วิธีสร้างทีมงานในธุรกิจเครือข่าย

ตอนที่ 4 กระตุ้นทีมงาน ให้ไฟลุกร้อนฉ่า

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านมีทีมงานแล้ว ไม่ทำอะไรเลยไฟมอดสนิท และทีมงานเขาไม่รู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไร หรือไม่ก็เขาไม่สามารถโมติเวทตัวเองได้หรือไม่เขาก็ไม่เข้าใจธุรกิจนี้

วันนี้จะมาแบ่งปันวิธีกระตุ้นทีมงานของท่านอย่างไรให้ตื่นเต้นให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา

More...

วีดีโอ
"กระตุ้นทีมงานอย่างไรให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา"

หนังสือเสียง
"กระตุ้นทีมงานอย่างไรให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา"

ถ้าท่านต้องการเรียนรู้นะครับว่าจะสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ MLM ขายตรง ประกันชีวิต ของท่านอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะกระตุ้นทีมงานของท่านอย่างไร ให้ตื่นเต้นให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา ไม่ใช่สองวันดีสามวันมอดแบบนั้น

วันนี้ข้อมูลที่ผมจะแบ่งปัน ผมเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

ตอนนี้เป็นตอนที่ 4 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการสร้างธุรกิจเครือข่ายอย่างแรกก็คือ "ไม่มีรายชื่อ" หรือมีรายชื่อแล้ว "สปอนเซอร์คนไม่ได้" ทำให้ขาดรายชื่อพอขาดรายชื่อก็เลยขาดรายได้ นี่คือสองปัญหาที่ใหญ่ที่สุด

แต่คนที่ก้าวข้ามผ่านเรื่องของการสปอนเซอร์คนได้แล้ว คือ มีรายชื่อสปอนเซอร์คนได้มีรายได้เกิดขึ้น

แต่พอมีทีมงานเข้ามาในทีมงานก็ไม่ทำอะไรเลยไฟมอดสนิทกัน และเขาไม่รู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไร หรือไม่ก็เขาไม่สามารถโมติเวทตัวเองได้ หรือไม่เขาก็ไม่เข้าใจธุรกิจนี้

หากเจอปัญหาว่าเค้าไม่เข้าใจธุรกิจต้องส่งวิดีโอที่ผมพูดกันตั้งแต่ตอนแรกให้เค้าฟัง เค้าจะได้เห็นภาพคำว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไร พลังทวีคูณคืออะไร เราจะเริ่มต้นในสี่ขั้นตอนยังไง รวมถึงการปล่อยเรือออกไป และตามมาด้วยวิธีการเชิญผู้คนมาดูโอกาส เดี๋ยวเราจะมีการไล่เรียงเนื้อหาให้ท่านได้ติดตาม

แต่ถ้าท่านมีองค์กรแล้วหรือท่าน กำลังจะสร้างองค์กรแล้วท่านไม่อยากที่จะติดกับ ปัญหาที่ว่า

เฮ้ยยย ทีมงานฉันบิ๊วยังไงก็ไม่ขึ้นเลย นิ่งสนิทตายเรียบ ไม่รู้หน้าที่ตัวเองเลย ใช่เขารู้หน้าที่ แต่กลุ่มคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่เขาเรียกว่ามีจำนวนมากในสังคม

ยิ่งสังคมการสร้างธุรกิจมีเยอะมากคือไม่สามารถกระตุ้นตัวเองได้ เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่จะไม่ประสบความสำเร็จเร็วที่สุด

เราไม่เรียกกลุ่มนี้ว่าเป็น Self Starter 

Self Starter เป็นกลุ่มคนที่เราอยากได้ที่สุดในการสปอนเซอร์คน

Self Starter  คือ กลุ่มคนที่สามารถลุกมาทำอะไรอะไรด้วยตัวเองได้ ต่อให้อัพไลน์ตายไปก็ช่าง ทำได้สำเร็จด้วย

แต่คนมากกว่า 80-90% อัพไลน์อยู่สอนทุกอย่าง ทุกวัน ป้อนทุกวัน ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้เลย

กลุ่มนี้ถ้าเป็นท่านตระหนักให้ดี ท่านยังไม่มีคุณสมบัติที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ตระหนักให้ดี สมัครทำธุรกิจไปแล้วแต่ไม่ทำอะไรเลย

ไม่รู้จะทำอะไร ทำอย่างอื่นคือยุ่งกับเรื่องอื่น แต่เรื่องที่ควรจะทำไม่สามารถเอาตัวเองตระหนัก หรือ ตระหนักรู้ว่าฉันต้องทำอะไรและฉันต้องลงมือทำให้ได้

ขาดโฟกัสในการจะมีวินัย ขาดวินัยในการจะโฟกัสทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

วันนี้เราจะทำให้ท่านเห็นภาพเลยนะครับว่า เฮ้ยย!! ในฐานะในการเป็นอัพไลน์เราควรกระตุ้นทีมงานยังไง ในฐานะของการเป็นทีมใหม่ เป็นคนใหม่ในธุรกิจฉันควรจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทัศนคติของฉันได้อย่างไรวันนี้จะได้ประโยชน์ทั้งอัพไลน์ และจะได้ประโยชน์ทั้งหุ้นส่วนใหม่

ตอนที่ 8 ใช้เวลาของเราที่ตรงไหน

อย่างที่พูดไปเมื่อกี้ไงว่าคนส่วนมาก ทั้งอัพไลน์ ดาวไลน์ ไซด์ไลน์ คน 80-90%ไม่รู้หน้าที่ในการทำธุรกิจของตัวเอง สมัครทำธุรกิจมาแล้วหายสาบสูญไปเลยไม่รู้หายไปไหน เป็นเพราะเขา...

