ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายของเรา?

ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายของเรา?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วันนี้มีคำถามมาว่า อาจารย์ครับผมอยากรู้ว่า การที่เราจะทำให้คนสนใจสินค้าของเรานั้น อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ? นี่คือคำถามแรก

คำถามต่อมานะครับ และถ้าเป็นโอกาสทางธุรกิจของ MLM ล่ะครับ เราสามารถทำการตลาดได้ไหมครับ?

วีดีโอ “ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจของเรา?”

หนังสือเสียง 

“ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจของเรา?”

นี่คือเนื้อหาที่จะพูดถึงในบทความนี้:

จะโปรโมทนำเสนอสินค้าอย่างไร และจะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เครือข่ายอย่างไร1.ใครคือกลุ่มผู้มุ่งหวังของเรา?2.กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง?3.ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร?4.ท่านต้องพัฒนาและเรียนคอร์สอะไร?

เชษฐวิทย์ สิงขร: 

สวัสดีครับวันนี้เราก็มีคำถามมาอีกเช่นเคย วันนี้มีคำถามมาจาก คุณณัฐนันท์ อาจารย์ครับผมอยากรู้ว่า การที่เราจะทำให้คน สนใจสินค้าของเรานั้น อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ?

นี่คือคำถามแรก ต่อมานะครับ คุณณัฐนันท์ ถามอีกว่า และถ้าเป็นสินค้าที่อยู่ในแผนการตลาดของ MLM หรือโอกาสทางธุรกิจล่ะครับ เราสามารถทำการตลาดสินค้าได้ไหมครับ?

กมลเวช เมืองศรี:

ขอบคุณครับโค้ชแนมและคุณณัฐนันท์นะครับ เป็นคำถามที่ดีมากทุกคำถามที่ส่งมา เป็นคำถามที่ดีมากเพราะมันจะช่วยให้คุณณัฐนันท์ แก้ปัญหาได้ และความรู้ที่เราแบ่งปันไป จะช่วยคนอื่นได้ด้วย ขอชื่นชมที่ส่งคำถามมา อันนี้ inbox มาเลย

ตอบคำถามแรกก่อน เราจะทำอย่างไรให้คนสนใจสนใจสินค้าเรา

คำตอบของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ ทำการตลาดให้เป็น เพราะหัวใจสำคัญที่สุด ในการที่จะทำให้นักธุรกิจคนหนึ่ง ขายสินค้าได้ถล่มทลาย ขายบริการต่างๆได้มากมาย แม้แต่โอกาสทางธุรกิจแล้วก็ถือว่าเป็นสินค้านะ เพราะเราต้องขายไอเดียให้คนตัดสินใจซื้อ หรือมาทำธุรกิจกับเรา ถูกไหม

 MLM ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ถือเป็นสินค้าทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นถ้าท่าน อยากทำให้คนมาสนใจทั้งสินค้าที่ท่านขาย และโอกาสทางธุรกิจ ท่านต้องโฟกัสในเรื่องของการทำการตลาด ทีมเวิร์ค ออกไปให้กับคนได้เห็นข้อความเห็นสื่อ หรือเห็นไอเดียที่ท่านต้องการนำเสนอ ผมแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ดังนี้

  • จะโปรโมทนำเสนอสินค้าอย่างไร และ

  • จะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เครือข่ายอย่างไร

สมมุติว่า คุณณัฐนันท์ มีสินค้ามาชิ้นหนึ่งเช่นเป็นครีม สกินแคร์ ดูแลผิวหน้า หรือว่าผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริม

ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าของเรา ในหลักการตลาด ทั้งทางด้านออฟไลน์ และอย่างยิ่งทางออนไลน์ คำถามสำคัญอย่างแรกที่เราจะต้องถาม ตัวเองก็คือ 

1.ใครคือกลุ่มผู้มุ่งหวังของเรา?

การที่เรามีสินค้า ยกตัวอย่างสินค้าดูแลความสวยงาม ถ้าคุณณัฐนันท์เจาะว่าทุกคนต้องการสินค้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ชายอายุระดับเราจะ 50 กันแล้วเนี่ยนะ สายลุยที่ไม่เคยสนใจครีมทาหน้าคิดว่าจะมีโอกาสขายได้บ้างไหม น่าจะยาก แต่ก็พอมี

แต่กลับกันถ้าเราทำการบ้านเพิ่มสักนิด แล้วถามตัวเองว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา ระหว่างผู้ชายลุยๆเข้าป่า กับสุภาพสตรี ที่ต้องแต่งงานรักสวยรักงาม อยากมีคนสนใจ อยากมีคู่

คิดว่าจะขายครีมเหล่านี้ให้กับใครได้ง่ายกว่ากัน สุภาพสตรีอยู่แล้ว พอเริ่มแตกเนื้อสาวก็จะเห็นสารพัด แป้งแต่งตัว มีคำกล่าวไว้ว่า ผู้หญิงเนี่ย สวยเท่าไหร่ ก็ยอมฉันขอสวยไว้ก่อน ขอซื้อขอจ่ายทุกอย่าง เพื่อให้ลดน้ำหนักให้หุ่นดี

เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งคำถามไว้ก่อนว่า ใครคือผู้มุ่งหวังของเรา แล้วตั้งให้มันละเอียดที่สุด

ดูว่ามีกลุ่มไหนบ้าง กลุ่มผู้หญิง ถ้าเรามีสินค้าลดน้ำหนัก เราเจาะกลุ่มใครได้บ้าง กลุ่มคนน้ำหนักเกิน กลุ่มคนที่ป่วยเนื่องจากมีน้ำหนักเกิน หรือถ้าเราเจาะให้ลึกอีก กลุ่มคนที่มีลูกน้ำหนักเกิน นี่เป็นการเจาะลงไปเห็นไหมครับ

เราไม่ได้เจาะแค่คนอ้วน บางทีเป็นพ่อแม่ เราไม่เจาะกลุ่มเด็กเพราะเด็กยังไม่มีเงิน แต่จริงๆแล้วพ่อแม่ที่มีลูกอ้วนเขามีความกังวลนะครับ แล้วเขาเป็นคนที่จ่ายเงินซื้อ

เพราะฉะนั้นคำถามแรกผมเชื่อว่าทุกท่านที่ดูอยู่ เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเราออกมา แล้วเจาะ ลงไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เรารู้ว่า เราจะทำการตลาดให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ สนใจสินค้าของเราได้อย่างไรบ้าง เพราะเรารู้แล้วว่าจะเจาะกลุ่มไหน แล้วกลุ่มคนสมมุติว่าเป็นสาววัยรุ่นกับสาววัยทำงาน มาดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง

2.กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง?

ถ้าบนโลกออฟไลน์เขาไปอยู่ที่ไหน สยามสแควร์ใช่ไหม ตามห้างใช่ไหม ถ้าเขาจะเห็นโปสเตอร์ขายครีมทั้งหลายก็จะอยู่แถวนั้น หรือไม่ก็ตามรถไฟฟ้ารถเมล์ ที่แบรนด์ต่างๆพยายามทำโฆษณา 

เพราะมันการันตีว่าสาววัยรุ่นกับสาวออฟฟิศจะต้องขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถเมล์ติดคัทเอาท์ตามอนุสาวรีย์ตามสี่แยกต่างๆ เพื่อให้คนกลุ่มนี้เห็น

กลุ่มหนุ่มใหญ่อย่างเราไม่ค่อยสนใจหรอกครีมเหล่านี้ แต่เราก็เห็นด้วยอันนั้นคือแบบแนวกว้าง แต่ถ้าในโลกออนไลน์ใน Facebook ใน YouTube ใน Google มันสามารถกำหนดได้เลย เพศอะไรจะเห็น อายุเท่าไหร่ ชอบอะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เรากำหนดได้เลยครับจากในโปรไฟล์ ของ Facebook

กมลเวช เมืองศรี:

 เวลาเราลงโฆษณา ใน Facebook หรือว่า YouTube เรากำหนดได้เลยว่าเราจะเจาะ กลุ่มไหน มันยิ่งทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินให้กับคนที่ไม่ใช่  

อย่างเช่นไปติดคัทเอาท์อยู่กลางอนุสาวรีย์ รายจ่ายเดือนละ 20,000 บาท มันจ่ายเพื่อ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเห็นด้วย

แต่ถ้าเราเจาะกลุ่มออกไปว่า เขาอยู่ใน Facebook พวกที่ชอบเล่นไอจีแล้วเราทำการตลาดไปเจาะกลุ่มนี้ในสถานที่ที่ถูกต้อง ในสิ่งที่เขาชอบ มันจะทำให้ท่านลดงบประมาณลงเยอะ แล้วเจาะกลุ่มคนได้ง่ายขึ้น และเจาะแต่กลุ่มคนที่ใช่

หลังจากที่เรารู้แล้วว่า ใครคือผู้มุ่งหวังแล้วเขาอยู่ที่ไหน คำถามสำคัญที่ 3 ที่เราทุกคนต้องถามตัวเองเสมอเวลาจะขายอะไรก็ตามว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร

3.ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร?

ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร แล้วสินค้าของเราจะช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นแก้ปัญหาได้อย่างไร

ยกตัวอย่างว่า ขาข้างหนึ่งของเรา อยู่ในวงการธุรกิจออนไลน์ ขาข้างหนึ่งของเราอยู่ในวงการธุรกิจเครือข่าย

ผมจะพูดถึงเรื่องโอกาสทางธุรกิจแล้วนะ ครับ เพราะคุณณัฐนันท์ถามมาว่า แล้วเราจะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายอย่างไร ให้เหมือนกับสินค้าตรงนั้น

ผมก็จะดูครับว่ากลุ่มเป้าหมายของคนที่จะทำธุรกิจเครือข่ายคือใคร เพศไหนก็ได้ใช่ไหม ชายหญิงได้หมด แต่อายุต้องมากหน่อยไหม หรือว่าอายุน้อยก็ทำแล้ว

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เดี๋ยวนี้อายุ 17-18 ก็ทำแล้วครับ

กมลเวช เมืองศรี:

แสดงว่ากว้างมากเลย 50 ทำไหม ก็ยิ่งทำนะครับ 60 แล้วก็เคยเห็นนะ เพราะฉะนั้นมันกว้างมาก

เรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร แล้วเขาอยู่ชอบอยู่ที่ไหน กลุ่มคนกลุ่มนี้ก็กว้างมาก บนอินเตอร์เน็ตอยู่ไหมอยู่ โฆษณาทีวีอยู่ไหม อยู่ เขาเล่น Google เล่น YouTube ไหมก็เล่นนะ facebook เขาก็เล่นนะ

เพราะฉะนั้นเลือกแพลตฟอร์มที่ท่านถนัดที่สุด แล้วก็เจาะกลุ่มลงไป ว่าท่านจะเจาะกลุ่มใคร

สมมุติว่าท่านคิดว่าเด็กคงไม่มีเงินลงทุน เพราะว่าธุรกิจของท่านลงทุนประมาณ 80,000 บาท สมมุติ เด็กอายุ 18 นี่หายากแต่ถ้าเจาะระดับ 35 หรือ 40 หรือ 50 อัพ นั่นจึงจะมีจริงไหมโค้ชแนม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่เพราะทำงานแล้วมีรายได้

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะเราลงโฆษณา เราสามารถเจาะได้เลยว่า เป็นผู้หญิง ผู้ชาย การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีความชื่นชอบในเรื่องของการทำธุรกิจจากที่บ้าน อายุ 35 40 หรือ 55 ยิ่งแคบยิ่งดีนะ เพราะเจาะกลุ่ม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เลือกสถานที่ได้ด้วยนะครับ

กมลเวช เมืองศรี:

สมมุติเราอยู่กรุงเทพฯ อยากสร้างทีมจากกรุงเทพฯ เราก็เจาะ แต่กรุงเทพฯ

สมมุติเราอยู่เชียงใหม่ก็เจาะแต่เชียงใหม่ได้เลย ถ้าเราไม่เจาะกลุ่ม จะกลายเป็นว่าเราอยู่เชียงใหม่แต่ได้ทีมงานอยู่ปัตตานี ดูแลยากหน่อยนะครับ

ที่โค้ชแนมพูดมาถูกต้องเลยคือสามารถกำหนด target กลุ่มเป้าหมายได้หมด

ตอนนี้เรารู้กลุ่มเป้าหมายคือใคร เรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เราต้องมาถามว่า ความท้าทายความเจ็บปวดปัญหาของเขาคืออะไร และสินค้าของเราจะแก้ได้อย่างไร

สมมุติว่าผมมี คอร์สสอนวิธีการใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้ามาช่วยขยายธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ขายตรงประกันชีวิต ผมทำคอร์สนี้ขึ้นมาเพราะผมรู้ว่า

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของคนในวงการนี้คือ

  1. ทำการตลาดไม่ค่อยเป็น
  2. ไม่มีประสบการณ์
  3. ทำรายชื่อใหม่ๆไม่ค่อยเป็น

มีแต่รายชื่อเก่าๆ ที่ลิสต์แล้วจากบริษัทที่แล้ว แล้วก็โทรจนช้ำหมดแล้ว

พอบริษัทนั้นไม่สำเร็จก็เปลี่ยนบริษัท แล้วก็โทรหารายชื่อเดิม บริษัทที่ 2 ก็ไม่เวิร์ค ไปบริษัทที่ 3 ก็รายชื่อเดิม บางคน 10 บริษัท ก็ยังโทรรายชื่อเดิม

คำถามคือรายชื่อนั้นช้ำไหม โทรไปจนเขาไม่รับแล้ว

4.ท่านต้องพัฒนาและเรียนคอร์สอะไร?

เพราะฉะนั้น ผมก็เลยสร้างคอร์สขึ้นมา ว่าผมนั้นจะสอนให้เขาเนี่ย แทนที่จะออกวิ่งไล่ล่าคน กับกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่จำกัด จะทำอย่างไรให้ใช้อินเทอร์เน็ตในการสร้างรายชื่อ ให้คนเหล่านั้น ซึ่งเป็นคนไม่รู้จักด้วย ติดต่อเข้ามาหาเราเองอย่างน้อยวันละ 5-10 รายชื่อ โดยที่ถามเกี่ยวกับสินค้าของเรา 

อยากขายสินค้าได้ใช่ไหม เขาก็จะถามเกี่ยวกับสินค้า ถามเกี่ยวกับธุรกิจที่เราทำ แล้วก็ถามในคำที่เราอยากให้ถามมากเลยว่า อยากทำธุรกิจกับโค้ชแนมเนี่ยทำอย่างไร เคยโดนไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เคยโดนครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ลองเล่าประสบการณ์ให้ผู้ฟังฟังหน่อยว่า จากการที่เราแค่เรียนการตลาดที่มันเวิร์ค แล้วชีวิตเปลี่ยนอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ สมัยที่ทำธุรกิจเครือข่ายแรกๆนะครับ ก็ไม่มีใครแนะนำ หรือคนสปอนเซอร์เราไม่ได้แนะนำ ว่าทำธุรกิจนี้แล้วจะต้องทำการตลาด

เราก็ใช้วิธีที่เขาสอน สะเปะสะปะจนไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ผมได้มาเรียนรู้จากกูรูนะครับอาจารย์กมลเวชนี่เอง ว่าเราจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเราต้องทำการตลาดเป็น ผมพึ่งมาได้ยินคำว่าทำการตลาด จากการที่ได้มาเรียนจากอาจารย์นั่นเอง

ทีนี้ผมเลยตาสว่าง ผมก็ใช้วิธีการทำการตลาด ทำตามทุกอย่างได้เรียนคอร์สของอาจารย์ จนทำให้ผมสามารถที่จะสปอนเซอร์ หรือมีทีมงานที่เข้ามาสมัครเอง จากธุรกิจเครือข่ายที่ทำในปีนั้นที่ทำเยอะมาก 

กมลเวช เมืองศรี:

ขึ้นตำแหน่งรับรายได้หลักแสน  ประเด็นก็คือกำหนดโปรไฟล์ของคนที่จะเข้ามาหาเราด้วยว่าจะเอาสูงแค่ไหน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ถูกต้องและกำหนดเฉพาะที่ด้วยว่าที่ไหนที่เราจะไป เปิดธุรกิจที่จังหวัดนี้ เราสามารถกำหนดได้

กมลเวช เมืองศรี:

สมมุติว่าโค้ชแนมไม่ใช่คนที่มีอาชีพ อยู่ในระดับสูงของสังคมคืออาชีพทั่วไป แต่เราสามารถสปอนเซอร์ คนที่มีอาชีพที่เรียกว่าได้รับการยกย่องได้เยอะ เช่น นักธุรกิจระดับสูง เป็นทนายความ เป็นคุณหมอแม้แต่เราที่ไม่ได้มีอาชีพเหล่านั้น เราก็สามารถสปอนเซอร์คนเหล่านั้นได้จริงไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ครับเราสามารถสปอนเซอร์คนเหล่านั้นได้

กมลเวช เมืองศรี:

คนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนที่มี high profile และมีศักยภาพสูง เพราะฉะนั้นเวลาเข้ามาธุรกิจก็ขยายต่อง่าย มากกว่าสปอนเซอร์คนที่มีศักยภาพต่ำมากๆ ไม่รู้จักใครเลยเงินไม่มี งานไม่มีไม่กล้าทำอะไรเลย ทำไมเราชอบสปอนเซอร์กลุ่มคนเหล่านี้ เพราะเราไม่รู้อะไรมากกว่านั้นถูกไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ธุรกิจที่ผมทำเนี่ย ก็มีกระทั่งคุณหมอ เป็นอาจารย์ ที่มาสมัครทำร่วมธุรกิจกับเรา นั่นคือสิ่งที่เราได้รับจากการทำการตลาดเป็น

กมลเวช เมืองศรี:

แสดงว่าวิธีการทำการตลาดที่โค้ชแนมใช้ มันทำให้คนนั้น รู้จัก ชอบเชื่อถือ และศรัทธา จนกระทั่งตัดสินใจควักเงินเข้าร่วมธุรกิจเ พื่อที่เขามีความหวังว่าเข้าร่วมกับเรา เขาจะได้เรียนรู้วิธีการที่เวิร์คของเราด้วย

เพราะฉะนั้นเราจะกลับมาตอบคำถาม คำถามที่ 2 ว่า แล้วเราจะทำการตลาดเครือข่ายอย่างไร ให้เวิร์ค เหมือนกับการขายสินค้า

คนส่วนมากที่ไม่รู้อะไรที่ดีกว่านั้น มักจะเอาธุรกิจเครือข่ายไปนำเสนอ เหมือนกับการขายสินค้า

