by เชษฐวิทย์ สิงขร | Jan 28, 2020 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
น้องควรทำธุรกิจเครือข่ายอะไรดี เพราะในปัจจุบันมีธุรกิจเครือข่ายมากมาย เต็มไปหมดเลย น้องเป็นคนลาวอายุ 20 ปี แต่มีความชอบในธุรกิจเครือข่าย
อยากทราบว่าจะเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายบริษัทไหนดีเพราะมีเต็มไปหมดเลย ดูแล้วก็ดีไปหมดเลย
วีดีโอ “ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม”
หนังสือเสียง
“ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม”
สารบัญเนื้อหา
“ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม” หลักการข้อที่ 1 บริษัทจดทะเบียนถูกต้อง และเปิดมามากกว่า 5 ปี หลักการข้อที่ 2 สินค้าดี มีความจำเป็นต้องใช้ และต้องซื้อซ้ำ หลักการข้อที่ 3 แผนการจ่ายผลตอบแทนคุ้มค่าและยุติธรรม หลักการข้อที่ 4 ต้องมีระบบที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ หลักการข้อที่ 5 มีผู้นำที่ดี
กมลเวช เมืองศรี:
สวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้ผมกับอาจารย์เชษฐวิทย์ ได้รับคำถามเยอะแยะมากมายที่ส่งเข้ามาถึงเรา เราก็เลยเข้ามาตอบคำถามในช่องทาง Social Media เพื่อที่จะให้ทุกๆท่านที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ในการพัฒนาตนเองเพื่อที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ ได้เจอกับช่องทาง ในการแก้ไขปัญหาของท่านที่มีอยู่
อาจารย์เชษฐวิทย์ วันนี้มีคำถามอะไรบ้างครับ
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มีคำถามหลายคำถามที่อยากจะรู้อยากจะทราบ เรื่องราวต่างๆหลังจากที่ได้ศึกษาเรียนรู้กับอาจารย์กมลเวช กูรูทางด้าน MLM Online เรามาเริ่มกันเลยที่คำถามแรก
จากผู้ที่เรียกตัวเองว่าน้องมีคำถามว่า น้องควรทำธุรกิจเครือข่ายอะไรดี เพราะในปัจจุบันมีธุรกิจเครือข่ายมากมาย เต็มไปหมดเลย น้องเป็นคนลาวอายุ 20 ปี แต่มีความชอบในธุรกิจเครือข่าย นี่คือคำถามครับ
กมลเวช เมืองศรี:
คุณอิ๊บ พี่น้องจาก สปป.ลาว ที่ได้ส่งคำถามมาถึงเรา และอยากทราบว่า จะเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายบริษัทไหนดี เพราะมีเต็มไปหมดเลย ดูแล้วก็ดีไปหมดเลย
ผมเชื่อว่าก็เป็นเหมือนหลายๆ ท่านที่กำลังมองหาช่องทางธุรกิจ และอยากจะเลือกบริษัทที่เวิร์ค ที่ถูกต้อง
เราก็เคยมีประสบการณ์ในการเลือกบริษัทที่ไม่ดี และสิ่งที่ตามมาคือ
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มีปัญหาต่างๆ และบริษัทบางครั้งก็ทำไม่ดีกับนักธุรกิจ หรือบางทีไปต่อไม่ได้เพราะมีปัญหาในการสร้างทีม
กมลเวช เมืองศรี:
ผมขออนุญาตแบ่งปันอย่างนี้นะครับ มันมีหลักการในการเลือกธุรกิจเครือข่าย อยู่ ผมจะเอามาแนะนำให้ท่านรู้ว่าถ้าท่านจะเลือก ธุรกิจเครือข่ายบริษัทหนึ่ง เราควรจะใช้หลักการอะไรเพื่อให้รู้ ว่าบริษัทที่เราเลือกไปนั้น มันจะเวิร์คสำหรับเรา คือทำแล้วได้เงินได้เลื่อนตำแหน่ง มี Passive Income และสินค้าดีด้วย
1
หลักการข้อที่ 1
บริษัทจดทะเบียนถูกต้อง และเปิดมามากกว่า 5 ปี
เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าจดทะเบียนไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อไม่ตรง สินค้าไม่ตรง ระมัดระวังเลยนะครับ จะกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะเขาอาจจะไปสวมกับทะเบียนคนอื่น ซึ่งมันมีเยอะมาก เราต้องระวัง
แล้วถ้าเกิดบริษัทนั้นกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขึ้นมาจริงๆ แล้วเราแนะนำคนไปเยอะ เราจะกลายเป็นโดนหางเลขด้วยทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องด้วยเลย เพราะกฎหมายจะเอาผิดกับผู้นำด้วย
และบริษัทนั้นจะต้องเปิดมาแล้วมาก กว่า 5 ปี เห็นด้วยไหมครับ
เชษฐวิทย์ สิงขร:
เห็นด้วยครับเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า บริษัทเปิดมาแล้วจริงจังกับธุรกิจ ไม่ใช่เปิดมาเพื่อที่จะหลอกเอาเงินเรา
กมลเวช เมืองศรี:
ใช่ เป็นคำแนะนำที่ถูกต้องมาก เพราะอะไรบริษัทนั้นควรจะมีอายุเกิน 5 ปี
แล้วมาเข้าตอนนี้มันไม่ช้าไปเหรอ จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวมันยังมีโอกาสอีกมาก
ถ้าท่านต้องการจะสร้างธุรกิจแล้วให้ประสบความสำเร็จ และบริษัทจะจ่ายเงินให้ท่านไปตลอดชีวิตโดยไม่ปิดไปก่อน ในวงการธุรกิจเครือข่ายนะครับทุกท่าน บริษัทที่เปิดใหม่ๆ มักจะอยู่รอดไม่เกิน 5 ปี
และถ้าบริษัทอยู่ไม่รอดเกิน 5 ปี และปิดตัวไปก่อน หนีไปก่อน หรือแจ้งไปก่อน
องค์กรที่ท่านสร้าง รายได้ที่ท่านสร้าง สมมุติว่าท่านสร้างรายได้มากกว่าแสนบาทต่อเดือนแล้ว แต่ถ้าบริษัทปิดไปรายได้ท่านก็จะหายหมดเลย เพราะฉะนั้นไม่น่าเสี่ยงเด็ดขาด
เชษฐวิทย์ สิงขร:
เราเคยเจอมาเหมือนกันนะครับ บริษัทใหม่ที่เราทำไม่ถึงปีก็ปิดไปเสียแล้ว นี่คือประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันกัน ท่านจะต้องระวังไว้
กมลเวช เมืองศรี:
คือ บริษัทใหม่ๆ นั้นมันดูดีมาก เปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการ มีสินค้าเทพ แผนการจ่ายผลตอบแทนยิ่งเทพ พวกนี้น่ากลัวมากผมบอกเลยครับ ระมัดระวังให้ดี อะไรที่จ่ายเยอะเกิน ไม่น่าเชื่อว่าจะจ่ายได้ขนาดนี้ให้ระมัดระวังให้ดี
เขาเรียกว่า Over Play แล้วก็จ่ายไม่ไหว จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ คือ ไปเอาเงินจากคนใหม่มาจ่ายให้คนเก่า
2
หลักการข้อที่ 2
สินค้าดี มีความจำเป็นต้องใช้ และต้องซื้อซ้ำ
สินค้าจะต้องดี และเป็นสินค้าที่ผู้คนจำเป็นจะต้องซื้อใช้ซ้ำทุกเดือน
เพราะธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการซื้อซ้ำ ถ้าท่านสร้างธุรกิจเครือข่ายและสินค้านั้นซื้อซ้ำได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น เตียงแม่เหล็ก โค้ชแนม จะซื้อเตียงแม่เหล็กทุกเดือนไหม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ไม่หรอกครับซื้อครั้งเดียวแล้วใช้ไปตลอดชีวิต
กมลเวช เมืองศรี:
เพราะฉะนั้นบริษัทเครือข่ายใหญ่ๆ ก็มาจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ประจำวัน สบู่ยาสีฟัน อาหารเสริม ครีมทาหน้า สินค้าพวกนี้คือคนต้องใช้ทุกวัน
แต่มันจะแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ จำเป็นต้องใช้ และไม่จำเป็นต้องใช้ ยาสีฟันจำเป็นใช่ไหม อาหารเสริมราคาแพงแพงจำเป็นไหม สินค้าจะต้องดีผู้บริโภคใช้แล้วประทับใจ ใช้แล้วเห็นผล
เชษฐวิทย์ สิงขร:
จากประสบการณ์ถ้าสินค้านั้นดี และประหยัดมากกว่าท้องตลาดจะทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตได้อย่างยั่งยืน
กมลเวช เมืองศรี:
ถ้าสินค้าแพงเกินไป จะมีผลหรือไม่
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มีผลครับเพราะถ้าสินค้าแพงใช้แล้วหมดไปก็จะต้องซื้อใหม่อีกแล้ว ก็จะต้องลงทุนซื้อสินค้านั้นทุกๆเดือน จะทำให้ลงทุนเยอะเกินไป
3
หลักการข้อที่ 3
แผนการจ่ายผลตอบแทนคุ้มค่าและยุติธรรม
กมลเวช เมืองศรี:
แผนการจ่ายผลตอบแทน เรื่องรายได้สำคัญมากใช่ไหม แล้วเราจะเลือกอย่างไรว่าแผนไหน ดีแผนไหนไม่ดี แล้วเหมาะกับเราหรือไม่
ท่านต้องเลือกประกอบการตั้งแต่ข้อแรก มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีรายได้หลักแสนหลักล้านต่อเดือนบ้างหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าแผนธุรกิจบริษัทนั้นใช้ได้ ผู้คนยังไม่เลิก และยังขึ้นตำแหน่งอยู่ มีคนออกรถใหม่ซื้อบ้านใหม่
คือดูประกอบการว่าบริษัทนี้จ่ายผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ และทีมงานต่างๆ โตขึ้นหรือไม่ เพราะเรื่องของผลตอบแทนนั้นสำคัญมาก
เมื่อโย’กับข้อหนึ่งแล้ว ท่านสร้างธุรกิจไป ถ้าบริษัทนั้นมีแผนทำให้จ่ายเงินเยอะจน Over Pay สุดท้ายก็ไม่มีเงินจ่ายปิดตัวไป กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ไปเลย
เพราะฉะนั้นจำไว้นะครับว่า บริษัทเครือข่ายที่เติบโตในทุกวันนี้ ส่วนมากจ่ายค่าคอมมิชชั่นไม่เกิน 8 ถึง 12 เปอร์เซ็นต์
จะเป็นแผนกี่ข้อก็ตามเมื่อคำนวณแล้ว แทบทุกบริษัทจะจ่ายเท่านี้ทั้งสิ้น ถ้าท่านกำลังพิจารณาแล้วผ่าแผน ท่านลองดูว่าเมื่อจ่ายเงินแล้วรวมทั้งหมดจ่ายออกมากี่เปอร์เซ็นต์
อย่าไปเชื่อเรื่อง 50% นะครับ มันเป็นแค่บางข้อเท่านั้น
ถ้าบริษัทเหล่านั้นจ่ายประมาณเท่านี้ผมเชื่อว่าเขาอยู่ได้ โค้ชแนม เจอบริษัทที่จ่ายแรงจ่ายเร็วแล้วหายไปมีบ้างไหมครับ
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มีครับ เป็นบริษัทเปิดใหม่นี่แหละครับ แล้วก็มาโฆษณาชวนเชื่อ เลยทำให้ผู้คนเข้าไปและหลงเชื่อ
คนแรกๆอาจจะได้ ก็มองเห็นว่าคนแรกได้แต่ในท้ายที่สุดแล้ว บริษัทจ่ายเยอะเกินไปทำให้จ่ายไม่ไหวบริษัทก็มีปัญหา มีบริษัทแบบนี้เยอะมาก
กมลเวช เมืองศรี:
ต้องระมัดระวังนะครับเราเคยมีประสบการณ์มาก่อน เราเคยเลือกผิดเช่นเดียวกันแล้วพอเราเลือกผิด กลับกลายเป็นว่าเราดูเหมือนจะไปหลอกคนด้วย แต่เราไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนั้น
แต่พอบริษัทปิด คนที่อยากมาทำธุรกิจกับเรา ก็คิดว่าเราคือคนทำผิดไปด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังมากๆ
4
หลักการข้อที่ 4
ต้องมีระบบที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้
ข้อนี้สำคัญมาก ให้ดูระบบ ว่าระบบของคนที่มาชวนท่าน ว่าเขามีระบบที่จะสามารถพัฒนาตัวท่านในการทำธุรกิจเครือข่าย
และมีระบบที่จะสนับสนุนให้ท่านประสบความสำเร็จง่ายขึ้นหรือไม่ ผมเชื่อว่าโค้ชแนม น่าจะแยกแยะระหว่าง
องค์กรที่ไม่มีอะไรเลยมีแต่คำคุยโฆษณาว่าแผนดีที่สุด พอสมัครเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะสอนอะไร
กับองค์กรที่มีระบบดีจริงๆ พัฒนาคนเป็นขั้นเป็นตอนเข้าใจวิธีเชิญคน เข้าใจการสปอนเซอร์คน โค้ชแนม ว่ามันแตกต่างกันเยอะไหม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
แตกต่างกันเยอะมาก ผมผ่านธุรกิจเครือข่ายมามากกว่า 10 ปี ระบบในสมัยนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน คือ ระบบการเรียนการสอน
ในสมัยก่อนเขาจะเรียกว่าเซ็นเตอร์ ซึ่งเราจะต้องไปเรียนที่เซ็นเตอร์ เป็นโรงเรียนสอนธุรกิจ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไร เขาสอนแล้วเราเข้าไปเรียนรู้แล้วก็นำไปลงมือทำ นั่นคือระบบในสมัยก่อน
แต่ในปัจจุบันนี้เรามีระบบเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากมาย เรามีระบบที่ทันสมัย
กมลเวช เมืองศรี:
ถ้าเอาตามหลักการที่ถูกต้อง เราควรจะเอาไปใช้ในออนไลน์ด้วย เพราะผู้คนบนโลกออนไลน์ก็คือผู้คนแบบเรานี่แหละ แค่ถือโทรศัพท์และก็เข้าไปในโลกออนไลน์
เราจึงสามารถทำการตลาดออนไลน์ ช่วยค้นหาผู้มุ่งหวังที่ใช่ ที่เขาอยากจะทำธุรกิจเครือข่ายแล้วก็นำเข้าสู่ระบบของเรา
ท่านต้องตรวจสอบให้ดีถามผู้สปอนเซอร์ของท่าน ว่ามีระบบสอนการเชิญคนมาดูอากาศ ไหม
มีระบบสนับสนุนในการสปอนเซอร์ หรือไม่ มีการบรรยายทุกสัปดาห์หรือไม่ อัพไลน์สามารถจะพาผู้สมัครใหม่ไปสปอนเซอร์ทีมงานใหม่ๆ ได้หรือไม่ แล้วสอนอย่างไร
ถ้าท่านไม่รู้ ขอให้ท่านดูวีดีโอเก่าๆของเรา ที่เราสอนอย่างละเอียดว่าจะต้องเริ่มต้นธุรกิจเครือข่าย 1 2 3 4 อย่างไร ถ้ายังไม่เคยดูคอมเมนต์ลงไปนะครับว่าขอดูวีดีโอเหล่านี้ หรือคลิกลิงก์ ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ ก็จะพาให้ท่านไปดูวิธีการที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายประสบความสำเร็จ