  1. เขาไม่ได้เป็น Self Starter 
  2. ไม่มีทัศนคติของการเป็นผู้ประกอบการ

การเป็นผู้ประกอบการไม่ต้องรอให้ใครกระตุ้นถ้าต้องรอให้ใครกระตุ้นนั้นไปไม่รอด

ในธุรกิจเครือข่ายเราจะไม่ทำแบบเนอสเซอรี่แต่เราจะเลี้ยงลูกของเราให้แข็งแกร่งเราจะสอน สอนแล้วก็พาทำ ถ้าสอนแล้วยังไม่ยอมทำ  พาเดินก็ไม่ยอมเดินร้องไห้งอแง เค้าก็ไปหาคนอื่นทำต่อเอาคนที่พร้อมจะเดินกับเราก่อน

เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราจะมาดูครับว่าเราจะใช้เวลาของเราที่ ตรงไหนให้ทรงพลังที่สุดและเกิดประโยชน์ที่สุด

เรามาดูภาพครับ ภาพนี้เป็นกราฟจะแสดงให้ท่านได้เห็นครับว่า ท่านจะใช้เวลาที่ตรงไหน

โดยทั่วไปแล้วในช่วงเริ่มต้นของท่านนั้นเวลาทั้งหมด ผมหมายถึงเวลาทั้ง 100% ของท่านควรใช้ไปในการอุปถัมภ์คนอื่น

สมัครเข้ามาปุ๊บ เวลาร้อยเปอร์เซ็นต์โฟกัสในการ อุปถัมภ์คนอื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ ถ้าตอนนี้ตัวอัพไลน์ก็ไม่ได้อุปถัมภ์คน ไม่ได้ดูแลทีมงานตัวเอง ตัวของทีมงานที่เข้ามาก็ไม่อุปถัมภ์คนต่อ องค์กรนี้ชะงักอย่างแน่นอน

แต่ถ้าอัพไลน์ ลุกขึ้นมาอุปถัมภ์คนของตัวเองแล้ว ตัวของท่านที่เป็นคนใหม่ก็ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองในการอุปถัมภ์คนต่อ โดยการทำงานกับอัพไลน์ องค์กรนี้ก็เริ่มมีโมเมนตัม

และโมเมนตัมคือเพื่อนที่ดีที่สุดของธุรกิจเครือข่าย

ถ้าไม่มีโมเมนตัม ท่านต้องบิ้วใหม่อยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าท่านมีโมเมนตัมแล้วเหวี่ยงต่อไปอย่าหยุดเหวี่ยงติดต่อกันอย่างน้อย 18 เดือนถึงสามปี

ท่านจะมีอิสรภาพทางการเงินและเวลาในธุรกิจเครือข่ายได้เลย

แต่ท่านอาจจะมีคำถามว่า อ้าวที่ผ่านมา สอนไม่ใช่หรอว่าถ้าเราควรจะใช้เวลาในการศึกษาก่อนอย่างน้อยสองสามสัปดาห์แรกไม่ใช่หรอ

เรายังจะไม่นับวันเริ่มต้นไม่ใช่หรอ ถูกต้อง ที่ท่านพูดมาไม่มีอะไรผิดเลยแต่ท่านอย่าลืมนะครับว่าในช่วงแรกที่ท่านต้องเรียนรู้นั้นคนที่เป็นสปอนเซอร์ของท่านจะมาช่วยท่านอุปถัมภ์คนอื่น ไม่ใช่ท่านทำคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ

เขาจะเซ็ตระบบสอนระบบ และสอนวิธีการให้ท่านนั้น สปอนเซอร์โดยการถามถึงบุคคลที่สาม เมื่อท่านเชิญคนมาดูโอกาสแล้วเค้าจะช่วยตอบคำถามให้ชัด แต่เขาไม่สามารถเชิญคนแทนท่านได้ เขาไม่สามารถเชิญคนของท่านมาดูโอกาสได้ท่านก็จะต้องทำส่วนนั้น

อัพไลน์จะเข้าจะมาช่วยสปอนเซอร์โดยการ ช่วยคุยช่วงสุดท้ายในการปิดสมัครในการตอบคำถามตอบข้อกังวลสงสัยให้

เพราะฉะนั้นสปอนเซอร์ของท่านจะมาช่วยท่านสปอนเซอร์ต่อ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการฝึกไม่ใช่อ่านตำราอย่างเดียวโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

ใช่ต้องลงมือทำด้วย แม้ว่าผู้อุปถัมภ์ของท่าน หรือสปอนเซอร์ของท่านจะทำงานแทนท่าน ท่านจะเป็นผู้อุปถัมภ์โดยตรงของคนที่ท่านพาเข้ามาในธุรกิจ

คือสปอนเซอร์ช่วยท่านก็จริงแต่ถ้ามันเป็นคนที่สามารถสปอนเซอร์เขาเข้ามา ท่านก็เป็นสปอนเซอร์ของเขาเป็นคนที่อุปถัมภ์เขา

ในธุรกิจเครือข่ายนั้นจะท่านจะเริ่มอุปถัมภ์ผู้คนได้ทันที ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเลยนะควรจะทำตั้งแต่วันนั้นเลย

เพราะถ้าสปอนเซอร์ของท่านสอนวิธีการที่เวิร์คกับท่านตั้งแต่วันแรกให้ท่านได้อ่านตำรานี้ตั้งแต่วันแรก ท่านเข้าใจสี่บทแล้วท่านเข้าใจวิธีการเชิญคนบุคคลที่สาม รู้แล้วท่านสามารถทำได้เดี๋ยวนั้นเลย

แต่ถ้าท่านไม่ต้องการทำเดี๋ยวนั้นก็ไม่มีปัญหายิ่งทำเร็วยิ่งดี แต่ถ้าหากท่านต้องการทำทีหลังก็ไม่มีปัญหา