มีธุรกิจมาขายแบบนี้ สินค้าแบบนี้ เอามากองอธิบายแผนจะได้เงินเท่านี้ ผู้นำขณะนี้ บริษัทเปิดมาแล้ว 20 ปีขยายไปทั่วโลก 58 ประเทศ คงได้ยินกันมาหมดแล้ว

อันนี้เรากำลังนำเสนอธุรกิจขายตรง เหมือนกับนำเสนอขายสินค้า เหมือนนำเสนอวิตามิน ครีม ถามว่าได้ผลไหม มันก็ได้ผลแต่มันมีวิธีที่ดีกว่าเยอะ เห็นด้วยไหม

วิธีนี้เราเรียกว่า การตลาดดึงดูดหรือ attraction Marketing ซึ่งเรานั้นเปิดสอนอยู่ในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint 2.0 แล้วก็คอร์ส Top Sponsor Formula

ซึ่งเราสอนวิธีการครับว่า จะทำอย่างไร ให้เราเข้าใจวิธีการทำการตลาดเพื่อให้คนรู้จักเรา เป็นวงกว้างด้วยนะ เป็นเหมือนเซเลบ ชอบเรา โดยที่เราไม่รู้จักเขาเลยนะ เชื่อถือศรัทธาเรา โดยที่เมื่อเราเปิดโอกาสให้เขาเข้าร่วมธุรกิจ เขาก็จะร่วมทันที

เพราะฉะนั้นวิธีนี้ เมื่อเราสอนแล้วว่า จะต้องทำการตลาดอย่างไร เสร็จแล้วพอเรา เข้าใจทำให้คน เชื่อถือศรัทธาจนเขาพร้อมจะสมัครทำธุรกิจ เราจะเอาไปผนวกกับการตลาดออนไลน์ การตลาดดึงดูดบวกกับการตลาดออนไลน์ ก็เท่ากับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เพราะเราสามารถขยาย จำนวนคนที่จะมารู้จักชอบพอกับเรา เชื่อถือเรานั้นได้เป็นจำนวนกว้าง เราสามารถทำให้คนติดตามเราในโลกโซเชียลมีเดียเป็นพันเป็นหมื่นคน

ซึ่งเวลาที่ท่านต้องการผลลัพธ์ในธุรกิจเครือข่าย ท่านไม่ต้องการคนเป็นหมื่นคนหรอกจริงไหม แค่เดือนนึงมีคนใหม่มา 10 คน ท่านก็จะแทบจะเป็นลมแล้วนะ 10 คนที่ดูแลแทบจะไม่ไหวแล้ว

เพราะฉะนั้นการตลาดแบบนี้มันทรงพลังมากเลยโค้ชแนมก็น่าจะเคยเห็น ตอนที่ผมทำการตลาดครั้งหนึ่งตอนที่เราเริ่มต้น ตอนนั้น ผมทำการตลาดมาพักใหญ่แล้วทำการ branding โพซิชั่นนิ่งตัวเอง ผ่านโลกออนไลน์ที่สอนในคอร์ส MLM attraction blueprint แล้วผมก็เริ่มสื่อสารกับคนในลิสรายชื่อของผม ที่เขาติดตามผม

ผมส่งอีเมล 1 ฉบับว่าผมกำลังจะเปิด รับหุ้นส่วนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในทีมความสำเร็จของเรา โดยผมได้เข้าร่วม ทำธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยถ้าท่านต้องการ กรอกรายชื่อกรอกรายละเอียดผมจะให้ข้อดู ข้อมูลทางธุรกิจ? 

เมื่อเขากรอกผมก็ให้ดูเขาอาจจะมาดูแบบเจอตัว หรือดูผ่านโลกอินเตอร์เน็ตก็ตาม แต่หลังจากดูเสร็จปุ๊บ ผมบอกเลยผมรับ 20-30 คนหรือ 50 คนเท่านั้น เพราะผมต้องการสร้างทีมนี้ให้ประสบความสำเร็จ

แต่ผลปรากฏว่าตอนที่เราเริ่มรับสมัครจริงๆ จำนวนคนที่มา 130 คน ที่พร้อมจ่ายเงินทำธุรกิจทันทีในราคาตอนนั้น 37,000

เพราะฉะนั้น ทุกท่านครับเราสองคนเคยไม่ประสบความสำเร็จ ในธุรกิจเหล่านี้มาก่อน เราเป็นเหมือนท่านนั่นแหละ แต่เราทำสิ่งที่แตกต่างจากท่าน คือเราเรียนในสิ่งที่เราไม่รู้ เราพัฒนาตัวเองในทักษะที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำการตลาด

เพราะฉะนั้น ถ้าทุกท่านอยากได้ ผลลัพธ์แบบนี้ โฟกัสในการพัฒนาตัวเองเป็นหลัก เรียนว่าทำอย่างไร เราถึงสามารถที่จะทำให้คนอยากซื้อสินค้า หรือว่าสมัครทำธุรกิจกับเรา แล้วชีวิตท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย เหมือนกับที่เราเปลี่ยนแปลงมา ผมเชื่อว่าผมตอบคำถามชัดเจนแล้วครับ

ท่านสนใจอยากที่จะเรียน เหมือนกับที่เราเรียนนะครับ คอร์สชื่อว่า MLM attraction blueprint ท่านสามารถที่จะคลิกที่ลิงค์เข้าไปดูรายละเอียดได้ แล้วก็อย่าลืมนะครับดูคลิปนี้แล้วมีประโยชน์ แชร์ให้เพื่อนของท่าน แชร์ให้คนที่ท่านรัก ได้มารู้ข้อมูลนี้ด้วยแล้วก็กด Subscribe กดสั่นกระดิ่งด้วยนะครับเพื่อที่จะได้รับข่าวสารจากเราไปตลอด สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

3 เทคนิคการเชิญชวนคนเข้างาน และเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย MLM ขายตรง ประกันชีวิต ให้ได้ผล

3 เทคนิคการเชิญชวนคนเข้างาน และเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย MLM ขายตรง ประกันชีวิต ให้ได้ผล

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

3 สุดยอดเคล็ดลับและสคริปต์ในการเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ประกันชีวิต ให้ได้ผล

การจะทำให้ธุรกิจเครือข่ายสำเร็จนั้นท่านจะต้องมีชุดทักษะ  ชุดทักษะนั้นประกอบด้วยทักษะการเชิญคนมาดูโอกาส เป็นทักษะอันดับหนึ่ง ถ้าท่านเชิญคนมาดูโอกาสไม่ได้ธุรกิจท่านจบ ขยายต่อไม่ได้ ขายของไม่ได้ วันนี้เราจะเจาะลึก และมีตัวอย่างง่ายๆให้ท่านได้ดูครับว่าผมใช้ยังไงบ้าง

วีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”

หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมาสูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Timeสูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค

วิธีพัฒนาทักษะในการเชิญคน (Prospecting)

การพัฒนาทักษะในการเชิญคนมาดูโอกาสนั้น จำเป็นที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด ทั้งกับตัวท่านเอง และการสอนคนอื่น ถ้าท่านไม่สามารถที่จะพัฒนาทักษะนี้ให้กับตัวเองเร็วๆก็สอนคนอื่นต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง

พัฒนาทัศนคติในการเชิญคนมาดูโอกาสให้ประสบความสำเร็จ 

ท่านต้องพัฒนาทัศนคติว่าเราจะต้องมีทัศนคติอย่างไร จึงจะสามารถเชิญคนมาดูโอกาสแล้วประสบความสำเร็จ

เชิญแล้วคนมา แค่เชิญแล้วคนมาท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจไปแล้ว 25% 

พอคนมาแล้ว ตัดสินใจสมัคร ท่านประสบความสำเร็จไปแล้ว 50%

พอสมัครแล้วท่าน สอนทำให้เขาเชิญคน แล้วก็มา แล้วก็สมัครท่านสำเร็จแล้ว 75% 

แล้วถ้าท่าน สอนทีมงานของท่านให้ไปสอนทีมงานของเขาต่อ โดยทีมงานของเขานั้นเนี่ยสามารถที่จะเชิญคน แล้วก็สมัครต่อ สอนพัฒนาอย่างต่อเนื่องท่านสำเร็จแล้ว 100%

ดั้งนั้นเราจะต้องมีทัศนคติ

  1. เราคือผู้ให้ (ที่ไม่คาดหวังผลลัพธ์)!
  2. เราคัดหาคนที่จริง ที่ใช่ !
  3. เข้าใจกฎของค่าเฉลี่ย !

กฎของค่าเฉลี่ยมีไว้ว่า “ถ้าเราทำบางสิ่งบ่อยมากพอ ค่าเฉลี่ยจะเกิดขึ้น”

ทำ 10 ได้ 1 คือค่าเฉลี่ยของอุสาหกรรมนี้ ค่านี้คือพิสูจน์มาแล้ว ทั้งเชิญคนมาดูโอกาส การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ

ทำ 10 ได้ 2 คือ ดี

ทำ 10 ได้ 3 คือ เก่ง

ทำ 10 ได้ 4 คือ ยอดเยี่ยม

ผลค่าเฉลี่ยจะทำให้ท่านได้เห็นว่าต้องทำมันให้มากพอท่านจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

“3 ปัจจัยสำคัญในการทำ MLM ให้ประสบความสำเร็จ”

1.วิธีคิด – ท่านต้องมีวิธีการสื่อสารกับตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ท่านคิด คนส่วนมากจะคิดทำลายตัวเอง เราต้องคิดบวก เลิกใช้พลังทำลายตัวเอง ฝึกใช้พลังคิดสร้างสรรค์ ฉันไม่มีทักษะ ต้องทำยังไงให้มีทักษะ ฉันไม่มีรายได้จากธุรกิจ จะทำยังไงให้มีรายได้เพิ่ม จงตั้งคำถามคุณภาพให้กับตัวเอง

2.วิธีการ – คนส่วนมากมองหาแต่วิธีการ ฉันอยากจะทำเว็ปไซต์เป็น อยากยิงแอดเป็น อยากสปอนเซอร์คนเป็น อยากเก่งอย่างรวดเร็ว แต่ผมบอกไว้เลยวิธีการสำคัญแค่ 5% เท่านั้น เพราะวิธีการเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้ สามารถเก่งได้ จากที่ท่านไปเรียน และฝึกลงมือทำ ถ้าหากวิธีคิดไม่ได้ยังไงคุณก็ออกจากธุรกิจอยู่ดี

3.วิธีสื่อสารกับผู้อื่น – การโทรเชิญคนเข้ามาดูโอกาส การส่งไลน์ ส่งเฟสบุ๊ค มันคือโอกาสการสื่อสารระหว่างเรากับผู้คนเพราะฉะนั้นวิธีการสื่อสารกับตัวเองนั้นสำคัญ วิธีการสื่อสารกับผู้อื่นก็สำคัญ 15%

เพราะฉะนั้นท่านต้องฝึกทักษะเหล่านี้ ทำให้ทักษะเหล่านี้อยู่ข้างท่าน

วันนี้ผมมีสูตรสำเร็จ 3 สูตร สูตรสำเร็จในการเชิญคนมาดูโอกาส

สูตรสำเร็จที่ 1

สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมา

สูตรสำเร็จนี้ว่าด้วยหลักการ 3 หลักการ ดังนี้

1

Step 1เร่งรีบ ในการเชิญคน

ตัวอย่าง

สวัสดีครับคุณ………ผมมีเรื่องสำคัญที่จะถามคุณและตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก คุณสะดวกที่คุยกับผมสัก 1 นาทีไหม ?

( อย่าใช้เวลาคุยนานเกิน 1 นาที หรือ 1.30 นาที เพราะการเชิญครั้งนั้นจะไม่มีคุณภาพ)

2

Step 2ให้คุณค่า

เพราะถ้าท่านไม่ให้คุณค่าเขา ไม่ให้ในสิ่งที่เขาเห็นว่ามันเป็นประโยชน์กับเขา เขาจะไม่ตอบรับในการมาดูโอกาสอย่างแน่นอน

ตัวอย่าง

ถ้าผมได้พบกับช่องทางในการที่จะสามารถสร้างรายได้ 5,000-20,000 บาทต่อเดือน โดยที่สามารถทำแบบพาร์ทไทม์หรือเต็มเวลาก็ได้ คุณอยากดูข้อมูลไหม?

3

Step 3ดึงกลับมา 

ท่านอย่าพยายามยัดเยียดลงคอหอยเขา ท่านต้องไว้ตัวบ้าง ท่านต้องดึงกลับให้เป็น

ตัวอย่าง

แต่ผมไม่ทราบนะว่ามันจะเหมาะกับคุณไหม มันอาจจะเหมาะ หรือ ไม่เหมาะกับคุณก็ได้ ผมไม่ทราบจริงๆ คุณอาจจะมีคุณสมบัติพอหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องดูข้อมูลเอง คุณอยากดูไหม?

ผมบอกได้เลยว่านักธุรกิจ 95% ดึงกลับไม่เป็น เมื่อเขาตอบว่าอยากดู ให้เรานัดเวลา สถานที่

สูตรสำเร็จที่ 2

สูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Time

สูตรสำเร็จนี้เป็นคำเชื้อเชิญที่น่าเหลือเชื่อ มันเหมาะมากกับคนทำงานประจำ หรือ คนที่อยากจะหารายได้เพิ่มอีกช่องทางสูตรสำเร็จนี้บอกไว้ว่า “ผมพบช่องทางแบบพาร์ทไทม์ในการทำงานเพื่อสร้างอนาคตที่มั่งคั่ง และผมกำลังทำเงินเท่าๆกับที่ได้จากงานประจำของผม คุณอยากฟังเรื่องราวของผมไหม มันเหลือเชื่อมากๆ “

หัวใจสำคัญของคำว่า Magic Of Part Time คือคำว่า “พาร์ทไทม์” หรือทำหลังเลิกงาน หลังจากธุรกิจที่ 1 ของเขา มาทำที่ 2 ได้

ความมหัศจรรย์และพลังดึงดูดของพาร์ทไทม์ ทำให้คุณมีการเชิญที่แสนคลาสสิค ให้กับคนที่อยากฟัง ในสิ่งที่คุณกำลังทำ และเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ

เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตคุณ แต่สิ่งที่คุณใช้เงินทำต่างหากที่สำคัญมันเปลี่ยนวิถีชีวิตเลยและนี่คือปรัชญาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม

สูตรสำเร็จที่ 3

สูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค

ถ้าท่านใช้สคริปต์นี้อย่างดี อย่างถูกต้อง เข้าใจอย่างถูกต้องท่านจะไม่มีทางที่จะสูญเสียความสัมพันธ์กับผู้คนเลย แม้สคริปต์ที่ 2 และ สคริปต์ที่1 จะไม่เสียความสัมพันธ์กับบุคคล แต่สคริปต์ที่ 3 จะชัดเจนมาก และ การเชิญของท่านจะมีประสิทธิผลค่อนข้างมากในสคริปต์ที่ 3 นี้

ตัวอย่าง

ผมอยากให้ตั้งใจฟังนะ เพราะผมเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และคน 3 ใน 10 คนจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผม และผมจะไม่รังเกียจเลยที่คุณจะเข้าร่วมดูข้อมูลและเป็น 1 ใน 7 ที่ไม่เข้าร่วมผม เพราะมันไม่สำคัญ คุณเป็นเพื่อนผม และคุณจะทำก็เพื่อสนับสนุนผม และ ไม่สำคัญว่าคุณชอบหรือเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะสมัครรึเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะซื้อหรือเปล่า แต่มันสำคัญมากๆ ที่คุณจะมาเพื่อแค่ดูข้อมูล

เหตุผลสำคัญที่ผมอยากให้คุณได้ฟังเรื่องราวของมันก็เพราะว่า เมื่อหลายปีผ่านไป ถ้าผมทำได้ดี ผมไม่อยากให้คุณพูดว่า “ทำไมผมไม่โทรหาคุณเมื่อหลายปีก่อนเพื่อบอกเรื่องนี้ ผมไม่ได้จดหมาย ไม่ได้ข้อความใดๆเลย”

ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ เพราะฉะนั้น 2 เหตุผลคือ ผมอยากให้คุณได้เห็นว่าผมทำอะไร และเมื่อเวลาผ่านไปถ้าผมทำได้ดี ผมจะได้พูดว่า คุณก็รู้ว่าผมให้โอกาสกับคุณแล้ว

แล้วที่สำคัญมากคือ มาเพื่อเป็นเกียรติให้กับผมในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ มาเป็น 1 ใน 7 มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าร่วมหรือเป็นลูกค้าหรือไม่ แต่ผมต้องการ 10 คนเพื่อให้เกิดหุ้นส่วน 3 คน

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

กมลเวช เมืองศรี

วิธีตอบข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย MLM

วิธีตอบข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย MLM

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วันนี้ ผมจะมาแบ่งปันวิธีการตอบคำถาม ตอบข้อสงสัย ตอบข้อกังวล ตอบข้อโต้แย้ง

ที่เป็นคำถาม ที่คนจะถามมากที่สุด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจออนไลน์กับท่าน ให้ท่านได้เห็นเลยครับว่า ถ้าถูกถามคำถามเหล่านี้แล้ว ท่านจะตอบอย่างไร

แล้วถ้าเกิดเขายิงมาเป็นชุดๆท่านจะสามารถรับมือแบบหลบกระสุน และ โต้กลับได้ด้วย

วีดีโอ “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”

หนังสือเสียง “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”หนังสือเสียง “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”ตอนที่ 14 วิธีรับมือกับคำถาม ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายคำถามที่ 1 ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่ายคำถามที่ 2 ฉันต้องขายไหม ?คำถามที่ 3 เป็นพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า ?คำถามที่ 4 ฉันไม่มีเงิน ( คนที่โดนถามทั่วไปมักจะสตั้นไป 10 วินาที )คำถามที่ 5 สามี ภรรยา ฉันไม่สนใจหรอก!คำถามที่ 6 การต่อตรงกับบริษัทจะดีกว่า การถูกอุปถัมภ์โดยคนอื่นหรือเปล่าคำถามที่ 7 ผมต้องทำงานร่วมกับทีมงานลงไปลึกแค่ไหนคำถามที่ 8 ผมจะเลือกบริษัทเครือข่ายได้อย่างไรคำถามที่ 9 ผมไม่มีเวลาคำถามที่ 10 การหาสมาชิก (Recruiting) กับ การอุปถัมภ์ (Sponsoring) ต่างกันอย่างไรคำถามที่ 11 ผู้อุปถัมภ์โดยตรงของผมไม่ช่วยผมเลย จะทำอย่างไรดีคำถามที่ 12 การประชุมสำคัญแค่ไหน

ตอนนี้เป็นตอนที่ 7 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่

ตอนที่ 14 วิธีรับมือกับคำถาม ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย

ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะทำธุรกิจอยู่ หรือไม่ทำก็ตาม ผมการันตรีว่า ท่านจะต้องมีการเกี่ยวข้องธุรกิจเครือข่ายอย่างแน่นอน ไม่เร็วก็ช้า ถ้าท่านยังไม่เคยเข้าร่วม 

แต่ถ้าท่านเข้าร่วมแล้ว ข้อมูลนี้สำคัญกับท่านมาก เพราะอะไรทำไม เดี๋ยวคำถามและคำตอบในวันนี้จะทำให้ท่านได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กันหมดเลยครับว่า

จริงๆ แล้วธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่สุดยอดที่สุดอันดับ 1 ของโลก

เพียงแต่ว่าคน 99.99% ที่ทั้งยังไม่ได้เข้าในธุรกิจเครือข่าย และเข้ามาแล้วเขายังไม่เข้าใจมัน แล้วทำไมเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าใจมัน เพราะเมื่อเขาเข้าใจมันชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลยตลอดกาล

คำถามที่ 1 ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย

เวลาเราไปสปอนเซอร์คน เวลาเราแบ่งปันโอกาสให้กับคน เวลาเรานำเสนอ โปรโมทให้เขาเข้าไปดูงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในระบบออนไลน์ หรือในห้องประชุมก็ตาม คนจะถามครับว่า

“มันคืออะไรหรือธุรกิจเครือข่าย”

ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่เข้าใจ หรือ ฉันเคยทำมาแล้ว ฉันไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมฉันจะต้องทำธุรกิจเครือข่ายให้ได้ด้วย ไม่ทำได้ไหม ทำอย่างอื่นก็ได้ไหม อย่างอื่นก็รวย เห็นเขารวยกันหมดนี่

ท่านจะตอบเขายังไง คนส่วนมากนะครับ ไม่รู้วิธีการตอบที่เวิร์ค เดี๋ยวผมจะทำให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า ท่านจะตอบยังไงให้มันเวิร์ค

ผมอยากให้ทุกท่าน ทำความเข้าใจตัวอย่าง ที่ผมกำลังจะแบ่งปันในตอนนี้ แล้วท่านจะเห็นด้วยกับผมว่า ทำไมประชากรบนโลกนี้ทั้งโลกมากกว่า 90% ควรทำธุรกิจเครือข่าย ผมไม่ได้พูดผิดนะครับ ประชากร คนทั้งโลกที่มีประชากรทั้งหมด 6 พันล้านคน ทำไม 90% ควรทำธุรกิจเครือข่าย

ผมมีคำถามครับว่า การดำเนินชีวิตส่วนใหญ่ ที่ทุกท่านใช้กันอยู่ตอนนี้ถูกกำหนดให้ทำงาน จนกว่าจะเกษียณอายุ คนส่วนใหญ่ทำงานประจำ และเขาต้องมีเงินเก็บมากพอที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป เห็นด้วยไหมครับ

การมีชีวิตด้วยเงินประกันสังคม ไม่ถือว่าเป็นการมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายนะครับ เห็นด้วยไหมครับ

สำหรับคนส่วนใหญ่การที่จะมีรายได้เดือนละ 200,000 บาท ได้นั้นคุณจะต้องมีบัญชีเก็บในธนาคารซึ่งจ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปี ท่านก็รู้อยู่นี่ว่าประเทศไทยเราจ่ายดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็น อันนี้ผมยกตัวอย่าง 5% จ่ายเยอะๆ เลยนะครับ

 

เพื่อให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า เราทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม และเสี่ยงต่อการที่จะไปต่อไม่ได้ในชีวิตมากแค่ไหน

ผมยกตัวอย่างนะ สมมุติว่าเรามีบัญชีเงินเก็บในธนาคารแล้วธนาคารจ่าย 5% เป็นจำนวน 48 ล้านบาท

สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้เดือนละ 2 แสนนะครับจะต้องมีเงินเก็บ 48 ล้าน

ผมจะให้ดูตารางเปรียบเทียบให้ท่านได้เห็นครับว่า ขอให้ท่านเลือกรายได้ต่อเดือนที่ท่านต้องการ เมื่อคำนวณกับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่างกันแล้ว ท่านจะรู้ได้ครับ ว่าท่านต้องมีเงินต้นเท่าไหร่

แต่อย่าลืมนะครับว่าก่อนที่ท่านจะเก็บเงินได้นั้น ท่านต้องมีรายได้ ท่านต้องจ่ายภาษี จ่ายค่าบ้าน และบิลค่าใช้จ่ายสารพัด บัตรเครดิต ค่านั้น ค่าไฟ ค่ากิน ค่าเปลี่ยนยางรถ ค่าเติมน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต

เพราะฉะนั้นคำนวณดีๆนะครับว่า ท่านเหลือเงินเก็บต่อเดือนเท่าไหร่ เรารู้แล้วนะครับว่าเงินต้น 48 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% จะทำให้ท่านมีรายได้ต่อเดือน 2 แสนบาท

คราวนี้เราลองมาแบ่งครึ่งถ้าเงินต้น 24 ล้านบาท ท่านสามารถสร้างรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือน คราวนี้ท่านรู้จักคนกี่คนที่สามารถเก็บเงินได้ 24 – 48 ล้านบาท ก่อนที่จะเกษียณ

เพื่อที่จะมี Passive income (รายได้ที่เข้ามา ในขณะที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร) เดือนละ 1-2 แสน ท่านรู้จักกี่คนครับ

คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายสามารถใช้เวลา 2 -5 ปี ทำงานแบบพาร์ทไทม์ เริ่มต้นสร้างธุรกิจจากที่บ้าน สร้างรายได้ 1-2 แสนบ้านต่อเดือนได้เช่นเดียวกัน

โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินเก็บ 24-48 ล้าน

เงินจำนวนนี้ ปริมาณเท่าๆ กับรายได้จากการที่ท่านมีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยที่ 5% อย่างที่ผมบอกเมื่อกี้ สุดยอดไหมครับ และที่สำคัญเงินฝากในธนาคารกับเครือข่ายที่คุณสร้างไว้มันเหมือนกันตรงที่ว่า มันไม่สนใจว่าท่านจะลุกจากที่นอนตอนเช้าเพื่อออกไปทำงานหรือไม่ ยังไงท่านก็ยังรับรายได้อยู่

ตัวอย่างข้างต้นนี้แลดงให้เห็นถึงเวลา 2-5 ปีในธุรกิจเครือข่ายกับรายได้ในแบบที่แม้ว่าท่านจะทำงานหรือไม่รายได้นั้นก็ยังอยู่ตลอดไป

ทีนี้มาดูกันภายในเดือนแรกถึง 1 ปีแรก กันบ้างครับว่าท่านต้องมีเงินฝากที่จ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปีในธนาคารเป็นจำนวน 960,000 บาท ถึงจะมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือน ตามรูป

เพราะฉะนั้นเห็นไหมครับว่าถ้าเป็นในธุรกิจเครือข่าย เกือบทุกคน หากทำธุรกิจโดยใช้ระบบที่ถูกต้องแล้ว และสามารถสร้างองค์กรที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเขา 4,000 บาทต่อเดือนได้ภายใน 3 เดือน

ท่านเชื่อว่าเป็นไปได้ไหม?

ไม่ต้องมีเงินฝาก 960,000 บาท แต่เลือกธุรกิจเครือข่ายที่ดีสักตัวหนึ่งเข้าไปลงมือทำแล้วใช้เวลาอย่างจริงจัง 3 เดือน ไม่ว่าจะพาร์ทไทม์ หรือ ฟลูไทม์ก็ได้ สร้างธุรกิจเครือข่ายท่านว่าเป็นไปได้ไหมที่เขาคนนั้นจะมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือนใน 3 เดือน

แล้วท่านรู้จักคนกี่คนครับที่สามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 บาทภายใน 1 เดือนมีกี่คนที่เข้าไปทำงานประจำในเดือนแรกแล้วสามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 มันน้อยมากเลยครับ

เพราะฉะนั้นแล้วธุรกิจเครือข่ายดูเป็นไปได้มากกว่ารึเปล่า เมื่อท่านได้รู้เรื่องราวของคนที่เข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายภายใน 1 ปีกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านรึเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่า อาจมีบางคนไม่รู้จักใครเลยที่สามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 บาทใน 1 เดือนได้ ผมพูดถึงเงินเก็บในธนาคารนะครับ

แต่ท่านน่าจะพอรู้จักใครบ้างไหมครับ ที่สามารถอุปถัมภ์เพื่อนของเขาได้เดือนละ 1 คน จำได้ไหมครับว่าถ้าเราใช้บทสนทนา 45 วินาทีในการค้นหาคน ในการคัดกรองคนว่าเราควรจะคุยกับเขาต่อหรือเปล่า

ถ้าท่านยังไม่เคยดูให้ท่านดูย้อนนะครับไปในวีดีโอก่อนหน้านี้หรือว่าอ่านบทความเก่าก่อนหน้านี้ของผม ท่านจะเห็นเลยว่าผมสอนมาเป็นขั้นตอน ทีละขั้นตอน

เพราะข้อมูลทั้งหมดนี้ผมนำมาจากหนังสือ การนำเสนอ 45 วินาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตท่าน ของดอน เฟียล่า นี่ไม่ใช่สุดยอดวิชาที่ผมคิดค้นเอง แต่ผมเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จที่สร้างองค์ระดับ 800,000 คนได้

และผมก็เอามาถ่ายทอดต่อให้ท่านเพื่อที่จะได้ร่วมด้วยช่วยกันให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นถ้าท่านยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ไปหาซื้อมาอ่านนะครับ หนังสือชื่อ การนำเสนอ 45 วินาที ที่จะเปลี่ยนชีวิตชีวิตคุณ

เราสามารถใช้บทสนทนา 45 วินาที ในการพูดให้เพื่อนเราฟัง หรือ เพื่อนของเราให้เวลา 45 วินาทีเพื่ออ่านนามบัตรของเราที่เราให้อ่านว่ามันมีข้อความอะไรบ้าง ถ้าท่านพูดไม่เก่งให้ท่านยื่นนามบัตรที่เตรียมบทสนทนานี้ไว้แล้วหรือส่งข้อความที่พิมพ์บทสนทนานี้ไว้แล้ว ให้เขาอ่านได้ไหม

ถ้าเรารู้วิธีการทำงานให้ง่ายๆ ชีวิตท่านจะดีขึ้นมากในการสร้างธุรกิจเครือข่าย หลังจากที่เขาสนใจก็ให้หนังสือเล่มนี้ให้เขาไปอ่านบทที่ 1- บทที่ 4 เท่านั้น หลังจากนั้นก็นัดให้เขามาคุยกับอัพไลน์ของท่าน หรือ ว่าสปอนเซอร์ของท่าน ผู้อุปถัมภ์ของท่าน

เห็นไหมท่านไม่ต้องพูดอะไรเลย ท่านพูด 45 วินาที เอาสื่อให้เขาดู ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอหรือหนังสือ หรือคลิปเสียง แล้วก็ให้คุยกับอัพไลน์ นี่คือกระบวนการในการสปอนเซอร์ที่ง่ายที่สุด

ถ้าท่านนั้นเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย แล้ว หลุดโฟกัสไปแล้วกลับมาใหม่ ตระหนักใหม่ว่า ฉันทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำทุกวันรึเปล่า วันนี้ท่านจะได้เห็นหมดเลยว่าที่ท่านไปสปอนเซอร์แล้วโดนเขายิงคำถามมาแล้วตอบไม่ได้ แล้วจะตอบยังไง คราวนี้เราอาจจะให้วิธีการโทรศัพท์ 3 สายก็ได้เพื่อคุยกับอัพไลน์เพราะฉะนั้นอยู่ตรงไหนก็ได้เห็นไหมครับว่ามันน่าตื่นเต้นมาก

ถ้าใครก็ตามสามารถใช้ระบบนี้ในการสปอนเซอร์เพื่อนของเขาเดือนละ 1 คนแล้วก็สอนให้เพื่อนของเขาทำได้เช่นเดียวกัน วิธีที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้น ท่านว่าเป็นไปได้ไหมครับ

ถ้าท่านอุปถัมภ์คนเดือนละ 1 คน แล้วสอนให้เขาทำอย่างเดียวกัน องค์กรของท่านจะเป็นแบบนี้ครับ แต่ท่านจะต้องมีความรับผิดชอบในการสอนให้ทีมของท่านที่ท่านสปอนเซอร์เข้ามา รู้ทุกสิ่งในธุรกิจและทำงานเป็นด้วย ก่อนที่จะไปสปอนเซอร์หรืออุปถัมภ์คนเพิ่ม การมีหน้ากว้างเยอะๆไม่ดี การสร้างสายลึกสิดี

ถ้าท่านได้เรียนบทเรียนก่อนหน้านี้ ท่านจะรู้เลยครับว่ามันสุดยอดยังไงในการทำธุรกิจเครือข่าย ท่านไม่ต้องทำงานกับคนทั้งโลก ทำงานกับแค่ 5 คนที่จริงจังเท่านั้น เพราะหากท่านยังมี 5 คนที่ยังไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ ท่านไม่ควรไปอุปถัมภ์คนที่ 6 ต่อ ท่านควรจะสอน 5 คนจริงจังของท่านให้เขาทำงานเป็นแล้วเดี๋ยว Active และ Passive income ที่สุดยอดจะตามท่านมา

สิ่งที่ท่านจำเป็นจะต้องทำจริงๆ

1. ทำความรู้จักกับเพื่อน (หากคุณไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว)

2. นัดพบกับเพื่อของคุณและเล่าให้เขาฟังว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่

คำถามที่ 2 ฉันต้องขายไหม ?

ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่าย และท่านต้องการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ

หนึ่งในคำถามที่ท่านจะต้องโดนถามมากๆ อย่างแน่นอนเลยก็คือ ฉันต้องขายไหม? หรือ ฉันต้องเป็นนักขายไหม?

คำตอบคือ ไม่!

ท่านไม่ต้องขาย หลายคนที่เพิ่งเข้ามาดูอาจจะช็อค ฉันทำธุรกิจเครือข่ายปีนี้เข้าปีที่ 5 ที่ 10 แล้ว ฉันยังเข้าอยู่เลยว่าทำธุรกิจเครือข่ายต้องขาย

ผมตอบเลยคือ ไม่ ! แต่ผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนไหวเองขณะที่ท่านสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง

โดยการแบ่งปันให้กับเพื่อนของท่าน ท่านเคยเห็นการนำเสนอขายเครื่องกรองน้ำ แบบเคาะประตูตามบ้านใช่ไหมครับ หรือไม่ก็เคาะประตูขาย ครีม ลิปสติก หรือการโทรมาขายประกันชีวิต

ท่านคิดถึงภาพเหล่านี้ออกไหม เมื่อนึกถึงการขาย คำตอบก็คือ ใช่ นี่คือสิ่งที่ คนทั่วไปพอพูดถึงการขายเขานึกภาพเหล่านั้น และภาพเหล่านั้นคือสิ่งที่คนไม่ชอบขาย

95% เข้าใจว่านั่นมันคือทั้งหมดของการขาย

จริงๆแล้วพวกเข้าใจว่าการขายต้องโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า และพยายามตื้อ ง้อ ขอ หรือ ยัดเหยียด กดดัน ให้คนที่เขาไปหานั้น ซื้ออะไรที่คนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้หรือ ไม่ต้องการ

ซึ่งมันทำให้คนที่ขายอึดอัด และคนที่ถูกขายก็อึดอัด จริงไหมครับ

นี่คือสิ่งที่อยู่ในหัวคนเลย เพราะเขาเคยโดนมาก่อน เคยโดนนักขายยัดเหยียดมาก่อน เขาเคยโดนนักขายพยายามทำให้เขาซื้อ เขาก็อึดอัดมากไม่อยากจะซื้อไม่รู้จะตัดบทยังไง ฉันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย ฉันไม่อยากเจอสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว

เฮ้ย! แล้วเพื่อนมาชวนฉันไปทำธุรกิจเครือข่าย แล้วเพื่อนก็ทำเหมือนกันเลย ทำเหมือนกับอีกคนเลยที่มาชวนฉัน ฉันก็เลยต้องถามไง ฉันต้องขายไหม แล้วถ้าท่านตอบไม่ได้ จบครับ ถ้าท่านแก้ความกระจ่างในใจเขาไม่ได้ จบ 

เดี๋ยวมาฟังวิธีการว่า ต้องตอบยังไง ผมบอกไปแล้วสิ่งแรกเลยท่านต้องทำให้เขาเห็นภาพชัดเจน

ผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนไหวเองขณะที่เราสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง โดยการแบ่งปันให้กับเพื่อนของเรา คนในครอบครัวของเรา แบ่งปันไม่ใช่การขาย เพราะฉะนั้นในธุรกิจเครือข่ายเราไม่จำเป็นต้องทำการขายเหมือนอย่างที่ผมยกตัวอย่างมา ทุกอย่างเลย สาเหตุเป็นเพราะว่า

  1. คุณกำลังทำงานกับคนรู้จัก
  2. คุณกำลังทำงานกับสินค้าที่เขาจำเป็นต้องใช้และต้องการ

คำถามที่ 3 เป็นพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า ?

วิธีการตอบง่ายมากครับ ตอบว่า ไม่ใช่เลยครับ ! สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายแตกต่างกับพีระมิด ก็คือ 

พีระมิด ผิดกฎหมาย

แต่ธุรกิจเครือข่ายอยู่มานานมากกว่า 30 ปีแล้ว ถ้ามันผิดกฎหมายมันคงโดนปิดไปนานแล้ว โดยหน่วยราชการของทุกประเทศ

เมื่อท่านเจอข้อโต้แจ้งเรื่องพีระมิดโดยส่วนมากแล้วคนที่โต้งแย้งท่านว่าแชร์ลูกโซ่รึเปล่า พีระมิดรึเปล่า

เพราะผู้คนเหล่านี้กลัวที่จะล้มเหลว กังวล คนที่ท่านกำลังเสนอโอกาสให้ เขาไม่กล้าที่จะลองและต้องการที่จะปฎิเสธท่าน เขากลัว

เขาไม่ได้มีทัศนคติที่เมื่อมีโอกาสแล้วอยากจะคว้าไว้ กลัวไปหมดเลย ก็เลยงัดไม้ตายขึ้นมา แชร์ลูกโซ่รึเปล่า

เพราะเขารู้ว่าท่านจะตอบไม่ได้แน่นอน ท่านจะอึกๆอักๆ เพราะท่านไม่ได้ซ้อมวิธีการตอบมาก่อน และเขาคิดว่าใช้ไม้นี้ท่านสตั้นแน่นอน

และคนส่วนมากสตั้นตอบไม่ได้ แต่ถ้าท่านตอบได้ว่าไม่ใช่ ถ้าผิดกฎหมายโดนจับไปนานแล้ว เห็นด้วยไหม พีระมิดมันผิด ฉันไม่ผิด

คำถามที่ 4 ฉันไม่มีเงิน ( คนที่โดนถามทั่วไปมักจะสตั้นไป 10 วินาที )

คนทั่วไปเมื่อเจอคำถามนี้จะไปต่อไม่ได้

พูดมา 2 ชั่วโมง นำเสนอสุดๆเลย อยากทำนะ แต่ไม่มีเงิน วิธีการตอบง่ายมากๆเลยครับ ง่ายเกินกว่าที่ท่านจะคิดด้วย

ถ้าเป็นผม ผมจะตอบว่า โอเค คุณไม่มีเงินเหรอ ไม่ใช่ปัญหาเลยนะ เพราะคุณสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจเครือข่ายได้หลายยี่ห้อด้วยเงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า 500 บาทด้วยซ้ำ

คุณจะทำธุรกิจเครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวคุณเอง หรือทำงานเพื่อให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้นไปตลอดชีวิตของคุณ นั่นเป็นสิ่งที่คุณเลือกได้ทันที

คำถามที่ 5 สามี ภรรยา ฉันไม่สนใจหรอก!