ถ้าไม่มีระบบท่านจะทำงานลำบาก คือจะต้องเรียนรู้และลุยเอาเอง จงหาทีมที่มีระบบที่ดี
5
หลักการข้อที่ 5
มีผู้นำที่ดี
สำคัญมากเลยนะครับว่า ทีมที่มาสปอนเซอร์ท่านมีผู้นำสัก 1 คนไหม ที่รู้จริงประสบความสำเร็จจริงแล้วสามารถสอนให้ท่านรู้จริง และประสบความสำเร็จจริงๆ ด้วย
โค้ชแนมเคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับคนที่ มาใหม่ๆทั้งคู่ไม่รู้จะทำอะไรเคยมีบ้างไหม และเป็นอย่างไรบ้าง
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มีครับคือเราเองก็ไม่รู้ว่าจะสอนเขาอย่างไร และเริ่มต้นอย่างไรสุดท้ายก็เลิกกันไปทั้งคู่ แบบนี้จบเลยนะครับแต่มีวิธีแก้
กมลเวช เมืองศรี:
วิธีแก้นั้นง่ายนิดเดียว ไม่จำเป็นว่าผู้แนะนำ จะต้องเก่งทุกคนนะครับ แต่ควรจะมีผู้นำสัก 1 คนในสายงานที่เขารู้จริงในการช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จ ให้ดูคนที่มาสปอนเซอร์ท่านก่อน ว่าเขาจะสามารถช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จบ้างได้ไหม สอนได้หรือไม่ แนะนำได้หรือไม่ แล้วตัวท่านเมื่อเข้าไปทำธุรกิจ จะทำได้หรือไม่ ถ้าท่านทำงานร่วมกับเขาเหล่านั้น
จากประสบการณ์ในธุรกิจแรกของผม ผู้สปอนเซอร์ของผมค่อนข้างใหม่เช่นเดียวกัน และไม่ได้สอนอะไรมากเท่าไหร่นัก ทำให้ผมต้องดิ้นรนมากในการเรียนรู้ และวิธีการในองค์กรนั้นเป็นวิธีการที่ทำงานได้ยาก เติบโตได้ช้ามาก คนใหม่อย่างเราพอผ่านไป 3 ปี ก็ไปไม่รอด เพราะว่าเมื่อทำได้ยากใช้เวลาเยอะต้นทุนไม่มากพอก็ไปต่อไม่ได้
เพราะฉะนั้นผู้นำสำคัญมาก ถ้าท่านเจอกับผู้นำที่เขารู้จริง เชี่ยวชาญจริงเก่งจริง พร้อมจะสอนท่านด้วย ขอให้ท่านยึดเอาผู้นำนั้นเป็นหลัก ถามเขาเลยว่าถ้าผมมีคำถามหรือข้อสงสัยหลังจากเข้าร่วมธุรกิจ พร้อมที่จะสอนผมหรือไม่ ต้องให้เขารับปากนะครับ ส่วนมากแล้วตอนที่เรายังไม่สมัครเขาจะทำอย่างไร
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ก็ชวนโน้มน้าวอย่างไรก็ได้ให้เราสมัครไว้ก่อน รับปากทุกอย่างแต่พอสมัครแล้วอีกเรื่องนึงเลยครับ พู้แนะนำที่ไม่ดีนะครับพอสมัครเสร็จเขาก็ปล่อยให้เราหากินเองแล้วเขาก็ไปหาคนใหม่
กมลเวช เมืองศรี:
ตรงนี้สำคัญมากนะครับโค้ชแนม เป็นเรื่องของ mindset ธุรกิจเครือข่ายไม่ได้สิ้นสุดตอนที่สมัครคนได้นะครับ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นก้าวแรก ถ้าใครก็ตามที่คิดว่าธุรกิจเครือข่ายพอชวนคนได้แล้วจบไม่ใช่เลยนะครับเป็น mindset ที่ผิดมากองค์กรล้มแน่นอน
ธุรกิจเครือข่ายเริ่มต้นได้เมื่อผมพยายาม Sponsor คน แล้วคนๆ นั้นตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับผม นั่นหมายความว่า ท่านได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ท่านจะสอนทุกอย่างที่จะช่วยให้เขาเข้าใจธุรกิจ สินค้า แผน วิธีการสมัคร วิธีการสปอนเซอร์คน วิธีการขยายองค์กร ท่านต้องพร้อมสอนสิ่งจำเป็นเพื่อให้เขาสำเร็จถ้าท่านไม่พร้อมแล้วถ้าสมัครเขาเข้ามาเท่ากับท่านหลอกกินเงินเขา
เชษฐวิทย์ สิงขร:
แล้วเราจะทำอย่างไรถ้าเราสมัครกับผู้ที่ยังไม่พร้อม
กมลเวช เมืองศรี:
ให้ถามว่ามีอัพไลน์สูงขึ้นไปอีกระดับหรือไม่ เราสมัครกับนายเพราะเชื่อใจนาย เรียนมาด้วยกันเป็นเพื่อนซี้กัน เชื่อว่าไม่หลอกฉันแน่นอน แต่เราก็ไม่ทั้งคู่คนที่ชนนายเป็นใครพาไปรู้จักแล้วฉันจะถามวิธีการทำธุรกิจ
ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์จำไว้นะครับฉันจะต้องมีหน้าที่ในการแนะนำอัพไลน์สูงขึ้นไปอีก 3 ถึง 5 ชั้นต้องแนะนำให้ทีมงานใหม่รู้จัก พร้อมกับเบอร์ติดต่อเพราะธุรกิจเครือข่ายคือธุรกิจที่ผู้คนที่มาก่อนพร้อมจะช่วยคนที่มาทีหลัง แต่ถ้าไม่มีใครสามารถช่วยท่านได้แสดงว่าท่านมาผิดองค์กรแล้วครับ
เพราะฉะนั้นการเลือกผู้นำสำคัญมาก
เชษฐวิทย์ สิงขร:
มันจะชี้ชะตาเลยว่าเราจะสำเร็จหรือล้มเหลวถ้าผู้นำที่ดีเขาจะพาไปเราไปสู่ความสำเร็จ
กมลเวช เมืองศรี:
วีดีโอนี้มีคุณค่ามากนะครับเราจะเอาคำถามที่พบบ่อย แล้วเห็นว่าดี ถ้าตอบคำถามแล้ว ช่วยให้ชีวิตผู้คนแก้ไขปัญหาให้ชีวิตดีขึ้น เราก็จะมาพบกับท่านอีก
เชษฐวิทย์ สิงขร:
จะได้ความรู้จากประสบการณ์ที่เราสองคนเคยทำมาก่อน ทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลว ท่านจะได้ไม่ต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางครั้งการเรียนรู้ด้วยตัวเองก็สำคัญมาก แต่ถ้าท่านมาฟังเราสองคน ท่านจะได้เรียนลัดก้าวข้ามความล้มเหลวไปได้เลย และประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี
MLM Attraction Blueprint 2.0
“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”
“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”
by เชษฐวิทย์ สิงขร | Jan 23, 2020 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
วันนี้มีคำถามมาว่า อาจารย์ครับผมอยากรู้ว่า การที่เราจะทำให้คนสนใจสินค้าของเรานั้น อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ? นี่คือคำถามแรก
คำถามต่อมานะครับ และถ้าเป็นโอกาสทางธุรกิจของ MLM ล่ะครับ เราสามารถทำการตลาดได้ไหมครับ?
วีดีโอ “ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจของเรา?”
หนังสือเสียง
“ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจของเรา?”
นี่คือเนื้อหาที่จะพูดถึงในบทความนี้:
จะโปรโมทนำเสนอสินค้าอย่างไร และ จะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เครือข่ายอย่างไร 1.ใครคือกลุ่มผู้มุ่งหวังของเรา? 2.กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง? 3.ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร? 4.ท่านต้องพัฒนาและเรียนคอร์สอะไร?
เชษฐวิทย์ สิงขร:
สวัสดีครับวันนี้เราก็มีคำถามมาอีกเช่นเคย วันนี้มีคำถามมาจาก คุณณัฐนันท์ อาจารย์ครับผมอยากรู้ว่า การที่เราจะทำให้คน สนใจสินค้าของเรานั้น อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ?
นี่คือคำถามแรก ต่อมานะครับ คุณณัฐนันท์ ถามอีกว่า และถ้าเป็นสินค้าที่อยู่ในแผนการตลาดของ MLM หรือโอกาสทางธุรกิจ ล่ะครับ เราสามารถทำการตลาดสินค้าได้ไหมครับ?
กมลเวช เมืองศรี:
ขอบคุณครับโค้ชแนมและคุณณัฐนันท์นะครับ เป็นคำถามที่ดีมากทุกคำถามที่ส่งมา เป็นคำถามที่ดีมากเพราะมันจะช่วยให้คุณณัฐนันท์ แก้ปัญหาได้ และความรู้ที่เราแบ่งปันไป จะช่วยคนอื่นได้ด้วย ขอชื่นชมที่ส่งคำถามมา อันนี้ inbox มาเลย
ตอบคำถามแรกก่อน เราจะทำอย่างไรให้คนสนใจสนใจสินค้าเรา
คำตอบของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ ทำการตลาดให้เป็น เพราะหัวใจสำคัญที่สุด ในการที่จะทำให้นักธุรกิจคนหนึ่ง ขายสินค้าได้ถล่มทลาย ขายบริการต่างๆได้มากมาย แม้แต่โอกาสทางธุรกิจแล้วก็ถือว่าเป็นสินค้านะ เพราะเราต้องขายไอเดียให้คนตัดสินใจซื้อ หรือมาทำธุรกิจกับเรา ถูกไหม
MLM ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ถือเป็นสินค้าทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นถ้าท่าน อยากทำให้คนมาสนใจทั้งสินค้าที่ท่านขาย และโอกาสทางธุรกิจ ท่านต้องโฟกัสในเรื่องของการทำการตลาด ทีมเวิร์ค ออกไปให้กับคนได้เห็นข้อความเห็นสื่อ หรือเห็นไอเดียที่ท่านต้องการนำเสนอ ผมแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ดังนี้
จะโปรโมทนำเสนอสินค้าอย่างไร และ
จะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เครือข่ายอย่างไร
สมมุติว่า คุณณัฐนันท์ มีสินค้ามาชิ้นหนึ่งเช่นเป็นครีม สกินแคร์ ดูแลผิวหน้า หรือว่าผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริม
ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าของเรา ในหลักการตลาด ทั้งทางด้านออฟไลน์ และอย่างยิ่งทางออนไลน์ คำถามสำคัญอย่างแรกที่เราจะต้องถาม ตัวเองก็คือ
1.ใครคือกลุ่มผู้มุ่งหวังของเรา?
การที่เรามีสินค้า ยกตัวอย่างสินค้าดูแลความสวยงาม ถ้าคุณณัฐนันท์เจาะว่าทุกคนต้องการสินค้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ชายอายุระดับเราจะ 50 กันแล้วเนี่ยนะ สายลุยที่ไม่เคยสนใจครีมทาหน้าคิดว่าจะมีโอกาสขายได้บ้างไหม น่าจะยาก แต่ก็พอมี
แต่กลับกันถ้าเราทำการบ้านเพิ่มสักนิด แล้วถามตัวเองว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา ระหว่างผู้ชายลุยๆเข้าป่า กับสุภาพสตรี ที่ต้องแต่งงานรักสวยรักงาม อยากมีคนสนใจ อยากมีคู่
คิดว่าจะขายครีมเหล่านี้ให้กับใครได้ง่ายกว่ากัน สุภาพสตรีอยู่แล้ว พอเริ่มแตกเนื้อสาวก็จะเห็นสารพัด แป้งแต่งตัว มีคำกล่าวไว้ว่า ผู้หญิงเนี่ย สวยเท่าไหร่ ก็ยอมฉันขอสวยไว้ก่อน ขอซื้อขอจ่ายทุกอย่าง เพื่อให้ลดน้ำหนักให้หุ่นดี
เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งคำถามไว้ก่อนว่า ใครคือผู้มุ่งหวังของเรา แล้วตั้งให้มันละเอียดที่สุด
ดูว่ามีกลุ่มไหนบ้าง กลุ่มผู้หญิง ถ้าเรามีสินค้าลดน้ำหนัก เราเจาะกลุ่มใครได้บ้าง กลุ่มคนน้ำหนักเกิน กลุ่มคนที่ป่วยเนื่องจากมีน้ำหนักเกิน หรือถ้าเราเจาะให้ลึกอีก กลุ่มคนที่มีลูกน้ำหนักเกิน นี่เป็นการเจาะลงไปเห็นไหมครับ
เราไม่ได้เจาะแค่คนอ้วน บางทีเป็นพ่อแม่ เราไม่เจาะกลุ่มเด็กเพราะเด็กยังไม่มีเงิน แต่จริงๆแล้วพ่อแม่ที่มีลูกอ้วนเขามีความกังวลนะครับ แล้วเขาเป็นคนที่จ่ายเงินซื้อ
เพราะฉะนั้นคำถามแรกผมเชื่อว่าทุกท่านที่ดูอยู่ เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเราออกมา แล้วเจาะ ลงไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เรารู้ว่า เราจะทำการตลาดให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ สนใจสินค้าของเราได้อย่างไรบ้าง เพราะเรารู้แล้วว่าจะเจาะกลุ่มไหน แล้วกลุ่มคนสมมุติว่าเป็นสาววัยรุ่นกับสาววัยทำงาน มาดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง
2.กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง?
ถ้าบนโลกออฟไลน์ เขาไปอยู่ที่ไหน สยามสแควร์ใช่ไหม ตามห้างใช่ไหม ถ้าเขาจะเห็นโปสเตอร์ขายครีมทั้งหลายก็จะอยู่แถวนั้น หรือไม่ก็ตามรถไฟฟ้ารถเมล์ ที่แบรนด์ต่างๆพยายามทำโฆษณา
เพราะมันการันตีว่าสาววัยรุ่นกับสาวออฟฟิศจะต้องขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถเมล์ติดคัทเอาท์ตามอนุสาวรีย์ตามสี่แยกต่างๆ เพื่อให้คนกลุ่มนี้เห็น
กลุ่มหนุ่มใหญ่อย่างเราไม่ค่อยสนใจหรอกครีมเหล่านี้ แต่เราก็เห็นด้วยอันนั้นคือแบบแนวกว้าง แต่ถ้าในโลกออนไลน์ใน Facebook ใน YouTube ใน Google มันสามารถกำหนดได้เลย เพศอะไรจะเห็น อายุเท่าไหร่ ชอบอะไร
เชษฐวิทย์ สิงขร:
เรากำหนดได้เลยครับจากในโปรไฟล์ ของ Facebook
กมลเวช เมืองศรี:
เวลาเราลงโฆษณา ใน Facebook หรือว่า YouTube เรากำหนดได้เลยว่าเราจะเจาะ กลุ่มไหน มันยิ่งทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินให้กับคนที่ไม่ใช่
อย่างเช่นไปติดคัทเอาท์อยู่กลางอนุสาวรีย์ รายจ่ายเดือนละ 20,000 บาท มันจ่ายเพื่อ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเห็นด้วย
แต่ถ้าเราเจาะกลุ่มออกไปว่า เขาอยู่ใน Facebook พวกที่ชอบเล่นไอจีแล้วเราทำการตลาดไปเจาะกลุ่มนี้ในสถานที่ที่ถูกต้อง ในสิ่งที่เขาชอบ มันจะทำให้ท่านลดงบประมาณลงเยอะ แล้วเจาะกลุ่มคนได้ง่ายขึ้น และเจาะแต่กลุ่มคนที่ใช่
หลังจากที่เรารู้แล้วว่า ใครคือผู้มุ่งหวังแล้วเขาอยู่ที่ไหน คำถามสำคัญที่ 3 ที่เราทุกคนต้องถามตัวเองเสมอเวลาจะขายอะไรก็ตามว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร
3.ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร?
ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร แล้วสินค้าของเราจะช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นแก้ปัญหาได้อย่างไร
ยกตัวอย่างว่า ขาข้างหนึ่งของเรา อยู่ในวงการธุรกิจออนไลน์ ขาข้างหนึ่งของเราอยู่ในวงการธุรกิจเครือข่าย
ผมจะพูดถึงเรื่องโอกาสทางธุรกิจแล้วนะ ครับ เพราะคุณณัฐนันท์ถามมาว่า แล้วเราจะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายอย่างไร ให้เหมือนกับสินค้าตรงนั้น
ผมก็จะดูครับว่ากลุ่มเป้าหมายของคนที่จะทำธุรกิจเครือข่ายคือใคร เพศไหนก็ได้ใช่ไหม ชายหญิงได้หมด แต่อายุต้องมากหน่อยไหม หรือว่าอายุน้อยก็ทำแล้ว
เชษฐวิทย์ สิงขร:
เดี๋ยวนี้อายุ 17-18 ก็ทำแล้วครับ
กมลเวช เมืองศรี:
แสดงว่ากว้างมากเลย 50 ทำไหม ก็ยิ่งทำนะครับ 60 แล้วก็เคยเห็นนะ เพราะฉะนั้นมันกว้างมาก
เรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร แล้วเขาอยู่ชอบอยู่ที่ไหน กลุ่มคนกลุ่มนี้ก็กว้างมาก บนอินเตอร์เน็ตอยู่ไหมอยู่ โฆษณาทีวีอยู่ไหม อยู่ เขาเล่น Google เล่น YouTube ไหมก็เล่นนะ facebook เขาก็เล่นนะ
เพราะฉะนั้นเลือกแพลตฟอร์มที่ท่านถนัดที่สุด แล้วก็เจาะกลุ่มลงไป ว่าท่านจะเจาะกลุ่มใคร
สมมุติว่าท่านคิดว่าเด็กคงไม่มีเงินลงทุน เพราะว่าธุรกิจของท่านลงทุนประมาณ 80,000 บาท สมมุติ เด็กอายุ 18 นี่หายากแต่ถ้าเจาะระดับ 35 หรือ 40 หรือ 50 อัพ นั่นจึงจะมีจริงไหมโค้ชแนม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ใช่เพราะทำงานแล้วมีรายได้
กมลเวช เมืองศรี:
เพราะเราลงโฆษณา เราสามารถเจาะได้เลยว่า เป็นผู้หญิง ผู้ชาย การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีความชื่นชอบในเรื่องของการทำธุรกิจจากที่บ้าน อายุ 35 40 หรือ 55 ยิ่งแคบยิ่งดีนะ เพราะเจาะกลุ่ม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
เลือกสถานที่ได้ด้วยนะครับ
กมลเวช เมืองศรี:
สมมุติเราอยู่กรุงเทพฯ อยากสร้างทีมจากกรุงเทพฯ เราก็เจาะ แต่กรุงเทพฯ
สมมุติเราอยู่เชียงใหม่ก็เจาะแต่เชียงใหม่ได้เลย ถ้าเราไม่เจาะกลุ่ม จะกลายเป็นว่าเราอยู่เชียงใหม่แต่ได้ทีมงานอยู่ปัตตานี ดูแลยากหน่อยนะครับ
ที่โค้ชแนมพูดมาถูกต้องเลยคือสามารถกำหนด target กลุ่มเป้าหมายได้หมด
ตอนนี้เรารู้กลุ่มเป้าหมายคือใคร เรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เราต้องมาถามว่า ความท้าทายความเจ็บปวดปัญหาของเขาคืออะไร และสินค้าของเราจะแก้ได้อย่างไร
สมมุติว่าผมมี คอร์สสอนวิธีการใช้อินเทอร์เน็ต ในการเข้ามาช่วยขยายธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ขายตรงประกันชีวิต ผมทำคอร์สนี้ขึ้นมาเพราะผมรู้ว่า
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของคนในวงการนี้คือ
ทำการตลาดไม่ค่อยเป็น
ไม่มีประสบการณ์
ทำรายชื่อใหม่ๆไม่ค่อยเป็น
มีแต่รายชื่อเก่าๆ ที่ลิสต์แล้วจากบริษัทที่แล้ว แล้วก็โทรจนช้ำหมดแล้ว
พอบริษัทนั้นไม่สำเร็จก็เปลี่ยนบริษัท แล้วก็โทรหารายชื่อเดิม บริษัทที่ 2 ก็ไม่เวิร์ค ไปบริษัทที่ 3 ก็รายชื่อเดิม บางคน 10 บริษัท ก็ยังโทรรายชื่อเดิม
คำถามคือรายชื่อนั้นช้ำไหม โทรไปจนเขาไม่รับแล้ว
4.ท่านต้องพัฒนาและเรียนคอร์สอะไร?
เพราะฉะนั้น ผมก็เลยสร้างคอร์สขึ้นมา ว่าผมนั้นจะสอนให้เขาเนี่ย แทนที่จะออกวิ่งไล่ล่าคน กับกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่จำกัด จะทำอย่างไรให้ใช้อินเทอร์เน็ตในการสร้างรายชื่อ ให้คนเหล่านั้น ซึ่งเป็นคนไม่รู้จักด้วย ติดต่อเข้ามาหาเราเองอย่างน้อยวันละ 5-10 รายชื่อ โดยที่ถามเกี่ยวกับสินค้าของเรา
อยากขายสินค้าได้ใช่ไหม เขาก็จะถามเกี่ยวกับสินค้า ถามเกี่ยวกับธุรกิจที่เราทำ แล้วก็ถามในคำที่เราอยากให้ถามมากเลยว่า อยากทำธุรกิจกับโค้ชแนมเนี่ยทำอย่างไร เคยโดนไหม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
เคยโดนครับ
กมลเวช เมืองศรี:
ลองเล่าประสบการณ์ให้ผู้ฟังฟังหน่อยว่า จากการที่เราแค่เรียนการตลาดที่มันเวิร์ค แล้วชีวิตเปลี่ยนอย่างไร
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ สมัยที่ทำธุรกิจเครือข่ายแรกๆนะครับ ก็ไม่มีใครแนะนำ หรือคนสปอนเซอร์เราไม่ได้แนะนำ ว่าทำธุรกิจนี้แล้วจะต้องทำการตลาด
เราก็ใช้วิธีที่เขาสอน สะเปะสะปะจนไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ผมได้มาเรียนรู้จากกูรูนะครับอาจารย์กมลเวช นี่เอง ว่าเราจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเราต้องทำการตลาดเป็น ผมพึ่งมาได้ยินคำว่าทำการตลาด จากการที่ได้มาเรียนจากอาจารย์นั่นเอง
ทีนี้ผมเลยตาสว่าง ผมก็ใช้วิธีการทำการตลาด ทำตามทุกอย่างได้เรียนคอร์สของอาจารย์ จนทำให้ผมสามารถที่จะสปอนเซอร์ หรือมีทีมงานที่เข้ามาสมัครเอง จากธุรกิจเครือข่ายที่ทำในปีนั้นที่ทำเยอะมาก
กมลเวช เมืองศรี:
ขึ้นตำแหน่งรับรายได้หลักแสน ประเด็นก็คือกำหนดโปรไฟล์ของคนที่จะเข้ามาหาเราด้วยว่าจะเอาสูงแค่ไหน
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ถูกต้องและกำหนดเฉพาะที่ด้วยว่าที่ไหนที่เราจะไป เปิดธุรกิจที่จังหวัดนี้ เราสามารถกำหนดได้
กมลเวช เมืองศรี:
สมมุติว่าโค้ชแนมไม่ใช่คนที่มีอาชีพ อยู่ในระดับสูงของสังคมคืออาชีพทั่วไป แต่เราสามารถสปอนเซอร์ คนที่มีอาชีพที่เรียกว่าได้รับการยกย่องได้เยอะ เช่น นักธุรกิจระดับสูง เป็นทนายความ เป็นคุณหมอแม้แต่เราที่ไม่ได้มีอาชีพเหล่านั้น เราก็สามารถสปอนเซอร์คนเหล่านั้นได้จริงไหมครับ
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ใช่ครับเราสามารถสปอนเซอร์คนเหล่านั้นได้
กมลเวช เมืองศรี:
คนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนที่มี high profile และมีศักยภาพสูง เพราะฉะนั้นเวลาเข้ามาธุรกิจก็ขยายต่อง่าย มากกว่าสปอนเซอร์คนที่มีศักยภาพต่ำมากๆ ไม่รู้จักใครเลยเงินไม่มี งานไม่มีไม่กล้าทำอะไรเลย ทำไมเราชอบสปอนเซอร์กลุ่มคนเหล่านี้ เพราะเราไม่รู้อะไรมากกว่านั้นถูกไหม
เชษฐวิทย์ สิงขร:
ธุรกิจที่ผมทำเนี่ย ก็มีกระทั่งคุณหมอ เป็นอาจารย์ ที่มาสมัครทำร่วมธุรกิจกับเรา นั่นคือสิ่งที่เราได้รับจากการทำการตลาดเป็น
กมลเวช เมืองศรี:
แสดงว่าวิธีการทำการตลาดที่โค้ชแนมใช้ มันทำให้คนนั้น รู้จัก ชอบเชื่อถือ และศรัทธา จนกระทั่งตัดสินใจควักเงินเข้าร่วมธุรกิจเ พื่อที่เขามีความหวังว่าเข้าร่วมกับเรา เขาจะได้เรียนรู้วิธีการที่เวิร์คของเราด้วย
เพราะฉะนั้นเราจะกลับมาตอบคำถาม คำถามที่ 2 ว่า แล้วเราจะทำการตลาดเครือข่ายอย่างไร ให้เวิร์ค เหมือนกับการขายสินค้า
คนส่วนมากที่ไม่รู้อะไรที่ดีกว่านั้น มักจะเอาธุรกิจเครือข่ายไปนำเสนอ เหมือนกับการขายสินค้า
มีธุรกิจมาขายแบบนี้ สินค้าแบบนี้ เอามากองอธิบายแผนจะได้เงินเท่านี้ ผู้นำขณะนี้ บริษัทเปิดมาแล้ว 20 ปีขยายไปทั่วโลก 58 ประเทศ คงได้ยินกันมาหมดแล้ว
อันนี้เรากำลังนำเสนอธุรกิจขายตรง เหมือนกับนำเสนอขายสินค้า เหมือนนำเสนอวิตามิน ครีม ถามว่าได้ผลไหม มันก็ได้ผลแต่มันมีวิธีที่ดีกว่าเยอะ เห็นด้วยไหม
วิธีนี้เราเรียกว่า การตลาดดึงดูดหรือ attraction Marketing ซึ่งเรานั้นเปิดสอนอยู่ในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint 2.0 แล้วก็คอร์ส Top Sponsor Formula
ซึ่งเราสอนวิธีการครับว่า จะทำอย่างไร ให้เราเข้าใจวิธีการทำการตลาดเพื่อให้คนรู้จักเรา เป็นวงกว้างด้วยนะ เป็นเหมือนเซเลบ ชอบเรา โดยที่เราไม่รู้จักเขาเลยนะ เชื่อถือศรัทธาเรา โดยที่เมื่อเราเปิดโอกาสให้เขาเข้าร่วมธุรกิจ เขาก็จะร่วมทันที
เพราะฉะนั้นวิธีนี้ เมื่อเราสอนแล้วว่า จะต้องทำการตลาดอย่างไร เสร็จแล้วพอเรา เข้าใจทำให้คน เชื่อถือศรัทธาจนเขาพร้อมจะสมัครทำธุรกิจ เราจะเอาไปผนวกกับการตลาดออนไลน์ การตลาดดึงดูด บวกกับการตลาดออนไลน์ ก็เท่ากับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
เพราะเราสามารถขยาย จำนวนคนที่จะมารู้จักชอบพอกับเรา เชื่อถือเรานั้นได้เป็นจำนวนกว้าง เราสามารถทำให้คนติดตามเราในโลกโซเชียลมีเดียเป็นพันเป็นหมื่นคน
ซึ่งเวลาที่ท่านต้องการผลลัพธ์ในธุรกิจเครือข่าย ท่านไม่ต้องการคนเป็นหมื่นคนหรอกจริงไหม แค่เดือนนึงมีคนใหม่มา 10 คน ท่านก็จะแทบจะเป็นลมแล้วนะ 10 คนที่ดูแลแทบจะไม่ไหวแล้ว
เพราะฉะนั้นการตลาดแบบนี้มันทรงพลังมากเลยโค้ชแนมก็น่าจะเคยเห็น ตอนที่ผมทำการตลาดครั้งหนึ่งตอนที่เราเริ่มต้น ตอนนั้น ผมทำการตลาดมาพักใหญ่แล้วทำการ branding โพซิชั่นนิ่งตัวเอง ผ่านโลกออนไลน์ที่สอนในคอร์ส MLM attraction blueprint แล้วผมก็เริ่มสื่อสารกับคนในลิสรายชื่อของผม ที่เขาติดตามผม
ผมส่งอีเมล 1 ฉบับว่าผมกำลังจะเปิด รับหุ้นส่วนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในทีมความสำเร็จของเรา โดยผมได้เข้าร่วม ทำธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยถ้าท่านต้องการ กรอกรายชื่อกรอกรายละเอียดผมจะให้ข้อดู ข้อมูลทางธุรกิจ?
เมื่อเขากรอกผมก็ให้ดูเขาอาจจะมาดูแบบเจอตัว หรือดูผ่านโลกอินเตอร์เน็ตก็ตาม แต่หลังจากดูเสร็จปุ๊บ ผมบอกเลยผมรับ 20-30 คนหรือ 50 คนเท่านั้น เพราะผมต้องการสร้างทีมนี้ให้ประสบความสำเร็จ
แต่ผลปรากฏว่าตอนที่เราเริ่มรับสมัครจริงๆ จำนวนคนที่มา 130 คน ที่พร้อมจ่ายเงินทำธุรกิจทันทีในราคาตอนนั้น 37,000
เพราะฉะนั้น ทุกท่านครับเราสองคนเคยไม่ประสบความสำเร็จ ในธุรกิจเหล่านี้มาก่อน เราเป็นเหมือนท่านนั่นแหละ แต่เราทำสิ่งที่แตกต่างจากท่าน คือเราเรียนในสิ่งที่เราไม่รู้ เราพัฒนาตัวเองในทักษะที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำการตลาด
เพราะฉะนั้น ถ้าทุกท่านอยากได้ ผลลัพธ์แบบนี้ โฟกัสในการพัฒนาตัวเองเป็นหลัก เรียนว่าทำอย่างไร เราถึงสามารถที่จะทำให้คนอยากซื้อสินค้า หรือว่าสมัครทำธุรกิจกับเรา แล้วชีวิตท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย เหมือนกับที่เราเปลี่ยนแปลงมา ผมเชื่อว่าผมตอบคำถามชัดเจนแล้วครับ
ท่านสนใจอยากที่จะเรียน เหมือนกับที่เราเรียนนะครับ คอร์สชื่อว่า MLM attraction blueprint ท่านสามารถที่จะคลิกที่ลิงค์เข้าไปดูรายละเอียดได้ แล้วก็อย่าลืมนะครับดูคลิปนี้แล้วมีประโยชน์ แชร์ให้เพื่อนของท่าน แชร์ให้คนที่ท่านรัก ได้มารู้ข้อมูลนี้ด้วยแล้วก็กด Subscribe กดสั่นกระดิ่งด้วยนะครับเพื่อที่จะได้รับข่าวสารจากเราไปตลอด สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี
MLM Attraction Blueprint 2.0
“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”
“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”
by เชษฐวิทย์ สิงขร | Dec 19, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
3 สุดยอดเคล็ดลับและสคริปต์ในการเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ประกันชีวิต ให้ได้ผล
การจะทำให้ธุรกิจเครือข่ายสำเร็จนั้นท่านจะต้องมีชุดทักษะ ชุดทักษะนั้นประกอบด้วยทักษะการเชิญคนมาดูโอกาส เป็นทักษะอันดับหนึ่ง ถ้าท่านเชิญคนมาดูโอกาสไม่ได้ธุรกิจท่านจบ ขยายต่อไม่ได้ ขายของไม่ได้ วันนี้เราจะเจาะลึก และมีตัวอย่างง่ายๆให้ท่านได้ดูครับว่าผมใช้ยังไงบ้าง
วีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”
หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”
สารบัญเนื้อหา วีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล” หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล” สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมา สูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Time สูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค
วิธีพัฒนาทักษะในการเชิญคน ( Prospecting)
การพัฒนาทักษะในการเชิญคนมาดูโอกาสนั้น จำเป็นที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด ทั้งกับตัวท่านเอง และการสอนคนอื่น ถ้าท่านไม่สามารถที่จะพัฒนาทักษะนี้ให้กับตัวเองเร็วๆก็สอนคนอื่นต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง
พัฒนาทัศนคติในการเชิญคนมาดูโอกาสให้ประสบความสำเร็จ
ท่านต้องพัฒนาทัศนคติว่าเราจะต้องมีทัศนคติอย่างไร จึงจะสามารถเชิญคนมาดูโอกาสแล้วประสบความสำเร็จ
เชิญแล้วคนมา แค่เชิญแล้วคนมาท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจไปแล้ว 25%
พอคนมาแล้ว ตัดสินใจสมัคร ท่านประสบความสำเร็จไปแล้ว 50%
พอสมัครแล้วท่าน สอนทำให้เขาเชิญคน แล้วก็มา แล้วก็สมัครท่านสำเร็จแล้ว 75%
แล้วถ้าท่าน สอนทีมงานของท่านให้ไปสอนทีมงานของเขาต่อ โดยทีมงานของเขานั้นเนี่ยสามารถที่จะเชิญคน แล้วก็สมัครต่อ สอนพัฒนาอย่างต่อเนื่องท่านสำเร็จแล้ว 100%
ดั้งนั้นเราจะต้องมีทัศนคติ
เราคือผู้ให้ (ที่ไม่คาดหวังผลลัพธ์)!