เมื่อท่านเริ่มต้นธุรกิจก็จะมีเพียงแต่ท่านคนเดียวและท่านก็ทราบดีว่าท่านจะต้องอุปถัมภ์ 5 คนที่เอาจริงเท่านั้นเ พราะท่านจะต้องมี 5 ฟ้อนไลน์ และสร้างลึกลงไปห้าชั้น

แต่การที่ท่านจะได้หาคนจริงจังท่านต้องอุปถัมภ์คนมากกว่า 5 คน ค่าเฉลี่ยคือท่านจะต้องสปอนเซอร์ประมาณ 10-20 คน มีคนสมัครทำธุรกิจกับท่าน ไม่ว่าจะเป็น package อะไรก็แล้วแต่ 10 ถึง 20 คนแล้วจะมีห้าคนที่จริงจังปรากฎตัวขึ้นมานี่คือ กิจกรรมแรกที่ต้องทำ

แล้วเหตุใดเล่าเมื่อเวลาผ่านไปเวลาที่ท่านต้องใช้ในการสปอนเซอร์คนหรืออุปถัมภ์คนจึงลดลง ดูกราฟครับท่านจะเห็นเลยครับว่า ยิ่งเวลาผ่านไปเวลาที่ใช้ในการสปอนเซอร์คนลดลง เรื่อยๆ จาก 100% เหลือ 10%

จริงๆเราทำงานกันแค่ช่วงแรกเท่านั้น ถ้าใครเข้าใจจุดนี้ทุ่มเทเวลาเต็มที่เลยช่วง เดือน 2 เดือน 3 เดือนแรก ในการสปอนเซอร์คน 5 คนจริงจังให้ได้

ถ้าท่านไม่เริ่มต้นสักที ท่านจะเหมือน พายเรืออยู่ในอ่างอยู่นั้นแหละไม่ไปไหนเลย แต่ถ้าท่านเข้าใจจุดนี้แล้วก็จับมือกับอัพไลน์ อัพไลน์จับมือกับทีมงาน

เฮ้ยยย พวกเราเดือนแรกจัดหนักจัดเต็มหา 5 คนจริงจังให้ได้ไม่เกิน 18 เดือนท่านมีรายได้ 6-7 หลักได้เลย แต่ถ้าพิรี้พิไรอยู่นั้นแหละ ไม่เริ่มสักที เราต้องหาคนที่พร้อมที่จะเริ่มต้นอย่างจริงจังภายในหนึ่งเดือน อย่าไปเสียเวลากับเรือว่างเปล่า

เหตุใดเล่าเมื่อเวลาผ่านไปเวลาที่ท่านต้องใช้ในการสปอนเซอร์คนหรืออุปถัมภ์คนจึงลดลง

คำตอบคือ เมื่อถึงเวลาเอาจริงเมื่อสปอนเซอร์หนึ่งคน สองคน สามคน จนถึงห้าคนเมื่อไหร่ ท่านจะเลิกใช้เวลาในการหาคนเอาจริงแล้วไง แต่ท่านจะเปลี่ยนมาใช้เวลาสอนก่อน เห็นไหมไม่มีคำว่าขายเลย ท่านจะสอนเขาให้เรียนรู้กับ สี่บทแรกและสอนให้เขาอุปถัมภ์ห้าคนจริงจังของเขา และก็สอนให้เขารู้วิธีในการสอนคนของเขาให้สปอนเซอร์คนอื่นๆได้อีกด้วย

ง่ายๆเลยเมื่อท่านได้ 5 คนจริงจังลงไปสอนเขาให้เต็มที่เลยจะต้องพูดยังไงสปอนเซอร์ยังไง ขั้นตอนเป็นยังไง ให้เขาสอนทีมงานเขาได้ด้วยเมื่อเขารู้วิธี และเมื่อเขาสามารถสร้างทีมได้ลึก 3-4 ชั้น

และเมื่อเขาบอกเขาไม่ต้องการท่านแล้ว เขาเป็นแล้ว ท่านค่อยไปหาคนเอาจริงใหม่ในสายใหม่ ท่านก็จะมีสายที่ 6 7 8 9 10 ท่านก็ยิ่งร่ำรวยมากยิ่งขึ้นและมีแพสซีพอินคำ

ท่านดูภาพนะครับ ท่านมี 4 คนแรก 4 คนนี้ไม่ต้องการท่านแล้วองค์กรเขาโตแบบอัติโนมัติลึกไป 4 ชั้นมี 625 คนในชั้นที่ 4 แล้วท่านเปิดสายใหม่แล้วทำแบบเดิมอีก 4-5 คน ท่านได้อีก 6,000 คน ทวีคูณกันเป็นหมื่นเลยครับ เลขมันเป็นแบบนี้จริงๆ

เพราะฉนั้นท่านจะต้องเข้าใจก่อนว่าโฟกัสอะไร

หา 5 คนที่จริงจัง พา 5 คนนี้ลงลึก 4 ชั้น ข้างใต้นี้จะมีคน 625 คนรวมในองค์กรทั้งหมด 781 โอ้โห เห็นภาพรึยัง นี่เป็นภารกิจที่น่าทำมากที่สุดในโลกนี้ในการสร้างรายได้ที่ทรงพลังที่สุด ความเสี่ยงต่ำที่สุดแล้วทุกคนสามารถทำได้ เมื่อตั้งสติ ตั้งใจและตระหนักว่าตัวเองต้องทำอะไรที่ละขั้นที่ละตอน ทำเล็กๆจนกระทั่งพิชิตจุดหมายใหม่

เมื่อท่านพบคน 5 คนเอาจริงเรียบร้อยแล้วท่านควรจะใช้เวลา 95% ของท่านในการทำงานกับเขา 2.5%ในการดูแลลูกค้าที่เป็นเพื่อนของท่าน ท่านมีเพื่อนเป็นลูกค้าไง เพราะท่านแบ่งปันผลิตภัณฑ์ให้กับเพื่อนของท่าน