สิ่งที่ผมจะตอบนั้นและสิ่งที่ ดอน เฟียล่า แนะนำก็คือ

อย่าให้สิ่งเหล่านี้ดึงคุณไว้เพราะปกติแล้วตอนเริ่มแรกเนี่ยก็จะมีสามี มีภรรยา หรือจะมีลูก หรือจะมีพ่อ แม่ เพียงคนเดียวที่ทำธุรกิจ คนอื่นไม่เห็นด้วยหรอกและเมื่อเขาเริ่มสำเร็จ อีกคนหนึ่งก็จะตามมาร่วมด้วยแน่นอน 80-90 %

เมื่อเขาทำรายได้ 50,000 – 100,000 บาท คนที่ค้านจะกลับมาเห็นด้วย ร่วมด้วย คราวนี้มันเป็นที่ใครละ ที่จะทำให้มันเกิดขึ้น

คือคุณนั้นแหละ คุณที่คิดจะทำนั้นแหละไม่ใช่เขาคนที่ต้านคุณอยู่ คุณจะต้องทำให้เขาเห็นว่าคุณประสบความสำเร็จเดี๋ยวคุณก็ชนะทุกข้อโต้แย้ง และในธุรกิจเครือข่ายเมื่อคู่สามีภรรยาสร้างธุรกิจร่วมกันมันไม่ใช่แค่ 1+1 = 2 แต่มันคือ 1+1 = มากกว่านั้น

คำถามที่ 6 การต่อตรงกับบริษัทจะดีกว่า การถูกอุปถัมภ์โดยคนอื่นหรือเปล่า

คำตอบก็คือ ไม่เลยครับ

การที่จะต่อตรงกับบริษัทไม่ดีเลยครับ ถ้าท่านเห็นว่าฉันเป็นคนแรกเลยฉันดีนะ

จริงๆแล้วไม่ดีเลย สาเหตุคือ ยิ่งมีผู้จำหน่ายอยู่ระหว่างคุณกับบริษัทมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

ไม่ดีเหรอที่มีคนสนับสนุนท่านมากแทบไม่จำกัดเลย อัพไลน์ท่านมีเป็น 10 ชั้น คนที่ 1 ช่วยไม่ได้ก็ไปคนที่ 2 คนที่ 2 ช่วยไม่ได้ไปหาคนที่ 3, 4

ท่านคิดว่าทำธุรกิจไม่มีความท้าทาย ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นหรอ ท่านคิดว่าท่านไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนท่านคิดหนทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องได้เลยหรอ

ไม่ต้องลองผิด ลองถูกอย่างเดียว ทำได้จริงหรอ ทุกๆคนที่อยู่เหนือคุณเขาพร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ

คำถามที่ 7 ผมต้องทำงานร่วมกับทีมงานลงไปลึกแค่ไหน

คำตอบก็คือ ยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น

ผู้จำหน่ายหลายคนครับไม่ทำงานลึกลงไปกว่าระดับชั้นการจ่ายเงินของบริษัท ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง

ยังจำใน บทที่ 9  ที่ผมแบ่งปันได้ไหมครับว่า เมื่อท่านทำงานลึกลงไปกว่าระดับชั้นการจ่ายเงินที่ท่านจะได้ ท่านกำลังเพิ่มความร้อน เพิ่มอุณหภูมิ ให้กับสายงานทั้งสายของท่านให้กับผู้จำหน่ายตั้งแต่ชั้นที่ท่านลงไปช่วยจนถึงชั้นบนเลย แล้วทุกๆชั้นที่โดนอุณหภูมิความร้อนก็จะมีผลต่อรายได้ที่มากขึ้นของเขาด้วย

คำถามที่ 8 ผมจะเลือกบริษัทเครือข่ายได้อย่างไร

ข้อเท็จจริงของมันก็คือ คนส่วนมากมิได้เลือกบริษัทแรกของเขาด้วยตัวเอง

แต่ใครบางคนที่เป็นผู้จำหน่ายอยู่แล้วเป็นคนเลือกเขา ควรทำงานให้กับบริษัทเดียว อย่าเป็นผู้จำหน่ายของหลายบริษัทในขณะเดียวกัน

(อ่านบทความ 7 ขั้นตอนในการเลือกบริษัทเครือข่ายที่ใช่)

คำถามที่ 9 ผมไม่มีเวลา

เราจะตอบเขาว่าไม่มีเวลาเหรอ ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ สบายมาก คือ คุณสมชายมันมี 4 องค์ประกอบในการรับสมัครสมาชิก หรือ การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ คือ

  1. รายชื่อ
  2. เวลา
  3. การลงมือทำ ใส่พลังงานลงไป
  4. ความรู้

นี่คือ 4 องค์ประกอบ ถ้าผมกำลังจะสปอนเซอร์คนที่ยุ่งมากๆ เหมือนอย่างคุณสมชาย ผมอาจจะพูดง่ายๆว่า ถ้าคุณยุ่งมากผมจะไม่ขอเวลาคุณครับ คุณไม่ต้องใช้เวลาเยอะเลย คุณใช้เวลาวันละ 5 นาทีเท่านั้น

ผมขอแค่รายชื่อจากคุณ คุณช่วยนำแนวคิดเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายไปเล่า ไปบอกเพื่อนๆของคุณและถ้าเขาสนใจให้ติดต่อมาหาผม

คำถามที่ 10 การหาสมาชิก (Recruiting) กับ การอุปถัมภ์ (Sponsoring) ต่างกันอย่างไร

การหาสมาชิกก็คือ

เมื่อท่านพาใครบางคนเข้าสู่ธุรกิจโดยที่เขานั้นมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนอยู่แล้วนั้นคือการหาสมาชิก

เพราะคนที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว สอนนิดเดียว เดี๋ยวเขาทำเป็นหมดเลย

แต่การอุปถัมภ์นั้นคือ

การพาใครบางคนที่ไม่เคยรู้จักธุรกิจเครือข่ายมาก่อนเลยเข้าสู่ธุรกิจ แล้วคุณจะให้คำมั่นสัญญากับเขาว่าจะสอนเขาและช่วยเหลือเขา จนกว่าเขาจะรู้ทุกอย่างและสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย 

เหมือนอย่างที่ผมกำลังทำอยู่ คุณอาจสร้างองค์กรได้เร็วมากมาจากการหาสมาชิกแต่คุณจะสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง เติบโตแข็งแรงและยั่งยืนได้ด้วยการ อุปถัมภ์ หรือ Sponsoring เท่านั้น

คำถามที่ 11 ผู้อุปถัมภ์โดยตรงของผมไม่ช่วยผมเลย จะทำอย่างไรดี

ให้ตอบแบบนี้ครับว่า

ให้คุณติดต่อกับคนข้างบนของคุณสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะพบคนที่อยากจะช่วยคุณ

ก็คืออัพไลน์ระดับสูงขึ้นไปนั้นแหละ จนกว่าคุณจะพบคนที่พร้อมจะช่วยคุณ

เมื่อเขาพร้อมที่จะช่วยคุณ คุณก็ทำงานกับเขา สุดท้ายคนที่สปอนเซอร์คุณโดยตรงก็จะออกจากระบบไปอยู่ดี เขาอาจจะเลิก อัพไลน์เลิกทำเป็นเรื่องธรรมชาติ

คุณก็เลื่อนขึ้นมากับคนที่เขาอยากช่วยคุณแล้วก็ทำงานกับคนนั้นไปเลย

คำถามที่ 12 การประชุมสำคัญแค่ไหน

ผมบอกเลยครับการประชุมสำคัญมาก

ระดับ 8-10 เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ

No meeting  No business

แล้วยิ่งถ้าท่านไม่เอากองไฟมาสุมรวมกันย่อมไม่เกิดกองเพลิงใหญ่ๆ ไม่เอาท่อนฟืนเปียกน้ำมาอยู่กับพวกท่อนฟืนที่ติดไฟ ท่อนฟืนเปียกน้ำจะโตเหรอ

เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาดที่สุดในการสร้างธุรกิจเครือข่าย เขาจะตื่นเต้นมากๆ เลยว่างานสัมมนาครั้งต่อไปจะมีเมื่อไหร่

เพราะเขารู้และเข้าใจว่า วิธีการทำซ้ำที่ง่ายที่สุดในธุรกิจเครือข่ายที่ทุกคนทำได้คือ การพาตัวเองและทีมงานของเขาเข้างานประชุมครับ

ไม่ต้องใช้ความรู้ ไม่ต้องใช้ทักษะ ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเท่าไหร่เลยเห็นภาพไหนครับ

และยังฉลาดไปกว่านั้นอีกเพราะในงานอีเว้นใหญ่ๆ ในงานประชุมใหญ่ๆจะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จมาเล่าเรื่องราว มาสอนวิธีการมาเล่าสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้คนนั้นไฟลุก เพราะเมื่อมีแรงบันดาลใจ ใจจะบันดาลแรง

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

3ส สูตรสร้างความสำเร็จการตลาดออนไลน์

3ส สูตรสร้างความสำเร็จการตลาดออนไลน์

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วันนี้ผมจะมาเปิดเผยสูตร 3ส ที่จำเป็นต้องทำ ถ้าท่านอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์

99 เปอร์เซ็นต์ ของนักธุรกิจมักจะล้มเหลวและถังแตก เพราะว่าพวกเขาไม่รู้จักสูตร 3ส คือขั้นตอน ของการตลาดดึงดูดนั่นเอง

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ MLMOnlineSchool โรงเรียนสอนธุรกิจเครือข่าย ด้วยวิชาการตลาดดึงดูด ที่จะทำให้ท่าน:

  • สร้างรายชื่อ
  • สร้างผู้มุ่งหวัง
  • สร้างลูกค้า
  • สร้างดาวน์ไลน์
  • เพิ่มยอดขาย
  • และเพิ่มจำนวนผู้สมัคร

สำหรับทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม

(ใช่แล้วครับ ท่านประสบความสำเร็จได้ และสูตรนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วมากมาย)

สารบัญเนื้อหาความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วกับดักที่ทำให้การสร้างธุรกิจจากที่บ้านไม่สามารถไปถึงรายได้ 6 หลักได้สูตร 3ส เป็นขั้นตอนที่ต้องใส่ใจทำ ในทุกๆ วัน เพื่อความสำเร็จในการทำตลาดดึงดูด!ส. ที่ 1: สร้าง ผู้ติดตาม (Build)ข้อแนะนำสำคัญ:ส. ที่ 2: สนิทสนม (Engage)ส. ที่ 3: เสนอขาย (Sell)สร้าง-สนิทสนม-เสนอขายคือสูตรสำเร็จที่ทำให้การทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการตลาดแบบดึงดูดเป็นที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ!

ผมคิดว่าท่านจะต้องเห็นด้วยกับผมแน่นอน หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว ว่าทุกๆ ความสำเร็จของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ที่ท่านเห็นอยู่บนออนไลน์ปัจจุบันนี้ ล้วนใช้สูตร 3ส ขั้นตอนแห่งความสำเร็จนี้ทั้งสิ้น

และถ้าท่านกำลังติดปัญหากับธุรกิจของท่าน ไปต่อไม่ได้ มันเป็นเพราะว่าท่านขาดสิ่งใด สิ่งหนึ่ง หรือมากกว่า ในการทำสูตร 3ส ขั้นตอนสู่ความสำเร็จนี้

สูตรแห่งความสำเร็จของการตลาดดึงดูด นี้เป็นพื้นฐานของ MLMOnlineSchool ที่ใช้มามากกว่า 10 ปีแล้ว โดยผู้ก่อตั้งคือ อาจารย์กมลเวช เมืองศรี นั่นเอง

ความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

ถ้ามีคนที่ท่านรัก ท่านชื่นชอบ และติดตามอยู่บนออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายแล้ว มั่นใจได้ 100% เลยว่า ในการสร้างผู้ติดตาม สร้างอิทธิพล และสร้างรายได้นั้น พวกเขาใช้สูตร 3ส การตลาดดึงดูดนี้แน่นอน

กับดักที่ทำให้การสร้างธุรกิจจากที่บ้านไม่สามารถไปถึงรายได้ 6 หลักได้

เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจถึงความลับของสูตรความสำเร็จที่ผู้ทำรายได้มากทั้งหลายทำมาหลายปีแล้ว และตอนนี้ท่านกำลังจะได้เรียนรู้สูตรเดียวกันเพื่อสร้างให้ธุรกิจของท่านเติบโต

แต่ก่อนอื่น เรามาเรียนรู้ว่า “ทำไม ผู้คนทั่วไปจึงไม่สามารถทำรายได้ถึง 6 หลัก จากธุรกิจที่ทำอยู่ที่บ้านของพวกเขา”

ปัญหานี้ตอบง่ายมากมันคือ…“ความรู้ท่วมหัว! …”

มันง่ายมากที่จะทำให้ท่านสับสน เพราะมีข้อมูลจำนวนมหาศาลส่งมาให้เราทุกวัน เกี่ยวกับวิธีที่ควรสร้างธุรกิจของเรา เหมือนนักมวยที่เดินเข้ามาพร้อมกับชกต่อยเข้าที่หน้า มันอาจทำให้มึนงงและสับสนได้ทุกครั้งที่ท่านนั่งหน้าคอมพิวเตอร์

แล้วอะไรล่ะที่ควรจะเริ่มต้น? อะไรล่ะที่ควรจะทำในขั้นต่อไป?

เริ่มต้นเขียนบทความใช่มั๊ย?เริ่มทำไลฟ์ (วีดีโอสด) บนเฟซบุ๊ก?ลงโฆษณาเฟซบุ๊ก?ส่งอีเมล?ส่งทวิตเตอร์ อินสตราแกรม หรือไลน์แชท?

มีมากมายหลากหลายวิธีเลยใช่มั๊ยครับ! ทุกวิธีนั้นดีนะครับ และเป็นวิธีที่มีผู้คนทำแล้วได้ผลลัพท์มามากมายแล้ว เพราะมันเป็นแนวทางการทำการตลาดที่แตกต่างกันนั่นเอง 

​แต่มันเป็นเหมือนกับการที่ท่านดื่มน้ำจากสายฉีดน้ำดับเพลิง มันมากเกินไปถ้าหากท่านเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาทำธุรกิจออนไลน์

ท่านต้องหยุดเสพข้อมูล และหายใจลึกๆ ค่อยๆมองหาความเรียบง่ายในทุกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แล้วความสับสนทั้งหมดจะหายไป

ดังนั้น เรากำลังจะพาท่านเดินไปอย่างถูกทาง เหมือนกับคอร์สเบื้องต้นของเรา MLM Attraction Blueprint 2.0 ที่ช่วยให้ท่านได้เรียนรู้พื้นฐานอย่างเข้าใจ และได้ผลลัพท์

เรามาเริ่มต้นพร้อมกันครับ…

สูตร 3ส เป็นขั้นตอนที่ต้องใส่ใจทำ ในทุกๆ วัน เพื่อความสำเร็จในการทำตลาดดึงดูด!

ว้าว! แค่ 3 ขั้นตอนที่ท่านจะต้องเอาใจใส่  แล้วทุกๆ อย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ซึ่งมันเป็นความจริงที่ทุกๆ ความสำเร็จในโลกของธุรกิจออนไลน์ จะต้องพุ่งเป้าไปที่ 3 ขั้นตอนนี้

รู้สึกดีแล้วใช่มั๊ยครับ?

ถ้าอย่างนั้น เราไปต่อกันเลย…

3 ส สร้าง สนิทสนม เสนอขาย3 ส สร้าง สนิทสนม เสนอขาย3 ส สร้าง สนิทสนม เสนอขาย

ส. ที่ 1: สร้าง ผู้ติดตาม (Build)

ผู้ติดตามท่าน คือกุญแจหลักสำคัญ เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของท่านเติบโตไปข้างหน้า 

ในกลุ่มผู้ติดตามของท่านที่ท่านสร้างขึ้น ท่านจะพบโอกาสในการทำให้ท่านมี:

  • รายชื่อ
  • ผู้มุ่งหวัง
  • ลูกค้า
  • สมาชิก หรือ ดาวน์ไลน์

และพวกเขาเหล่านั้น กำลังรอ ท่าน อยู่!