เราคัดหาคนที่จริง ที่ใช่ !
เข้าใจกฎของค่าเฉลี่ย !
กฎของค่าเฉลี่ยมีไว้ว่า “ถ้าเราทำบางสิ่งบ่อยมากพอ ค่าเฉลี่ยจะเกิดขึ้น”
ทำ 10 ได้ 1 คือค่าเฉลี่ยของอุสาหกรรมนี้ ค่านี้คือพิสูจน์มาแล้ว ทั้งเชิญคนมาดูโอกาส การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ
ทำ 10 ได้ 2 คือ ดี
ทำ 10 ได้ 3 คือ เก่ง
ทำ 10 ได้ 4 คือ ยอดเยี่ยม
ผลค่าเฉลี่ยจะทำให้ท่านได้เห็นว่าต้องทำมันให้มากพอท่านจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
“3 ปัจจัยสำคัญในการทำ MLM ให้ประสบความสำเร็จ”
1.วิธีคิด – ท่านต้องมีวิธีการสื่อสารกับตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ท่านคิด คนส่วนมากจะคิดทำลายตัวเอง เราต้องคิดบวก เลิกใช้พลังทำลายตัวเอง ฝึกใช้พลังคิดสร้างสรรค์ ฉันไม่มีทักษะ ต้องทำยังไงให้มีทักษะ ฉันไม่มีรายได้จากธุรกิจ จะทำยังไงให้มีรายได้เพิ่ม จงตั้งคำถามคุณภาพให้กับตัวเอง
2.วิธีการ – คนส่วนมากมองหาแต่วิธีการ ฉันอยากจะทำเว็ปไซต์เป็น อยากยิงแอดเป็น อยากสปอนเซอร์คนเป็น อยากเก่งอย่างรวดเร็ว แต่ผมบอกไว้เลยวิธีการสำคัญแค่ 5% เท่านั้น เพราะวิธีการเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้ สามารถเก่งได้ จากที่ท่านไปเรียน และฝึกลงมือทำ ถ้าหากวิธีคิดไม่ได้ยังไงคุณก็ออกจากธุรกิจอยู่ดี
3.วิธีสื่อสารกับผู้อื่น – การโทรเชิญคนเข้ามาดูโอกาส การส่งไลน์ ส่งเฟสบุ๊ค มันคือโอกาสการสื่อสารระหว่างเรากับผู้คนเพราะฉะนั้นวิธีการสื่อสารกับตัวเองนั้นสำคัญ วิธีการสื่อสารกับผู้อื่นก็สำคัญ 15%
เพราะฉะนั้นท่านต้องฝึกทักษะเหล่านี้ ทำให้ทักษะเหล่านี้อยู่ข้างท่าน
วันนี้ผมมีสูตรสำเร็จ 3 สูตร สูตรสำเร็จในการเชิญคนมาดูโอกาส
สูตรสำเร็จที่ 1
สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมา
สูตรสำเร็จนี้ว่าด้วยหลักการ 3 หลักการ ดังนี้
1
Step 1 – เร่งรีบ ในการเชิญคน
ตัวอย่าง
สวัสดีครับคุณ………ผมมีเรื่องสำคัญที่จะถามคุณและตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก คุณสะดวกที่คุยกับผมสัก 1 นาทีไหม ?
( อย่าใช้เวลาคุยนานเกิน 1 นาที หรือ 1.30 นาที เพราะการเชิญครั้งนั้นจะไม่มีคุณภาพ)
2
Step 2 – ให้คุณค่า
เพราะถ้าท่านไม่ให้คุณค่าเขา ไม่ให้ในสิ่งที่เขาเห็นว่ามันเป็นประโยชน์กับเขา เขาจะไม่ตอบรับในการมาดูโอกาสอย่างแน่นอน
ตัวอย่าง
ถ้าผมได้พบกับช่องทางในการที่จะสามารถสร้างรายได้ 5,000-20,000 บาทต่อเดือน โดยที่สามารถทำแบบพาร์ทไทม์หรือเต็มเวลาก็ได้ คุณอยากดูข้อมูลไหม?
3
Step 3 – ดึงกลับมา
ท่านอย่าพยายามยัดเยียดลงคอหอยเขา ท่านต้องไว้ตัวบ้าง ท่านต้องดึงกลับให้เป็น
ตัวอย่าง
แต่ผมไม่ทราบนะว่ามันจะเหมาะกับคุณไหม มันอาจจะเหมาะ หรือ ไม่เหมาะกับคุณก็ได้ ผมไม่ทราบจริงๆ คุณอาจจะมีคุณสมบัติพอหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องดูข้อมูลเอง คุณอยากดูไหม?
ผมบอกได้เลยว่านักธุรกิจ 95% ดึงกลับไม่เป็น เมื่อเขาตอบว่าอยากดู ให้เรานัดเวลา สถานที่
สูตรสำเร็จที่ 2
สูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Time
สูตรสำเร็จนี้เป็นคำเชื้อเชิญที่น่าเหลือเชื่อ มันเหมาะมากกับคนทำงานประจำ หรือ คนที่อยากจะหารายได้เพิ่มอีกช่องทางสูตรสำเร็จนี้บอกไว้ว่า “ผมพบช่องทางแบบพาร์ทไทม์ในการทำงานเพื่อสร้างอนาคตที่มั่งคั่ง และผมกำลังทำเงินเท่าๆกับที่ได้จากงานประจำของผม คุณอยากฟังเรื่องราวของผมไหม มันเหลือเชื่อมากๆ “
หัวใจสำคัญของคำว่า Magic Of Part Time คือคำว่า “พาร์ทไทม์” หรือทำหลังเลิกงาน หลังจากธุรกิจที่ 1 ของเขา มาทำที่ 2 ได้
ความมหัศจรรย์และพลังดึงดูดของพาร์ทไทม์ ทำให้คุณมีการเชิญที่แสนคลาสสิค ให้กับคนที่อยากฟัง ในสิ่งที่คุณกำลังทำ และเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ
เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตคุณ แต่สิ่งที่คุณใช้เงินทำต่างหากที่สำคัญมันเปลี่ยนวิถีชีวิตเลยและนี่คือปรัชญาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม
สูตรสำเร็จที่ 3
สูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค
ถ้าท่านใช้สคริปต์นี้อย่างดี อย่างถูกต้อง เข้าใจอย่างถูกต้องท่านจะไม่มีทางที่จะสูญเสียความสัมพันธ์กับผู้คนเลย แม้สคริปต์ที่ 2 และ สคริปต์ที่1 จะไม่เสียความสัมพันธ์กับบุคคล แต่สคริปต์ที่ 3 จะชัดเจนมาก และ การเชิญของท่านจะมีประสิทธิผลค่อนข้างมากในสคริปต์ที่ 3 นี้
ตัวอย่าง
ผมอยากให้ตั้งใจฟังนะ เพราะผมเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และคน 3 ใน 10 คนจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผม และผมจะไม่รังเกียจเลยที่คุณจะเข้าร่วมดูข้อมูลและเป็น 1 ใน 7 ที่ไม่เข้าร่วมผม เพราะมันไม่สำคัญ คุณเป็นเพื่อนผม และคุณจะทำก็เพื่อสนับสนุนผม และ ไม่สำคัญว่าคุณชอบหรือเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะสมัครรึเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะซื้อหรือเปล่า แต่มันสำคัญมากๆ ที่คุณจะมาเพื่อแค่ดูข้อมูล
เหตุผลสำคัญที่ผมอยากให้คุณได้ฟังเรื่องราวของมันก็เพราะว่า เมื่อหลายปีผ่านไป ถ้าผมทำได้ดี ผมไม่อยากให้คุณพูดว่า “ทำไมผมไม่โทรหาคุณเมื่อหลายปีก่อนเพื่อบอกเรื่องนี้ ผมไม่ได้จดหมาย ไม่ได้ข้อความใดๆเลย”
ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ เพราะฉะนั้น 2 เหตุผลคือ ผมอยากให้คุณได้เห็นว่าผมทำอะไร และเมื่อเวลาผ่านไปถ้าผมทำได้ดี ผมจะได้พูดว่า คุณก็รู้ว่าผมให้โอกาสกับคุณแล้ว
แล้วที่สำคัญมากคือ มาเพื่อเป็นเกียรติให้กับผมในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ มาเป็น 1 ใน 7 มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าร่วมหรือเป็นลูกค้าหรือไม่ แต่ผมต้องการ 10 คนเพื่อให้เกิดหุ้นส่วน 3 คน
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
กมลเวช เมืองศรี
by เชษฐวิทย์ สิงขร | Oct 27, 2019 | การพัฒนาตนเอง , ธุรกิจเครือข่าย
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
วิธีเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องและสร้างความสำเร็จระยะยาวได้ทุกบริษัทการสร้างความสำเร็จระยะยาวให้กับธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ขายตรง หรือประกันชีวิต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเรียนรู้พัฒนาตัวเอง ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น แล้วก็สามารถส่งต่อความสำเร็จให้กับผู้คนในองค์กรของตัวเองได้ด้วย แล้วที่สำคัญก็คือเมื่อเราเก่งขึ้นรายได้ของเราก็จะหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มขึ้น
วีดีโอ “วิธีเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องและสร้างความสำเร็จระยะยาวได้ทุกบริษัท”
หนังสือเสียง “วิธีเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องและสร้างความสำเร็จระยะยาวได้ทุกบริษัท”
สารบัญเนื้อหา วีดีโอ “วิธีเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องและสร้างความสำเร็จระยะยาวได้ทุกบริษัท” หนังสือเสียง “วิธีเริ่มต้นธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องและสร้างความสำเร็จระยะยาวได้ทุกบริษัท” 1. พัฒนาทัศนคติของผู้ประสบความสำเร็จ 2. เข้าใจธุรกิจเครือข่ายให้เร็วที่สุด 3. พัฒนาทักษะในการสปอนเซอร์ 3.1 พัฒนา ทักษะในการเชิญคน มาดูโอกาส 3.2 พัฒนา ทักษะในการนำเสนอ 3.3 พัฒนา ทักษะในการขับเคลื่อนและขยายองค์กร
นี่คือการแชร์ ประสบการณ์ ของผมในการทำธุรกิจเครือข่าย วันนี้ผมจะแบ่งปัน การเริ่มต้น และการทำธุรกิจ ให้กับทุกท่านได้เรียนรู้ แล้วผมเชื่อว่าสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้วันนี้จะทำให้ท่านเปลี่ยนทัศนคติ ตลอดไปเลยทีเดียว 3 ขั้นตอน แห่งความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย
พัฒนาทัศนคติของผู้ประสบความสำเร็จ
เข้าใจธุรกิจเครือข่ายให้เร็วที่สุด
พัฒนาทักษะในการสปอนเซอร์
3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท่านจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ และส่งต่อให้กับองค์กร แล้วถ้าองค์กรไหน มีความเข้าใจ มีการส่งต่อ องค์กรนั้นก็จะประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง
1. พัฒนาทัศนคติของผู้ประสบความสำเร็จ
ขั้นตอนแรกก็คือ จะต้องเป็นผู้มีความมุ่งมั่นทุ่มเท และพัฒนา ทัศนคติของตัวเอง และผู้ที่อยู่ในองค์กรของท่าน ให้เป็นผู้ที่มีทัศนคติ ของคนสำเร็จ
ยกตัวอย่างเช่น ทัศนคติอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เป็นทัศนคติที่ดีจากคนไม่มีอะไรเลย ไม่มีคนรู้จัก แต่กลับกลายมาเป็นคนที่จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ทำธุรกิจอะไรก็เกิดผลลัพธ์เกินความคาดหมาย
ซึ่งในโลกสมัยนี้การมีคนติดตามการมีคนรู้จัก มันเปรียบเสมือนเครื่องทำเงิน เพราะในสมัยนี้ เรามีระบบ เพื่อที่จะโฆษณาเพื่อจะยิงแอด ให้เกิดเป็นเงิน แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบอะไร ก็ไม่สามารถ ที่จะเอาชนะ Personal Brand (การสร้างแบรนด์ตัวเอง) เพื่อที่จะให้คนรู้จักท่าน ชอบพอเชื่อถือท่าน และศรัทธาในตัวท่าน การที่ท่านให้ความรู้กับผู้คนนั้น ให้วิธีการ เปรียบเสมือนการมีเครื่องพิมพ์แบงค์ ค่าเฉลี่ยของคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายนั้น ส่วนมากจะไม่ประสบผลสำเร็จ จะมีคน 90% ที่เข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย จะล้มหายไปในเวลา 3 เดือนถึง 6 เดือน เลิกทำไป ดังนั้นคนที่จะทำธุรกิจนี้ต้องเข้าใจค่าเฉลี่ย ของอุตสาหกรรมนี้ก่อน ซึ่งเกิดขึ้นทั้งโลก
ท่านจำเป็นที่จะต้องรู้จักการปิดจุดอ่อน ปิดรูรั่วก่อน ซึ่งรูรั่วแรกคือ การที่ไม่ทำให้เรา ตายออกไปจากธุรกิจ ใน 3 ถึง 6 เดือนแรกก่อนเลย คือตัวเราทุกคนต้องไม่ตายก่อน เพราะถ้าตัวเราตายนั้นคือจบ
เพราะเราอาจจะไม่มีทัศนคติ ที่จะทำให้เรากลับมาในธุรกิจที่มีโมเดลทางธุรกิจอันดับ 1 อีกเลย โมเดลธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก เพราะลงทุนน้อย ความเสี่ยงน้อย ผลตอบแทนสูง ซึ่งหาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
บางทีลงทุนหลักร้อยอาจจะทำรายได้หลักล้านก็ได้ ไม่ต้องมีลูกจ้างแม้แต่คนเดียวแต่เราต้องทำความเข้าใจก่อนทัศนคติของผู้ที่ประสบความสำเร็จ เราจำเป็นที่จะต้องพัฒนา 3 ทักษะ ดังนี้
ทักษะในการทำการตลาด
ทักษะในการชวนคนทําธุรกิจ
ทักษะในการเป็นผู้นำ
ท่านคิดว่าทักษะอะไรสำคัญเป็นอันดับที่ 1 ในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบผลสำเร็จ สำหรับผมแล้ว ทักษะที่จะทำให้ท่านประสบผลสำเร็จ อันดับ 1 คือทักษะการเป็นผู้นำ
จำไว้นะครับว่า ถ้ามีพื้นที่ 1 ที่เป็นที่แห้งแล้งกันดาร แล้วเราเอาผู้นำ เอาสุดยอดผู้นำไปพัฒนาที่นั่น พื้นที่นั้นจะเป็นพื้นที่ที่เขียวชอุ่ม กว่าเดิม 5 เท่า 10 เท่าได้อย่างแน่นอนการันตี
แต่ถ้าเราเอาคนที่ไม่ได้มีทักษะการเป็นผู้นำ หรือคนทร่มีทักษะการเป็นผู้นำที่อ่อนด้อย เอาไปพัฒนาพื้นที่นั้น ท่านก็พอจะนึกออกนะครับ เขาไม่สามารถที่จะทำใครได้แม้แต่ตัวเอง ให้ลุกขึ้นมาพัฒนาพื้นที่กันดารนั้น ให้เป็นพื้นที่เขียวชะอุ่มสามารถทำมาหากินได้ อยากมีความสุข
เพราะฉนั้นลีดเดอร์ชิพ สำคัญที่สุดความเป็นผู้นำสำคัญที่สุดเลยเพราะทุกสิ่งทุกอย่าง บนโลกนี้ จะรุ่งเรืองหรือล่มสลาย ก็ด้วยทักษะ ความเป็นผู้นำ จำไว้เลยครับ
การพัฒนาคนที่ไม่มีความเป็นผู้นำเลย หรือคนที่มีความเป็นผู้นำน้อย จำเป็นที่จะต้องใช้เวลา อย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป หรืออาจ จะถึงขั้นตลอดชีวิต
คำถาม : ทำไมความเป็นผู้นำถึงสำคัญ?