และอีก 2.5% ที่เหลือ ใช้ในการหว่านเมล็ดเมื่อใดก็ตามที่ท่านได้เจอคนใหม่ๆ สปอนเซอร์ไว้ก่อนต้องทำเรื่อยๆ ถ้าท่านแบ่งงานอย่างนี้ได้ นั้นหมายความว่าเวลาในแต่ละวันคือทำงานกับคน 5 คน

สมมุติผมจะบอกวิธีการในการทำงานกับ 5 คนให้เป็นระบบให้ฟัง ท่านทำงานแบบงานประจำเลย

  • วันจันทร์ทำกับคนที่ 1
  • วันอังคารทำกับคนที 2
  • วันพุธทำกับคนที่ 3
  • วันพฤหัสทำกับคนที่ 4
  • วันศุกร์ทำกับคนที่ 5
  • เสาร์อาทิตย์หยุดพักผ่อน

วันจันทร์กลับมาหาคนที่ 1 ใหม่ เป็นไงมีทีมงานรึยัง เพราะตลอดสัปดาห์นั้นท่านสามารถทรีเวย์คอล ตอบคนถามให้คนที่ 1 ด้วยมันจะวนเกิดผลลัพธ์กันแบบนี้แล้วทุกคนก็รู้หน้าที่ของเขาว่าวันจันทร์ต้องทำไง เป็นระบบ ทำให้ท่านแยกแยะได้ไม่มั่ว

ท่านเหมือนออกไปทำงานประจำ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปท่านจะยิ่งรวยกว่าคนทำงานประจำเป็นร้อยเท่า ยิ่งเวลาผ่านไปองค์กรท่านโต ท่านไปเลยครับ 5 โมงเย็นนัดกันร้านกาแฟ นัดกันบ้านไหนก็ได้ ใช้เวลาทำงานด้วยกันผ่านไป 3 ปี ท่านมีรายได้เป็นล้านๆบาทต่อเดือน 

คนทำงานประจำรายได้ขึ้นไม่ถึง 15% แล้วงานอิสระด้วยทำตอนไหนก็ได้ นี่คือธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก อิสระที่สุดในโลก

ตอนที่ 9 นักย่างสเต็ก ขายสเต็กเนื้อย่าง

ผมจะทำให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า ถ้าเราเข้าใจธุรกิจเครือข่าย เรามี Mind set ที่ถูกต้อง เข้าใจหลักการของมัน มีจิตวิทยาในการเข้าใจคนด้วย การทำธุรกิจจะเป็นอะไรที่สนุกมาก บทเรียนนี้สามารถที่จะเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "กองไฟ"

สมมุติว่าท่านไปค้างแรมที่กลางป่า เมื่อท่านดึงฟีนออกจากกองไฟ ไฟก็จะลดลง ถูกไหมครับ และเมื่อท่านใส่ฟืนกลับเข้าไปใหม่ ไฟก็จะเกิดกลับมาโหมแรงเช่นเดิม 

เพราะฉะนั้นถ้าท่านมีฟืน 1 ท่อน ท่านจะ "ไม่มีอะไรเลย"

แต่ถ้าท่านมีฟืน 2 ท่อน ท่านจะมี "เปลวไฟ" 

ถ้าท่านมีฟืน 3 ท่อนท่านจะมี "ไฟ" เกิดขึ้นแล้ว

เมื่อท่านมีฟืน 4 ท่อนวางอยู่ด้วยกันท่านจะมี "กองไฟ"

ผู้คนก็เช่นเดียวกัน เช่น เมื่อท่านนั้นนัดเจอกับผู้มุ่งหวังของท่านพร้อมกับคนที่ท่าน อุปถัมภ์หรือไม่ก็คนที่เป็นคนสปอนเซอร์ของท่านในร้านอาหารสักแห่งหนึ่ง

แล้วตัวท่านไปถึงร้านก่อนซึ่งท่านนั้นอยู่คนเดียวให้ท่านลองสังเกตดูว่าในร้านๆนั้นมีพลังานมากแค่ไหนหรือไม่มีเลย ส่วนมากแล้วไม่มีพลังเลยนอนจากพลังจากตัวท่าน เงียบสนิท

และเมื่อผู้สปอนเซอร์ของท่านมาถึงและนั่งด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีพลังงานเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน ท่านรู้สึกได้ไหม เมื่อเทียบกับการนั่งคนเดียว

แล้วท่าน 2 คนกำลังรอใครบางคนอยู่ แล้วเมื่อเขามาถึงแล้วมันก็ยิ่งมีพลังงานมากขึ้นอีก กลายเป็น 3 คนแล้วนะครับ

และเมื่อบุคคลที่ 4 มาถึง ท่านได้สร้างกองไฟหรือบรรยากาศอันร้อนฉ่าสำเร็จแล้ว

​​​​​​​​ธุรกิจเครือข่ายที่ท่านกำลังจะนำเสนอ ก็เหมือนเนื้อสเต็กครับ ใครๆก็รู้ว่าไฟที่ร้อนฉ่าเท่านั้นจึงจะย่างสเต็กได้

หมายความว่า ต้องมีคนอย่างน้อย 4 คนจึงจะย่างสเต็กหรือจะทำธุรกิจเครือข่ายให้มันแบบถึงพริกถึงขิง สุกกินอร่อยได้ เพราะฉะนั้นจงนัดผู้อุปถัมภ์ของท่าน อัพไลน์ ดาวไลน์ พร้อมกับองค์กรของท่าน สัก 2 คน รวมด้วยท่านเป็น 4 เพื่อแบ่งปันบทเรียนนี้

