที่ทำธุรกิจออนไลน์ขายตรงเครือข่าย ได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่ายุคก่อนเป็น 10 เท่า ไม่มียุคไหนที่จะง่ายกว่ายุคนี้อีกแล้ว แต่ท่านจะต้องเรียน

ท่านพร้อมที่จะพัฒนาทัศนคติหรือเปล่า ถ้าพร้อม comment ลงไปนะครับ แสดงความคิดเห็นให้ผมทราบด้วย ว่าท่านพร้อมจะพัฒนาทัศนคติอะไร ไม่จำเป็นต้องเหมือนสุภาพบุรุษแค่นี้ก็ได้

คือคุยกับคนวันละ 10 คน ท่านอาจจะพร้อมคุยกับคนละ 2 คน 5 คน ขอให้ตัดสินใจและมีวินัย และรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง วิธีการอีกวิธีหนึ่งที่ดีนั้นก็คือ หาบัดดี้ และบัดดี้ที่ดีที่สุดก็คืออัพไลน์ของท่านนั่นแหละ

สมมุติว่าโค้ชแนมเป็นอัพไลน์ผม ผมก็จะบอกเลยว่า ผมขอให้สัจจะวาจา ว่าผมจะคุยกับคุณวันละ 10 คน ถ้าผมไม่คุยกับคนวันละ 10 คนผมจะไม่นอน ผมจะเล่าต่อว่าสุภาพบุรุษ ท่านนี้ หลังจากมีรายได้ 4.5 ล้านบาทต่อเดือนแล้ว เขามีบ้านใหญ่เป็นคฤหาสน์ อยู่ในหมู่บ้านที่แต่ละบ้านนั้น ต้องเดินกันเหนื่อยกว่าจะเจอกัน เพราะว่ารวยมากแต่ก็ยังไม่หยุดทำ

มีอยู่วันหนึ่งเขาออกไปทำเหมือนเดิม พกเหรียญ 10 เหรียญไปในกระเป๋าเหมือนเดิม แล้วก็ทำงานทั้งวัน พอกลับบ้าน ถอดเสื้อผ้ากำลังจะอาบน้ำ ล้วงลงไปในกระเป๋า เจอเหรียญ อยู่ 1 เหรียญ แสดงว่ายังไม่ได้คุยกับคน อีก 1 คน

แล้ววันนั้นฝนตกหนัก ตอนที่กลับบ้านนั้นประมาณ 23:30 น ฝนตกหนัก ถ้าเป็นคนทั่วไป เขาจะให้อภัยตัวเองไหมครับ ทำมา 4 ปีตอนนี้รายได้ 5 ล้านบาทต่อเดือนแล้ว น่าจะเข้านอนหลับสบายได้แล้ว

แต่สุภาพบุรุษท่านนี้รักษาสัจจะวาจาที่ได้ให้ไว้ เขาก็เลยยังไม่นอน เขาก็คิดว่าจะทำอย่างไรดี มองออกไปข้างนอก ฝนก็ตกทำอย่างไรดี แล้วแต่ละบ้าน ก็นอนหลับหมดแล้ว แล้วจะโทรไปหาใคร 23:30 นแล้ว

เขาก็มองไปหน้าบ้านเจอรถขยะ เขาดีใจมากวิ่งคว้าร่ม รีบวิ่งไปหารถขยะ แล้วขอคุยกับคนเก็บขยะ ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ถ้าผมมีช่องทางที่ทำให้คุณมีรายได้ เพิ่มอย่างน้อย 5,000 ถึง 20,000 บาท ต่อเดือน แต่ถ้าคุณทำดีๆ อาจจะมีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือน ได้เลยนะครับภายใน 1-3 ปีนี้ คุณอยากฟังข้อมูลไหม อยากรู้ไหมว่าทำอย่างไร

ทายสิครับว่าคนเก็บขยะตอบว่าอย่างไร คนเก็บขยะตอบว่าไม่อยากดู ผมไม่เชื่อคุณหรอก ฉันมีความสุขกับอาชีพเก็บขยะของฉัน ทุกท่านคิดว่าสุภาพบุรุษท่านนี้จะเสียใจหรือไม่ ไม่เสียใจแน่นอนเพราะไม่ต้องการผลลัพธ์

และเขาขอบคุณ คนเก็บขยะ เพราะผมจะได้นอนแล้ว แล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้านกลับไปนอน วัตถุประสงค์คือวินัย แล้วก็โฟกัสที่จะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อประสบความสำเร็จเชษฐวิทย์ สิงขร:

ไม่แปลกใจเลยนะครับที่เขาประสบความสำเร็จ เพราะเขาทำต่อเนื่องและมีวินัย

กมลเวช เมืองศรี:

ทุกท่านครับนี่คือ ทัศนคติของผู้ที่ ประสบความสำเร็จ มีโฟกัสและมีวินัยที่จะทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อความสำเร็จ ตั้งเป้าไว้ทุกวันก็คือทุกวัน สิ่งที่เขาทำก็คือ

Marketing direct Talk การตลาดของเขาคือพูดปากต่อปาก

เขาก็พูดอย่างนี้ จนเขาชินเขาสามารถพูดได้กับทุกคน เพราะเขาขอแค่คำปฏิเสธวันละ 10 คน ก็คือทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วเขาก็ถ่ายทอดปรัชญานี้ให้กับทีมงาน ของเขา นั่นคือสาเหตุ ที่ทำให้ทีมงานของเขาโต เขาจึงมีรายได้แบบ Passive Income เดือนละ 4.5 ล้าน เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมากกว่า 10 ปีที่แล้ว ท่านว่าตอนนี้เขาจะรวยเท่าไหร่ น่าจะหลายสิบเท่าเลยครับจงใช้ชีวิตของการเรียนรู้ พร้อมที่จะเสี่ยง และอย่าหาความมั่นคงก่อนการทำธุรกิจ 

เมื่อเราปรับทัศนคติของการไม่กลัวความสูญเสีย ฉันรู้ว่าทำธุรกิจช่วงแรกไม่ได้ผลลัพธ์แต่ฉันต้องการทักษะคนทั่วไปมักคาดหวังผิด

ส่วนใหญ่ต้องการผลลัพธ์ทันที ขอถามหน่อยนะครับ เข้าใจธุรกิจหมดหรือยัง สินค้าอธิบายได้หมดหรือไม่ แผนการตลาดรู้หมดหรือยัง เจอคำถามเวลาเขาโต้เถียงมาตอบได้หรือไม่

นักธุรกิจเครือข่ายสักคนนึง กว่าจะรู้เรื่องราวทั้งหมด คิดว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ที่แนะนำก็คือ 6 เดือนเป็นอย่างน้อย จะให้เก่งเทพจริงๆ ต้องเป็นปีครับ

ธุรกิจเครือข่ายนั้นปีแรกเป็นปีแห่งการตั้งไข่ แล้วถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่าย มาก่อน แล้วเห็นว่ามันเป็นไปได้ ถ้าท่านเลิกไปก่อน ผมขอแนะนำว่าให้เข้ามาใหม่อีกครั้ง แล้วเข้ามาแบบรู้จริงๆ แล้วพร้อมจะพัฒนาทักษะจริงๆ ฉันจะมีรายได้แบบเศรษฐี ที่ผมเล่าให้ฟัง หลังจากที่เราพัฒนาวิธีคิดแล้ว รู้ว่าเราไม่ได้รวยทันที ภายใน 1 เดือนแรกอย่างแน่นอน

2.พัฒนาวิธีการสื่อสารกับผู้คน

อย่างที่ 2 ท่านต้องพัฒนาวิธีการสื่อสารกับผู้คน ซึ่งวิธีคิดนั้นสำคัญ 80% วิธีสื่อสารสำคัญ 15%

การที่เศรษฐีท่านนั้นไปคุยกับคนเก็บขยะ นี่คือการสื่อสาร ดังนั้นในธุรกิจเครือข่าย ต่อให้ท่านไม่มีเครื่องมือออนไลน์อะไรเลย ถ้าท่านรู้จักวิธีการสื่อสาร คุยกับคนให้เป็น คนส่วนมากสื่อสารไม่เป็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจเครือข่าย คิดว่าการสื่อสารคือต้องพูดให้มากที่สุด มาถึงก็พูดอย่างเดียวสินค้าสาธิต แผนการจ่ายผลตอบแทน ยิ่งพูดมาก ยิ่งไม่ได้ ยิ่งล้มเหลว

เพราะว่าสูตรแห่งความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย มีอยู่สูตรนึง ว่าไว้แล้วผมเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ คือพูดให้น้อยที่สุด แล้วต้องสอนทีมงานด้วยว่าอย่าพูดให้มาก ยิ่งพูดมากคนจะยิ่งคิดว่าเขาทำไม่ได้

เพราะคนส่วนมากที่ท่านไปหานั้น เขาอาจจะไม่เคยทำธุรกิจเครือข่าย มาก่อน เขาก็จะนั่งฟังท่านพูด หลายชั่วโมงแล้ว พูดคล่องจังเลย ท่านพยายามโชว์ความเก่ง แต่ในใจเขาคิดว่าอะไร ท่านเคยถามเขาไหมว่า เขาคิดอะไรอยู่

แล้วที่ท่านคุย 2 ชั่วโมง ท่านเคยถามก่อนไหม ว่าเขาอยากฟัง หรือไม่ ถ้าท่านไม่เคยแสดงว่าท่านยังสื่อสารไม่เป็น