ผมขออนุญาตถามท่านว่า ท่านเคยไปชวน คนเข้าร่วมธุรกิจ แล้วเขาไม่เข้าร่วมธุรกิจกับท่านไหม
หรือท่านได้พูดคุยกับองค์กรของตัวเอง แล้วองค์กรไม่เชื่อฟังท่านบ้างไหม บอกให้มาประชุมบอกให้ทำรายชื่อ บอกให้ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำแล้วเขาก็ไม่ทำ
ท่านว่าปัญหามันมาจากอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องเขาไม่เชื่อถือท่านมากพอ เห็นด้วยไหมครับ เพราะระดับความเป็นผู้นำของท่านยังไม่มากพอ
ผมขอถามท่านต่ออีกว่า ถ้าหากเป็นเจ้าสัวธนินท์ เจ้าสัวเจริญ เชิญท่านเข้าไปเป็นหุ้นส่วน โดยจะต้องใช้เงิน 1 แสนบาท และท่านจะต้องไปเรียนรู้กับเขา จะให้ท่านเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจของเขา ท่านจะเข้าหรือไม่เข้า ผม หนึ่ง คนเข้าทันที
ถ้าระดับประเทศเอาจริง พร้อมที่จะสอน ผมไปเลย เพราะว่า ความสำเร็จของเขาจับต้องได้ทันทีความเป็นผู้นำของเขาไม่ต้องพูดถึง นี่ครับ ถ้าท่านโฟกัส พัฒนาความเป็นผู้นำของตัวเองให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความท้าทาย แรงต้านทานในการทำธุรกิจท่านจะค่อยๆลดลง ยิ่งถ้าความเป็นผู้นำ ในตัวท่านสูง คนจะปฏิเสธท่านน้อยลงเรื่อยๆ
แต่ถ้าท่านดูอะไรก็ไม่น่าเชื่อถือเลย แต่งตัวก็ไม่น่าเชื่อถือ พูดอะไรก็ไม่น่าเชื่อถือ แถมยังดูแล้วไม่มีทักษะความเป็นผู้นำด้วย แล้วใครอยากจะร่วมธุรกิจกับท่าน เรากำลังพูดถึงเรื่องควักเงินร่วมธุรกิจเลยนะ นี่คือธุรกิจนะไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ เห็นด้วยไหมครับดังนั้นความเป็นผู้นำสำคัญมาก เขาจะต้องรู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน เขาจะต้องรู้จัก การไม่เอาความพึงพอใจเดี๋ยวนี้ รอคอยเพื่อที่จะเอาความสำเร็จระยะใหญ่ ระยะยาวมากกว่า ดังนั้นการพัฒนาทัศนคติของผู้ประสบผลสำเร็จสำคัญมาก ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ทำกับคน ดังนั้นเรื่องคนสำคัญมาก ท่านจำเป็นที่จะต้องพูดแล้วคนอยากฟัง ทำแล้วคนอยากทำตาม แต่ท่านต้องมีทักษะในการเดินนำและคนอยากเดินตามด้วย
2. เข้าใจธุรกิจเครือข่ายให้เร็วที่สุด
เราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจธุรกิจเครือข่าย ทันทีตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมธุรกิจ
แล้วต้องเข้าใจแล้วอย่าเพิ่งทำอะไรเด็ดขาด ถ้าท่านยังไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย อัพไลน์ส่วนมากก็ไม่เข้าใจมันแล้วก็สอนท่านผิดๆ แล้วท่านก็ออกไปทำแบบผิดๆ ท่านก็เสียหายกับรายชื่อของท่าน เสียหายกับคนรอบข้างของท่าน สูญเสียความสัมพันธ์กับผู้คน
แม้แต่วิธีการพูดเชิญคนก็สำคัญ ถ้าพูดไม่เป็น โทรหาเขาครั้งต่อไปเขาก็ไม่รับสายอีกแล้ว แชทไปเขาก็ไม่อ่าน LINE ไปเขาก็ไม่ตอบ นี่คือธุรกิจ นี่คือ Real Business
ดังนั้นจะต้องรู้วิธีพูดที่ถูกต้อง ที่เชิญแล้วไม่เกิดปัญหา เธอหลอกฉันมา หรือ เชิญแล้วไม่เกิดปัญหาจะยัดเยียดใครของอะไรให้ชัดหรือเปล่า เพราะผู้คนไม่ชอบถูกขายนะจำไว้นะ
ต้องเชิญแบบนักธุรกิจและต้องมีแนวคิดที่ถูกต้องในการเชิญด้วย ดังนั้นท่านจำเป็นจะต้องรู้วิธีที่ถูกต้อง ไม่ให้เสียความสัมพันธ์กับคนที่เชิญ เป็นอย่างไร แล้วถ้าเชิญเขามาดูโอกาสแล้ว ยังไม่สมัคร เราควรจะมีวิธีการติดตามผลอย่างไร เพื่อทำให้เขาไม่รู้สึกว่าเรากดดัน ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าเขาจะไม่อยากรับโทรศัพท์เราอีก พูดง่ายๆคือจะทำธุรกิจเครือข่ายอย่างไรไม่ให้เสียเพื่อน เหตุผลสำคัญที่บอกเลยว่าถ้าต้องการที่จะสร้างธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจขายตรง ธุรกิจประกันชีวิต ที่จำเป็นต้องมีการสร้างองค์กรมันมีการพิสูจน์ แล้วก็ตรวจสอบแล้ว
พบว่าในองค์กรที่ประสบความสำเร็จ ในบริษัทหรือธุรกิจเหล่านี้ องค์กรขนาดใหญ่ทั้งหลายต่างมีผู้คนที่รู้จักกันอยู่ในองค์กรนั้นมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แล้วองค์กรที่มีคนรู้จักกันเหล่านี้จะเป็นองค์กรที่มีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น แล้วก็มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ไม่แตกง่าย
องค์กรไม่แตกง่าย ไม่ล่มง่าย ไม่เลิกง่าย แต่ถ้าองค์กรองค์กรไหน มีแต่คนไม่รู้จักกันอยู่กันเต็มไปหมดเช่น พยายามรีครูทคนในโลกออนไลน์
มีธุรกิจเครือข่ายหลายๆตัวในปีที่ผ่านมาลงยิ่งเป็นล้านตั้งทีมอย่างนู้นอย่างนี้คนมาเต็มไปหมดแตก แตกหมดเลย ก็เพราะเขาไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย เขาไม่เข้าใจวิธีการสร้างองค์กร วิธีการรักษาองค์กรวิธีการขยายองค์กรให้มันเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆเขาคิดที่จะเอาเร็วๆได้ผลลัพธ์ปังปังได้ยอดเยอะๆแล้วก็ล้มดังๆ มันน่าเสียดายที่องค์กรขนาดใหญ่ล้มดังขนาดนี้ได้ หมายความว่ามีคนตายออกจากธุรกิจจำนวนเยอะมากและนั่นหมายความว่ามีเงินที่สูญเสียในการสร้างธุรกิจจำนวนเยอะมากเห็นด้วยไหม
ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ขายตรง การทำธุรกิจเครือข่าย ให้ประสบผลสำเร็จคือการขยายองค์กร ของผู้บริโภค ไม่ใช่การออกไปขายตรง
ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ ไม่มีใครหลอกใคร นอกจากมิจฉาชีพแอบอ้างเปิดธุรกิจเครือข่ายหลอกให้คนสมัครแล้วก็ปิดบริษัทหนี เพราะโมเดลธุรกิจเครือข่ายดีที่สุดในโลก มันเลยมันหลอกเปิดธุรกิจเครือข่ายแล้วปิดหนีไป ธุรกิจเครือข่ายเลยชื่อเสีย ดังนั้นถ้าไม่อยากโดนหลอกก็ต้องเรียนรู้ก่อน
ไม่วางตัวเป็นพ่อค้าแม่ค้า หรือเน้นขายสินค้า
ไม่ใช่การชวนคนเข้าร่วมธุรกิจเป็นหลัก ไม่ใช่การชวนคนเขาเข้ามาแล้วก็มาตาย ทำแบบนั้นไม่ได้ ท่านจะสูญเสียความเป็นผู้นำ ท่านจะสูญเสียความเชื่อถือ จากผู้คน ถ้าท่านเชิญเขาเข้ามาแล้วท่านไม่สอนวิธีการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบผลสำเร็จ
หนังสือแนะนำ
Own your life ชีวิตเป็นของคุณ
By DON FAILLA
THE SYSTEM
By DON & NANCY
3. พัฒนาทักษะในการสปอนเซอร์
คนที่จะเป็นสปอนเซอร์ที่ดี คือคนที่มีความเป็นพ่อและแม่ที่ดีอยู่ในคนคนเดียวกัน เวลาชวนใครเข้ามา เขาคือหุ้นส่วนในความสำเร็จ เขาจะให้เกียรติกับดาวไลน์ทุกคน แบ่ง ย่อยออกเป็น 3 ทักษะ คือ
3.1 พัฒนา ทักษะในการเชิญคน มาดูโอกาส
ทักษะนี้สำคัญที่สุดสำหรับมือใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นการสร้างรายชื่อ เข้ามา และถ้าเป็นธุรกิจที่จะต้องสร้างองค์กรแล้วล่ะก็ ถ้าไม่มีรายชื่อเข้ามา ก็เท่ากับว่าขาดรายได้ ไม่มีรายชื่อก็ไม่มีโอกาสในการนำเสนอธุรกิจ ไม่มีโอกาสในการนำเสนอสินค้า หมายความว่าไม่มีเงินเข้ากระเป๋า
ถ้าผมมีช่องทางที่จะทำเงินได้ดีกว่านี้ จะทำให้ชีวิตดีกว่านี้ ท่านอยากรู้ไหมว่าทำยังไง
ทำรายชื่อคนรู้จัก ออนไลน์ / ออฟไลน์ เริ่มจากคนใกล้ชิด สายเลือด คนรู้จัก คนใกล้ตัวก่อน / ต่อมาคือ เพื่อน เพื่อนสนิท ไม่สนิทตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม ที่มีคำว่าเพื่อน / คนเคยเห็นหน้า รีดรายชื่อออกมา ให้มากที่สุด
จัดเกรดรายชื่อออกเป็น 4 กลุ่ม (Four Checkers) – ผู้นำ ผู้นำคือคนที่มีคนพร้อมตามอยู่แล้ว – มีเงินลงทุน ตัดปัญหาการปฏิเสธว่าไม่มีเงิน- เริ่มต้นทำอะไรได้ด้วยตัวเอง คือ คนที่มีพลังในการทำเองได้ด้วยตัวเอง- สอนได้ คนที่ทำงานด้วยยาก คือ คนที่สอนไม่ได้
3.2 พัฒนา ทักษะในการนำเสนอ
การนำเสนอที่ทรงพลังนั้นก็คือต้องทำให้คนฟังได้ความรู้และก็ต้องทำให้เขาสนุก ต่อให้เขาจะสมัครหรือไม่สมัครแต่ท่านก็ได้ใจเขาไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะการตัดสินใจต้องให้เวลา แล้วเราจะ พัฒนาได้อย่างไร ของแบบนี้ไม่มีใครเก่งตั้งแต่อยู่ในท้องพ่อท้องแม่ เห็นด้วยไหม การคิดว่าฉันไม่เก่งมันก็คือการคิดลบแล้ว จงจำไว้ จงคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก ตรงคิดบวกไม่คิดลบ
แล้วชีวิตท่านจะเดินหน้าอย่างเดียว การคิดลบมันจะบั่นทอนกำลังใจของท่านให้หายไปหมด ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักที
3.3 พัฒนา ทักษะในการขับเคลื่อนและขยายองค์กร
คือการเรียนรู้ทักษะในการเชิญคน ทักษะในการนำเสนอ และการส่งต่อทักษะนี้ให้กับทีมงาน ถ่ายทอด ให้กับองค์กร จากผู้นำ แล้วก็ถ่ายทอดต่อ
พูดง่ายๆก็คือ เมื่อเอาเขาเข้ามาในธุรกิจ แล้ว ต้องสอนเค้าให้ทำเป็นทุกอย่าง แล้วก็พาเขาออกไปสอนคนของเขา ให้คนของเขาทำได้อีก เราก็จะมีเวลาในการขยายองค์กรในธุรกิจต่อไป
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
กมลเวช เมืองศรี
by เชษฐวิทย์ สิงขร | Jul 20, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
วันนี้ ผมจะมาแบ่งปันวิธีการตอบคำถาม ตอบข้อสงสัย ตอบข้อกังวล ตอบข้อโต้แย้ง
ที่เป็นคำถาม ที่คนจะถามมากที่สุด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจออนไลน์กับท่าน ให้ท่านได้เห็นเลยครับว่า ถ้าถูกถามคำถามเหล่านี้แล้ว ท่านจะตอบอย่างไร
แล้วถ้าเกิดเขายิงมาเป็นชุดๆท่านจะสามารถรับมือแบบหลบกระสุน และ โต้กลับได้ด้วย
วีดีโอ “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”
หนังสือเสียง “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”
สารบัญเนื้อหา วีดีโอ “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย” หนังสือเสียง “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย” ตอนที่ 14 วิธีรับมือกับคำถาม ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย คำถามที่ 1 ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย คำถามที่ 2 ฉันต้องขายไหม ? คำถามที่ 3 เป็นพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า ? คำถามที่ 4 ฉันไม่มีเงิน ( คนที่โดนถามทั่วไปมักจะสตั้นไป 10 วินาที ) คำถามที่ 5 สามี ภรรยา ฉันไม่สนใจหรอก! คำถามที่ 6 การต่อตรงกับบริษัทจะดีกว่า การถูกอุปถัมภ์โดยคนอื่นหรือเปล่า คำถามที่ 7 ผมต้องทำงานร่วมกับทีมงานลงไปลึกแค่ไหน คำถามที่ 8 ผมจะเลือกบริษัทเครือข่ายได้อย่างไร คำถามที่ 9 ผมไม่มีเวลา คำถามที่ 10 การหาสมาชิก (Recruiting) กับ การอุปถัมภ์ (Sponsoring) ต่างกันอย่างไร คำถามที่ 11 ผู้อุปถัมภ์โดยตรงของผมไม่ช่วยผมเลย จะทำอย่างไรดี คำถามที่ 12 การประชุมสำคัญแค่ไหน
ตอนนี้เป็นตอนที่ 7 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่
ตอนที่ 14 วิธีรับมือกับคำถาม ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย
ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะทำธุรกิจอยู่ หรือไม่ทำก็ตาม ผมการันตรีว่า ท่านจะต้องมีการเกี่ยวข้องธุรกิจเครือข่ายอย่างแน่นอน ไม่เร็วก็ช้า ถ้าท่านยังไม่เคยเข้าร่วม
แต่ถ้าท่านเข้าร่วมแล้ว ข้อมูลนี้สำคัญกับท่านมาก เพราะอะไรทำไม เดี๋ยวคำถามและคำตอบในวันนี้จะทำให้ท่านได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กันหมดเลยครับว่า
จริงๆ แล้วธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่สุดยอดที่สุดอันดับ 1 ของโลก
เพียงแต่ว่าคน 99.99% ที่ทั้งยังไม่ได้เข้าในธุรกิจเครือข่าย และเข้ามาแล้วเขายังไม่เข้าใจมัน แล้วทำไมเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าใจมัน เพราะเมื่อเขาเข้าใจมันชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลยตลอดกาล
คำถามที่ 1 ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย
เวลาเราไปสปอนเซอร์คน เวลาเราแบ่งปันโอกาสให้กับคน เวลาเรานำเสนอ โปรโมทให้เขาเข้าไปดูงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในระบบออนไลน์ หรือในห้องประชุมก็ตาม คนจะถามครับว่า
“มันคืออะไรหรือธุรกิจเครือข่าย”
ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่เข้าใจ หรือ ฉันเคยทำมาแล้ว ฉันไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมฉันจะต้องทำธุรกิจเครือข่ายให้ได้ด้วย ไม่ทำได้ไหม ทำอย่างอื่นก็ได้ไหม อย่างอื่นก็รวย เห็นเขารวยกันหมดนี่
ท่านจะตอบเขายังไง คนส่วนมากนะครับ ไม่รู้วิธีการตอบที่เวิร์ค เดี๋ยวผมจะทำให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า ท่านจะตอบยังไงให้มันเวิร์ค
ผมอยากให้ทุกท่าน ทำความเข้าใจตัวอย่าง ที่ผมกำลังจะแบ่งปันในตอนนี้ แล้วท่านจะเห็นด้วยกับผมว่า ทำไมประชากรบนโลกนี้ทั้งโลกมากกว่า 90% ควรทำธุรกิจเครือข่าย ผมไม่ได้พูดผิดนะครับ ประชากร คนทั้งโลกที่มีประชากรทั้งหมด 6 พันล้านคน ทำไม 90% ควรทำธุรกิจเครือข่าย
ผมมีคำถามครับว่า การดำเนินชีวิตส่วนใหญ่ ที่ทุกท่านใช้กันอยู่ตอนนี้ถูกกำหนดให้ทำงาน จนกว่าจะเกษียณอายุ คนส่วนใหญ่ทำงานประจำ และเขาต้องมีเงินเก็บมากพอที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป เห็นด้วยไหมครับ
การมีชีวิตด้วยเงินประกันสังคม ไม่ถือว่าเป็นการมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายนะครับ เห็นด้วยไหมครับ
สำหรับคนส่วนใหญ่การที่จะมีรายได้เดือนละ 200,000 บาท ได้นั้นคุณจะต้องมีบัญชีเก็บในธนาคารซึ่งจ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปี ท่านก็รู้อยู่นี่ว่าประเทศไทยเราจ่ายดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็น อันนี้ผมยกตัวอย่าง 5% จ่ายเยอะๆ เลยนะครับ
เพื่อให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า เราทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม และเสี่ยงต่อการที่จะไปต่อไม่ได้ในชีวิตมากแค่ไหน
ผมยกตัวอย่างนะ สมมุติว่าเรามีบัญชีเงินเก็บในธนาคารแล้วธนาคารจ่าย 5% เป็นจำนวน 48 ล้านบาท
สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้เดือนละ 2 แสนนะครับจะต้องมีเงินเก็บ 48 ล้าน
ผมจะให้ดูตารางเปรียบเทียบให้ท่านได้เห็นครับว่า ขอให้ท่านเลือกรายได้ต่อเดือนที่ท่านต้องการ เมื่อคำนวณกับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่างกันแล้ว ท่านจะรู้ได้ครับ ว่าท่านต้องมีเงินต้นเท่าไหร่
แต่อย่าลืมนะครับว่าก่อนที่ท่านจะเก็บเงินได้นั้น ท่านต้องมีรายได้ ท่านต้องจ่ายภาษี จ่ายค่าบ้าน และบิลค่าใช้จ่ายสารพัด บัตรเครดิต ค่านั้น ค่าไฟ ค่ากิน ค่าเปลี่ยนยางรถ ค่าเติมน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต
เพราะฉะนั้นคำนวณดีๆนะครับว่า ท่านเหลือเงินเก็บต่อเดือนเท่าไหร่ เรารู้แล้วนะครับว่าเงินต้น 48 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% จะทำให้ท่านมีรายได้ต่อเดือน 2 แสนบาท
คราวนี้เราลองมาแบ่งครึ่งถ้าเงินต้น 24 ล้านบาท ท่านสามารถสร้างรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือน คราวนี้ท่านรู้จักคนกี่คนที่สามารถเก็บเงินได้ 24 – 48 ล้านบาท ก่อนที่จะเกษียณ
เพื่อที่จะมี Passive income (รายได้ที่เข้ามา ในขณะที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร) เดือนละ 1-2 แสน ท่านรู้จักกี่คนครับ
คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายสามารถใช้เวลา 2 -5 ปี ทำงานแบบพาร์ทไทม์ เริ่มต้นสร้างธุรกิจจากที่บ้าน สร้างรายได้ 1-2 แสนบ้านต่อเดือนได้เช่นเดียวกัน
โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินเก็บ 24-48 ล้าน
เงินจำนวนนี้ ปริมาณเท่าๆ กับรายได้จากการที่ท่านมีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยที่ 5% อย่างที่ผมบอกเมื่อกี้ สุดยอดไหมครับ และที่สำคัญเงินฝากในธนาคารกับเครือข่ายที่คุณสร้างไว้มันเหมือนกันตรงที่ว่า มันไม่สนใจว่าท่านจะลุกจากที่นอนตอนเช้าเพื่อออกไปทำงานหรือไม่ ยังไงท่านก็ยังรับรายได้อยู่
ตัวอย่างข้างต้นนี้แลดงให้เห็นถึงเวลา 2-5 ปีในธุรกิจเครือข่ายกับรายได้ในแบบที่แม้ว่าท่านจะทำงานหรือไม่รายได้นั้นก็ยังอยู่ตลอดไป
ทีนี้มาดูกันภายในเดือนแรกถึง 1 ปีแรก กันบ้างครับว่าท่านต้องมีเงินฝากที่จ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปีในธนาคารเป็นจำนวน 960,000 บาท ถึงจะมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือน ตามรูป
เพราะฉะนั้นเห็นไหมครับว่าถ้าเป็นในธุรกิจเครือข่าย เกือบทุกคน หากทำธุรกิจโดยใช้ระบบที่ถูกต้องแล้ว และสามารถสร้างองค์กรที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเขา 4,000 บาทต่อเดือนได้ภายใน 3 เดือน
ท่านเชื่อว่าเป็นไปได้ไหม?