ทำให้พวกเขาร้อนฉ่า ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา สถานที่ๆเหมาะสมกับเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นที่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ออฟฟิต ห้องประชุมเล็ก เลือกร้านอาหาร เลือกเวลาที่ยุ่งน้อยที่สุดคือช่วงก่อนอาหารเที่ยงสัก 10 โมงเช้าหรือหลังอาหารเที่ยงคือบ่ายสอง 

หากท่านพาผู้มุ่งหวังเข้าสู่วงสนทนาอันร้อนฉ่านี้แล้วละก็ แม้ว่าตอนแรกเขาจะมีข้อสงสัย หรือมีคำถามในใจ ผู้มุ่งหวังนั้นเปรียบเสมือนฟืนที่เปียกน้ำ พอผู้มุ่งหวังมาถึงเราก็โยนเขาลงไปในกองไฟ ฟืนเปียกนั้นก็จะแห้ง แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไหม้ในกองไฟนั้น เห็นภาพไหมครับการสปอนเซอร์แบบออฟไลน์ การคุยนั้นเราจะต้องจัดบรรยากาศอย่างไร

แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากเรือทองของท่านนั้น เข้ามาในธุรกิจได้ไม่นานกำลังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารตามลำพัง และ นั่งคุยกับผู้มุ่งหวังที่เปรียบเสมือนฟืนเปียกน้ำ แบบนี้ไม่ต่างกับการโยนฟืนเปียกน้ำใส่ฟืนที่ไม่มีไฟ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถย่างสเต็กได้ท่อนไม้เดิมที่แห้งพลอยจะเปียกไปด้วย เรือทองของท่านจะกลายไปเป็นฟืนเปียกในที่สุด

จากรูป สมมติว่าคุณพึ่งเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตนเอง สมมติให้คุณเป็นเพียง “กิ่งไม้” แต่ว่าผู้ที่อุปถัมภ์คุณเข้ามา ในธุรกิจ เขาอยู่มานานกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า สมมติให้เขาเป็น “ท่อนไม้” ท่อนไม้กับกิ่งไม้ก็สามารถสร้าง "เปลวไฟ" ได้แล้ว การมีใครบางคนอยู่กับคุณด้วยสามารถสร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนมาก

ตอนที่ 10 แรงกระตุ้นและทัศนคติ

ให้ท่านเริ่มต้นเขียนคำว่า "แรงกระตุ้น" บนกระดาษ จากนั้นเขียนลูกศรชี้ลง อีกอันหนึ่งชีขึ้น ตามรูป แสดงให้เห็นถึงแรงกระตุ้น 2 ประเภท ขึ้น และ ลง

ให้ท่านเขียนใต้ลูกศรชี้ลงว่า "อ่างน้ำร้อน" ใต้ลูกศรชี้ขึ้นว่า "สม่ำเสมอ"

ภาพนี้หมายความว่า

แรงกระตุ้นลง เปรียนเสมือนการอาบน้ำร้อน ดูเหมือนกับว่าเมื่อท่านอาบน้ำร้อนยิ่งน้ำนั้นร้อนเท่าไหร่ ตัวยิ่งเย็นเร็วเท่านั้น

เพราะฉะนั้นผมเคยเห็นคนไปงานประชุมประเภทนี้ หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 สัปดาห์เขากลับมาหดหู่เหมือนเดิม ที่เรียนไปจำอะไรไม่ได้เลย ทำไมเป็นแบบนั้นละ เคยสงสัยรึป่าว

คำตอบก็คือ งานดังกล่าวเขาให้กำลังใจ ตื่นตัวมากแต่ไม่มีใครบอกให้เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร อย่างไร โมติเวท กันอย่างเดียวเลย ไปออกไปลุยพวกเรา อัพไลน์ไม่ลงมาคอยสอนเลย

หรือไม่มาเป็นจุดยืนว่าทีมตัวเองได้รับการสอนแบบนี้หรือป่าวเห็นภาพไหม ต้องพูดเชิญคนยังไง เชิญคนมาแล้วต้องสปอนเซอร์ ต้องนัดเขายังไง พาเขาเริ่มต้นทำยังไงให้เขาอ่านตำราอะไร

เมื่ออัพไลน์ไม่เป็นจุดยืนอย่างนั้น คนยิ่งลงอ่างน้ำร้อนเท่าไหร่ยิ่งมอดเร็วเท่านั้นเพราะ เฮ้ยย ร้อนแล้วนะเฮ้ยย แล้วเอาไงต่อละ

นี่คือปัญหา ปัญหามาจากไหนล่ะ มาจากอัพไลน์ครับ ที่ไม่ยอมใช้เวลาที่ทีมงานตัวเองมีพลังโมติเวทเต็มที่หลังจากออกอีเว้นมาเข้าไปทำงานอย่างจริงจังกับเขา

แต่โอกาสแบบนี้เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เพราะบริษัทเหล่านี้จะมีอีเว้นทุกๆ 1 เดือนหรือ 3 เดือน พาทีมงานเข้าอีเว้นให้มากที่สุด นัดหมายในการทำงานทันที วางแผนในการทำงานที่เวิร์ค

การไปงานสัมนาการพบปะกับผู้คนและก็ทีมงาน การอ่านหนังสือ การฟังเทปการใช้ผลิตภัณฑ์ การหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายเพิ่มเติม หรือแม้แต่การดูวีดีโอนี้ ที่ผมกำลังพูดอยู่

หรือ การอ่านหนังสือ การนำเสนอ 45 วินาทีก็เป็นแรงกระตุ้นประเภท อ่างน้ำร้อน นะครับ เป็นแรงกระตุ้นลง

ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะครับ มันเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ก่อนที่ผมจะพูดถึงแรงกระตุ้นขึ้น ผมขอพูดเรื่องทัศนคติก่อน

ให้ทุกท่านนึกภาพดูนะครับว่า ท่านกำลังจะไปพูดกับใครบางคนเกี่ยวกับธุรกิจของท่านโดยที่คนนั้นไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน เพราะฉะนั้นเขามีระดับทัศนคติเป็น 0

สมมุติว่าการที่ท่าน จะไปพูดกับใครให้ได้ผลท่านจำเป็นจะต้องมีระดับทัศนคติอย่างน้อย 50 หากทัศนคติของท่านต่ำกว่า 50 อย่าไปพูดกับใครเพราะเค้าจะถูกจุ่มลงลงไปกับเขาด้วย เดี๋ยวเรามาเช็คกันว่าทัศนคติ 50 เป็นยังไง

สมมุติว่าหลังจากที่ท่านนำเสนอธุรกิจไปแล้ว ผู้มุ่งหวังของท่านตื่นเต้นมากเค้าเซ็นใบสมัครและต้องการเริ่มต้นเดี๋ยวนี้เลย บอกมา บอกผมมาว่า จะต้องทำอะไร ผมรอไม่ได้แล้ว ผมอยากเปลี่ยนชีวิต

ระดับทัศนคติของเขาอยู่ที่ 65 เลยนะครับ เค้ากำลังจะรวยเค้าออกไปพูดกับผู้คนทันทีโดยที่เขาไม่เคยผ่านการอบรมอะไรมาก่อนเลยไม่มีใครสอนเค้า โชคร้ายเลยครับที่เขาออกไปเจอกับกิ่งไม้ที่เปียกน้ำ  

และเนื่องจากเค้าไม่รู้ว่าจะรับมือกับข้อสงสัยของคนอื่นหรือทัศนคติที่เป็นลบมากๆ ของผู้คนเหล่านั้นได้ยังไงทัศนคติของเขาจึงเป็นลบ

เพราะฉะนั้นท่านเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมต้องใจเย็นๆช้าๆได้พล้าเล่มงามแต่ไม่ได้ช้ามากตัวท่านนั่นแหละต้องเป็นคนเร่งสปีดของกระบวนการในการสอนคนให้เร็วที่สุด

คราวนี้ทัศนคติของเค้าเป็นลบ แล้วก็สูญเสียความมั่นใจในที่สุด ออกไปกำลังร้อนเลยถูกเบรกหัวทิ่มกลับมาเลย แม้แต่ญาติ หรือว่าเพื่อนสนิท ที่ผู้มุ่งหวังของท่านไปคุยด้วย ยังอาจคิดว่าตัวเค้าเองกำลังจะถูกหลอกให้เซ็นใบสมัคร

เพื่อที่ผู้มุ่งหวังของคุณจะได้เงิน แทนที่จะคิดว่า ตนเองกำลังจะเซ็นใบสมัคร เพราะผู้มุ่งหวังของคุณกำลังจะช่วยเขาให้สร้างธุรกิจของเขาเอง 

อย่าลืมนะครับว่า สปอนเซอร์ที่แท้จริงผู้อุปถัมภ์ที่แท้จริงต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยผู้อื่นก่อนช่วยเหลือตัวเอง

และหลังจากที่ทัศนคติของเขาต่ำกว่า 50 ล่ะจะเป็นยังไงท่านจะไปพบเขาอีกครั้งพร้อมกับตอบคำถามและข้อสงสัยที่ผู้มุ่งหวังของท่านตอบไม่ได้ ทำให้ทัศนคติของเค้าดีขึ้น

เค้าอาจจะอยู่ที่ประมาณ 70 คราวนี้ระดับทัศนคติของเขาจะอยู่เหนือระดับ 50 นานกว่าเดิมเห็นไหมว่าตัวอัพไลน์ สำคัญแค่ไหนเมื่อทีมงานจิตตก เราต้องเข้าไปปรับทัศนคติ

การที่ท่านต้องการให้ทีมงานของท่านมีทัศนคติที่ อัพ อัพ อัพ อัพ ขึ้นไปท่านจะต้องใช้แรงกระตุ้นขึ้นหรือสม่ำเสมอนั่นเอง เพราะแรงกระตุ้นขึ้นนั้นเป็นแรงกระตุ้นที่คงที่สม่ำเสมอไม่มีขึ้นๆ ลงๆ

แรงกระตุ้นขึ้น คือ ท่านมีผู้อุปถัมภ์ของท่านหรือสปอนเซอร์ของท่าน เราจะใช้ตัวย่อว่า SP.

สปอนเซอร์ของท่านจะช่วยสปอนเซอร์คนห้าคนให้กับท่าน พาท่านทำ สังเกตนะครับว่าเมื่อท่านสปอนเซอร์คนห้าคนได้ท่านจะมี 25 องศา

เพราะข้างล่างแต่ละคน 5 องศาแต่ระวังอย่าสปอนเซอร์คนมากเกินกว่าที่ท่านจะทำงานด้วยได้ การทำงานด้วยนั้นหมายถึงการทำงานด้วยประสิทธิภาพห้าคนพอแล้ว

มันพิสูจน์มาแล้วครับว่า ค่าเฉลี่ยของคนบนโลกนี้ดูแลทีมงานได้ไม่เกินสี่ถึงห้าสายงานต่อเดือน

คราวนี้ถึงคิวของท่านครับที่ต้องไปช่วย 5 คนนี้อุปถัมภ์คนของเขา เพื่อให้เขามีคนละห้าคน แต่ 5 องศาของพวกเขาคือ 10 องศาของท่านนะครับ คนทุกคนในระดับที่สองของท่านมีค่าเท่ากับ 10 องศา