ดังนั้นการที่จะทำให้ใครก็ตาม เปิดใจ ถามเขาก่อนสักนิดว่า ถ้าฉันมีช่องทางที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนได้ เราจะมีรายได้ หลักหมื่นถึงแสนภายใน 6 เดือนนี้ เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง โดยทำแบบ Part Time แต่ในต้องใช้เวลาฟังข้อมูล ซัก 1 ชั่วโมง พอจะจัดเวลาฟังข้อมูล 1 ชั่วโมงนี้ได้หรือไม่

ต้องถามก่อน ถามให้เป็น สื่อสารให้เป็น ผมจะเริ่มต้นด้วยการไม่ยัดเยียดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้กับผู้มุ่งหวังก่อน ผมจะถามก่อนว่า ถ้ามันต้องแลกกับข้อมูลคือชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์

สมมุติว่าผมทำออนไลน์ ผมทำ presentation ในหน้าถัดไป แต่ผมจะล็อคไว้ก่อน ถ้าคนอยากดูเขาจะต้องแลกชื่อ อีเมลเบอร์โทรศัพท์ ถ้าเขาไม่ให้ผมก็ไม่ให้ดู ถ้าเขาพร้อมแลกมาผมก็จะให้ดู presentation เกี่ยวกับบริษัทของเรา ยกตัวอย่างนะครับ นี่คือสาเหตุที่ทำให้เรานั้นเปิดใจผู้มุ่งหวังได้เชษฐวิทย์ สิงขร:

เวลาที่เราฟังข้อมูลโดยไม่เต็มใจนั้น ขณะที่ฟังก็กำลังคิดว่า จะปฏิเสธอย่างไรดี

กมลเวช เมืองศรี:

ถ้าเราไม่ถาม เขาจะไม่เต็มใจฟังถูกไหมครับ แต่ถ้าเราถามแล้วเขาตอบรับ แสดงว่าเขาเต็มใจ ดังนั้นถ้าท่านอยากให้คนทำอะไร ในสิ่งที่ท่านอยากให้เขาทำ ท่าน ต้องทำให้เขาเต็มใจทำ ด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100%มีคำถามอีกคำถาม ที่ถามว่า พอเขาเข้ามา เขาอยู่แค่ประมาณ 2 เดือน ก็เลิก ผมจะผ่า ปัญหานี้ให้ฟังว่าทำไมเขาจึงเลิก

  • ข้อที่ 1 เขาไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ เขาไปชวนคน ถ้าไม่ได้สอนเขา และท่านก็ไม่รู้ว่าจะสอนเขาอย่างไร ท่านก็ปล่อยให้เขาไปชวนคน และเขาโดนปฏิเสธมา เขาเจ็บ เขาไม่ได้เงิน เขารู้สึกท้อแท้ รู้สึก ว่าไม่รู้จะไปยังไงต่อ เขาก็เลยเลิก
  • กับอีกข้อหนึ่ง ท่านไม่ได้สอนวิธีการสื่อสารให้กับเขา ไม่ได้สอนวิธีการสปอนเซอร์ให้กับเขา และเขาก็ไปต่อไม่ได้ ส่วนมากนี่คือปัญหาที่ทำให้คนเลิก

3.พัฒนาทักษะที่จำเป็นในการสร้างธุรกิจเครือข่าย

เพราะฉะนั้นถ้าท่านอยากทำให้ ท่านประสบความสำเร็จในการสร้างองค์กรธุรกิจ เครือข่าย ท่านต้องเรียนทักษะดังนี้

3.1 Prospecting – การสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง

วิธีการ Prospecting หรือการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง การเข้าหาผู้คน การตั้งคำถามคน ท่านมีญาติพี่น้อง และลิสรายชื่อมา จะ 5 หรือ 10 รายชื่อหรือ 100 รายชื่อ ก็ตาม

แทนที่ท่านจะไปนำเสนอทุกอย่าง ให้กับผู้มุ่งหวัง ท่านจะต้องถามแต่ละรายชื่อว่า ถ้าฉันมีช่องทางที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณได้ ทำให้คุณมีรายได้เพิ่ม อยากดูข้อมูลมั้ย อยากฟังหรือไม่ ถามแบบนี้ไม่เกิน 1 นาที ถ้า 100 รายชื่อก็ 100 นาที

นั่นหมายความว่า ถ้าท่านทำการตลาดเป็น มีการสร้างรายชื่อเป็น และถามเป็น โค้ชแนม ถ้าผมถามแบบเมื่อสักครู่นี้ ถามแบบให้เกียรติ ไม่ยัดเยียด ว่ามีช่องทางทำเงินได้ คิดว่า มี คนบนโลกนี้ใครไม่อยากมี รายได้เพิ่ม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผมว่าไม่มีครับ ทุกคนอยากได้รายได้เพิ่ม นอกจากคนที่รวยแล้ว เขาไม่อยากได้แค่ 5,000 บาทหรือ 20,000 บาท 50,000 เล็กสำหรับเขา

กมลเวช เมืองศรี:

แต่ถ้าท่าน ตั้งคำถามเป็น และเปิดโอกาสให้เขาได้ตอบเอง ผมว่าทุกคนสนใจที่อยากจะฟังอยากจะดูข้อมูลเห็นด้วยไหมครับ

ดังนั้นจะต้องถาม ถามให้เป็นฝึกให้เป็น ซึ่งเรามีคลิปที่สอนเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะแยะมากมายเลย ทั้งใน YouTube Channel ของเรา ในเว็บไซต์ MLMOnlineSchool.comดูได้ที่ลิงค์นี้

วิชาแรกคือ ต้อง prospecting คนให้เป็น สร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังเป็น โทรถามให้เป็นฉันจะต้องเรียนรู้วิธีใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างรายชื่อ เพราะปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของนักธุรกิจเครือข่ายก็คือ

ขาดรายชื่อ เพราะขาดรายชื่อ ก็เลยขาดรายได้ นี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของนักธุรกิจเครือข่าย ไม่มีรายชื่อไม่มีคนคุย

อย่างเช่นที่บอกว่าให้คุยกับคนละ 10 คนก็ไม่รู้จะคุยกับใครแล้ว ไม่รู้จะไปหาใครอีกแล้ว ผมแนะนำว่าให้เรียนวิธีการ ว่าจะใช้อินเทอร์เน็ต อย่างไร ในการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง

อย่างผมกับโค้ชแนมในช่วงแรกเราก็ตัน ไม่รู้จะชวนใครไปต่อไม่ได้ แต่หลังจากที่เราได้เรียนวิชาว่าทำอย่างไร ถึงจะทำให้ผู้คนอยากเข้าร่วมธุรกิจกับเรา อยากซื้อสินค้า เอ่ยปาก ขอทำธุรกิจกับเราเอง

วิชานี้เรียกว่า attraction Marketing ซึ่งเราทำเป็นคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint คลิกดูได้ที่ลิงค์นี้ ท่านสามารถเข้าไปดูได้ว่าเราเรียนอะไรมา หลังจากที่เราเรียนวิชานี้ผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้างโค้ชแนม

3 สุดยอดเคล็ดลับและสคริปต์ในการเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ประกันชีวิต ให้ได้ผล

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ผลลัพธ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แทนที่เราจะออกไปเดินไล่ล่าผู้คนกลายเป็นว่าผู้คนเนี่ยวิ่งเข้ามาหาเรา โดยไม่ต้องออกจากบ้านเลยกมลเวช เมืองศรี:

ผมถามอย่างนี้ดีกว่าเมื่อเรียนวิชานี้แล้วมีคนโทรมาขอทำธุรกิจกับเราโดยที่ไม่รู้จักเรามาก่อนบางทีไม่เคยคุยกันมาก่อนเลย แต่พอคุยก็พร้อมโอนเงินจริงไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

จริงครับ เป็นมาแล้ว ที่โอนมาก็หลักหมื่นนะครับ หลักแสนก็สามารถทำได้สบายเพราะเรารู้หลักการทำ

กมลเวช เมืองศรี:

ท่านเห็นไหมครับว่าถ้าท่านไม่รู้อะไรบางอย่างที่คนอื่นเขาทำได้ แสดงว่าท่านยังไม่รู้ในสิ่งที่เขารู้ วิธีการที่ง่ายที่สุดคือเรียนรู้ ซึ่งเราถ่ายทอดอย่างละเอียดในคอร์ส MLM Attraction blueprint วางกลยุทธ์อย่างไรวางตัวอย่างไรสื่อสารอย่างไรสร้างเป็นระบบอย่างไร

แต่ถ้าอยากจะลงมือทำ สร้างระบบเว็บไซต์อย่างไร ออกไปสปอนเซอร์คนอย่างไร ใช้เครื่องมืออย่างไรให้คนนั้นแห่เข้ามาอยากทำธุรกิจกับเรา ต้องเรียนคอร์สที่ชื่อว่า Top Sponsor Formula

3.2 Presenting – การนำเสนอที่ทรงพลัง

หลังจากที่เราเรียนวิชา การสร้างรายชื่อเรียบร้อยแล้วนั่นหมายความว่าเราไม่ขาดรายชื่อ แล้วเราก็จะมีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ หลังจากที่เรามีรายชื่อเรียบร้อยแล้ว

เราจะต้องมีการ presenting การนำเสนอที่ทรงพลัง เพราะเวลาที่ท่านเชิญคนมาดูโอกาส หมายความว่าต้องมีโอกาสให้เขาดู

ถ้าท่านเป็นคนใหม่ แนะนำว่าให้ใช้ระบบช่วย สำหรับคนใหม่เพราะเรายังพูดอะไรไม่เป็น แต่คนส่วนมากเข้ามาปุ๊บอยากรู้ทุกอย่างเพื่อที่จะไปพูดได้ เป็นความเข้าใจที่ยังไม่ถูก

กว่าจะอธิบายแผนการตลาด กว่าจะอธิบายสินค้า กว่าจะตอบได้ทุกคำถาม ภายใน 3 วัน ยังไม่มีทางรู้ได้หมด

และถ้าท่านคิดว่าจะออกไป Present เองออกไปตอบคำถามเอง ออกไปลุยเอง เท่ากับท่านออกรบโดยไม่ใส่เกราะไม่มีอาวุธเลย แต่คนที่ท่านไปคุยด้วย มีอาวุธครบ ท่านจะตายกลับมาเลย

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่าย ในตอนเริ่มต้นไม่ได้รับการสอนที่ถูกต้อง และไม่เข้าใจว่าต้องใช้ระบบขององค์กร จะตายเรียบ

นั่นคือสาเหตุที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมนี้ คนนั้นจะเลิกทำภายใน 3 เดือน และคนที่เลิกทำไม่สามารถทำเงินได้เลยแม้แต่บาทเดียว

แล้วถ้าท่านไม่อยากเป็นคนกลุ่ม 90-91 เปอร์เซ็นต์นั้น ท่านต้องทำอย่างที่เราแนะนำคือ

  1. ทำความเข้าใจก่อนว่าธุรกิจเครือข่ายทำอย่างไรให้สำเร็จ
  2. พัฒนาทักษะในการ prospecting คน 
  3. ใช้ระบบในการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจขององค์กร

ท่านจะต้องถามองค์กรของท่านครับว่า เขามีระบบในการไปสปอนเซอร์ตัวต่อตัวอย่างไร อัพไลน์ ไปด้วยหรือไม่ แล้วถ้าท่านต้องการเชิญคนไปดูโอกาส ในงานงานเปิดโอกาสทางธุรกิจนั้น มีวันไหน มีเมื่อไหร่ จัดที่ไหน เอาคนเข้าต้องทำอย่างไร

ท่านจะต้องรู้สิ่งเหล่านี้ก่อนเพราะช่วงแรกเราก็พูดไม่เป็น เราพาคนไปที่งานเพราะที่งาน มีผู้เชี่ยวชาญพูด อาจจะเป็นบุคคลที่ทำเงินล้านได้มาแล้วมันเป็นวิธีการที่ฉลาดเพราะเราไม่ต้องพูดเอง หน้าที่เราคือ เชิญคนให้ได้และให้คนมาปรากฏตัวให้ได้

และให้คนอื่นทำงานแทนเราท่านจะไม่พูดเองเลยก็ได้ตลอดอายุการทำธุรกิจเครือข่าย เพราะคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายเป็นจริงๆ เขาจะไม่พยายามทำให้ตัวเองนั้นโดดเด่น พูดก็เก่งเก่งที่สุด ขายเก่งขั้นเทพเพราะคนที่ฟังอยู่เขาจะเกิดความคิดว่าฉันเป็นแบบคนนี้ไม่ได้ ฉันไปไม่ได้ กลับบ้านเลยดีกว่า ยิ่งท่านเก่งมากต่อหน้าทีมงานท่านมากเท่าไหร่ทีมงานท่านจะยิ่งท้อแท้มาก

ท่านลองนึกภาพวาด ถ้าผมไม่ได้นำเสนอตัวเองว่าเก่งมาก ผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาทั่วไป ดูแล้วไม่น่าสนใจ แต่พอมีคนแนะนำว่า คนนี้นะมีรายได้ 5 ล้านบาทต่อเดือน คนที่ฟังอยู่ จะร้องว่าโอ้โห ถ้าคนนี้พูดแบบนี้ พูดยังไม่ถูกเลยทำได้ 5 ล้านต่อเดือนแล้วเขาบอกว่า เขาใช้ระบบ เขาใช้ระบบเก่ง เราอยากจะเรียนรู้ระบบเขาไหม

คนที่ฉลาดจริงๆนะอัพไลน์ที่เก่งจริงๆเขาจะไม่แสดงตัวว่าเทพ เขาจะแสดงตัวว่าเป็นคนธรรมดาทั่วไป แต่จริงๆแล้วเขาขั้นเทพ เพราะมีรายได้ขนาดนั้นจะต้องขั้นเทพ เขาจะบอกว่าผมก็เหมือนคนทั่วไปแหละ ดูสิผมก็พูดไม่เก่งต่อหน้าคน นำเสนอก็พูดแค่ทั่วๆไป ถ้าผมทำได้คุณก็ทำได้แค่มาเรียนรู้ระบบท่านคงเคยเจอผู้นำแบบนี้บ้าง

ผมแนะนำว่าให้ท่านใช้ระบบในการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจก่อน อย่าไปลุยเดี่ยว รับรองตายแน่

เพราะผู้มุ่งหวังเขาจะนั่งฟังท่าน เห็นท่านพูดตะกุกตะกัก พยายามจะอธิบาย แค่นั้นก็ไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้

การที่คนจะควักเงิน 5,000 บาท 30,000 เข้าร่วมธุรกิจกับท่าน ท่านว่าเขาเชื่อถือคนชวนมาก ใช่ไหม

มันสำคัญมากเลยนะครับ เพราะ มีคำถามสำคัญ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจทำธุรกิจ เขาจะถาม

คนที่มาชวนที่กำลัง Present จะช่วยให้ฉันประสบความสำเร็จ ได้หรือไม่? เพราะฉันไม่เคยมีประสบการณ์ เขาจะถามอยู่ในใจแต่ไม่พูดออกมา เขาจะพยักหน้า แต่ไม่ฟัง

คิดว่าเมื่อไหร่จะจบสักที แต่คิดอยู่ในใจว่า ท่านจะสามารถช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้หรือไม่ วิธีแก้ปัญหาคือ ท่านต้อง ใช้ความสำเร็จจากอัพไลน์ ให้อัพไลน์ของท่านพูด ไม่ว่าจะไปเจอกันแบบสองต่อสอง มีอัพไลน์ไปด้วย หรือว่าพูดในห้อง

ตัวท่านต้องนั่งเงียบและให้คนอื่นพูดแทน ให้ผู้มุ่งหวังได้คิดว่าคนนี้รู้จริงถ้าฉันเข้าร่วมกับเพื่อนฉัน ฉันจะได้เรียนกับคนนี้ใช่ไหมครับ ใช้อิทธิพลของคนสำเร็จแทน

เพราะฉะนั้นจงใช้ระบบในการ Present และเดี๋ยวเก่งแล้วอยากจะใช้ออฟไลน์ ฉัน Present เองแทนทีมงาน หรือจะใช้ระบบออนไลน์ Present เหมือนอย่างที่เราทำผ่าน webinar ท่านก็สามารถทำได้ แต่ตอนนี้ท่านต้องเรียนรู้ระบบก่อน

3.3 Promoting – การขับเคลื่อนองค์กร

ทักษะที่ 3 คือการโปรโมทหรือการขับเคลื่อนองค์กร โปรโมทคือการสนับสนุน การสนับสนุนทีมงานใหม่ ที่ท่านถามมาว่าทีมงานใหม่เข้ามา 2 เดือนก็เลิก

รู้หรือไม่ปัญหามาจากใคร มาจากตัวคุณเองนั่นแหละ สปอนเซอร์ทีมงานใหม่เข้ามาได้ แล้วทีมงานใหม่เลิก ก่อนที่จะได้เรียนรู้ ก่อนที่จะได้พัฒนาทักษะปัญหาอยู่ที่ตัวท่าน เพราะอัพไลน์ไม่ชัดเจนกับเขาตั้งแต่วันแรก

ว่าจะต้องใช้เวลา 6 เดือนใช้เวลาในการเรียนรู้ทักษะ แล้วคุณจะเรียนรู้ไปกับผม และผมจะประกบอยู่ข้างคุณตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนำเสนอ การพรีเซนต์ ผมจะสอนและทำงานคู่กับคุณอย่างน้อย 6 เดือน

อัพไลน์ที่ดีจะต้องเป็นเหมือนพ่อกับแม่ คอยสนับสนุนคอยสอนและคอยปกป้องไม่ให้เขาโดนคนที่บ้าน ชวนให้เลิกเขาต้องฉีดวัคซีน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

การฉีดวัคซีนนั้นจะต้องถามเขาว่า วันนี้คุณมาฟังธุรกิจแล้ว คุณเข้าใจแล้วและถ้ากลับไปที่บ้าน คุณไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง และคนที่บ้านบอกว่าไม่ให้คุณทำ ไม่เห็นด้วย คุณจะทำอย่างไร เขาก็จะตอบว่าผมก็ยังทำอยู่จะไม่เลิก ซึ่งเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับเรา

กมลเวช เมืองศรี:

นี่คือสิ่งที่คนส่วนมากไม่ได้ทำไว้ตั้งแต่วันแรก จำไว้เลยนะครับถ้าท่านมีทีมงานแล้วเขามาวันแรก ก่อนเขากลับบ้านต้องฉีดวัคซีน

สมมุติว่าโค้ชแนมเป็นทีมงานผม ผมจะบอกว่าถ้ากลับบ้านไป ถ้าคนที่บ้านไม่เห็นด้วย คุณจะยังทำต่อไหม คุณจะเลิกหรือไม่ รอฟังคำตอบ ถ้าเขาบอกไม่เลิกนั่นหมายความว่ากลับบ้านได้

เพราะเราทำให้เขา มีความคาดหวังที่ถูกต้อง ว่ากลับไปอาจจะโดนต่อต้าน แล้วเขาจะกลับมาบอกว่าใช่เหมือนที่อาจารย์แบ่งปัน ให้ฟังเลย ว่ากลับไปเนี่ยภรรยาจะไม่เห็นด้วย แต่ผมก็ไม่เลิกเพราะถูกเตือนมาแล้ว

แต่ถ้าท่านไม่ฉีดวัคซีน กลับไปภรรยาจัดชุดใหญ่สามีจัดชุดใหญ่รับรองเลิกแน่นอน นั่นคือสาเหตุที่คนพอมีทีมงานใหม่เข้ามาแล้วพออีกวันโทรไปก็ไม่รับสายแล้ว เมื่อวานยังตื่นเต้นอยู่เลย พร้อมลุย แต่ทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าหายไปไหน ตอนนี้เข้าใจหรือยังครับว่าหายไปไหน

เพราะเขาโดนคนที่มีอิทธิพลในชีวิตของเขาห้ามนั่นเองและท่านว่าเขาจะเชื่อคุณ เหลือเชื่อคนที่เขารักส่วนมากเขาก็จะยอมให้คนมาขโมยความฝันเพราะฉะนั้นต้องฉีดวัคซีน

เห็นไหมครับว่านอกจากเราสื่อสารกับผู้มุ่งหวังเป็นแล้ว ต้องสื่อสารกับทีมงานเป็นด้วย ต้องรู้ว่าแต่ละขั้นตอน คนใหม่ต้องสื่อสารอย่างไร ต้องเรียนอย่างไร ต้องทำให้เขามีค่า มีความคาดหวังที่ถูกต้อง

ไม่ใช่มาถึงขอลองสัก 3 วัน ถ้าไม่ได้ฉันจะเลิก คุณรู้ไหมว่าทีมงานใหม่ของเราส่วนมากมีความคาดหวังกันแบบนี้ ขอลองชวนคนดูก่อนถ้าไม่ไหวจะเลิก

โค้ชแนมเห็นด้วยไหมว่าคนที่เข้ามาธุรกิจเครือข่ายไม่เคยคุยกับคนเกิน 10 คน พอโดนปฏิเสธแค่ 2-3 คนก็เลิก แล้วจะสำเร็จได้อย่างไร แล้วก็บอกว่าธุรกิจเครือข่ายไม่ดีทำไม่เป็น

ไม่ใช่ครับปัญหามันอยู่ที่ท่าน ท่านไม่เข้าใจธุรกิจ เพราะฉะนั้นเราจะต้องให้เข้าใจก่อนชวนคนให้เป็นก่อน นำเสนอคนให้เป็นก่อนและโปรโมททีมให้เป็นก่อน

การขับเคลื่อนองค์กร ในแบบที่ 1 จะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดใครๆก็ทำได้ ตั้งแต่วันแรกก็ทำได้เลย

สมมุติผมทำธุรกิจเครือข่ายวันนี้เป็นวันแรก แล้วผมพาเพื่อนมาด้วย สมัครเรียบร้อยแล้ว แล้วเราอยากจะขับเคลื่อนองค์กรวิธีที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องมีความรู้อะไรเลยคือ

พาทีมงานของเราเข้างานเข้าระบบ เข้างานประชุม ที่แสดงถึงความสำเร็จของนักธุรกิจคนอื่น เราต้องรู้ว่า งานครั้งต่อไป จะมีเมื่อไหร่ ส่วนมากบริษัทต่างๆ จะจัดทุก 3 เดือนเราจะต้องขับเคลื่อนไม่ว่างานใหญ่ งานเล็ก งาน Training งานพบผู้นำ งานมอบรางวัล

ต้องพาคนเข้าระบบซึ่งไม่ต้องใช้ความรู้อะไรเลย ใช้ตัวเราต้องเข้าระบบก่อน

มีอยู่ 3 Stage ในธุรกิจเครือข่าย 3 สถานะที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ 

  1. เราต้องเข้าระบบ ทีมของเรามีระบบอะไรเราต้องทำตามและเข้าระบบ เมื่อเราทำจนเกิดผลลัพธ์มีทีมงานเข้ามา
  2. ต้องพาทีมงานเข้าระบบ มันจะเริ่มสนุก เพราะเรามีทีม
  3. เมื่อเราสร้างองค์กรจนประสบความสำเร็จขึ้นมาแล้วเราสามารถออกจากระบบโดยที่ทีมงานเขาจะพาคนของเขาเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง เราจะออกจากระบบเมื่อเรามี Passive Income แล้วซึ่งจะทำให้ท่าน มีอิสรภาพทางด้านการเงินและเวลาจริงๆ แต่ต้องเริ่มต้นที่ตัวเองเข้าระบบก่อน

มันคือเหตุผลที่อัพไลน์ พยายามชวนเราเข้าระบบเพื่อศึกษาเรียนรู้ แต่ถ้าเราไม่เข้าใจ และไม่ปรับทัศนคติให้ถูกต้อง เราก็จะไม่เข้าระบบ แต่ให้มีความคิดว่าเราจะเข้าไปดู ศึกษาว่าคนที่มีรายได้ 100,000 บาทต่อเดือนเขาทำได้อย่างไร

อยากฟังเรื่องราวของเขาซึ่งจะต้องฟัง จะต้องนั่งหน้าและจด บันทึกเทป เพื่อเอามาฟังต่อในรถ นี่คือสิ่งที่คนมีรายได้ 300 ล้านสอนผมมานะครับ

เพราะสมองมนุษย์เมื่อเรียนอะไรมาก็ตาม จะจำไม่ค่อยได้ ท่านต้องบันทึกวีดีโอ อัดเสียง ทุกท่านดูเราสองคน ไม่ว่าจะถามอะไรมาแล้วตอบได้หมดเพราะเราทำทุกอย่างมาก่อน ทำตามระบบทุกอย่างและทำมันมากพอเราเจอปัญหามามากพอไม่มีอะไรที่เราตอบไม่ได้ในธุรกิจเครือข่ายและธุรกิจออนไลน์

เพราะฉะนั้นการเคลื่อนคนเข้าระบบเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดท่านแค่ต้องปลูกฝังทัศนคติให้ทีมงานเข้าใจว่า เข้าระบบและจะประสบความสำเร็จได้ท่านต้องทำเป็นตัวอย่างด้วย

นี่คือ 3 ขั้นตอนที่ท่านจะต้องพัฒนาตัวเอง คือเรียนรู้วิธีเชิญคนวิธีสร้างรายชื่อวิธีการนำเสนอเคลื่อนคนเข้าระบบ บริษัทมีโปรโมชั่นอะไรมา เอามาบอกให้หมด

สมมุติว่าบริษัทมีโปรโมชั่นเราจะต้องสร้างโปรโมชั่นเพิ่มเข้าไปอีกเพื่อให้ทีมงานเกิดความตื่นเต้น จากเดิมสปอนเซอร์ได้ 3 คนได้ 3,000 แต่บริษัทเพิ่มให้อีก 1,000 อัพไลน์เพิ่มให้อีก 1,000 บาท จึงทำให้มีแรงสปอนเซอร์

เพราะจริงๆแล้วในงานทำธุรกิจเครือข่ายมันก็ต้องสปอนเซอร์อยู่แล้ว แต่เวลามีโปรโมชั่น คนจะยิ่งตื่นเต้น เช่นไปล่องเรือไปท่องเที่ยวไปกินอาหาร เพราะเวลาบริษัทออกโปรโมชั่นเขาจะคิดมาอย่างดีแล้ว ท่านก็จะได้ทั้ง 2 ทางเพราะถ้าทีมงานท่านขยายเติบโตท่านก็จะได้ด้วย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

วิธีการเหล่านี้มันเป็นวิธีการที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จเพราะเราทำมันมาแล้ว วิธีการที่อาจารย์กมลเวชแบ่งปันทุกท่านสามารถนำไปใช้กับตัวเองให้ประสบความสำเร็จได้เลย

กมลเวช เมืองศรี:

หลายท่านที่ฟังอยู่อาจจะรู้สึกว่า ก็ทำกันมานานแล้วนี่ ก็เก่งแล้ว ก็พูดได้ แล้วถ้าผมต้องเริ่มจาก 0 จะเริ่มจากตรงไหนได้บ้าง คอร์สของเราที่เราเป็นเจ้าของ เว็บไซต์ MLM Online School.com 

เว็บไซต์นี้จะสอนวิธีวิธีการทำธุรกิจเครือข่ายเป็น step by step ทั้งออฟไลน์ และ ออนไลน์ก็ถ่ายทอดอย่างละเอียด และท่านสามารถสอบถามได้โดยการพิมพ์ข้อความคำถามไว้ที่ด้านล่าง เช่น อยากจะทำออฟไลน์ให้เก่งจะต้องเรียนแบบไหนดี อยากจะเรียนออนไลน์ให้เก่งต้องเริ่มต้นอย่างไร เราสองคนและทีมโค้ชของเราก็จะหาคำตอบมาให้ท่าน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ขอให้ทุกท่าน นำการแบ่งปันของเราสองคนเอาไปปรับใช้ ในธุรกิจของท่านให้เติบโตและประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ สำหรับวันนี้เราสองคนขอลาไปก่อนแล้วเจอกันในครั้งหน้าสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

chetthawit-kamolwechkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

กมลเวช เมืองศรี & เชษฐวิทย์ สิงขร

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”