ท่านต้องสร้างผู้ติดตามหรือผู้ชมของท่านให้มากขึ้นทุกๆวันแล้วผู้ติดตามจะมาจากไหนบ้างล่ะ? นี่คือตัวอย่าง

  • เฟซบุ๊กแฟนเพจ ที่กดไลค์ และกดติดตาม
  • ผู้กดติดตามช่อง ยูทูป
  • ผู้ติดตาม ทวิตเตอร์
  • ผู้ติดตาม อินสตราแกรม
  • ผู้ติดตาม ไลน์
  • ผู้ติดตาม เฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์
  • ผู้ที่ลงทะเบียนรับอีเมล

ข้อแนะนำสำคัญ:

ผมแนะนำให้เลือก หนึ่ง ช่องทางหลักจากด้านบน คือ ผู้ที่ลงทะเบียนรับอีเมล และ อีก หนึ่ง ช่องทางจากโซเชียล คือ ยูทูป อย่าพยายามสร้างหลายช่องทางในช่วงเริ่มต้น เพราะมันจะทำให้ท่านสับสนตัวเองจนทำอะไรไม่ถูก  จงทำให้ตัวท่านเองเดินไปได้เร็วที่สุด และได้ผลลัพท์มากที่สุด ในช่วงแรก

พุ่งเป้าการทำงานของท่าน ในการสร้างผู้ติดตาม เพียง หนึ่ง ช่องทางในทุกๆ วัน จนกระทั่ง ท่านมีผู้ติดตามมากกว่า 10 คนต่อวัน จากช่องทางนั้น และท่านรู้สึกว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในช่องทางนั้นแล้ว

(การใช้ช่องทางสร้างผู้ติดตามด้วยอีเมลนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ท่านเลือกเป็นอันดับแรก และค่อยๆ เพิ่มรายชื่อเข้าไป จะทำให้ธุรกิจของท่านเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รายละเอียดมีสอนไว้แล้วในคอร์ส Top Sponsor Formula)

ส. ที่ 2: สนิทสนม (Engage)

ท่านจะต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามของท่าน ให้เกิดความสนิทสนม ในขั้นตอนนี้ท่านจะเริ่มได้รับความสัมพันธ์เป็นลำดับ คือ การรู้จัก (Know) ชอบพอ(Like) และ เชื่อถือ(Trust)…

และมันคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านต้องการให้ผู้คนอยากทำธุรกิจกับท่าน

ทุกสิ่งเป็นความจริง คือ ผู้คนจะทำธุรกิจ และแนะนำธุรกิจ กับคนที่พวกเขา รู้จัก ชอบพอ และเชื่อถือ เท่านั้น

Bob Burg

Endless Referrals

ท่านสามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามได้โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความ วีดีโอ ไลฟ์สด ทำให้ผู้ติดตามของท่านได้ประโยชน์และมีส่วนร่วมกับท่านในเนื้อหานั้นได้

ท่านสามารถโต้ตอบกับผู้คนที่เข้ามาสนใจในเนื้อหาของท่านได้ เช่น การตอบกลับ ถามปัญหา การกดถูกใจ หรือแบ่งปันเนื้อหาของท่าน…

ท่านสามารถเพิ่มความสัมพันธ์ โดยการติดตาม โต้ตอบ หรือติดต่อไปยังผู้ติดตามที่เข้ามาสนใจเนื้อหาของท่าน ด้วยการติดต่อไปยังช่องทางอื่นๆ ได้ เช่น พูดคุยตรงผ่าน โทรศัพท์ ไลน์ หรือแชทอื่นๆ

การเชื่อมความสัมพันธ์นั้น ขึ้นอยู่กับช่องทางการนำเสนอเนื้อหาของท่าน ถ้าท่านต้องการสร้างผู้ติดตามผ่านเฟซบุ๊ก ท่านก็จะต้องโฟสบทความที่ให้คุณค่า ด้วยข้อความ รูปภาพ หรือไลฟ์สด

ท่านจำเป็นจะต้องสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าที่สามารถให้ผู้ติดตามนำไปแบ่งปัน ออกความเห็น หรือตั้งคำถามได้ เพื่อให้ผู้ติดตามรู้สึกมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของท่าน

และท่านต้องทำในสิ่งที่ท่านต้องการให้ผู้ติดตามท่านทำด้วย เช่น ถ้าท่านสร้างผู้ติดตามทางเฟซบุ๊ก ท่านจะต้องแบ่งปัน ออกความเห็น และมีส่วนร่วมกับผู้นำคนอื่นในอุตสาหกรรมนั้นด้วย

ท่านสามารถตั้งคำถามสั้นๆ สองสามข้อ ถ้ารู้สึกว่าไม่มีใครเข้ามามีส่วนร่วมกับเนื้อหาของท่าน หรือท่านอาจขอให้ผู้คนแสดงความคิดเห็น กดชอบ หรือแบ่งปันข้อมูล ให้กับเนื้อหาของท่านได้

ใส่คำสั่ง (Call to Action) เพื่อให้ผู้ติดตามของท่านดำเนินการบางอย่างง่ายๆในเนื้อหาของท่าน ท่านจะประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

ถ้าท่านต้องการผู้ติดตามผ่านช่องยูทูป ท่านก็จะต้องโพสวีดีโอที่ให้คุณค่า หรือ ไลฟ์สด ก็ได้

ถ้าท่านใช้ อินสตราแกรม สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าให้ผู้ติดตามของท่าน ค้นหาผู้นำในอุตสาหกรรมของท่านบนอินสตราแกรม เข้าไปมีส่วนร่วม และร่วมออกความเห็นกับผู้ติดตามเหล่านั้น เพื่อดึงดูดให้มาเป็นผู้ติดตามของท่านได้

ท่านได้ไอเดียมั๊ยครับ

สร้างและโปรโมตเนื้อหาของท่าน สร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่มีส่วนร่วมกับเนื้อหานั้นอย่างสนิทสนม ค้นหาเนื้อหาจากผู้นำในอุตสาหรรมที่เกี่ยวข้องที่มีผู้ติดตามอยู่แล้ว และเข้าไปตีสนิทกับผู้ติดตามเขาเหล่านั้น สร้างความสนิทสนม จนมาเป็นผู้ติดตามของท่าน ด้วยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าอย่างมีคุณภาพ ท่านก็จะได้ผู้ติดตามที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกัน

ส. ที่ 3: เสนอขาย (Sell)

นี่คือขั้นตอนที่สนุกสนานมาก เป็นขั้นตอนที่ท่านเริ่มสร้างรายได้และสร้างอาณาจักรของท่านได้

เมื่อท่านได้สร้างผู้ติดตาม และท่านได้สร้างความสนิทสนมกับผู้ติดตามของท่าน ท่านสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นขั้นตอนทำให้เกิด การรู้จัก ชอบ และเชื่อถือแล้ว…

และตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่จะ เสนอ ขาย สินค้า หรือบริการของท่านแล้วเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่หลายๆ คน มักจะเริ่มจากขั้นตอนนี้เป็นลำดับแรก โดยที่ไม่ได้เริ่มจากหลักการพื้นฐานในขั้นตอน ส. ที่ 1 และ ส. ที่ 2 พวกเขาเริ่มต้นจากการขายเลย

การทำแบบนั้นเราเรียกว่า เป็นการ “โยน”  “ขว้างใส่” หรือ “ยัดเยียด” แทนที่จะนำเสนอด้วยคุณค่า ซึ่งทำให้ผู้คนตราหน้าเราได้ว่า เป็น “สแปมเมอร์”

ดังนั้น การทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามสูตร “3ส” จึงสำคัญอย่างยิ่งครับ

สร้าง-สนิทสนม-เสนอขายคือสูตรสำเร็จที่ทำให้การทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการตลาดแบบดึงดูดเป็นที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ!

นี่คือ สูตร 3ส เป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้การทำทุกธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จ

มันเป็นสูตรที่ยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหมครับ และท่านสามารถนำสูตรนี้มาทำได้ในทุกเวลาที่ท่านต้องการ และยังสามารถนำมาเป็นแนวทาง ให้กับท่าน ถ้ารู้สึกว่ากำลังหลงทาง และไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในแต่ละวัน ขอให้ย้อนกลับมายังสูตร 3ส คือ สร้าง-สนิทสนม-เสนอขาย ได้ในทันที

ถ้าหากท่านยังไม่ได้ผลลัพท์ที่ดี ท่านอาจกำลังพลาด หรือไม่ได้ทำ ขั้นตอนใด ขั้นตอนหนึ่งก็ได้

ผมแนะนำให้ท่านใส่ใจใน 3 ขั้นตอนนี้อย่างละเอียด เพื่อเป็นหลักประกันได้ว่าท่านได้สร้างธุรกิจของท่านบนพื้นฐานที่แข็งแรง!

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com

วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค

วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วันนี้ผมจะแบ่งปันสุดยอดวิชาที่มาถึงตอนที่ 13 -14 ถ้าท่านยังไม่เคยได้ดูในตอนก่อนหน้านี้ผมบอกเลยว่าท่านจะต้องดูให้ได้ แต่ตอนนี้ ดูตอนนี้ก่อน เพราะมันจะเชื่อมโยงกันหมดเลย

วันนี้ท่านจะได้เรียนรู้ วิธีสร้างองค์ธุรกิจเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ

วีดีโอ “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค”

หนังสือเสียง “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค”หนังสือเสียง “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค”บทที่ 13 เล่นกับตัวเลขเพื่อทำคะแนนบทที่ 14 วิธีสอนคนใหม่และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ควิธีจัดประชุมเสนอโอกาสธุรกิจให้ตื่นเต้นทรงพลังเทคนิคการนำเสนอ 20 นาที

บทความนี้เป็นตอนที่ 6 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่

บทที่ 13 เล่นกับตัวเลขเพื่อทำคะแนน

โดยที่ตอนที่ 13 นี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของการ เล่นกับตัวเลขเพื่อทำคะแนน

เมื่อท่านสปอนเซอร์คนได้แล้ว เริ่มสอนคนของท่านให้ทำธุรกิจไปแล้ว แล้วเขาเปลี่ยนสภาพจากการเป็นเรือว่างเปล่า มาเป็นเรือเงิน แล้วมาเป็นเรือทอง

ก็คือ คนที่กระตือรือร้น รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องการพึ่งอัพไลน์อีกแล้ว เขาทำของเขาได้เอง สร้างองค์กรได้เอง

ถ้าหนึ่งในทีมงานของท่านเป็นเรือทอง คำถามสำคัญคือ ท่านจะว่างพอที่จะไปช่วยเหลือคนใหม่ๆ และสร้างสายงานใหม่อีกครั้งแล้วใช่ไหม?

แน่นอนเมื่อทีมงานท่านสายนี้โตแล้ว ท่านก็ว่าง ท่านสามารถไปสร้างทีมงานใหม่ได้อีกนี่คือความสุดยอดของธุรกิจเครือข่าย ไม่ใช่ว่าทิ้งนะ เขาทำเป็นแล้ว เขาโตแล้ว ไม่ต้องการเราแล้ว

เราสร้างสายใหม่ ๆ ไปอีก ถ้าเราเข้าใจหลักการพลังทวีของธุรกิจเครือข่ายเราสามารถร่ำรวยได้ภายใน 1-1.5 ปี ไม่เกิน 3 ปี

คราวนี้คำว่าสายงานนั้น หมายถึงว่าท่านนั้นมีทีมงานลึกลงไปแล้วอย่างน้อย 3 ชั้น นั่นหมายถึงว่าตัวท่านก็เป็นเรือทอง เพราะท่านเข้ามาท่านตั้งใจเรียนรู้ทำธุรกิจแล้วท่านก็ปล่อยเรือทองแบบที่ท่านเห็นในรูปนี้ ปล่อยเรือทอง เรือเล็กออกไป เขาออกไปปล่อยเรือของเขาอีก

เพราะฉะนั้นหมายความว่าท่านจะต้องมีทีมงานลึกแล้วอย่างน้อย 3 ชั้น

ก็คือมีตัวท่าน  มี ทอม ซึ่งท่านนั้นสอน ทอม ให้รู้จักวิธีการสอน แครอล ให้สปอนเซอร์ เบทตี้ ได้ เมื่อท่านมีทีมงานสักปริมาณหนึ่งแล้ว แทนที่ท่านจะคิดว่าท่านจะหาใครเข้ามาร่วมธุรกิจอีกดี จะสปอนเซอร์คนใหม่อีกดีไหม

ผมบอกเลยว่าไม่ควร ท่านควรใช้เวลาร่วมกับใครบางคนที่เอาจริงแล้วก็เห็นโอกาสจะเกษียรเร็วในบรรดาที่อยู่ใต้ 5 คนเอาจริงของท่าน

ผมหมายความว่าเมื่อท่านมี 5 คนเอาจริงแล้วให้เรามองลงไปใต้ 5 คนที่เอาจริงของเรามีใครอีกไหมที่เขาเป็นเรือทองลงไปทำกับเขา

ท่านรู้วิธีการกระตุ้นขึ้นแล้ว แรงกระตุ้นขึ้นนั้นคือ ถ้ามีใครสักคนด้านล่างกำลังทำอะไรบางสิ่ง บางอย่าง คนข้างบน จะตั้งใจทำอะไรหลายอย่างมากเลย เพราะฉะนั้นท่านต้องทำงานให้ฉลาด

เพราะฉะนั้นมองลงไปข้างล่างครับ ใครเอาจริงลงไปทำงานกับเขา เพราะการที่ท่านพบใครบางคนที่เห็นโอกาสเหมือนกับท่านมันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากนะครับท่านจะมีพลังมหาศาลเมื่อท่านเข้าใจและก็มีความเชื่อในธุรกิจเครือข่าย

สมมุติอย่างนี้ครับว่า ท่านมีทีมงานติดตัวคนที่ 6 เพิ่มขึ้นเพราะว่าใครบางคนของท่านไม่ต้องการท่านอีก จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีสายงานเกิดขึ้น ไม่ว่าท่านจะลงไปทำลึกใต้สายงานของท่านแบบรูปที่ผมกำลังแชร์อยุ่ตรงนี้ หรือว่าท่านสร้างสายงานใหม่

ผมจะให้ดูรูปนะครับ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบนี้ เลข 5 กับ เลข 6 นั้นจริงๆแล้วต่างกันแค่ 1 หน่วยเท่านั้น ถูกไหมครับเดี๋ยวเราลองคำนวณลงไปในทางลึกดู

ถ้าหากทุกคนที่ติดตัวท่านสามารถหาทีมงานติดตัวคนใหม่ของเขาเองได้ แล้วคนบางคนของเขาไม่ต้องการความช่วยเหลืออีกแล้ว จะเป็นยังไง

6×6 = 36 ท่านที่มี 5 กับมี 6 ดูความแตกต่าง ในขณะที่ 5×5 = 25 ท่านจะเห็นว่า 25 กับ 36 ต่างกัน 11 แล้วลองคำนวณในทีมชั้นลึกอีกชั้นดูว่า 25 x 5 = 125

หมายความว่าถ้าท่านทำงานกับ 25 คนติดตัว แล้วเขาขยายได้คนละ 5 ลึกลงไปชั้นที่ 3 ท่านจะมีคนในชั้นที่ 3 125 คน แต่ถ้าท่านขยายเพิ่มอีก 1 สาย แล้วก็ลึกลงไปอีก ลึกลงไป 3 ชั้น ท่านจะมีคนในชั้นที่ 3 216 คน

ซึ่งถ้าท่านลบเลขไม่ผิดท่านจะเห็นเลยว่า 216 มันต่างกับ 125 ถึง 91 คน ต่างกันเยอะเลยนะครับแค่ทุกคนทำเพิ่มอีก 1

ตอนที่ท่านนำเรื่องนี้ไปสอนทีมงานของท่าน ท่านจะได้รูปประกอบอย่างที่ผมโชว์ตรงนี้ เขียนให้เขาเห็นภาพแล้วก็ให้ท่านคูณตัวเลขลงไปอีกจนถึงชั้นที่ 7 

ท่านจะได้ภาพประมาณนี้ ท่านจะเห็นเลยว่าถ้าท่านสร้างสายงานแค่ 5 สาย ลึกลงไป 7 ชั้น ท่านจะมีคนในชั้นที่ 7 78,125 คน ผมบอกเลยว่ารวยโคตรๆ

แต่ก่อนจะได้ตรงนั้น เรียนรู้ก่อนนะ เมื่อเรียนรู้จบ ลงมือทำ อย่าเรียนรู้แล้วไม่ทำอะไร เป็นคนแบบเดิมๆ ท่านก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ เรามาร่วมด้วยช่วยกัน เรียนรู้ ฝึกฝน แล้วสอนคนอื่นต่อให้ได้

หลังจากนั้นให้ท่านถามนักเรียนของท่านให้ลองทายว่าผลต่างในชั้นที่ 7 จะเป็นเท่าไหร่ในสายงานที่มี 6 คน

คำตอบคือ เมื่อลึกลงไป 7 ชั้น จะมีความแตกต่างถึง 201,811 ผมหมายถึงความต่าง ท่านว่า มีธุรกิจไหนอีกที่ดีกว่าธุรกิจเครือข่าย บ้าง ยังไม่บอกคำตอบนะครับ ท่านต้องไปคิดเอาเองว่าเท่าไหร่

ท่านเคยเห็นไหมครับว่าความสำคัญของการทำงานร่วมกับคนของท่านในแนวลึกว่าสำคัญแค่ไหน มีทีมงานต้องสอนเขาเหมือนอย่างที่ผมกำลังสอนท่าน

ให้เขานั้นทำเป็นเพื่อที่ท่านนั้นจะได้ให้เขาเข้าใจ ทำเป็น แล้วสอนคนอื่นต่อในแนวลึก มันจึงจะรวยในธุรกิจเครือข่าย

การคิดว่าจะสปอนเซอร์ใครใหม่ดี โดยที่มีทีมงานแล้วไม่พาลงลึก เท่ากับท่านไม่ได้ตระหนักแล้วก็ไม่รู้ว่าท่านจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อความสำเร็จ ท่านต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาว่า ฉันจะต้องทำอะไร สร้างในเชิงลึกว่ามันสำคัญมากๆ

ท่านจะไปกังวลกับการหาทีมงานติดตัวมากๆ ทำไม สปอนเซอร์ใครไม่ได้เลย มี 1 คนก็พาลึกลงไป มี 2 คนก็พาลึกลงไปอีก มีกี่คนก็ช่างพาลึกๆๆ สร้างในแนวลึกลงไป

เพราะต่อให้ท่านมีทีมงาน 10 คน 20 30 คนติดตัว ท่านก็ทำงานร่วมกับเขาไม่ได้อยู่ดี ทำไมไม่ใส่ใจคนที่อยู่ข้างล่าง ให้เขาทำเองเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชิญคนมาดูโอกาส การนำเสนอแบบบุคคลที่ 3 การแบ่งปันสื่อ การอธิบายแผนการตลาด การพาคนสมัครคนใหม่ พาคนสอนคนใหม่

นอกเหนือจากนั้นการอุปถัมภ์คนแบบส่วนตัวมากเกินไป ท่านอาจจะเล่นเกมส์บวก ลบ ตลอดเวลาแต่ผมเสนอให้ท่านเล่นเกมส์แห่งการทวีคูณที่เรียกว่า MLM เกมส์กันดีกว่า

ถ้าท่านเล่นเกมส์นี้ประสบความความสำเร็จท่านจะได้รายได้อย่างที่ผมโชว์ให้ท่านดู แต่ท่านจะต้องทุ่มเทในการเรียนรู้แล้วลงมือทำอย่างจริงจังก่อน

ผมอยากให้ท่านสอนคนที่ติดตัวท่านนะครับว่า เขาจะต้องช่วยทีมงานติดตัวของเขา สร้างสายงานลึกลงไป 3 ชั้น

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมชื่อ ก. แล้วผมสปอนเซอร์ อุปถัมภ์นาย ข. เข้ามา ผมจะพูดกับนาย ข. ว่า คุณ ข. เมื่อคุณสปอนเซอร์ใครบางคนเข้ามาขอให้ลงไปทำงานกับเขา แล้วช่วยให้เขาสร้างสายงาน 3 ชั้นลึกให้ได้