เห็นไหมครับเมื่อสปอนเซอร์สอนท่านให้ท่านสปอนเซอร์คน ได้ห้า คนในชั้นแรกของท่านมีระดับทัศนคติอยู่ที่ 5 องศาแต่เมื่อเขาสปอนเซอร์ ห้าคนของเขาซึ่งเป็นชั้นที่สองของท่านคนในชั้นที่สองของท่านมีค่าเท่ากับ 10 องศา

สังเกตดูขอแค่ท่านช่วยคนคนเดียวให้มีห้าเรือทองของเค้าเอง ท่านก็มีระดับทัศนคติสูงกว่า 50 องศาแล้ว

ดูสิตัวท่านเนี่ยมีคนอยู่ข้างใต้ท่าน 55 องศาเลยทีเดียวนะ จากคนแรกมีห้า อีกห้าคนของคนแรกคนละ 10 เป็น 50 + 5 นั่นหมายความว่าถ้าท่านต้องการทำให้ใครหรือแม้แต่ตัวเองมีทัศนคติที่อยู่เหนือระดับ 50 ท่านจะต้องมีทีมงานหนึ่งสายที่สายนั้นมีห้าคนอยู่ใต้เค้าเรียบร้อยแล้ว พูดง่ายง่ายคือมีชั้นที่สองห้าคนเรียบร้อยแล้ว

สังเกตดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปหากท่านสอนให้เรือทองของท่านให้สอนให้เรือทองของเค้า ไปสอนคนอื่น

ระดับที่สามของท่านจะมีค่าเท่ากับ 20 องศา

ระดับที่สี่ของท่านจะเป็น 40 องศา

ยิ่งลึกเท่าไหร่ท่านยิ่งร้อนมากเท่านั้นตอนนี้ท่านเข้าใจแล้วหรือยังว่ายิ่งลึกยิ่งโต ยิ่งลึกยิ่งรวย

แต่ถ้าท่านไม่ลุกขึ้นมาสร้างทีมของท่าน ให้อยู่ในแนวลึกท่านก็จะค่อยๆ ตายกันไปเรื่อยๆ คนที่มีทัศนคติดีและเห็นภาพชัดเจนเท่านั้นที่จะอยู่

หนทางเดียวที่ท่านจะตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้ได้ดีที่สุดคือให้มันเกิดกับตัวท่านเอง เป้าหมายแรกของท่านเลยนะคือมีทีมงานที่ลึกลงไป

ชั้นที่สองอย่างน้อยมีห้าคน

เพราะฉะนั้นท่านจึงควรที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเรือทองของท่าน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเขาพวกเขาจะตื่นเต้นมาก แล้วเขาจะไม่เลิกทำธุรกิจกับท่านอย่างแน่นอน

ยกตัวอย่างเช่นนาย ก. อุปถัมภ์นาย ข. และนาย ข. อุปถัมภ์นาย ค. อยู่มาวันหนึ่งนาย ก.ได้รับโทรศัพท์จากนาย ค. ว่า

เขาออกไปอุปถัมภ์คนเอาจริงได้ห้าคนแล้ว ไม่เลวทีเดียวสุดยอดแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือทุกคนนับจากนาย ค. ขึ้นไปในสายงานนี้ จะตื่นเต้นหมดทุกคน

การที่ระดับความตื่นเต้นวิ่งขึ้นข้างบนแบบนี้เราจึงเรียกว่าแรงกระตุ้นขึ้นไง ท่านจำเป็นจะต้องช่วยเหลือคนของท่านให้ช่วยเหลือคนของเค้าอีกต่อไปเรื่อยๆ

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อท่านสปอนเซอร์ใครบางคนเข้ามาในธุรกิจ พวกเขาจะเป็นเรือเงิน เค้าตื่นเต้นก็จริงแต่ก็ยังไม่จริงจัง แต่ทุกคนอย่างน้อยต้องมีเพื่อนสักคนหนึ่งใช่ไหม?

ท่านต้องไปกับคนของท่าน แล้วก็ช่วยเค้าอุปถัมภ์เพื่อนเพื่อนของเขา ซึ่งอาจจะเข้ามาเป็นเรือเงิน อีกจงช่วยเหลือทีมงานต่อไปให้อุปถัมภ์คนเข้ามาในสายทางลึกต่อไปให้มันลึกลงไปอีก

สุดท้ายท่านจะต้องเจอเรือทองสักคนแหละ ในแนวลึกแบบรูปนี้ ท่านมาถึงปุ๊บท่านได้เรือเงิน เรือเงิน เรือเงิน 3 ชั้นเลย เสร็จแล้วท่านจะไปเจอเรือทองชั้นที่ 4 ข้างบนเป็นรางวัลหมดเลยนะ ท่านจะเจอเรือทองชั้นที่ 4

แล้วท่านก็ลงไปทำงานกับเขาอย่างจริงจังกระโดดไปทำงานกับเขาเลยสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการช่วยเหลือเรือทองลำนี้ เรือเงินข้างบนจะเปลี่ยนเป็นเรือทอง สุดยอดไหมครับ

นี่คือศิลปะธุรกิจเครือข่ายของพลังทวีคูณ ดีกว่าการขายของออนไลน์ ดีกว่าการขายคอร์สออนไลน์อย่างเดียว ดีกว่าการทำธุรกิจอย่างอื่นที่ไม่มีพลังทวีของทีม

และถ้าท่านทำงานกับเรือทองอย่างจริงจัง เรือเงินผู้ที่เป็นคนสปอนเซอร์เขาเข้ามา จะเจอเรือทองลำที่ 4 นะเมื่อเรือเงิน 3 ลำข้างบนเป็นคนสปอตเซอร์เข้ามา จะเริ่มเข้ามาสังเกต แล้วก็คิดว่า เฮ้ยย ฉันน่าจะทำอะไรสักอย่างแล้วนะ