ไม่ต้องมีเงินฝาก 960,000 บาท แต่เลือกธุรกิจเครือข่ายที่ดีสักตัวหนึ่งเข้าไปลงมือทำแล้วใช้เวลาอย่างจริงจัง 3 เดือน ไม่ว่าจะพาร์ทไทม์ หรือ ฟลูไทม์ก็ได้ สร้างธุรกิจเครือข่ายท่านว่าเป็นไปได้ไหมที่เขาคนนั้นจะมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือนใน 3 เดือน
แล้วท่านรู้จักคนกี่คนครับที่สามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 บาทภายใน 1 เดือนมีกี่คนที่เข้าไปทำงานประจำในเดือนแรกแล้วสามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 มันน้อยมากเลยครับ
เพราะฉะนั้นแล้วธุรกิจเครือข่ายดูเป็นไปได้มากกว่ารึเปล่า เมื่อท่านได้รู้เรื่องราวของคนที่เข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายภายใน 1 ปีกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านรึเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่า อาจมีบางคนไม่รู้จักใครเลยที่สามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 บาทใน 1 เดือนได้ ผมพูดถึงเงินเก็บในธนาคารนะครับ
แต่ท่านน่าจะพอรู้จักใครบ้างไหมครับ ที่สามารถอุปถัมภ์เพื่อนของเขาได้เดือนละ 1 คน จำได้ไหมครับว่าถ้าเราใช้บทสนทนา 45 วินาทีในการค้นหาคน ในการคัดกรองคนว่าเราควรจะคุยกับเขาต่อหรือเปล่า
ถ้าท่านยังไม่เคยดูให้ท่านดูย้อนนะครับไปในวีดีโอก่อนหน้านี้หรือว่าอ่านบทความเก่าก่อนหน้านี้ของผม ท่านจะเห็นเลยว่าผมสอนมาเป็นขั้นตอน ทีละขั้นตอน
เพราะข้อมูลทั้งหมดนี้ผมนำมาจากหนังสือ การนำเสนอ 45 วินาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตท่าน ของดอน เฟียล่า นี่ไม่ใช่สุดยอดวิชาที่ผมคิดค้นเอง แต่ผมเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จที่สร้างองค์ระดับ 800,000 คนได้
และผมก็เอามาถ่ายทอดต่อให้ท่านเพื่อที่จะได้ร่วมด้วยช่วยกันให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นถ้าท่านยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ไปหาซื้อมาอ่านนะครับ หนังสือชื่อ การนำเสนอ 45 วินาที ที่จะเปลี่ยนชีวิตชีวิตคุณ
เราสามารถใช้บทสนทนา 45 วินาที ในการพูดให้เพื่อนเราฟัง หรือ เพื่อนของเราให้เวลา 45 วินาทีเพื่ออ่านนามบัตรของเราที่เราให้อ่านว่ามันมีข้อความอะไรบ้าง ถ้าท่านพูดไม่เก่งให้ท่านยื่นนามบัตรที่เตรียมบทสนทนานี้ไว้แล้วหรือส่งข้อความที่พิมพ์บทสนทนานี้ไว้แล้ว ให้เขาอ่านได้ไหม
ถ้าเรารู้วิธีการทำงานให้ง่ายๆ ชีวิตท่านจะดีขึ้นมากในการสร้างธุรกิจเครือข่าย หลังจากที่เขาสนใจก็ให้หนังสือเล่มนี้ให้เขาไปอ่านบทที่ 1- บทที่ 4 เท่านั้น หลังจากนั้นก็นัดให้เขามาคุยกับอัพไลน์ของท่าน หรือ ว่าสปอนเซอร์ของท่าน ผู้อุปถัมภ์ของท่าน
เห็นไหมท่านไม่ต้องพูดอะไรเลย ท่านพูด 45 วินาที เอาสื่อให้เขาดู ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอหรือหนังสือ หรือคลิปเสียง แล้วก็ให้คุยกับอัพไลน์ นี่คือกระบวนการในการสปอนเซอร์ที่ง่ายที่สุด
ถ้าท่านนั้นเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย แล้ว หลุดโฟกัสไปแล้วกลับมาใหม่ ตระหนักใหม่ว่า ฉันทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำทุกวันรึเปล่า วันนี้ท่านจะได้เห็นหมดเลยว่าที่ท่านไปสปอนเซอร์แล้วโดนเขายิงคำถามมาแล้วตอบไม่ได้ แล้วจะตอบยังไง คราวนี้เราอาจจะให้วิธีการโทรศัพท์ 3 สายก็ได้เพื่อคุยกับอัพไลน์เพราะฉะนั้นอยู่ตรงไหนก็ได้เห็นไหมครับว่ามันน่าตื่นเต้นมาก
ถ้าใครก็ตามสามารถใช้ระบบนี้ในการสปอนเซอร์เพื่อนของเขาเดือนละ 1 คนแล้วก็สอนให้เพื่อนของเขาทำได้เช่นเดียวกัน วิธีที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้น ท่านว่าเป็นไปได้ไหมครับ
ถ้าท่านอุปถัมภ์คนเดือนละ 1 คน แล้วสอนให้เขาทำอย่างเดียวกัน องค์กรของท่านจะเป็นแบบนี้ครับ แต่ท่านจะต้องมีความรับผิดชอบในการสอนให้ทีมของท่านที่ท่านสปอนเซอร์เข้ามา รู้ทุกสิ่งในธุรกิจและทำงานเป็นด้วย ก่อนที่จะไปสปอนเซอร์หรืออุปถัมภ์คนเพิ่ม การมีหน้ากว้างเยอะๆไม่ดี การสร้างสายลึกสิดี
ถ้าท่านได้เรียนบทเรียนก่อนหน้านี้ ท่านจะรู้เลยครับว่ามันสุดยอดยังไงในการทำธุรกิจเครือข่าย ท่านไม่ต้องทำงานกับคนทั้งโลก ทำงานกับแค่ 5 คนที่จริงจังเท่านั้น เพราะหากท่านยังมี 5 คนที่ยังไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ ท่านไม่ควรไปอุปถัมภ์คนที่ 6 ต่อ ท่านควรจะสอน 5 คนจริงจังของท่านให้เขาทำงานเป็นแล้วเดี๋ยว Active และ Passive income ที่สุดยอดจะตามท่านมา
สิ่งที่ท่านจำเป็นจะต้องทำจริงๆ
1. ทำความรู้จักกับเพื่อน (หากคุณไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว)
2. นัดพบกับเพื่อของคุณและเล่าให้เขาฟังว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่
คำถามที่ 2 ฉันต้องขายไหม ?
ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่าย และท่านต้องการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ
หนึ่งในคำถามที่ท่านจะต้องโดนถามมากๆ อย่างแน่นอนเลยก็คือ ฉันต้องขายไหม? หรือ ฉันต้องเป็นนักขายไหม?
คำตอบคือ ไม่!
ท่านไม่ต้องขาย หลายคนที่เพิ่งเข้ามาดูอาจจะช็อค ฉันทำธุรกิจเครือข่ายปีนี้เข้าปีที่ 5 ที่ 10 แล้ว ฉันยังเข้าอยู่เลยว่าทำธุรกิจเครือข่ายต้องขาย
ผมตอบเลยคือ ไม่ ! แต่ผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนไหวเองขณะที่ท่านสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง
โดยการแบ่งปันให้กับเพื่อนของท่าน ท่านเคยเห็นการนำเสนอขายเครื่องกรองน้ำ แบบเคาะประตูตามบ้านใช่ไหมครับ หรือไม่ก็เคาะประตูขาย ครีม ลิปสติก หรือการโทรมาขายประกันชีวิต
ท่านคิดถึงภาพเหล่านี้ออกไหม เมื่อนึกถึงการขาย คำตอบก็คือ ใช่ นี่คือสิ่งที่ คนทั่วไปพอพูดถึงการขายเขานึกภาพเหล่านั้น และภาพเหล่านั้นคือสิ่งที่คนไม่ชอบขาย
95% เข้าใจว่านั่นมันคือทั้งหมดของการขาย
จริงๆแล้วพวกเข้าใจว่าการขายต้องโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า และพยายามตื้อ ง้อ ขอ หรือ ยัดเหยียด กดดัน ให้คนที่เขาไปหานั้น ซื้ออะไรที่คนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้หรือ ไม่ต้องการ
ซึ่งมันทำให้คนที่ขายอึดอัด และคนที่ถูกขายก็อึดอัด จริงไหมครับ
นี่คือสิ่งที่อยู่ในหัวคนเลย เพราะเขาเคยโดนมาก่อน เคยโดนนักขายยัดเหยียดมาก่อน เขาเคยโดนนักขายพยายามทำให้เขาซื้อ เขาก็อึดอัดมากไม่อยากจะซื้อไม่รู้จะตัดบทยังไง ฉันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย ฉันไม่อยากเจอสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว
เฮ้ย! แล้วเพื่อนมาชวนฉันไปทำธุรกิจเครือข่าย แล้วเพื่อนก็ทำเหมือนกันเลย ทำเหมือนกับอีกคนเลยที่มาชวนฉัน ฉันก็เลยต้องถามไง ฉันต้องขายไหม แล้วถ้าท่านตอบไม่ได้ จบครับ ถ้าท่านแก้ความกระจ่างในใจเขาไม่ได้ จบ
เดี๋ยวมาฟังวิธีการว่า ต้องตอบยังไง ผมบอกไปแล้วสิ่งแรกเลยท่านต้องทำให้เขาเห็นภาพชัดเจน
ผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนไหวเองขณะที่เราสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง โดยการแบ่งปันให้กับเพื่อนของเรา คนในครอบครัวของเรา แบ่งปันไม่ใช่การขาย เพราะฉะนั้นในธุรกิจเครือข่ายเราไม่จำเป็นต้องทำการขายเหมือนอย่างที่ผมยกตัวอย่างมา ทุกอย่างเลย สาเหตุเป็นเพราะว่า
คุณกำลังทำงานกับคนรู้จัก
คุณกำลังทำงานกับสินค้าที่เขาจำเป็นต้องใช้และต้องการ
คำถามที่ 3 เป็นพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า ?
วิธีการตอบง่ายมากครับ ตอบว่า ไม่ใช่เลยครับ ! สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายแตกต่างกับพีระมิด ก็คือ
พีระมิด ผิดกฎหมาย
แต่ธุรกิจเครือข่ายอยู่มานานมากกว่า 30 ปีแล้ว ถ้ามันผิดกฎหมายมันคงโดนปิดไปนานแล้ว โดยหน่วยราชการของทุกประเทศ
เมื่อท่านเจอข้อโต้แจ้งเรื่องพีระมิดโดยส่วนมากแล้วคนที่โต้งแย้งท่านว่าแชร์ลูกโซ่รึเปล่า พีระมิดรึเปล่า
เพราะผู้คนเหล่านี้กลัวที่จะล้มเหลว กังวล คนที่ท่านกำลังเสนอโอกาสให้ เขาไม่กล้าที่จะลองและต้องการที่จะปฎิเสธท่าน เขากลัว
เขาไม่ได้มีทัศนคติที่เมื่อมีโอกาสแล้วอยากจะคว้าไว้ กลัวไปหมดเลย ก็เลยงัดไม้ตายขึ้นมา แชร์ลูกโซ่รึเปล่า
เพราะเขารู้ว่าท่านจะตอบไม่ได้แน่นอน ท่านจะอึกๆอักๆ เพราะท่านไม่ได้ซ้อมวิธีการตอบมาก่อน และเขาคิดว่าใช้ไม้นี้ท่านสตั้นแน่นอน
และคนส่วนมากสตั้นตอบไม่ได้ แต่ถ้าท่านตอบได้ว่าไม่ใช่ ถ้าผิดกฎหมายโดนจับไปนานแล้ว เห็นด้วยไหม พีระมิดมันผิด ฉันไม่ผิด
คำถามที่ 4 ฉันไม่มีเงิน ( คนที่โดนถามทั่วไปมักจะสตั้นไป 10 วินาที )
คนทั่วไปเมื่อเจอคำถามนี้จะไปต่อไม่ได้
พูดมา 2 ชั่วโมง นำเสนอสุดๆเลย อยากทำนะ แต่ไม่มีเงิน วิธีการตอบง่ายมากๆเลยครับ ง่ายเกินกว่าที่ท่านจะคิดด้วย
ถ้าเป็นผม ผมจะตอบว่า โอเค คุณไม่มีเงินเหรอ ไม่ใช่ปัญหาเลยนะ เพราะคุณสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจเครือข่ายได้หลายยี่ห้อด้วยเงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า 500 บาทด้วยซ้ำ
คุณจะทำธุรกิจเครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวคุณเอง หรือทำงานเพื่อให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้นไปตลอดชีวิตของคุณ นั่นเป็นสิ่งที่คุณเลือกได้ทันที
คำถามที่ 5 สามี ภรรยา ฉันไม่สนใจหรอก!
สิ่งที่ผมจะตอบนั้นและสิ่งที่ ดอน เฟียล่า แนะนำก็คือ
อย่าให้สิ่งเหล่านี้ดึงคุณไว้เพราะปกติแล้วตอนเริ่มแรกเนี่ยก็จะมีสามี มีภรรยา หรือจะมีลูก หรือจะมีพ่อ แม่ เพียงคนเดียวที่ทำธุรกิจ คนอื่นไม่เห็นด้วยหรอกและเมื่อเขาเริ่มสำเร็จ อีกคนหนึ่งก็จะตามมาร่วมด้วยแน่นอน 80-90 %
เมื่อเขาทำรายได้ 50,000 – 100,000 บาท คนที่ค้านจะกลับมาเห็นด้วย ร่วมด้วย คราวนี้มันเป็นที่ใครละ ที่จะทำให้มันเกิดขึ้น
คือคุณนั้นแหละ คุณที่คิดจะทำนั้นแหละไม่ใช่เขาคนที่ต้านคุณอยู่ คุณจะต้องทำให้เขาเห็นว่าคุณประสบความสำเร็จเดี๋ยวคุณก็ชนะทุกข้อโต้แย้ง และในธุรกิจเครือข่ายเมื่อคู่สามีภรรยาสร้างธุรกิจร่วมกันมันไม่ใช่แค่ 1+1 = 2 แต่มันคือ 1+1 = มากกว่านั้น
คำถามที่ 6 การต่อตรงกับบริษัทจะดีกว่า การถูกอุปถัมภ์โดยคนอื่นหรือเปล่า
คำตอบก็คือ ไม่เลยครับ
การที่จะต่อตรงกับบริษัทไม่ดีเลยครับ ถ้าท่านเห็นว่าฉันเป็นคนแรกเลยฉันดีนะ
จริงๆแล้วไม่ดีเลย สาเหตุคือ ยิ่งมีผู้จำหน่ายอยู่ระหว่างคุณกับบริษัทมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ไม่ดีเหรอที่มีคนสนับสนุนท่านมากแทบไม่จำกัดเลย อัพไลน์ท่านมีเป็น 10 ชั้น คนที่ 1 ช่วยไม่ได้ก็ไปคนที่ 2 คนที่ 2 ช่วยไม่ได้ไปหาคนที่ 3, 4
ท่านคิดว่าทำธุรกิจไม่มีความท้าทาย ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นหรอ ท่านคิดว่าท่านไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนท่านคิดหนทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องได้เลยหรอ
ไม่ต้องลองผิด ลองถูกอย่างเดียว ทำได้จริงหรอ ทุกๆคนที่อยู่เหนือคุณเขาพร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ
คำถามที่ 7 ผมต้องทำงานร่วมกับทีมงานลงไปลึกแค่ไหน
คำตอบก็คือ ยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
ผู้จำหน่ายหลายคนครับไม่ทำงานลึกลงไปกว่าระดับชั้นการจ่ายเงินของบริษัท ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง
ยังจำใน บทที่ 9 ที่ผมแบ่งปันได้ไหมครับว่า เมื่อท่านทำงานลึกลงไปกว่าระดับชั้นการจ่ายเงินที่ท่านจะได้ ท่านกำลังเพิ่มความร้อน เพิ่มอุณหภูมิ ให้กับสายงานทั้งสายของท่านให้กับผู้จำหน่ายตั้งแต่ชั้นที่ท่านลงไปช่วยจนถึงชั้นบนเลย แล้วทุกๆชั้นที่โดนอุณหภูมิความร้อนก็จะมีผลต่อรายได้ที่มากขึ้นของเขาด้วย
คำถามที่ 8 ผมจะเลือกบริษัทเครือข่ายได้อย่างไร
ข้อเท็จจริงของมันก็คือ คนส่วนมากมิได้เลือกบริษัทแรกของเขาด้วยตัวเอง
แต่ใครบางคนที่เป็นผู้จำหน่ายอยู่แล้วเป็นคนเลือกเขา ควรทำงานให้กับบริษัทเดียว อย่าเป็นผู้จำหน่ายของหลายบริษัทในขณะเดียวกัน
(อ่านบทความ 7 ขั้นตอนในการเลือกบริษัทเครือข่ายที่ใช่ )
คำถามที่ 9 ผมไม่มีเวลา
เราจะตอบเขาว่าไม่มีเวลาเหรอ ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ สบายมาก คือ คุณสมชายมันมี 4 องค์ประกอบในการรับสมัครสมาชิก หรือ การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ คือ
รายชื่อ
เวลา
การลงมือทำ ใส่พลังงานลงไป
ความรู้
นี่คือ 4 องค์ประกอบ ถ้าผมกำลังจะสปอนเซอร์คนที่ยุ่งมากๆ เหมือนอย่างคุณสมชาย ผมอาจจะพูดง่ายๆว่า ถ้าคุณยุ่งมากผมจะไม่ขอเวลาคุณครับ คุณไม่ต้องใช้เวลาเยอะเลย คุณใช้เวลาวันละ 5 นาทีเท่านั้น
ผมขอแค่รายชื่อจากคุณ คุณช่วยนำแนวคิดเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายไปเล่า ไปบอกเพื่อนๆของคุณและถ้าเขาสนใจให้ติดต่อมาหาผม
คำถามที่ 10 การหาสมาชิก (Recruiting) กับ การอุปถัมภ์ (Sponsoring) ต่างกันอย่างไร
การหาสมาชิกก็คือ
เมื่อท่านพาใครบางคนเข้าสู่ธุรกิจโดยที่เขานั้นมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนอยู่แล้วนั้นคือการหาสมาชิก
เพราะคนที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว สอนนิดเดียว เดี๋ยวเขาทำเป็นหมดเลย
แต่การอุปถัมภ์นั้นคือ
การพาใครบางคนที่ไม่เคยรู้จักธุรกิจเครือข่ายมาก่อนเลยเข้าสู่ธุรกิจ แล้วคุณจะให้คำมั่นสัญญากับเขาว่าจะสอนเขาและช่วยเหลือเขา จนกว่าเขาจะรู้ทุกอย่างและสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย
เหมือนอย่างที่ผมกำลังทำอยู่ คุณอาจสร้างองค์กรได้เร็วมากมาจากการหาสมาชิกแต่คุณจะสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง เติบโตแข็งแรงและยั่งยืนได้ด้วยการ อุปถัมภ์ หรือ Sponsoring เท่านั้น
คำถามที่ 11 ผู้อุปถัมภ์โดยตรงของผมไม่ช่วยผมเลย จะทำอย่างไรดี
ให้ตอบแบบนี้ครับว่า
ให้คุณติดต่อกับคนข้างบนของคุณสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะพบคนที่อยากจะช่วยคุณ
ก็คืออัพไลน์ระดับสูงขึ้นไปนั้นแหละ จนกว่าคุณจะพบคนที่พร้อมจะช่วยคุณ
เมื่อเขาพร้อมที่จะช่วยคุณ คุณก็ทำงานกับเขา สุดท้ายคนที่สปอนเซอร์คุณโดยตรงก็จะออกจากระบบไปอยู่ดี เขาอาจจะเลิก อัพไลน์เลิกทำเป็นเรื่องธรรมชาติ
คุณก็เลื่อนขึ้นมากับคนที่เขาอยากช่วยคุณแล้วก็ทำงานกับคนนั้นไปเลย
คำถามที่ 12 การประชุมสำคัญแค่ไหน
ผมบอกเลยครับการประชุมสำคัญมาก
ระดับ 8-10 เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ
No meeting No business
แล้วยิ่งถ้าท่านไม่เอากองไฟมาสุมรวมกันย่อมไม่เกิดกองเพลิงใหญ่ๆ ไม่เอาท่อนฟืนเปียกน้ำมาอยู่กับพวกท่อนฟืนที่ติดไฟ ท่อนฟืนเปียกน้ำจะโตเหรอ
เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาดที่สุดในการสร้างธุรกิจเครือข่าย เขาจะตื่นเต้นมากๆ เลยว่างานสัมมนาครั้งต่อไปจะมีเมื่อไหร่
เพราะเขารู้และเข้าใจว่า วิธีการทำซ้ำที่ง่ายที่สุดในธุรกิจเครือข่ายที่ทุกคนทำได้คือ การพาตัวเองและทีมงานของเขาเข้างานประชุมครับ
ไม่ต้องใช้ความรู้ ไม่ต้องใช้ทักษะ ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเท่าไหร่เลยเห็นภาพไหนครับ
และยังฉลาดไปกว่านั้นอีกเพราะในงานอีเว้นใหญ่ๆ ในงานประชุมใหญ่ๆจะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จมาเล่าเรื่องราว มาสอนวิธีการมาเล่าสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้คนนั้นไฟลุก เพราะเมื่อมีแรงบันดาลใจ ใจจะบันดาลแรง
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จของท่าน
by อนุสรณ์ เมืองศรี | May 17, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , สร้างธุรกิจจากที่บ้าน
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
ถ้าท่านต้องการใช้อินเตอร์เน็ตมาช่วยในการทำ “ธุรกิจเครือข่าย” แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงจุดไหนดี? บทความนี้คือสิ่งที่จะช่วยให้ท่านพบทางออกในการเริ่มต้นได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน
แต่ก่อนอื่นใดมี 2 สิ่งที่ท่านผู้อ่านจะต้องทำความเข้าใจก่อน เพื่อที่จะทำให้ท่านได้ประโยชน์สูงสุดหลังจากได้อ่านบทความนี้ของผมอนุสรณ์ เมืองศรี
สารบัญเนื้อหา ความแตกต่างระหว่าง การทำธุรกิจเครือข่ายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์) กับการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างธุรกิจเครือข่าย ข้อที่ #1 ต้องแบรนด์ตัวเราเอง ข้อที่ #2 การสร้างเครือข่ายบนโลกออนไลน์ และการสื่อสารกับผู้คน ข้อที่ #3 การสร้างคอนเทนต์ สิ่งที่ท่านต้องทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง สิ่งที่ท่านต้องไม่ทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ข้อที่ #4 “นำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน” ข้อที่ #5 “การติดตามผล”
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ…ต้องมีช่วงเวลาของการเรียนรู้วิธีทำธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์ แบบ 100% เพราะมีหลายสิ่งที่ต้อง
เรียนรู้ ในการใช้อินเตอร์เน็ตมาช่วยสร้างธุรกิจเครือข่าย
อันดับทึ่ 2 ท่านต้องอยู่ ถูกที่…ถูกเวลา… และได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง… ในการลงมือสร้างธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ…เพราะมันไม่ใช่แค่การเสียบปลั๊ก แล้วจะใช้งานได้ทันที
แม้ว่าการสร้างธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะทำแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำบนหลักการเดียวกันที่ต้อง…
สร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง
มีการเปิดโอกาสทางธุรกิจกับผู้คนให้มากที่สุด
ปิดการขายสินค้า และชวนคนเข้าร่วมธุรกิจให้ได้
ขยายองค์กรลงอย่างน้อย 5 ชั้นลึกเพื่อสร้างองค์กรให้มั่นคง ”
อะไรประมาณนี้ที่นักธุรกิจเครือข่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ต้องทำเหมือนกัน แต่มันมีความแตกต่างในรายละเอียดในวิธีการทำการตลาด
ความแตกต่างระหว่าง การทำธุรกิจเครือข่ายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์) กับการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างธุรกิจเครือข่าย
การทำธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์นั้น… จะเป็นการเข้าหาผู้คน แบบเข้าประชิดติดตัวในการจะเริ่มต้นเปิดบทสนทนากับคนรู้จัก หรือคนที่ไม่รู้จัก ด้วยวิธีการอย่างเช่นการคุยกับคนรอบๆ ตัวในระยะ 3 ฟุต ให้ได้มากที่สุด( Three foot rule) และวิธีการเหล่านี้…
การลิสต์รายชื่อคนรู้จัก เพื่อโทรหาคนรู้จัก และการโทรหาคนที่ไม่รู้จัก
การออกไปหาผู้มุ่งหวังตามสถานที่ต่าง การแจกใบปลิว
การจัดประชุมตามโรงแรม หรือการตระเวนเปิดโอกาสทางธุรกิจตามบ้าน
การปิดการขาย
ซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีที่ใช้เวลา เงินทุน และแรงงานมากมาย ในการคำให้ผู้มุ่งหวังสักคนหนึ่งเข้าร่วมธุรกิจกับท่านแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้…ผู้คนมากมายต้องการวิธีการที่ง่ายกว่า,รวดเร็วกว่า และมีช่องทางในการติดต่อผู้คนมากขึ้น แม้จะอยู่คนละทวีปก็ตามก็สามารถสื่อสารกันได้ ทำธุรกิจร่วมกันได้ง่ายขึ้นจริงๆ
เมื่ออินเทอร์เน็ต และโลกออนไลน์ ทำให้ช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันของผู้คนง่ายขึ้น นั้นก่อให้เกิดสิ่งที่พลิกวงการธุรกิจเครือข่าย จากการต้องออกไปตระเวนขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อสร้างธุรกิจ
กลายเป็นการที่ผู้มุ่งหวังที่ท่านไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยในชีวิต ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเข้าร่วมธุรกิจ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโทรหาท่านพร้อมเข้าร่วมธุรกิจกับท่านด้วยตัวเขาเอง
เพราะพลังของการทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ (Network marketing online) ร่วมกับหลักการตลาดดึงดูด (Attraction Marketing) ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ที่ท่านจะได้เรียรู้ในบทความนี้นะครับ
ข้อที่ #1 ต้องแบรนด์ตัวเราเอง
มีสิ่งหนึ่งที่คนเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์ และคนที่กำลังจะเข้าสู่ระบบออนไลน์ทำผิดพลาดมากๆ ก็คือพวกเขาใช้กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่ผิดพลาดเพราะสิ่งที่พวกเขาทำคือ เน้นไปที่การโปรโมทชื่อของบริษัท ทำให้ทุกสิ่งที่ทำในการทำการตลาดนั้น เป็นแค่การทำโฆษณาให้กับบริษัทเครือข่ายที่ทำอยู่เท่านั้นเอง
ซึ่งมันก็ไม่ผิดที่จะภูมิใจในบริษัทเครือข่ายที่เราโปรโมท มั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ยอดเยี่ยม เพราะนักธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 95 % ก็ทำแบบนี้…
แต่มันมีปัญหาตรงที่พวกเขามาผิดทาง
เพราะเขาไม่รู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ “ต้องแบรนด์ตัวเราเอง”
เพราะสิ่งสำคัญบนโลกออนไลน์ที่มีคนมากมายหลายพันล้านคนนั้นก็คือ ท่านต้องเป็นที่รู้จักของผู้คน ผ่านการแบรนด์ตัวท่านเอง ไม่ว่าจะในส่วนของรูป วิดีโอ เรื่องราวของท่าน
สิ่งนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะในการทำธุรกิจเครือข่าย ที่ผู้คนนั้นตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับคน ไม่ใช่กับตัวธุรกิจ มีโอกาสน้อยมากที่ใครสักคนเดินเข้าไปสมัครเข้าร่วมบริษัทเครือข่ายด้วยตัวเอง โดยไม่ผ่านการให้ข้อมูล หรือชักชวนจากใครสักคนที่เขารู้จักมาก่อน
มีผู้มุ่งหวังมากมายที่ต้องการมีรายได้มากขึ้น หรือมีธุรกิจเป็นของตัวเองซึ่งทำให้เขาสามารถเกษียณได้เร็วขึ้น หรือผู้มุ่งหวังที่กำลังมองหาคนที่จะทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้
ซึ่งบทบาทของท่านคือทำให้ผู้มุ่งหวังเห็น และรู้ว่าท่านคือคนที่จะนำทางเขาไปสู่ป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ เขาก็จะเฝ้าดูท่าน ติดตามข่าวสารของท่าน จนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเข้าร่วมธุรกิจกับท่านเมื่อเขาพร้อมจะลงทุนในการเริ่มต้นธุรกิจ
สิ่งที่ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ คือ แบรนด์ตัวท่านเองก่อน แทนที่จะพูดแต่เรื่องสินค้ากับบริษัท
1
คำแนะนำ#1 ต้องแบรนด์ตัวเราเองเป็นอันดับแรก
ข้อที่ #2 การสร้างเครือข่ายบนโลกออนไลน์ และการสื่อสารกับผู้คน
ข้อที่ 2 นี้ เราไม่สามารถมองข้ามได้เลย เพราะถ้าเราไม่สร้างเครือข่าย แล้วการจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนครับ
โดยเฉพาะท่านที่กำลังจะเข้าสู่การทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ท่านต้องสร้างเครือข่าย และสื่อสารกับผู้คนบนโลกออนไลน์ อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ
เพื่อเป็นการทำให้ผู้มุ่งหวัง รู้จัก ,ชอบพอ และ เชื่อถือท่าน
เริ่มต้นได้ง่ายๆ ผ่านโชเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Twitter และ ผ่านวิดีโอที่ท่านโพสต์บน Youtube และช่องทางอื่นๆ ที่ท่านทำให้ผู้คน รู้จักท่าน ตอบคอมเมนต์ หรือคำถามที่ผู้มุ่งหวังสอบถามเข้ามา
เมื่อคำแนะนำของท่านช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ พวกเขาก็จะชอบท่าน ติดตามท่าน ด้วยความเชื่อมั่นในตัวท่าน
ยกตัวอย่างเช่น
การโพสต์บทความบนบล็อก mlmonlineschool.com นี้เรื่องการทำธุรกิจเครือข่ายอย่างที่ผมทำอยู่นี้ ก็เพื่อให้คำแนะนำกับผู้คนที่ต้องการเริ่มต้นใช้อินเตอร์เน็ตในการสร้างธุรกิจเครือข่าย
ซึ่งเมื่อท่านนำคำแนะนำนี้ไปใช้ แล้วสร้างผลลัพธ์ให้กับท่านได้จริง และท่านกลับมาติดตามผ่านบทความเรื่อยๆ ท่านแชร์บทความนี้ให้เพื่อนของท่าน นั้นก็หมายความว่าผมมีเครือข่ายของคนที่รู้จักผมมากขึ้น ซึ่งทำให้เครือข่ายของผมขยายใหญ่ขึ้นนั้นเอง
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ ทักษะในข้อที่ 2 นี้ สร้างผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ
สิ่งที่ท่านให้นั้นต้องมี คุณค่า มีประโยชน์ กับผู้คน
ต้องทำการสร้างเครือข่ายของผู้มุ่งหวังที่สนใจในสิ่งที่ท่านกำลังนำเสนออย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการพูดคุยกับคนที่สนใจในเรื่องการสร้างธุรกิจเครือข่าย มากกว่าการแค่เพิ่มเพื่อนใหม่ไปเรื่อย ใน Facebook หรือมีคนติดตามใน Fanpage ที่ไม่เคยคุยกันเลย
2
คำแนะนำ#2 สร้างเครือข่าย ด้วยการสื่อสารกับผู้คนบนโลกอินเตอร์เน็ต
ข้อที่ #3 การสร้างคอนเทนต์
เราได้พูดถึงการทำให้ผู้มุ่งหวังรู้จักท่านผ่าน การแบรนด์ตัวท่านเอง, และการขยายเครือข่ายบนโลกออนไลน์ด้วย การ ทำให้ผู้คน รู้จัก ชอบพอ เชื่อถือท่าน ผ่านการให้ในสิ่งที่มีคุณค่ากับผู้คน….