คุณค่อยพิจารณาที่จะปล่อยมือเขา การทำเช่นนี้จะเป็นการนำข้อดีของบทที่ 9 ที่เราพูดเรื่องแรงกระตุ้นออกมาใช้ก่อนที่เขาจะรู้ตัวซะอีก

นาย ข. ถ้าเกิดเขาเป็นนักเรียนที่ดีมากๆ เมื่อเขาอุปถัมภ์นาย ค. เขาช่วยให้นายค.ได้สร้างสายงาน 3 ชั้นลึกลงไปได้ท่านก็ควรวาดภาพประกอบด้วย

ซึ่งเมื่อท่านโชว์ให้เขาดูภาพจะเป็นแบบนี้ ลองนับระดับชั้นลึกดูสิครับว่า ท่านมี 5 ชั้นลึกโดยการสอนให้คนของท่านร่วมทำงานกับคนของเขา

เพื่อสร้างสายงานลงไปอีก 3 ชั้นลึก นาย ข. ก็จะทำเช่นเดียวกับท่านและสายงานก็ยิ่งลึกลงไปอีก ทุกท่านเห็นไหมครับว่า ทำไมอาจารย์ถึงประสบความสำเร็จอย่างมากมายในธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ เซลล์แมน

คนที่วางตัวเป็นผู้สอนเป็นอาจารย์เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของการพัฒนาคนอื่นให้รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เซลล์แมนส่วนมากเขาเริ่มต้นสร้างธุรกิจ เขาจะคิดว่าธุรกิจนี้ต้องสปอนเซอร์ แล้วก็สปอนเซอร์ๆ ชวนคนๆๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วธุรกิจนี้ต้อง สปอนเซอร์แล้วสอน สอนแล้วสปอนเซอร์

ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรทั้งสิ้นจนกว่าท่านจะสอนให้คนอื่นรู้ว่าจะทำธุรกิจ MLM ให้สำเร็จได้ยังไง แล้วถ้าท่านจะสอนใครได้ท่านต้องมีความรู้ก่อนใช่ไหมครับ

ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายมานานแล้วไม่รู้ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี แล้วท่านยังสอนในแบบที่ผมสอนยังไม่ได้ ท่านรู้แล้วรึยังว่าเหตุผลอะไรที่ท่านยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย

เพราะท่านยังไม่มีความรู้ไปสอนคนอื่นไง เพราะฉะนั้นใครครับที่จะต้องเป็นนักศึกษาที่เหมือนกำลังจะเอ็นทรานต์ เรียนรู้ ฝึกฝน อย่างจริงจัง ในการทำการตลาดเครือข่าย

คำตอบง่ายนิดเดียวเลยครับ ก็คือตัวเรา หรือใครก็แล้วแต่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย เรานั้นเองที่จะต้องเรียนรู้อย่างจริงจังก่อน ไม่งั้นเราจะสอนคนอื่นต่อได้ยังไง เห็นด้วยไหมครับ  

เพราะฉะนั้นท่านสามารถนำบทเรียนนี้ไปคุยต่อได้ทันทีจากบทที่ 1 ก็ได้

บทที่ 14 วิธีสอนคนใหม่และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค

เราจะพูดถึงการฝึกอบรมนักธุรกิจใหม่ของเราในทีมของเรา ซึ่งทุกท่านที่ทำธุรกิจเครือข่าย จะต้องฝึกอบรมคนใหม่อยู่แล้วถูกไหม

ไม่ว่าจะใช้ระบบที่บริษัทท่านมี หรือทีมงานท่านมี หรือ ฝึกด้วยตัวท่านเอง

แล้วท่านจะต้องมีการประชุมเปิดโอกาสทางธุรกิจถูกไหม ถ้าไม่มีการประชุม ก็ไม่เกิดการทำธุรกิจ แต่คนส่วนมากเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย เริ่มจากการเข้ามาในงานประชุมเปิดโอกาสประจำสัปดาห์

และด้วยเหตุนี้คนส่วนมากจึงคิดว่าการเข้าประชุมประจำสัปดาห์และการโทรชวนคน การหาคน การเชิญคนเข้ามาในงานประชุมเปิดโอกาสประจำสัปดาห์ คือทุกสิ่งทุกอย่างของธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่

แต่ไม่มีใครเคยชำแหละ ผ่า วิธีการให้เขาได้รู้เหมือนอย่างที่ผมกำลังแบ่งปันนี้หลังจากที่เขาเชิญเพื่อนๆ ของเค้า คนแล้วคนเล่า มาประชุมการเปิดโอกาส เค้าก็จะเลิกชวนเพราะว่าเค้าชวนมามากพอแล้ว

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะอยู่มาวันหนึ่งไม่มีใครมาเลย เค้าจะเสียกำลังใจ อย่างมากเลยทีเดียวชวนแล้วไม่มีใครมา

งานประชุมเปิดโอกาสโดยทั่วๆไปจะมีลักษณะเป็นอย่างนี้

คือมีห้องหนึ่ง ห้องที่มีเก้าอี้อีกมากมายวางอยู่ แล้วก็มีกระดานไว้บอร์ด หรือมีจอโปรเจคเตอร์อยู่ข้างหน้า เหมือนกับโรงหนัง ซึ่งมักเป็นห้องในบ้าน ของท่าน

เมื่อท่านเชิญแขกมาที่บ้านหรือว่าเป็นห้องในโรงแรมที่ท่านไปเช่า แล้วก็เชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจ หรือเป็นห้องในบริษัท และที่หน้าห้องก็จะมีคนใส่เสื้อสูทกำลังอธิบายเกี่ยวกับสินค้าผลิตภัณฑ์ และก็แผนการตลาด แล้วก็พูดกันอยู่สามอย่างนี้แหละทุกบริษัทซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่งหรือ 2 ชั่วโมงก็ยังไม่จบอ่ะ

ถ้าสมมุติมีคนมาเข้าร่วมประชุม 22 คน มันจะเป็นผู้จำหน่าย โดยส่วนมากประมาณ 19 คนแล้ว อาจจะมีคนใหม่อยู่ประมาณสองสามคน

แต่ถ้าท่านชวนคนใหม่แล้วเค้าไม่มาใช่ไหม ไม่เป็นไรนะครับมันเป็นเรื่องธรรมชาติมันเป็นธรรมชาติมาก

เรียนต่อพัฒนา ทักษะ และ ทัศนคติ (Mind set) ในการสร้าง ธุรกิจเครือข่ายต่อ ท่านจะไม่จิตตก จิตตกทำไมในเมื่อธุรกิจนี้ถ้าสร้างแล้วสำเร็จสามปีท่านรวยมาก คนที่ทำเฉยแล้วเค้าไม่มาพวกนั้นนอนร้องไห้ครับ

เพราะฉะนั้นอย่าได้แคร์ไว้ท่านชวนใครแล้วเค้าไม่มา ทำต่อไปคนรู้จักหมดแล้วยัง มีระบบออนไลน์อีก กลัวอะไร เรียนรู้ไปสิ ชวนแบบออนไลน์นี้ กมลเวช จะมาแบ่งปันตลอดกดติดตามไว้

เป้าหมายในการบรรยายของวิทยากรนั้นอยู่ที่ผู้มาใหม่ ต้องการโฟกัสคนมาใหม่ แล้วเขากำลังพูดกำลังบรรยายให้คนมาใหม่ฟัง

แต่สถานการณ์จริงเขากำลังพูดให้ 3 คนใน 22 คนฟังเท่านั้น สำหรับผู้จำหน่ายหน้าเก่าที่มาฟังการบรรยายแบบนี้ ฟังครั้งแล้วครั้งเล่า รอบที่ 500 แล้วมั้ง มันคือสิ่งที่น่าเบื่อที่สุด

ท่านจะเห็นเลยเวลาที่ท่านเข้าไปในงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ ท่านลองหันไปดูด้านซ้ายด้านขวาด้านหลัง ท่านจะเห็นแต่ละคนก้มหน้ารูดโทรศัพท์ตัวเอง ผมการันตีเป็นทุกงาน มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากไม่มีพลังเลยห้องที่เป็นแบบนี้

สุดท้ายเราจะเรียกการประชุมแบบนี้ว่าการประชุมเพลิง และนั่นคือสาเหตุการประชุมเพลิงแบบเดิมๆ มักไม่ค่อยเกิดผลลัพธ์และคนก่อนเลิกเชิญคนเข้างานประชุมถ้ามันมีรูปแบบนั้นรูปแบบเดียวเห็นด้วยมั้ยครับ

ถ้าท่านไม่อยากประชุมเพลิงกันแบบนี้ จนแต่ละท่านนั้นถูกประชุมเพลิงไปหมด ตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมกำลังจะแบ่งปันต่อ

หากท่านลองสังเกตพฤติกรรมของผู้ที่มาใหม่ในขณะที่ฟังบรรยาย ท่านจะเห็นปฏิกิริยาตอบรับที่เป็นบวก คนใหม่ก็จะพยักหน้าตามบ้าง มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าเข้าใจ อยากรวย สินค้าดี แผนดีสุดยอด

แต่เมื่อการบรรยายจบลงแล้ว ท่านให้เค้าสมัครสมาชิก และก็ไปเริ่มต้น ทำไมคนส่วนมากจึงไม่มั่นใจแล้วก็ยังคงปฏิเสธบางคนอาจจะบอกว่า “ขอคิดดูก่อน”

ไหนเคยใครเป็นแบบนี้บ้าง จริงๆแล้วคำว่าฉันขอกลับบ้านไปคิดดูก่อนมันเป็นการปฏิเสธ คำว่าคิดดูก่อน 99.99% แปลว่า ไม่เอา ไม่ทำ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น มันคือข้ออ้างต่อหน้าท่าน มันเป็นข้ออ้างที่ดูดีที่สุด ใครที่พูดว่าขอคิดดูก่อน 99% อ้างทั้งสิ้นเพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะปฏิเสธอยู่ดี

ทำไมมันเป็นแบบนั้น มันดูไม่มีเหตุผลเลยใช่ไหมทำไมล่ะ โชว์บ้าน โชว์รถ โชว์มันสารพัด โอกาสดีๆ เค้าฟังดูแล้วก็เหมือนชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น แต่สุดท้ายก็พูดคำว่า “ไม่” อย่าพูดดังมันเจ็บ คำว่า “ไม่” พูดเบาเบาก็เจ็บ

สาเหตุที่เขาพูดคำว่า “ไม่” นั้นง่ายนิดเดียวครับ. เป็นเพราะว่าเค้ามองไปที่ผู้บรรยายเหมือนกับว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ และเค้าคิดว่าถ้าเค้าอยากสำเร็จเค้าต้องขึ้นไปพูดในที่ประชุมแบบนี้

ในธุรกิจนี้มันต้องประชุม ว่ามันต้องมาที่นี่ และก็ต้องขึ้นพูด อาจจะไม่ใช่ทันทีทันใด แต่เค้าอาจจะต้องจัดประชุมแบบนี้ ในวันใดวันนึง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนบางคนกลัว กลัวยิ่งกว่าการกลัวตายอีก

การออกไปพูดหน้าผู้คน ขาสั่นพูดอะไรไม่ออก เขินกันอยู่นั่นแหละ เออ เออ อา อา เคยเป็นไหม มีคนที่เคยเป็นแบบนั้น กลัวมากเค้ากลัวที่สุด ต้องขึ้นไปพูดต่อหน้าผู้คน เหมือนทำให้เป็นเหตุผลใหญ่เหตุผลหนึ่งเลยทีเดียวใน

การที่ทำให้เขาปฏิเสธโอกาสที่ท่านยื่นให้ จริงๆ แล้วท่านต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อเขา say no หรือปฏิเสธ เขาปฏิเสธโอกาสที่ท่านแบ่งปันให้เท่านั้นเค้าไม่ได้ปฏิเสธท่านเป็นการส่วนตัว จงอย่าท้อถอย จงอย่าท้อแท้ อย่าคิดผิด

เขาปฏิเสธโอกาสที่ท่านมอบให้เขา ไม่ได้ปฏิเสธท่าน

เชื่อมไปในจิตใต้สำนึกของท่านว่า ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย แน่นอนท่านต้องเจอกับการโดนปฏิเสธ เป็นเรื่องธรรมชาติมาก ไม่ว่าท่านจะสปอนเซอร์คนให้กับตัวเอง หรือไปสปอนเซอร์คนให้ทีมงานของท่านเขาปฏิเสธโอกาสของเค้า

ท่านเหมือนครู คือคนที่ไปให้สิ่งดีๆ กับผู้คนเพราะฉะนั้นท่านต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าเค้าไม่ได้ปฏิเสธท่าน

ลองสังเกตุดูนะครับหากวิทยากรพูดกลางที่ประชุมว่า เอาละผมมีเวลาจำกัดเดี๋ยวผมจะเปิดโอกาสให้ใครก็ได้คนเดียว ขึ้นมาพูดอะไรก็ได้หน้าห้องซัก 3 นาทีมีท่านไหนอยากพูดบ้างไหมครับ จะมีกี่คนครับที่ยกมือกันในจำนวน 22 คน ผมว่าไม่ถึง 5% ที่ยกมือ หรือ

ท่านเห็นไหมว่าไม่มีใครยกมือเลย นอกจากคนที่เตรียมกันไว้ว่าอยากจะขึ้นไปแชร์ พวกเดียวกันนั่นแหละ เมื่อวิทยากรบอกว่าล้อเล่นไม่ได้เอาจริง ตอนเราเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ท่านดูซิว่าคนกลัวการพูดต่อหน้าคนมากแค่ไหน กลัวดูไม่ดีมากแค่ไหนแม้แต่ท่านเอง เวลาไปงานแบบนี้วิทยากรกำลังจะสุ่มเรียกใครขึ้นมา ท่านจะคิดว่า อย่าชี้ฉันนะ อย่าชี้ฉันนะ เห็นภาพใช่ไหมครับ พอชี้คนอื่นท่านคือโล่งเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นผมรู้จักคนมากมายครับ ที่สามารถพูดได้น้ำไหลไฟดับภัยในวงสนทนาของเพื่อนๆ หรือคนที่เขาสนิทด้วย แต่แทบจะเสียสติเหมือนต้องพูดต่อหน้ากลุ่มคนแบบเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ความประหม่าของคนเหล่านี้ลดลงเลย กลัวมาก ขาสั่นมาก

แล้วในการสร้างองค์กรของท่านท่านจะเลี่ยงปัญหานี้ได้ยังไงคิดออกไหมครับท่านจะทำให้การเปิดโอกาสทางธุรกิจเป็น สิ่งที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้คนได้ยังไง

ถ้าใครบรรลุตรงนี้นะครับธุรกิจของเขา ง่ายกว่าเดิมหลายเท่าเลยครับ

เพราะการประชุมเปิดโอกาสแบบนี้จริงๆแล้วมันน่าเบื่อจริงไหมครับ แล้วท่านจะทำให้งานมันตื่นเต้นได้ยังไง ข่าวดีทุกคนสามารถทำได้ ท่านสามารถทำได้ทุกคน

แล้วเมื่อไหร่ที่ท่านรู้ว่าต้องทำอย่างไร องค์กรของท่านจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าเลย

วิธีจัดประชุมเสนอโอกาสธุรกิจให้ตื่นเต้นทรงพลัง

มาดูกันเลยครับวิธีการเริ่มต้นทำยังไงจัดประชุมเสนอโอกาสธุรกิจยังไงให้ตื่นเต้นทรงพลัง

วิธีการคือท่านนัดพบผู้มุ่งหวังของท่านตัวต่อตัวก่อน หรือนัดเข้ามาในวงสนทนาอันร้อนฉ่าที่เราคุยกันตั้งแต่บทที่ 8 หรือบทที่ 9 ที่เราจะมี การย่างสเต็กเนื้อย่าง

ท่านควรจะนัดเจอกันที่ร้านอาหารกับผู้มุ่งหวังของท่านในขณะที่เค้าไม่ยุ่งมากนัดในวันที่สบายๆ แล้วก็บอกให้แขกของท่านนำเครื่องอัดเสียงมาด้วย ซึ่งในสมัยนี้โทรศัพท์นั่นแหละสามารถอัดเสียงได้อยู่แล้ว

เพื่อที่เขาจะได้นำไปฟังทบทวนอีกครั้งหรือใช้เป็นอุปกรณ์ในการสปอนเซอร์ เพื่อนของเค้าต่อไป

เพราะฉะนั้นเวลาสปอนเซอร์คนต่อจากนี้ไปให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วให้เค้าอัดในสิ่งที่ฉันพูดกับเขา มีเสียงการบรรยายของท่านอยู่ในโทรศัพท์ของเค้าเลย เค้าแค่ส่งไฟล์เสียงไปให้เพื่อนเค้าฟัง โอ้โหฉลาดไหมล่ะครับ

นี่เป็นแค่หนึ่งในหลายหลายทาง ที่ทำให้ผู้มุ่งหวังมีเครื่องมือในการออกไปทำงานทันที ถ้าเกิดเค้าตัดสินใจสมัครทำธุรกิจขึ้นมาแล้วจะดีมากเลยครับ

ถ้าหากท่านให้ผู้มุ่งหวังของท่านได้อ่านหนังสือการนำเสนอ 45 วินาทีที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณเสียก่อนสี่บทแรก ก่อนจะมาพบท่านเพราะว่าท่านจะประหยัดเวลาที่แบบมีค่ามากๆ ของทุกคนเป็นอย่างมาก ถ้าเขาทราบแล้วว่าเค้าจะขับรถยังไงในบทที่สี่ คือบทที่พูดถึงสี่สิ่งจำเป็นต้องทำในธุรกิจเครือข่าย

ก่อนที่จะมาพบกับท่านการนำเสนอพาหนะ บริษัท สินค้าและแผนการตลาด ก็จะง่ายมากขึ้นหลายเท่าเลยครับ

เพราะฉะนั้นท่านต้องใช้เครื่องมือให้เป็น ให้เค้าดูคลิป ให้เค้าอ่านหนังสือ ให้เค้าฟังคลิปเสียง ให้เค้าดูวิดีโอของผม สี่บทแรก ก่อนยังได้เลย 

เขาจะเข้าใจธุรกิจเครือข่ายแบบเห็นภาพ ด้วยความตื่นเต้น ไม่ต้องอธิบายกันอีก

คราวนี้ หลังจากท่านพูดคุย ถึงแนวแนวคิดศักยภาพของธุรกิจเครือข่าย คือสี่สิ่งที่ต้องทำที่