ไม่มีวิธีไหนที่จะกระตุ้น ผู้คนให้ตื่นเต้นได้มากไปกว่าการที่มีใครบางคนใต้เขากำลังเอาจริงอยู่ นี่คือวิธีที่กระตุ้นคนทำให้คนในสายงานตื่นเต้นที่ทรงพลังที่สุดอันดับหนึ่งในธุรกิจเครือข่าย

นี่คือแรงกระตุ้นขึ้น เมื่อมีผลลัพธ์อยู่ข้างใต้ ข้างบนจะร้อนทันที

ท่านไม่ควรที่จะให้ผู้ที่ท่านพาเข้ามาในธุรกิจต้องพึ่งพาท่านเป็นระยะเวลายาวนาน ตัวของทีมงานเข้ามาก็ต้องพยายามเรียนรู้และพัฒนาตัวเองและเป็นอิสระจากอัพไลน์โดยเร็วที่สุด

เมื่อถึงจุดนี้คุณค่อยออกไปหาคนเอาจริงคนใหม่ต่อไป

ยกตัวอย่างเช่น สมมติคุณอุปถัมภ์นาย ก. เข้ามาในธุรกิจ คุณสอนนาย ก. ว่า “นาย ก. ครับ สมมติคุณเป็นดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์นั้นมีพลังงานสูงสุดกว่าทุกสิ่งที่เรารู้จัก” (พูดในทำนองชมเชยทางอ้อมเล็กน้อย)

แล้วคุณก็พูดต่อไปว่า “สมมติคนที่คุณอุปถัมภ์เข้ามาเหมือนกระทะใส่น้ำ” (อย่าเทียบตัวเองเป็นพระอาทิตย์ แล้วเทียบ นาย ก. เป็นกระทะใส่น้ำเข้าเชียวนะครับ)

ดังนั้นในกลุ่มของคุณ ก. ก็จะมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง คำถามครับ คุณว่าเมื่อไหร่น้ำในกระทะจะเดือด แม้ว่าคุณจะเอากระทะน้ำนี้ไปตั้งในทะเลทรายที่ร้อนที่สุดในปีนั้น น้ำก็ไม่เดือดหรอกครับ

น้ำต้องเดือดที่อุณหภูมิร้อยองศาเท่านั้น ไม่ใช่ 98 หรือ 99 มันต้อง 100 องศา

สมมติว่าทรรศนะคติของคุณเป็นร้อยองศาเลยนะครับ คุณสามารถพูดกับใครก็ได้เวลาไหนก็ได้เกี่ยวกับธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่ แต่คุณเองก็ไม่สามารถทำให้น้ำเดือดได้ ต่อให้ผู้ที่สปอนเซอร์คุณเข้าสู่ธุรกิจก็ทำ3ไม่ได้ครับ ไม่มีใครทำได้ ไม่มีแรงกระตุ้นแบบ "อ่างน้ำร้อน" ใดๆ จะทำให้น้ำเดือดได้

แม้ว่าผู้นำระดับสูงสุดของบริษัทคุณจะมาบรรยายในเมืองที่คุณอยู่ และคุณก็เข้าประชุมทุกครั้ง น้ำในกระทะก็จะไม่เดือด อย่างมากก็แค่ทำให้น้ำอยู่ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 50 องศา แต่อย่าลืมนะครับผู้ที่อุปถัมภ์คุณเข้ามาจะช่วยคุณ

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคุณรู้จักใครบางคนที่ผู้อุปถัมภ์คุณไม่รู้จักใช่ไหมครับ พาเขาไปกับคุณแล้วเขาจะช่วยคุณอุปถัมภ์เพื่อนของคุณ

เมื่อคุณอุปถัมภ์ใครบางคนได้ คุณกำลังเริ่มเผาก้นกระทะของคุณเองแล้วครับ เมื่อคุณอุปถัมภ์คนได้ 5 คนเมื่อไหร่ คุณจะมีเทียนห้าแท่งเผาไหม้กระทะของคุณอยู่ ห้าคน จำนวนคนที่เหมาะสมในการทำงานด้วย แต่ว่าน้ำก็ยังไม่เดือดนะครับ คุณมีแค่ 25 องศาเท่านั้น

แต่หากมีสามคนสร้างสายงานทางลึกได้สามชั้น

หรือมีสองคนสร้างสายงานทางลึกได้ 4 ชั้น

หรือมีเพียงคนเดียวสร้างสายงานทางลึกได้ 5 ชั้น น้ำก็จะเริ่มเดือด เพราะรวมกันได้ร้อยองศาแล้ว 

และเมื่อน้ำเดือดแล้ว ดวงอาทิตย์ (หรือผู้อุปถัมภ์) ก็สามารถจากไปได้โดยที่น้ำนั้นยังเดือดอยู่ เมื่อคุณแสดงบทเรียนนี้ให้กับใครบางคนไป แล้วคุณโทรหาเขา เขาจะเข้าใจเลยครับว่าคุณโทรมาเพื่อต้องการช่วยเขา มิได้ต้องการไปเร่งหรือกดดันเขา

คุณต้องการจะดูซิว่าจะสามารถจุดเทียนเล่มไหนได้อีกบ้างคุณต้องการช่วยให้น้ำของเขาเดือด ยิ่งคุณลงลึกเท่าไหร่ คุณจะยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น

ไม่จำเป็นว่าบุคคลแรกที่น้ำเดือดจะต้องเป็นคนแรกที่คุณอุปถัมภ์เข้ามาในธุรกิจนะครับ คนแรกที่เดือดคือคนแรกที่เอาจริงและสร้างองค์กรทางลึกของเขาเอง


ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

กดแชร์เก็บไว้อ่านหรือแบ่งปันได้ที่นี่
Click Here to Leave a Comment Below 0 comments