ข้อที่ 3 นี้ว่าด้วยการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น บทความในบล็อก ข้อความที่โพสต์ใน Facebook หรือ วิดีโอใน Youtube แล้วแบ่งปันคอนเทนต์ที่มีคุณค่านี้ ให้กับผู้คนบนโลกออนไลน์
ท่านอาจจะมองว่าการสร้างคอนเทนต์เป็นเรื่องที่เสียเวลามาก แถมไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย จนทำให้มองข้ามในการใช้คอนเทนต์มาช่วยในการทำการตลาดเพื่อโปรโมทตัวท่าน หรือ โอกาสทางธุรกิจของท่าน
เพราะท่านไม่รู้ว่า คอนเทนต์นั้นก็คือทุกสิ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ คนบนโลกออนไลน์ รักและเสพติดคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มาก
และคอนเทนต์ที่มีคุณค่า (valuable content) ก็คือสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวังที่กำลังค้นหาข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาของเขาอยู่นั้นเอง รูปแบบของคอนเทนต์ที่เราสามารถแบ่งปันให้กับผู้มุ่งหวัง
บทความในบล็อก
ข้อความต่างๆ ที่โพสต์ใน โซเชียลมีเดีย
อีเมล
การตอบคำถาม
โพสต์รูป, โพสต์อินโฟกราฟฟิก
กรณีศึกษา อย่างเช่น กรณีศึกษาในการทำธุรกิจเครือข่ายผ่านออนไลน์
พอดแคสต์
ไฟล์ให้ดาวน์โหลด อย่างเช่น อีบุ๊ค ไฟล์ mp3
การ Live สดบน Facebook หรือ Youtube
การรีวิว สินค้า บริการ หรือบริษัท
ข้างบนนี้คือตัวอย่างรูปแบบของคอนเทนต์ ที่ท่านสามารถนำไปใช้เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ให้เข้ามาหาท่านเอง เข้ามาพูดคุยกับท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านทำ สอบถามโอกาสทางธุรกิจที่มี
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการของการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังออนไลน์ (Online Lead Generation) ได้โดยที่ท่านไม่ต้องออกไปไล่ล่าผู้มุ่งหวังอีกต่อไป
สิ่งที่ท่านต้องทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง
ทำให้ผู้มุ่งหวังเห็นว่าท่านคือใคร และกำลังทำอะไรอยู่
ให้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้มุ่งหวังแก้ปัญหา ซึ่งทำให้ผู้มุ่งหวังเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มากที่สุด
ให้ทั้งความรู้ และความบันเทิงแก่ผู้บริโภคคอนเทนต์
ให้ข้อมูลที่ทำให้ผู้มุ่งหวังลงมือทำในขั้นต่อไปได้
โปรโมทช่องทางในการก้าวไปสู่ขั้นตอนสำคัญ “การขาย /เข้าร่วมธุรกิจกับท่าน”
สิ่งที่ท่านต้องไม่ทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง
ทำให้ผู้มุ่งหวังสงสัยว่าท่านคือใครกันแน่
แบ่งปันในสิ่งที่น่าเบื่อ แถมใช้ประโยชน์ไม่ได้จริง
แบ่งปันคอนเทนต์ที่สับสนปนเปจนทำให้ผู้คนเข้าใจผิด
ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะไปต่อแล้วในขั้นตอนต่อไป
ไม่มีทางเลือกที่ทำให้ผู้มุ่งหวังไปสู่ขั้นตอนสำคัญ อย่างการขาย (เข้าร่วมธุรกิจ)
ท่านอาจจะสงสัยว่า…แล้วฉันจะเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์ที่ตรงไหน เพราะมีหลายช่องทางมากจริงๆ ในการสร้างคอนเทนต์….
ช่องทางที่ผมแนะนำในการเริ่มต้นที่จะสร้าง และแบ่งปันคอนเทนต์ บนโลกออนไลน์ที่ง่าย และสร้างผลลัพธ์ให้ตัวท่านเองมากที่สุดก็คือ…
การโพสต์คอนเทนต์บนบล็อก (Blog) ของท่านเอง…
เพราะบล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านนั้นคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดบนโลกออนไลน์ของท่านเพราะไม่มีใครจะมาปิดบล็อกของท่านได้
ซึ่งต่างจากการใช้งาน Facebook , Youtube หรือ โซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่สามารถปิดแอคเคาท์ของท่านได้ในทุกวินาที ที่เห็นว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นผิดกฏของพวกเขา
ซึ่งมันคือหายนะดีๆ นี้เอง ถ้ารายชื่อผู้ติดตามท่านในแฟนเพจ หลักหมื่น หายไปในพริบตา หรือยอดคนติดตามหลักแสน หรือวิดีโอที่ท่านสร้างมาอย่างยาวนาน บน Youtube กลายเป็นศูนย์ เมื่อถูกปิดแอคเคาท์
3
คำแนะนำ#3 สร้าง/แบ่งปันคอนเทนต์ ที่มีคุณค่าอย่างสม่ำเสมอ บนบล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านเอง
ข้อที่ #4 “นำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน”
ข้อที่ 4 นี้ จะช่วยแก้สิ่งที่เป็นปัญหาปวดใจให้กับนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ ซึ่งปัญหาก็คือ…
การทำให้ผู้มุ่งหวังบนโลกออนไลน์พบเจอกับคอนเทนต์ของท่านได้อย่างไร?
เพราะมีคอนเทนต์เป็นล้านๆ วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ รอให้ผู้มุ่งหวังไปพบเจอ ดังนั้นท่านต้องเป็นนักจับคู่ให้ คอนเทนต์ไปปรากฏตรงหน้าผู้มุงหวังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องได้
การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ (Traffic) นั้นแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภ ท
1. การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบฟรี (Free Traffic)
แน่นอนว่าการได้รายชื่อแบบฟรี นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ บนโลกใบนี้ เพราะท่านก็ต้องใช้เวลามากมาย เงินทอง และทรัพยากรที่มีไปกับการสร้างคอนเทนต์
ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่าจะส่งผลให้มีผู้มุ่งหวังเข้าสู่ระบบสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง ในตอนเริ่มต้น เพราะการสร้างกลุ่มผู้มุ่งหวังที่ติตดามแบบฟรี นั้นก็เหมือนการที่ท่านหยอดเงินลงกระปุกทุกวัน
เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีผู้ติดตามมากขึ้น เครือข่ายบนโลกออนไลน์ของท่านขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมีรายชื่อผู้มุ่งหวังที่มากขึ้น โอกาสที่จะเปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจมากขึ้นไปด้วย
ท่านสามารถนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบฟรีได้ด้วยการ
ทำ SEO (Search Engine Optimization) คือการทำให้ Google จัดวางตำแหน่งคอนเทนต์ของท่านให้ปรากฏต่อหน้าผู้มุ่งหวังที่ค้นหา ข้อมูล เกี่ยวกับคอนเทนต์ของท่านมากที่สุด
โพสต์วิดีโอบน Youtube หลักการเดียวกันกับการทำ SEO เพราะ Youtube นั้นก็ทำหน้าที่เป็น เสริชเอนจิ้นของวิดีโอด้วย เพราะผู้มุ่งหวังก็ค้นหาวิดีโอ ด้วย คำค้นหา (Keyword) หรือแท็กที่ท่านติดเอาไว้ในวิดีโอ
ใช้โซเชียลมีเดีย ท่านสามารถทำให้ผู้มุ่หวัง เข้ามาบริโภคคอนเทนต์ของท่านผ่านโซเชียลมีเดียได้ จากการที่ท่านแบ่งปันบางส่วนของคอนเทนต์ที่มีคุณค่าให้กับผู้คน แล้วใส่ลิงค์ที่นำไปสู่บทความฉบับเต็มในเว็บไซต์ของท่านในโพสต์
2. การนำ้ผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบใช้เงินลงโฆษณา (Paid Traffic) ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่านอย่างรวดเร็วกว่า ในการเริ่มต้นระบบสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังออนไลน์
ท่านสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้เงินงบประมาณเล็กน้อย วันละ 100 – 300 บาท เพื่อทดลองทำโฆษณา เราสามารถเข้าไปทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ผ่านผู้ให้บริการโฆษณาออนไลน์อย่างเช่น
การทำโฆษณา บน Google Adword
การทำโฆษณาบน Facebook Ads
การทำโฆษณาบน Instagram Ads
จ้างเอเจนซี่ที่ให้บริการทำโฆษณาออนไลน์
4
คำแนะนำ#4 การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์คือสิ่งที่ต้องทำทุกวัน
ข้อที่ #5 “การติดตามผล”
จาก 4 ข้อข้างต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นการเริ่มต้นระบบการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง (lead generation system) ในการทำธุรกิจเครือข่ายผ่านออนไลน์ของท่าน ผ่านการสร้างคอนเทนต์ และการนำคนเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน
ก็จะมาถึงทักษะสุดท้ายที่สำคัญมากๆ อย่างเช่น การติดตามผล
แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า การติดตามผลนั้นก็คือกระบวนการสำคัญมากที่จะทำหน้าที่ ส่งข้อมูลต่างๆ จากท่านส่งตรงไปสู่ผู้มุ่งหวังที่ติดตามท่าน
เพราะจากสถิติของการทำธุรกิจเครือข่าย นั้นพบว่าการจะทำให้ผู้มุ่งหวังตัดสินใจซื้อสินค้า หรือเข้าร่วมธุรกิจกับท่านนั้น ต้องใช้การคุยกันอย่างน้อย 5 – 7 ครั้ง เพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลให้ ถึงขั้นเชื่อใจกันนั้นเอง
การติดตามผลผ่านระบบอีเมล (Email Marketing)
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญมากๆ ในการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังผ่านออนไลน์ ซึ่งกระบวนการติดตามผลจะเริ่มขี้นที่
ผู้มุ่งหวังได้อ่านคอนเทนต์ของท่าน แล้วกดรับระบบจดหมายข่าวของท่าน ผ่าน หน้าดักจับข้อมูล (Capture page)
แล้วท่านก็จะสามารถสื่อสารกับผู้มุ่งหวังผ่านทางระบบอีเมล ที่ท่านจะส่งให้ผู้มุ่งหวังตามที่ตั้งเวลาเอาไว้ได้ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า ระบบอีเมลติดตามผลอัตโนมัติ (Email Autoresponder)
สิ่งที่ท่านสื่อสารกับผู้มุ่หวังผ่านอีเมล ก็คือการส่งข้อมูลที่ผู้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
และแน่นอนส่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ท่านทำ สินค้าที่ท่านแนะนำไปในอีเมลด้วย
การใช้เครื่องมืออย่าง Chatbot อย่าง Facebook Messenger bot ในการสื่อสารกับผูุ้มุ่งหวัง Chatbot เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้กันมากขึ้นเรื่อย ในวงการการตลาดเครือข่ายออนไลน์ในต่างประเทศ ช่วง 2-3 ปีมานี้
เพราะเป็นโปรแกรมสื่อสาร และส่งข้อมูลระหว่างท่านกับคนในกลุ่มที่ติดตามข้อมูลของท่าน เครื่องมืออย่าง Facebook Messenger bot
ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบสองทางที่มีการโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ และไม่ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกถูกรบกวน เหมือนกับการโทรศัพท์หาโดยตรง
ข้อดีของ Chatbot สามารถตั้งค่าให้ส่งข้อมูลที่ไปให้ผู้มุ่งหวังในรายชื่อแบบอัตโนมัติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุดพัก
5
คำแนะนำ#5 จงลงทุนกับการมี เครื่องมือในการ “ติดตามผล” เป็นของตัวเอง
ทั้ง 5 วิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้ ท่านอาจจะยังมีไม่ครบในตอนเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ก็ได้ แต่ สิ่งที่จำเป็นต้องมีในตอนเริ่มต้นก็คือ…
ตัวคอนเทนต์ และช่องทางในการเผยแพร่ คอนเทนต์ไปสู่ผู้มุ่งหวัง
บล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านเอง หรืออย่างน้อยที่สุดต้องมีหน้าดักจับข้อมูลผู้มุ่งหวัง
มีระบบติดตามผลอัตโนมัติ
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จของท่าน
อนุสรณ์ เมืองศรีCo-FounderMLMOnlineSchool.com