ท่านสามารถหาได้ เอาเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ให้เค้าอ่านแล้วเขาได้อ่านเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านบอกเค้าไปว่าท่านจะใช้เวลาแค่ 20 นาทีในการนำเสนอ บริษัท สินค้า และแผนรายได้เห็นไหมนัดกินข้าวทานข้าวเสร็จแล้ว คุย 20 นาทีเท่านั้น เพราะเค้าอ่านหนังสือมาแล้ว เค้าดูคลิปมาแล้ว เค้าฟังมาแล้วไม่งั้นก็ต้องนั่งกันชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง

ต้องใช้เครื่องมือให้เป็นเมื่อเราบอกไปแล้วว่า 20 นาทีแปลว่าไม่ยากเกินไปใช่ไหมที่ใครๆ ก็สามารถที่จะเรียนรู้นำเสนอ ภายใน 20 นาทีเหมือนกับที่ท่านทำได้ผู้มุ่งหวังก็รู้สึกว่ามันคุยง่าย 20 นาทีเองหรอ

ตัวของทีมงานเราเองที่มานั่งฟังด้วยก็รู้สึกดีว่ามันง่าย ภายใน 20 นาทีเองเหรอเห็นพูดในห้อง 1 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงครึ่ง 2 ชั่วโมงยังไม่เห็นมีใครสมัครเลยเห็นไหมว่ามันไม่ยากถ้าเราทำให้มันง่ายสิ่งแวดล้อมง่ายการทำง่ายคนก็จะรู้สึก ว่าง่าย

หากผู้จำหน่ายของท่าน ยังใหม่มากแล้วนำเสนอแบบท่านไม่ได้เค้าอาจจะใช้วิธีการอัดเสียงแล้วไปเปิดให้เพื่อนๆ ของเขาฟัง อีกก็ได้

คือแทนที่จะให้ผู้มุ่งหวังที่มานั่งกับเราฟังแล้วอัดเสียงคนเดียวให้คนของท่านที่นั่งอยู่ด้วยกันอัดด้วย เป็นไงล่ะครับพูดครั้งเดียวระบบ OFFLINE ได้ผลหลายคน ถ้าในวงนั้นมี 4 คนแล้วเป็นผู้มุ่งหวังหนึ่งคน แล้วมีทีมงานของท่านอีกสามคน

ท่านพูดรอบเดียวได้ผลสี่เท่า นี่เค้าเรียกว่าพลังทวี ฉลาดไหมครับวิธีการนี้สุดยอดไหมครับง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนทุกคนทำได้แต่ยังไม่เคยมีใครแนะนำให้ท่านทำ ถูกไหมครับ มีการประชุมที่ไหนมีการอัดเสียงที่นั่น

มีการประชุมพูดคุยกันเรื่ององค์กรโอกาสทางธุรกิจเรื่องของการแบ่งปัน 20 นาทีที่ไหนอัดเสียงที่นั่นแล้วเปิดให้ทีมงานฟังส่งคลิปให้ฟังไม่ต้องเชิญอับไลน์ (UPLINE) ให้ไปอธิบายเอง เอาสไลด์ไปดูด้วยถ่ายคลิปยังได้เลย ถ้าเค้าอนุญาต

ถ้าท่านต้องใช้เวลาถึงชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่งในการนำเสนอแผนงานของท่านแล้วละก็ ท่านจะมีปัญหาในการหาคนมาฟังท่านพูด แต่ถ้าท่านสามารถพูดให้จบภายใน 20 นาที ท่านสามารถคุยในเวลาพักเบรคดื่มกาแฟ หรือ สามารถคุยกับคนได้ถึงสองสามคนในช่วงเวลาอาหารเที่ยง เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะแบ่งปันเวลา 20 นาทีออกเป็นแบบนี้

เทคนิคการนำเสนอ 20 นาที

เทคนิคการนำเสนอ ภายใน 20 นาที

  • 3 นาทีพูดถึงบริษัท
  • 7 นาทีพูดถึงผลิตภัณฑ์และให้เขาได้ทดลองใช้ ท่านต้องมีผลิตภัณฑ์ติดท้ายรถไปด้วยไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนเวลาไปคุยโอกาสทางธุรกิจกับใครท่านต้องให้เค้าทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เค้าอาจจะไม่สมัครทำธุรกิจกับท่านด้วยแต่เค้าอาจจะกลายเป็นลูกค้าของท่าน
  • 10 นาทีพูดถึงแผนรายได้

รวมแล้ว 20 นาทีเท่านั้นเห็นไหมครับหากแผนรายได้ส่วนไหนที่ละเอียดและซับซ้อนเกินไปไม่ต้องพูดถึงตอนนั้นก็ได้นะครับท่านสามารถให้เค้าสมัครก่อนฟังจบ

แล้วสมัครแล้วก็เริ่มต้นได้เลยอย่าลืมนะครับว่า เค้าต้องให้คำมั่นว่าจะกลับไปโรงเรียนสัปดาห์ละ 5 ถึง 10 ชั่วโมง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่เรากำลังจะเริ่มต้นทำกัน ท่านไม่จำเป็นต้องสอนทุกอย่างที่ต้องใช้เวลาในการเรียนถึงหกเดือนภายในการนำเสนอครั้งแรก

แล้วต้องพูดให้เขาเข้าใจด้วยว่าเขาไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ ก็แค่สมัครเริ่มต้นแล้วเดี๋ยวเรามาเรียนกันหกเดือนแรกเพราะฉะนั้นคำสองคำที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจเครือข่าย ก็คือคำว่า

  1. อุปถัมภ์ (Sponsor)
  2. สอน (Teach)

และคำที่มีความสำคัญน้อยที่สุดก็คือคำว่า “ขาย” เป็นคำที่มีความสำคัญน้อยที่สุดในธุรกิจเครือข่าย

สังเกตผมพูดมาบทที่ 14 แล้วไม่ได้พูดเรื่องการขายเลย แต่ผมถามหน่อยทุกวันนี้ในธุรกิจเครือข่ายที่ท่านทำอยู่ ผู้แนะนำของท่านก็พูดถึงยอดขาย และอาจพูดให้ท่านออกไปขาย หรือแม้แต่ตัวท่านเองก็ยังเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายต้องโฟกัสในการขาย ต้องมองหานักขายเก่งๆ แล้วท่านก็ต้องออกไปขาย ใช่หรือไม่

บริษัทท่านมีรางวัลยอดนักขาย บริษัทท่านพูดถึงเรื่องของการขายเก่ง ขายเป็น ขายดี ขายตรงชอบพูดคำว่าขายตรง ชื่นชมคนขายได้เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าการที่เราโฟกัสสิ่งเหล่านั้น และยกย่องคำว่าขาย ให้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจนั้น เป็นการไล่คนออกจากธุรกิจได้ง่ายที่สุด และทรงพลังที่สุด

เพราะคนในโลกนี้ไม่ว่าจะมีกี่คนก็ตามสมมุติว่ามี 6,000,000,000 คนในโลกนี้ 85% ไม่ชอบ การขายครับจะมีอยู่ 15% เท่านั้นที่ชอบการขาย แล้วถ้าท่านสร้างธุรกิจที่มันพูดถึงเรื่องการขายๆๆๆ ออกไปขาย เธอต้องขาย ฉันต้องขาย ทีมต้องขาย แล้วต้องมียอดขาย บริษัทสนับสนุนนักขาย

บริษัทท่านจะดึงดูดได้แค่คน 15% เท่านั้น ท่านเห็นไหมครับว่า คนไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย คือมันไม่ได้มีแต่พวกเริ่มต้นใหม่ๆ มันไปถึงเจ้าของบริษัทเครือข่ายยังไม่เข้าใจ เจ้าของบริษัทธุรกิจเครือข่ายบางบริษัทยังไม่เข้าใจ และสงสัยว่าทำไมบริษัทฉันถึงไม่โตสักที ทำไมมีแต่ยอดนักขาย แต่ทำไมนักสร้างหรือนักขยาย นักบริโภค อะไรพวกนี้ถึงมีเยอะเหลือเกินผู้บริโภคเยอะเหลือเกินนักขยายยิ่งน้อย

เพราะนักขยายบางที ก็ไม่ชอบขาย เพราะเขารู้จักคนที่อยากจะเอาจริงแล้วก็ไม่ชอบขายด้วย ถ้าท่านสอนให้คนที่ไม่ชอบขายไปชวนคนไม่ชอบขาย องค์กรท่านจะโตได้ยังไง นี่ไงครับจบไหมล่ะครับ

ทุกคนไม่ชอบถูกขายแต่ทุกคนชอบซื้อ

วิธีการนับจากนี้ไปให้ลืมคำว่าขาย คำว่าขายเป็นคำที่อยู่สุดท้ายในพจนานุกรมของธุรกิจเครือข่าย คำว่าขายจริงๆ ควรถูกแทนที่ด้วยคำว่า แบ่งปัน

เราแบ่งปันผลิตภัณฑ์ให้ ให้เพื่อน ญาติ พ่อแม่ แบ่งปันให้เค้าลองใช้ดูถ้าใช้แล้วชอบเค้าจะหาซื้อได้ที่ไหน ก็ที่เราไง แค่นั้นเองแบ่งปัน ไม่ใช่ออกไปขาย

ถ้าท่านเริ่มขายให้ใครปุ๊บเค้าจะหนีทันเลยเพราะคนไม่ชอบถูกขาย ท่านจะขายได้รอบเดียวสองรอบเท่านั้นสุดท้ายคนไม่รับโทรศัพท์ไม่ ซื้อซ้ำแล้ว ท่านจงทำให้เป็นเรื่องง่าย

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

วิธีเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย MLM แค่ 6 เดือน แล้วสร้าง Passive Income ที่มีรายได้ 6 หลัก!

วิธีเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย MLM แค่ 6 เดือน แล้วสร้าง Passive Income ที่มีรายได้ 6 หลัก!

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วันนี้ทุกท่านจะได้เรียนรู้สุดยอดเคล็ดลับวิชาวิธีการในการสร้างธุรกิจเครือข่ายให้มีองค์กรขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ

วันนี้เป็นซีรี่ย์ที่ผมถ่ายทอดมาตั้งแต่บทที่ 1 2 3 ถึง 10 วันนี้เราจะเริ่มต้นกันในบทที่ 11 ที่ใครก็ตามที่ได้เรียนรู้จากผมมาตั้งแต่บทแรก ว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไรและอะไรที่ไม่ใช่จนมาถึงวันนี้

เขาจะต้องมีทัศนคติที่สุดยอดเขาจะต้องรู้ครับว่า จะต้องทำธุรกิจอย่างไรให้เกิดผลลัพธ์ตั้งแต่ในช่วงเริ่มต้น เขาจะต้องรู้ครับว่าเขาจะต้องเรียนรู้เป็นเวลานานเท่าไหร่

วีดีโอ “วิธีเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย MLM แค่ 6 เดือน แล้วสร้าง Passive Income ที่มีรายได้ 6 หลัก!”

หนังสือเสียง “วิธีเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย MLM แค่ 6 เดือน แล้วสร้าง Passive Income ที่มีรายได้ 6 หลัก!”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “วิธีเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย MLM แค่ 6 เดือน แล้วสร้าง Passive Income ที่มีรายได้ 6 หลัก!”หนังสือเสียง “วิธีเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย MLM แค่ 6 เดือน แล้วสร้าง Passive Income ที่มีรายได้ 6 หลัก!”บทที่ 11 ห้าเหลี่ยมแห่งการเติบโตบทที่ 12 กลับไปโรงเรียน

ตอนนี้เป็นตอนที่ 5 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่

บทที่ 11 ห้าเหลี่ยมแห่งการเติบโต

เรามาดูกันใน ตอนที่ 11 ห้าเหลี่ยมแห่งการเติบโต

ถ้าทุกท่านนั้นได้ติดตามในสิ่งที่ผมแบ่งปันมาตลอดนั้น ท่านจะเห็นเลยครับว่าในบทเรียนของการสร้างธุรกิจเครือข่ายนั้น เลขห้านั้นสำคัญที่สุด เพราะเลขห้าเป็นเลขที่อัศจรรย์มากๆในธุรกิจเครือข่าย

โดยในบทนี้จะเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ง่ายๆ สนุกๆ ที่คนไม่เก่งคณิตศาสตร์ก็สามารถเข้าใจได้

ซึ่งบทเรียนนี้จะสามารถใช้เป็นแรงกระตุ้นตัวเองได้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ท่านไปสอนใครบางคนก็เหมือนที่ผมกำลังจะแบ่งปันให้กับทุกท่าน มันจะกระตุ้นผมอย่างมาก และท่านที่ฟังข้อมูลนี้อยู่ก็จะรู้สึกว่าตัวเองโดนกระตุ้นด้วย

เพราะว่าท่านเห็นความเป็นไปได้ในธุรกิจเครือข่ายอย่างที่ธุรกิจอื่นไม่มี

จะขายของออนไลน์ จะเทพอินเตอร์เน็ตมาร์เก็ตติ้งอะไรก็แล้วแต่ พวกนั้นไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย ไม่เข้าใจพลังทวีของจำนวนคนมากๆ ที่อยู่ในองค์กรที่ท่านต้องกินเอง ทำเอง ขายเอง เหนื่อยเองตลอดชีวิตต่อให้ระบบออนไลน์ก็เถอะสู้ธุรกิจเครือข่ายได้ไหม เพราะมันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนด้วย

วันนี้เราจะมาดูห้าเหลี่ยมแห่งการเติบโตจะแสดงให้ท่านได้เห็นครับว่าองค์กรของท่านจะโตเร็วแค่ไหน หากท่านได้นำหลักการทั้งหมดที่ผมได้แบ่งปันมาแล้วทั้งหมด 10 บทแรกนั้น เอาไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

คีย์เวิร์ด คือท่านได้เรียนไปแล้ว 10 บทท่านต้องไปเรียนแล้วก็ลงมือทำแต่ละบทอย่างจริงจังเคร่งครัดท่านจะเห็นผลลัพธ์ในบทที่ 11 นี่แหละ

ในบทนี้นะครับเราจะเริ่มบทเรียนจากการวาดรูปห้าเหลี่ยมขึ้นมาหนึ่งรูปสมมุติว่าเรากำลังพรีเซนต์ให้กับทีมงานของเราหรือว่าคนที่เรากำลังสปอนเซอร์อยู่ให้เขาได้เห็นความเป็นไปได้ของธุรกิจเครือข่าย

โดยมีคำว่าคุณอยู่ตรงกลาง แล้วเราจะบันทึกการเติบโตขององค์กรที่เราสร้างรอบๆ รูปภาพ ห้าเหลี่ยมนี้

เราจะบันทึกการเติบโตโดยวัดผลทีละสองเดือนโดยที่อาจจะใช้ระยะเวลาตรงนี้ยาวหรือสั้นกว่านี้ก็ได้แล้วแต่ความสะดวกเลย บางคนนั้นเป็นคนสีแดงจริงจังโฟกัส ไม่ใช่โฟกัสแต่พูดอย่างเดียว แต่โฟกัสในการเรียนรู้และลงมือทำอย่างสม่ำเสมอด้วยเค้าก็จะแบบได้ตรงนี้เร็ว

บางคนอาจจะช้าโฟกัสน้อยยุ่งกับอย่างอื่นมากกว่าที่มันไม่ได้สร้างผลลัพธ์มาก ไม่เป็นไรให้เขาได้เรียนรู้ในความช้าตรงนั้นเมื่อเขาพร้อมเมื่อไหร่เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

เริ่มต้นที่เดือนที่หนึ่งเป็นเดือนแห่งการฝึกอบรมของท่านในธุรกิจเครือข่ายนี้นะครับ คนส่วนมากนั้นใช้เวลาหนึ่งเดือนแรก เป็นการฝึกอบรม เรียนรู้ หัดลองทำอาจใช้วิธีเชิญบุคคลที่สาม

แต่ถ้าหากเขายังไม่ได้ทำเป็นแผนการชัดเจนครับว่าวันนี้ต้องทำอะไรยังไงต่อแล้วก็คุยกับอัพไลน์ วางแผนไว้อย่างจริงจังนั้นยังไม่นับว่าเค้าเริ่มต้นถ้าท่านยังไม่ได้คุยกับอัพไลน์ เพื่อวางแผนในการทำงานกันอย่างจริงจังไม่เคยมีการปรึกษาเลยไม่เคยขอความช่วยเหลือเลย อัพไลน์เค้ารู้ว่าท่านไม่ได้ทำอะไรเลย

เพราะว่าท่านไม่ได้ทำ การต่อโทรศัพท์ 3 สาย (Three Ways Call) ตัวอัพไลน์ก็จะรู้ว่านี่คือเรืออะไร เรือเงิน เรือทอง หรือเรือว่างเปล่า หน้าที่ของเขาคือเค้าจะทำกับเรือทองเท่านั้นถ้าเขาได้เรียนรู้ในสิ่งที่ผมแบ่งปัน

เมื่อเรารู้แล้วว่าเดือนแรกเป็นเดือนแห่งการฝึกอบรมถ้าท่านทำธุรกิจมาเกินหนึ่งเดือน เข้าเดือนที่สอง ที่สาม ท่านต้องเริ่มต้นได้แล้วนะครับเพราะว่ามันจะนานเกินไปแล้วเดี๋ยวไฟจะมอดหมดนะครับ

เพราะฉะนั้นภายในสองเดือนถัดไปเมื่อท่านได้อุปถัมภ์คนเอาจริงมา 5 คน เราให้เขียนคำว่า 2M=5 ในห้าเหลี่ยมด้านใดด้านหนึ่ง

2M ก็คือเดือนที่ 2 และ 5 ก็คือ 5 คนที่ท่านสปอนเซอร์มาแล้วเขาเอาจริง 5 คน 

โดยท่านจะได้จะรูปตามที่ท่านเห็น ในอีก 2 เดือนถัดไป ท่านได้สอน 5 คนของท่านไปตลอดเวลา ถึงสิ่งที่ต้องทำ ทำให้เขาสามารถอุปถัมภ์คนเอาจริงได้ 5 คนเช่นเดียวกัน ทำให้ท่านนั้นมี 25 คนเอาจริงในชั้นที่ 2

และเมื่อ 5 คนของท่านอุปถัมภ์คนเป็นแล้ว เพราะฉะนั้นท่านจึงมีเวลาไปหาคนเอาจริง 5 คนชุดถัดไปเพราะฉะนั้น 5 เหลี่ยมของท่านจึงเป็นดังรูปนี้ครับ คือ

ชั้นที่ 1 เดือนที่ 2 2M = 5 ชั้นที่ 2 4 เดือนผ่านไปท่านมีคนอยู่ข้างใต้ 25 คน แล้ว 5 คนแรกเขาดูแล 25 คนของเขาได้แล้ว 

ท่านสามารถไปเปิด 5 คนใหม่ในเดือนที่ 4 ได้อีก เห็นไหมว่า 3 เหลี่ยมอีกด้านหนึ่งจะมี 4M-5 ขึ้นมา ก็คือเดือนที่ 4 เปิดอีกด้านหนึ่งมี 5 คน

6 เดือนผ่านไปท่านอาจจะมีคนในทีมทั้งหมด 125 คนในระดับที่ 3 คือในสามเหลี่ยมด้านแรกเห็นไหมครับ 6M – 125 ก็คือทีมของท่านเติบโตอัตโนมัติ

เพราะท่านสอน 5 คนแรกไว้ดี 5 คนไปสอน 25 25 ก็ไปสอน 5 คนของเขาทำให้ท่านนั้นมี 125 คนในเดือนที่ 6 ท่านมี 125 คนในชั้นที่ 3 ซึ่งคนทั้ง 125 นี้อยู่ภายใน 5 คนที่เอาจริงชุดแรก สุดของเรา เห็นไหมครับใน 5 เหลี่ยมด้านแรก

แล้วท่านอาจมี 25 คนเอาจริงซึ่งเกิดจาก 5 คนชุดที่ 2 เกิดขึ้นอีกใน 5 เหลี่ยมด้านที่ 2 ผ่านไป 6 เดือนเติบโตระดับไหน 

ท่านเห็นภาพไหมครับถ้าท่านเอาจริงแล้ว 25 คนในชั้นที่ 2 ของชุดที่ 2 เกิดจากการที่ท่านนั้นสร้าง 5 คนเอาจริง

ทำซ้ำๆแบบนี้ท่านจะยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วท่านอาจจะมีเวลาว่างไปหา 5 คนเอาจริงชุดที่ 3 ซึ่งชุดสุดท้ายท่านจะได้เห็นใน 5 เหลี่ยมด้านบนนี้ ด้านที่ท่านเห็นข้างหน้านี่นะครับ 6 Months มี 5 คนใน 5 เหลี่ยมด้านที่ 3 เห็นไหมครับ

นี่ขนาดผ่านไป 6 เดือนดูซะก่อนว่าคนเอาจริงเขามีรายได้กันแบบนี้ เติบโตกันแบบนี้

พอสิ้นสุดเดือนที่ 8 5เหลี่ยมของท่านอาจจะเป็นรูปอย่างที่ท่านเห็นตอนนี้ ก็คือ ขยายต่อไปเรื่อยๆในด้านที่ 1 นั้นลึกลงไป 4 ชั้น มี 625 คน ในด้านที่ 2 ลึกลงไป 3 ชั้น มี 125 คนในชั้นที่2 แล้วในชุดที่3 มี 25 คนเกิดขึ้นแล้วแถมยังมีชุดที่ 4 เกิดขึ้นอีก ท่านสามารถมี 5 คนได้หลายชุดเลยนะครับถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายเป็น และทวีคูณเป็น 

พอมีถึงตอนนี้ให้ท่านแจกปากกาให้กับนักเรียนของท่าน คนทีท่านกำลัง พรีเซ้นดูข้อมูลนี้หรือไม่ก็ทีมของของท่าน

แล้วให้เขานั้นเขียนในสิ่งที่เกิดขึ้นอีกต่อไปใน 2 เดือนข้างหน้า หรือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นเมื่อระยะเวลาไป 10 เดือน ซึ่งตัวเลขที่ได้ในกลุ่มแรกจะได้มากถึง 3,125 คน

สุดท้ายแล้วท่านก็จะได้รูปภาพตามรูปที่ท่านเห็น คราวนี้วาดรูปห้าเหลี่ยมครั้งสุดท้าย พร้อมกับแสดงให้ทุกคนได้เห็นนะครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นภายใน 1 ปี ที่ท่านทำงานอย่างจริงจังในธุรกิจเครือข่าย

เพื่อเน้นย้ำให้ทีมของท่านและตัวท่านได้เห็นว่า การทำในเชิงลึก แนวลึก ไม่ใช่ทางกว้างนั้นสำคัญแค่ไหน ถ้าให้ดาวนะ มี 10 ดาวก็ต้องให้ 10 ดาว คือต้องสร้างในแนวลึก

ให้ท่าขีดฆ่า 4 กลุ่มที่เหลือทิ้ง ให้เหลือไว้แต่กลุ่มใหญ่ภายใต้ 5 คนแรกที่พาเข้ามาแล้วพูดกับคนที่กำลังฟังข้อมูลนี้จากท่านว่า

สมมุติว่าคุณทั้งหลายสร้างองค์กรจากการหาผู้เอาจริงเพียง 5 คนแล้วสร้างองค์กรเชิงลึกเท่านั้น แล้วไม่ได้ทำงานในด้านกว้างเลย

กล่าวคือคุณไม่ได้หาคนอื่นๆส่วนตัวอีกเลย คุณจะมีองค์ทั้งสิ้นในเดือนที่ 12 ถึง 15,625 คน แค่ด้านแรกด้านเดียวนะครับ

ขอแค่ทุกคนใช้สินค้าส่วนตัว โดยไม่ต้องขายอะไรทั้งสิ้นเพียงเท่านี้คุณจะสร้างยอดขายได้มากมายมหาศาลแล้วครับ

พูดแค่นี้ ทุกคนจะแบบ จริง มันใช่เลย ผมคำนวณให้แล้วกัน สมมุติยอดธุรกิจเครือข่ายของท่านต้องมียอดสั่งซื้อซ้ำเดือนละ 3,300 บาท ทุกคนต้องซื้อซ้ำทุกเดือนแต่คนที่มีทั้งหมดในเดือนที่ 12 คือ 15,625 คนที่ซื้อกินซื้อใช้ ไม่มีใครขายเลย ทุกคนซื้อใช้หมด 

เท่ากับยอดธุรกิจ 51,562,500 บาท ท่านดูสิครับว่าถ้าบริษัทท่านจ่าย 10% จะได้เท่ากับท่านได้รับรายได้เดือนนั้น 5,156,250 บาท ภายใน 12 เดือนเท่านั้น ตอนนี้ท่านเริ่มมองเห็นความเป็นไปได้ของธุรกิจเครือข่ายหรือยัง วัตถุประสงในการนำเสนอบทเรียนในบทนี้เพื่อเน้นย้ำให้ทุกท่านทำงานเป็นทีมในเชิงลึกร่วมกับผู้ที่ท่านพาเข้าในธุรกิจ แล้วก็สอนให้เขานั้นทำอย่างเดียวกับที่ท่านทำ

แล้วสิ่งที่ท่านต้องทำหลังจากนี้ก็คือ ออกไปทำงานได้แล้วครับ อย่าเอาแต่เรียนอย่างเดียว แล้วนิ่งเฉยแล้วไปทำอย่างอื่น นี่คือธุรกิจของท่าน ไม่มีใครรับผิดชอบความสำเร็จให้กับท่านได้ 

บทที่ 12 กลับไปโรงเรียน

มีคนทักมาถามผมเสมอๆว่า อยากแก้ปัญหาชีวิต อยากปลดหนี้เร็วๆ อยากรวย มีธุรกิจอะไรบ้างบอกผมหน่อย ผมอยากรวยเร็วๆ

ซึ่งผมก็บอกว่าไม่มีธุรกิจไหนที่รวยเร็วๆ ไม่มี ไม่มีหรอก

ถ้าท่านต้องการรวยแบบยั่งยืน ท่านต้องพัฒนาตัวเอง 100% เพราะท่านเคยเจอ สามล้อถูกหวย ท่านเคยเจอนักมวยโอลิมปิกที่เงินหมดตัว เพราะพวกนี้รวยเร็วแต่สมองไม่พร้อมที่จะรักษาเงินที่ได้มาให้อยู่กับเขาแล้วงอกเงย ​

อยากรวยเร็วๆ แนะนำให้ไปเรียน ให้กลับไปเรียนวิธีการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เขาบอกเสียเวลาเรียนไม่ได้ อยากรวยเร็วๆ

แล้วรู้ไหม ทำยังไงให้รวยเร็ว คุณไปสมัครทำธุรกิจ คุณไปลงทุนเล่นหุ้น จะไปทำฟอร์เร็กสารพัด คุณทำเป็นรึป่าวล่ะคุณเทรดหุ้นเป็นรึป่าว

หรือว่าคุณนั้นเนี้ยจะสมัครทำธุรกิจ จะเปิดคอร์สออนไลน์ตัวเองสอนอยากจะทำเร็วๆ

คำถามคือทำคอร์สออนไลน์ออกมาแล้วขายเป็นรึป่าวล่ะ จะมีคนซื้อไหม ถ้าขายไม่เป็นทำการตลาดไม่เป็น

ผมเลยบอกใจเย็นๆ ทัศนคติ (Mind set)  ของคุณยังไม่เข้าใจว่าคนรวยเขาคิดยังไง และ คนยังไม่รวยคิดยังไง คิดคนละแบบกันด้านการทำงานประจำ กับด้านทำธุรกิจนั้นคนละโลกกัน

ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านต้องค่อยๆ พัฒนา ทัศนคติ ( Mind set ) ของท่าน ซึ่งมันใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน – 3 ปี กว่าที่ท่านจะพัฒนา ทัศนคติ ( Mind set ) ให้เป็นผู้ประกอบการที่ทรงพลัง

พวกรวยเร็วเนี้ยไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ผมเจอมาเยอะแล้ว 15 ปี ขอรวยเร็ว ธุรกิจเปิดตัวใหม่ เฮโล สุดยอดเลย รวย รวย รวย ไม่เกิน 3 เดือนหายหมดแล้ว พวกที่เฮโลเนี้ยเปลี่ยนธุรกิจใหม่อีกละ เปลี่ยนใหม่อีกละ สุดท้ายก็เลิกไป แล้วก็กลับไปทำงานเหมือนเดิม แล้วก็โทษว่าธุรกิจไม่ดี

จริงๆไม่ใช่ เขาไม่เข้าใจบทเรียนนี้ในบทเรียนนี้ผมจะพูดเกี่ยวกับทัศนคติของท่านสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมากในขณะที่ท่านกำลังสปอนเซอร์ หรือ อุปถัมภ์ผู้คน ผู้จำหน่ายหลายๆคนจะมีทัศนคติแบบนี้ครับ คือ

ผมจะชวนใครเข้าสู่ธุรกิจของผมดี ทัศนคติที่ถูกต้องควรจะเป็นแบบนี้นะครับ คือ “ฉันจะเสนอโอกาสในการเกษียรเร็วให้กับใครคนต่อไปดี” เพราะถ้าท่านเชื่อว่าทุกๆ คนสามารถเกษียณอายุการทำงานได้ภายใน 1-3 ปีต่อจากนี้และท่านรู้วิธีในการนำเสนอโอกาสนี้ใน 2 นาทีแล้วละก็ ทำไมท่านจะต้องนำโอกาสนี้ไปให้กับคนแปลกหน้า เห็นด้วยไหมครับ

ท่านได้เรียนบทสนทนา 45 วินาทีแล้ว จากตำราของ ดอน เฟียล่า ที่ผมเอามาแบ่งปัน เป็นตำราที่ผมไม่ได้คิดขึ้นเอง คนเขียนเป็นนักธุรกิจเครือข่ายอายุ 70 กว่าปี มีองค์กร 800,000 คน โดยการเริ่มต้น สอนวิธีการใช้บทสนทนา 45 วินาทีในการคัดเลือกผู้มุ่งหวังว่าเขาคือคนที่ใช่หรือไม่ ไม่ต้องไปค่อยตามตื้อตลอด การที่ท่านจะมีรายได้ 200,000/เดือน และไม่ต้องทำงานอีกเลย ท่านจะต้องกลับไปโรงเรียน ท่านจะต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ที่ท่านจำเป็นต้องรู้ โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อยอาทิตย์ละ 5-10 ชั่วโมงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

นี่คือการเรียนรู้ในธุรกิจเครือข่าย ที่คือสูตรแห่งความสำเร็จนี่คือสูตรของการเป็นมหาเศรษฐี อย่ายอมแพ้ถ้ายังไม่ถึง 6 เดือน อย่าทำตัวแบบเดิมๆท่านลองยอมกลับไปเรียนโรงเรียน MLM สิครับ โรงเรียนแห่งความสำเร็จ อาทิตย์ละ 5-10 ชั่วโมงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน

แล้วหากใครบางคนพูดกับท่านว่าผมจะอยู่ในธุรกิจ 30 วัน เพื่อจะรอดูซิว่ามันจะเป็นยังไง ผมขอดูผลลัพธ์ของคุณก่อน อย่าไปเสียเวลากับเขา เขาสร้างรากฐานไม่ได้ภายใน 30 วันหรอกแล้วเขาเปลี่ยนทัศนคติให้เป็นคนรวยไม่ได้หรอก จงอยู่ที่เดิมต่อไป อย่าไปยุ่งกับเขา เขาจะฉุดท่านลงทะเลไปด้วยโรงเรียนที่ผมพูดถึงหมายถึงโรงเรียนแห่งการมีส่วนร่วม คือเริ่มจากการเข้าอบรมประจำสัปดาห์ ฟังเทปที่ช่วยสร้างแรงกระตุ้น ฟังรีเพล์ที่ผมแบ่งปันเสมอๆ ดูเยอะๆ ฟังเยอะๆ เกี่ยวกับการสร้างธุรกิจเครือข่าย

ขับรถอย่าฟังเพลง ฟังโน้นนี่นั้น จงทำรถของท่านให้เป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ ท่านจะรวยเร็วมาก ท่านสามารถทำสิ่งเหล่านี้ควบคู่กับงานประจำได้ โดยที่ท่านไม่ต้องลาออก

ถ้าคุณสามารถหาคนเอาจริงห้าคนในเดือนแรกได้ คุณควรจะสามารถช่วยพวกเขาอุปถัมภ์อีกคนละ 5 คนได้ภายในเดือนที่สาม

เมื่อคนของคุณกำลังช่วยคนของเขาอุปถัมภ์คน 5 คน ให้คุณช่วยเหลือกลุ่มของคุณและสอนให้คนของคุณทำแบบเดียวกัน คุณน่าจะไปถึงระดับ 3 ชั้นลึกได้ภายในหกเดือน แล้วถ้าหนึ่งปีผ่านไปจะเป็นอย่างไรหละครับ

เมื่อคุณพิจารณารูปด้านบน -5-, -25-, -125- หมายถึงผู้จำหน่ายที่เอาจริง สมมติในตอนนี้คุณมีคนเอาจริงในองค์กรถึง 155 คนแล้ว

แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนที่คุณนำเสนอธุรกิจไปจะสนใจทำธุรกิจซะทุกคน ใช่ไหมครับ

ในกระบวนการสร้างธุรกิจของคุณนั้นคุณจะต้องเจอคนที่ไม่ต้องการทำธุรกิจ แต่สนใจสินค้า คนเหล่านี้จะกลายเป็นลูกค้าปลีกของคุณ

สมมติว่าผู้จำหน่ายแต่ละคน มีลูกค้าที่เป็นเพื่อนสิบคน หากเป็นดังนี้คุณจะมีลูกค้าทั้งหมด 1,550 คน และผู้จำหน่ายก็เป็นลูกค้าเช่นกัน ดังนั้นคุณจะมีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 1,705 คน

ลูกค้าที่เป็นผู้จำหน่าย จะซื้อสินค้ามากกว่าลูกค้าทีเป็นเพื่อน ด้วยเหตุผลสามประการ

  • ข้อแรกคือ ผู้จำหน่ายนั้นจะมีความเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งหมดเป็นอย่างดี
  • ข้อสองคือ ผู้จำหน่ายสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาขายส่ง ซึ่งทำให้เขาสามารถใช้สินค้าด้วยตัวเองได้มากกว่า
  • และข้อสามคือ ผู้จำหน่ายนั้นบางครั้งต้องแจกสินค้าออกไปเป็นตัวอย่างบ้าง คุณเองควรเสนอให้ผู้จำหน่ายของคุณลองแจกสินค้าออกไปให้ผู้จำหน่ายใหม่ของเขาทดลองใช้ดูด้วยครับ

จากรูปด้านบน เส้นประใต้ตัวเลขใต้ 155 แสดงถึงลูกค้าปลีกคนอื่นๆ อีกที่เรายังไม่ได้นับ เอาหละครับ มาถึงจุดสำคัญของการนำเสนอชิ้นนี้แล้ว

คุณอาจพูดประมาณนี้ก็ได้ครับ เมื่อเราคูณ 1,705 ด้วย 1,000 บาท (สมมติเป็นยอดซื้อของสมาชิกต่อเดือนนะครับ ผมเชื่อว่าพวกคุณหลายคนอยู่ในองค์กรที่มียอดซื้อต่อเดือนมากกว่า 1,000 บาททั้งนั้น)

เราจะได้ยอดขายรวมทั้งองค์กรของคุณต่อเดือนใช่ไหมครับ ซึ่งก็คือ 1,705,000 บาท ดูไม่เลวใช่ไหมครับ

แต่อย่าลืมด้วยนะครับว่า มันเกิดขึ้นจากการที่คุณทำงานกับคนเพียง 5 คนเท่านั้น ด้วยยอดขายประมาณนี้ คุณควรจะมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 70,000 ถึง 200,000 บาทแล้วครับ

สาเหตุที่ช่วงของรายได้ค่อนข้างกว้าง เป็นเพราะบางคนอาจมีลูกค้าปลีกมากกว่า 10 คนก็เป็นได้ และแผนการจ่ายเงินของบริษัทต่างบริษัทก็ต่างกันออกไป

ตอบคำถามต่อไปนี้นะครับ

ถ้าภายในระยะเวลาหกเดือนคุณสามารถสร้างรายได้ 70,000 ถึง 200,000 บาทต่อเดือนนอกเหนือจากรายได้จากงานประจำที่คุณทำอยู่ คุณยอมกลับไปโรงเรียนห้าถึงสิบชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อเรียนรู้ว่าจะทำมันอย่างไรไหมครับ?

การนำเสนอในบทนี้ง่ายมากและมันอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าองค์กรจะเติบโตอย่างไร

ซึ่งมันเกิดขึ้นจากการสร้างองค์กรในสายงานด้านลึกและการที่แต่ละคนรักษายอดขายคนละเล็กละน้อย

ผมเชื่อว่าทุก ๆ คนสามารถหาลูกค้าได้สิบคนโดยไม่ยากนักครับ ไม่ต้องเป็นนักขายมืออาชีพก็ทำได้ เมื่อคุณพูดจบแล้วคุณน่าจะได้รูปภาพดังภาพข้างล่างนี้

คนเอาจริง หมายความถึง ผู้ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเข้าร่วมธุรกิจและศึกษาอย่างน้อยห้าถึงสิบชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นเวลาอย่างน้อยหกเดือน ต้องทำเช่นนี้เขาถึงจะสามารถเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกิจได้ครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน