จะทำอย่างไร ถ้าทำธุรกิจแล้วคนรอบข้างไม่เห็นด้วย?

จะทำอย่างไร ถ้าทำธุรกิจแล้วคนรอบข้างไม่เห็นด้วย?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ทำธุรกิจแล้วเคยยอมแพ้ รู้สึกว่าคนรอบข้างนอกจากจะไม่เห็นด้วยแล้ว ยังบั่นทอนกำลังใจให้รู้สึกไม่อยากไปต่ออีกด้วย ต้องทำอย่างไร?

วีดีโอ “จะทำอย่างไร ถ้าทำธุรกิจแล้วคนรอบข้างไม่เห็นด้วย?”

หนังสือเสียง 

“จะทำอย่างไร ถ้าทำธุรกิจแล้วคนรอบข้างไม่เห็นด้วย?”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “จะทำอย่างไร ถ้าทำธุรกิจแล้วคนรอบข้างไม่เห็นด้วย?”หนังสือเสียง “จะทำอย่างไร ถ้าทำธุรกิจแล้วคนรอบข้างไม่เห็นด้วย?”ทำไม คนรอบข้างถึงไม่เห็นด้วยกับเราอย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆเราจะต้องยืนเหมือนต้นไม้ใหญ่ชัดเจนกับสิ่งที่ทำยืนหยัดไม่ยอมแพ้

เชษฐวิทย์ สิงขร:

สวัสดีครับมาพบกับเราสองคนอีกครั้งหนึ่ง แล้วนะครับ ปกตินะครับ ถ้าเราเจ็บป่วยแล้วก็ต้องไปหาหมอ เพื่อรับการรักษา แล้วก็ให้หมอจ่ายยาถูกไหมครับ แต่วันนี้นะครับเราสองคนโดยเฉพาะอาจารย์กมลเวช จะมาจ่ายยาให้กับผู้ที่ มีปัญหาหรือกำลังป่วยในการทำธุรกิจวันนี้นะครับ ก็มีคำถาม จากผู้ที่ประสบปัญหา คุณกรสหัส บอกว่าทำธุรกิจแล้วเคยยอมแพ้ รู้สึกว่าคนรอบข้างนอกจากจะไม่เห็นด้วยแล้ว ยังบั่นทอนกำลังใจให้รู้สึกไม่อยากไปต่ออีกด้วย ซึ่งปัญหานี้เขียนมากันเยอะมาก

ยังมีอีกปัญหานึงของ คุณศุภัชญา มีปัญหาคล้ายๆกันก็คือ เคยยอมแพ้เพราะแฟนไม่ทำเครือข่ายค่ะปัญหามีแบบนี้อาจารย์กมลเวชจะจ่ายยาอย่างไร เชิญเลยครับกมลเวช เมืองศรี:

สวัสดีทุกท่านนะครับ ช่วงกมลเวชจ่ายยา เหมือนเป็นหมอเลย จริงๆเอาประสบการณ์ ในการเอาชนะความท้าทาย ในการทำธุรกิจ เอามาแบ่งปันกัน

เวลาเราแบ่งปันวิชาผ่านทางอินเทอร์เน็ต ก็จะมีพี่น้องส่งคำถามมาเยอะแยะเลย

ซึ่งคำถามเมื่อสักครู่นี้ เป็นปัญหาที่ผมเชื่อว่า ผู้ที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจ และอยากให้ประสบความสำเร็จ เจอกันเยอะมาก เรามาลองเจาะประเด็นดูว่าจริงๆแล้วปัญหา มาจากอะไร แล้วเราจะสามารถเอาชนะความท้าทาย ที่ทำให้เราไปต่อไม่ได้

โค้ดแนมเห็นด้วยกับผมไหมครับว่า คนที่เจอปัญหาประมาณ 95-97 เปอร์เซ็นต์เลิกหมดเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ พอเจอปัญหาแล้วเลิกเลยไม่ไปต่อทำให้ธุรกิจที่ ตั้งเป้าหมายไว้ก็ล้มเลิกไปด้วย น่าเสียดายนะครับ

กมลเวช เมืองศรี:

เรามาเจาะทีละประเด็นกันว่า ทำไม คนรอบข้างถึงไม่เห็นด้วยกับเรา

ทำไม คนรอบข้างถึงไม่เห็นด้วยกับเรา

เวลาที่เราอยากจะเริ่มต้น ลงทุนหรือว่าลงมือสร้างธุรกิจ ให้ประสบความสำเร็จ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นวงการธุรกิจออนไลน์ธุรกิจเครือข่าย ขายตรงประกันชีวิต พวกนี้มักจะโดนคนรอบข้าง และเป็นคนที่รักกันทั้งนั้นเลย พ่อแม่ สามี ภรรยา ห้ามไม่ให้เราทำ 

ซึ่งไม่ใช่ว่าผมไม่เคยโดน ผมก็เคยโดนเช่นเดียวกัน ทำให้เรามีความรู้สึกว่าทำไมล่ะเราตั้งใจทำจริงๆแต่ทำไมไม่เห็นด้วยกับเรา เรารู้นะว่ายังใหม่และไม่เกิดผลลัพธ์ แล้วเราจะทำอย่างไร

เพราะคนส่วนมากที่ยอมแพ้นั้นไม่อยากมีปัญหา กับคนที่เขารัก

สมมุติว่าภรรยาหรือสามีไปตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ขายตรงประกันชีวิต หรือขายของออนไลน์ แล้วถ้าสามีไม่เห็นด้วย สามีเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อน

เช่น อาจจะเคยทำแล้วก็ไม่ประสบความสำเร็จ แล้วก็รู้สึกว่าธุรกิจแบบนี้ไม่ดี ฉันทำไม่สำเร็จ เธอก็คงทำไม่สำเร็จ

จริงๆ ตรงนี้ผมอยากแนะนำแบบนี้ครับว่า ถ้าเราต้องการทำธุรกิจอะไรก็ตามให้ประสบความสำเร็จ คนที่ควรมีความเชื่อมั่นเกิน 100% หรือพันเปอร์เซ็นต์คือเราก่อน

ความเชื่อมั่นของเราจะเปรียบเหมือนต้นไม้ใหญ่ ที่อยู่กลางทุ่ง ที่ในทุ่งเหล่านั้นอาจจะมีแต่ต้นไม้เล็กๆหรือหญ้าเต็มไปหมดเลย แต่ต้นไม้ใหญ่นี้จะต้องมีคุณสมบัติสำคัญอย่างหนึ่ง ไม่ว่าพายุจะพัดฝนจะกระหน่ำ ท่านต้องยืนหยัดเหมือนต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น

อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ

อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ ให้กับ สิ่งต่างๆ ที่ถาโถมมาจากคนที่เรารัก ซึ่งผมทราบดีว่ายิ่งคนที่เรารักไม่เห็นด้วย ยิ่งทำให้รู้สึก คับแค้นใจและเจ็บปวดมากกว่าคนอื่น

และทำให้คนที่ เจอเหตุการณ์แบบนี้ตัดสินใจเลิกหมดเลย เพราะไม่อยากมีปัญหากัน ผมเองก็เคยเกิดประเด็นเหล่านี้ในชีวิตจะเล่าให้ฟังนะครับ

สมัยที่ผมเริ่มต้นอยากจะทำธุรกิจจากที่บ้านให้ประสบความสำเร็จ เมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว ทำยังไม่เกิดผลลัพธ์ลงทุนไปเป็นแสน ดูแล้วยังไม่มีวี่แววแต่ผมเชื่อว่าผมสามารถประสบความสำเร็จได้

มีอยู่วันหนึ่งผมก็ได้รับโทรศัพท์ โทรมาจากคุณพ่อนั่นเอง ผมก็นึกว่าโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบ สอบถามว่าครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง ลูกผมยังเล็กอยู่ แต่พ่อโทรมานั้นน้ำเสียงไม่ดีเลย คือแบบโกรธมาเลย

น่าจะปรึกษากับคุณแม่เรียบร้อยแล้วว่า เดี๋ยวต้องจัดการให้ได้ต้องเอาลูกกลับไปทำงานประจำให้ได้ เพราะพ่อกับแม่ อยากให้ผมทำงานประจำ แต่ผมไม่ต้องการทำงานประจำ ผมลาออกมา เพื่ออยากจะสร้างธุรกิจให้สำเร็จ

พ่อก็เริ่ม บอกว่าส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาไม่มีสมองหรือไง ถึงมานั่งทำธุรกิจอะไร บ้าๆ บอๆอย่างนี้ จะต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียนะ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยง ดูแล้วไม่มีอนาคตเลย ไม่ได้สอนให้ลูกมาเป็นคนโง่แบบนี้นะ

ที่ผมเล่านี่พูดแบบเบาๆนะครับ แต่จริงๆนี้หนักกว่านั้นครับ พ่อวางหูไป และคิดว่าจะทำให้ลูกตระหนัก

ซึ่งลูกก็ตระหนักแต่วิธีการสื่อสารนั้น ผมรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธท่านนะ ครับผมรับทราบดี ถึงความเป็นห่วงของท่าน แต่พอวางโทรศัพท์ปุ๊บ น้ำตาผมก็ไหลเลยทันที กลั้นไม่อยู่

ภรรยาผมเห็นอาการ แล้ว เพราะเห็นว่า โทรศัพท์อยู่นาน 5 นาที ผมนั่งร้องไห้คนเดียวทนไม่ไหว เพราะว่าเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจมากเราเชื่อมั่น และเราอยากสำเร็จ แต่คนที่เรารักมากที่สุดในชีวิตคือคุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นด้วย แล้วต้องการให้เราเลิก และกลับไปทำงานประจำ

โค้ชแนม เห็นด้วยไหมครับว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่บอบบางที่สุดของเรา ง่ายมากเลยที่จะเลิก แล้วจังหวะนี้แหละที่คนเลิก

แต่ผมไม่เลิก ผมตัดสินใจเลยว่า ยังไงผมก็ไม่อนุญาตให้ใครมาขโมยความฝัน ของผมได้ จำคำนี้ไว้นะครับ ถ้าเราต้องการประสบความสำเร็จ และเรากำลังทำอะไรใหม่ๆที่คนรอบข้างไม่เห็นภาพว่าเรากำลังทำอะไร และเขาไม่เชื่อว่าเราจะทำได้

Giant-Raintree-KanchanaburiGiant-Raintree-KanchanaburiGiant-Raintree-Kanchanaburi

เราจะต้องยืนเหมือนต้นไม้ใหญ่

เราจะต้องยืนเหมือนต้นไม้ใหญ่ และไม่อนุญาตให้ใครมาขโมยความฝันของเราไปได้ เพราะผมเชื่อว่าถ้าผมประสบความสำเร็จแค่คนเดียว ครอบครัวผมตระกูลผม ก็จะสุขสบายหมดเลย สมมุติผมทำธุรกิจจนมีรายได้เป็นล้านบาท คิดว่าครอบครัวเราจะดีขึ้นไหมครับ คุณภาพชีวิตดีขึ้น การกินการอยู่ บ้านรถ ทุกอย่าง

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ครับเพราะเราประสบความสำเร็จแค่คนเดียวทุกคนในครอบครัวก็ได้รับผลจากความสำเร็จนั้นด้วย

กมลเวช เมืองศรี:

ดังนั้น ท่านที่กำลังมีปัญหาคนรอบข้างไม่เห็นด้วยหมดหวังท้อแท้หมดกำลังใจ ถ้าท่านอยากประสบความสำเร็จจำคำผมไว้นะครับ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด ท่านก็ ครับ ขอบคุณมากเลยครับ

แต่หูของท่าน จะต้องเหมือนมีบานพับที่ปิดเอาไว้อย่ารับ ความคิด – เหล่านั้นเข้ามา

เมนทอลของผมท่านหนึ่ง ผู้ที่ทำรายได้ 300 ล้าน ด้วยการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ท่านเคยแบ่งปันกับเราไว้ เขาไม่อนุญาตให้ใคร มาขโมยความฝันของเขาเลยแม้แต่แม่ของเขาเอง

แม่ของเขาจะเป็นกลุ่มคนที่ชอบเสพข่าว และฟังแต่เรื่องลบๆ เศรษฐกิจไม่ดีลงทุนทำธุรกิจเดี๋ยวโดนโกง ทำธุรกิจเดี๋ยวไม่ประสบความสำเร็จเดี๋ยวเจ้งขึ้นมาจะทำอย่างไร จะใส่แต่ความคิดลบ

เขาจะสื่อสารกับคุณแม่อย่างนี้ คุณแม่ครับ ผมรักคุณแม่มาก แต่ ณ ตอนนี้ผมต้องขออนุญาต ที่จะไม่สื่อสารกับแม่เกิน 5 นาที นะครับ เพราะพลังจากความคิดลบจากคนที่เรารักจะรุนแรงมากกว่าคนอื่นหลายเท่า 

หลังจากที่ผมได้รับการโค้ชชิ่ง สิ่งเหล่านี้ เราก็เลยเข้าใจว่าเรามีคุณสมบัติเหล่านี้ เหมือนกับตอนนั้นที่เราฟัง และเราก็ยัง ยืนหยัด และขอเวลา 3 ปี

3 ปีนี้ถ้าผมทำในสิ่งที่ทำนี้ไม่สำเร็จ ผมยินดีที่จะทิ้งทุกอย่าง แล้วกลับไปทำสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ผมทำ อยากให้ผมทำงานไปตลอดชีวิต ใช่ไหม ได้เลยผมยินดี แต่ผมขอ 3 ปี และขอให้สนับสนุนผมนะ ขอให้รักผมเหมือนเดิม ผมไม่ได้ดื้อ แต่ผมมีความเชื่อมั่นมาก ว่าจะประสบความสำเร็จ ขอเวลา 3 ปี ทำไมต้อง 3 ปีครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เพื่อที่จะมีระยะเวลากำหนดให้ เราใช้เวลาสร้างธุรกิจและให้ท่านได้รอด้วย เพราะเราต้องพัฒนาตนเอง

กมลเวช เมืองศรี:

ไม่ใช่เราสัญญาว่าเดือนหน้าเราจะประสบความสำเร็จ เป็นไปไม่ได้เพราะมันเร็วเกินไป เหมือนกับสัญญาไปเพื่อตัดปัญหา

การทำธุรกิจ มันต้องใช้เวลา กว่าจะพัฒนาตัวเอง กว่าจะเรียนรู้วิธีการทำการตลาด กว่าจะลงมือทำจนเกิดทักษะ กว่าจะสร้างผลลัพธ์ จากคนคนนึงที่ไม่เคยทำธุรกิจอะไรสำเร็จมาก่อนเลย จะให้สร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จมีรายได้หลักแสนหลักล้าน

ชัดเจนกับสิ่งที่ทำ

หลังจากที่ผมชัดเจนมาก ว่าผมจะไม่ยอมแพ้ไม่เลิกแล้วก็จะไปต่อ และขอให้เป็นกำลังใจให้ผมด้วย และอย่าว่าผมอีก ผมขออย่างเดียวคือกำลังใจ

เพราะถ้าผมสำเร็จแล้ว สำเร็จกันหมดทั้งครอบครัว ทายซิว่าเมื่อเวลาผ่านไป เราสำเร็จไหม เราก็ต้องสำเร็จสิครับ ถ้าเราไม่สำเร็จเท่ากับเราจะต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ ตลอดชีวิต คือเดิมพันชีวิตกันเลย

มันเลยทำให้ผมมีแรงบันดาลใจอย่างแรงกล้า ผมจะตื่นนอนเหมือน ที่บ้านถูกไฟไหม้ ตื่นมามีพลังมากวันนี้ต้องทำอะไร เราออกไปทำธุรกิจกันตะลุย เต็มที่ จนเราทำรายได้จากหลักหมื่น เป็นหลักแสนจากหลักแสนเป็นหลักล้าน

เท่านี้แหละสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไรรู้ไหมครับพ่อกับแม่โทรมาใหม่ ดีใจนะประสบความสำเร็จแล้ว มีบ้านใหม่มีรถใหม่ โอนเงินให้มากกว่าเดิมหลายเท่า

สมัยก่อนตอนผมไม่มีเงิน ผมยังโอนให้แม่ 2,000 บาท ไม่มีจะกินเลยนะยังต้องกันให้แม่นะ ผมไม่ได้บอกแม่นะว่า ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมไม่มีเงินแล้วนะ ผมไม่อยากให้คุณแม่กับคุณพ่อไม่สบายใจ

แต่คุณแม่ก็รู้สึกเสียใจว่า ทำไมทำธุรกิจสำเร็จแล้วให้แม่ 2,000 บาท แต่จริงๆตอนนั้นไม่ได้พูดความจริง ผมเลยแนะนำว่าเวลามีปัญหาอะไร ควรพูดความจริงกับคนใกล้ตัวเห็นด้วยไหมครับ พูดความจริงนะครับ สุดท้ายแล้วเราจะต้องมาถึงจุดที่พูดความจริงอยู่ดี

เพราะฉะนั้นอย่าหลอกสถานการณ์เป็นอย่างไร สถานการณ์การเงินเป็นอย่างไรธุรกิจเป็นอย่างไร ต้องสื่อสารให้ชัดเจน หลังจากที่เราประสบความสำเร็จแล้วโทรศัพท์มาใหม่ ทั้งพ่อและแม่ ถามว่าเป็นยังไงบ้างลูก ธุรกิจดีขึ้นมากใช่ไหม ดีใจด้วยนะ

จากที่เคยไม่เห็นด้วยกลับโทรมาชื่นชมและก็อวยพร คุณพ่อจากที่ เคยโทรมาต่อว่า โทรมาใหม่ และบอกว่าดีใจด้วยที่ลูกประสบความสำเร็จ ยินดีมากๆเลย และพ่อ ขออวยพรให้ลูก ประสบความสำเร็จ

ยืนหยัดไม่ยอมแพ้

กลายเป็นแบบชื่นมื่นไปหมดเลย ทั้งหมดนี้คือสาเหตุหลักมาจากที่เรา ยืนหยัดไม่ยอมแพ้

เพราะฉะนั้นทุกท่านครับ ถ้าต้องการเปลี่ยนคำขัดขวางไม่ให้เราประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้ไม่ใช่เขาไม่รักเราเขารักเรามาก แต่เขากลัวว่าเราจะไปล้มเหลวและรับไม่ไหว เขาเลยต้องดึงเรากลับมา ในจุดที่ทุกคนอยู่แล้วเราสบาย จริงๆแล้วไม่ค่อยสบายหรอกนะ

เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วผมสรุปเลยว่า ทั้งคุณกรสหัส และคุณศุภัชญา ที่ถามคำถามมา ถ้าได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หรือตอนนี้กำลังดำเนินธุรกิจอยู่ จงอย่ายอมแพ้โดยเด็ดขาด แล้วก็ยืนหยัด ถึงแม้ว่ารอบข้างเราคนทั้งโลกจะไม่เห็นด้วยกับเราเลย เราก็ต้องยืน เพราะวันใดที่เราทำแล้วประสบความสำเร็จ วันนั้นเราจะชนะคนทั้งโลกที่ไม่เห็นด้วยกับเราโค้ดแนมมีประสบการณ์นี้ไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ประสบการณ์ในส่วนของผม เนื่องจากเราเห็นข้อมูลธุรกิจมามากกว่าเขา ซึ่งเขายังไม่ได้เห็นรายละเอียดต่างๆ

สิ่งที่ผมทำก็คือ พามาดูด้วยเลย มาดู มาเห็นด้วยกัน แล้วค่อยมาห้ามกันอีกทีนึง เพราะตอนแรกที่เขาคัดค้านเพราะเขาไม่เห็นข้อมูล และไม่เห็นภาพ เราแค่เอาความตื่นเต้นของเราไปเล่าให้เขาฟัง

ซึ่ง เนื่องจากเขามีประสบการณ์เดิมๆ ก็อาจจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เราเข้าใจมาเพราะฉะนั้นพาเขาไปฟังด้วย ก็จะทำให้ลดสิ่งที่เขากังวลลงไปได้มาก แล้วถ้าเขาเห็นด้วยเขาก็จะมาช่วยเราทำ ถ้าเขาเห็นว่าสิ่งที่เราตัดสินใจนั้นถูกต้อง

แต่คนที่ทำงานหลักก็ยังคือเรา เราก็ต้องรักษาเป้าหมายความฝันของเราให้ประสบความสำเร็จ

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นสิ่งที่ดีมากครับ ซึ่งคนที่มีครอบครัว ใครก็ตามที่เป็นนักสร้างโครงการใหม่ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายสามี อยากจะทำอะไรใหม่ๆ ภรรยาก็มัก จะกังวลว่าทำได้เหรอ เพราะธรรมชาติของสุภาพสตรี ต้องการความมั่นคง ไม่อยากให้ครอบครัวมีปัญหา แต่ผู้ชายชอบความตื่นเต้นชอบลุย

มันไม่มีอะไรผิดถ้าคู่ของท่านไม่เห็นภาพและไม่สนับสนุน หน้าที่ของท่านก็คือ ก็ต้องยืนหยัดและบอกกับเขาว่าขอเวลา จะ 1 2 หรือ 3 ปีขอเถอะ และขอให้คุณสนับสนุนฉันนะ อย่าได้คัดค้านเลย

เพราะมีเมนทอลอีกท่านหนึ่งแนะนำผมว่า คุณเดินทางรอบโลกสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จมีเป็นสิบเป็นร้อยล้าน เคยโดนขัดขวางบ้างไหม เขาบอกว่า มี และถ้า เขาไม่ให้ทำ คุณจะทำอย่างไร เขาบอกว่าเขาก็จะเลิก กับภรรยา

เขาบอกว่ารักภรรยามากแต่ถ้าใครก็ตามมาขัดขวาง ความฝันของเขา แต่ยังรักเหมือนเดิม แต่จะขอตามความฝัน เพราะเขาชัดเจน และขอให้ภรรยาสนับสนุนเขา

ทายสิครับว่าภรรยาเขาเลิกหรือว่าเดินตาม สุดท้ายภรรยาเดินตามความฝันกับเขาด้วย

เพราะท่านเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ว่าจะโดนพัดกระหน่ำ หรือพายุอะไรก็ไม่ล้ม สุดท้ายใครจะแพ้ มันต้องมีฝ่ายหนึ่งที่แพ้ ถ้าท่านไม่ใช่ฝ่ายแพ้ ก็อีกฝ่ายนึงเป็นฝ่ายที่แพ้

ถ้าท่านยืนหยัดหลักการนี้ไว้ท่านจะเป็นผู้ชนะ ตลอดกาล 

เชษฐวิทย์ สิงขร:

สำหรับวันนี้ท่านได้รับ การจ่ายยาจากอาจารย์กมลเวชไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าท่านคงจะนำไปใช้ และนำไปสร้างธุรกิจของท่าน จนประสบความสำเร็จ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม

ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

น้องควรทำธุรกิจเครือข่ายอะไรดี เพราะในปัจจุบันมีธุรกิจเครือข่ายมากมาย เต็มไปหมดเลย น้องเป็นคนลาวอายุ 20 ปี แต่มีความชอบในธุรกิจเครือข่าย

อยากทราบว่าจะเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายบริษัทไหนดีเพราะมีเต็มไปหมดเลย ดูแล้วก็ดีไปหมดเลย

วีดีโอ “ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม”

หนังสือเสียง 

“ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม”

สารบัญเนื้อหา

“ธุรกิจเครือข่าย เลือกอย่างไรให้ยอดเยี่ยม”หลักการข้อที่ 1บริษัทจดทะเบียนถูกต้อง และเปิดมามากกว่า 5 ปีหลักการข้อที่ 2สินค้าดี มีความจำเป็นต้องใช้ และต้องซื้อซ้ำหลักการข้อที่ 3แผนการจ่ายผลตอบแทนคุ้มค่าและยุติธรรมหลักการข้อที่ 4ต้องมีระบบที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้หลักการข้อที่ 5มีผู้นำที่ดี

กมลเวช เมืองศรี:

สวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้ผมกับอาจารย์เชษฐวิทย์ ได้รับคำถามเยอะแยะมากมายที่ส่งเข้ามาถึงเรา เราก็เลยเข้ามาตอบคำถามในช่องทาง Social Media เพื่อที่จะให้ทุกๆท่านที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ในการพัฒนาตนเองเพื่อที่จะสร้างธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ ได้เจอกับช่องทาง ในการแก้ไขปัญหาของท่านที่มีอยู่ 

อาจารย์เชษฐวิทย์ วันนี้มีคำถามอะไรบ้างครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีคำถามหลายคำถามที่อยากจะรู้อยากจะทราบ เรื่องราวต่างๆหลังจากที่ได้ศึกษาเรียนรู้กับอาจารย์กมลเวช กูรูทางด้าน MLM Online เรามาเริ่มกันเลยที่คำถามแรก 

จากผู้ที่เรียกตัวเองว่าน้องมีคำถามว่า น้องควรทำธุรกิจเครือข่ายอะไรดี เพราะในปัจจุบันมีธุรกิจเครือข่ายมากมาย เต็มไปหมดเลย น้องเป็นคนลาวอายุ 20 ปี แต่มีความชอบในธุรกิจเครือข่าย นี่คือคำถามครับ

กมลเวช เมืองศรี:

คุณอิ๊บ พี่น้องจาก สปป.ลาว ที่ได้ส่งคำถามมาถึงเรา และอยากทราบว่า จะเริ่มทำธุรกิจเครือข่ายบริษัทไหนดี เพราะมีเต็มไปหมดเลย ดูแล้วก็ดีไปหมดเลย

ผมเชื่อว่าก็เป็นเหมือนหลายๆ ท่านที่กำลังมองหาช่องทางธุรกิจ และอยากจะเลือกบริษัทที่เวิร์ค ที่ถูกต้อง 

เราก็เคยมีประสบการณ์ในการเลือกบริษัทที่ไม่ดี และสิ่งที่ตามมาคือ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีปัญหาต่างๆ และบริษัทบางครั้งก็ทำไม่ดีกับนักธุรกิจ หรือบางทีไปต่อไม่ได้เพราะมีปัญหาในการสร้างทีม

กมลเวช เมืองศรี:

ผมขออนุญาตแบ่งปันอย่างนี้นะครับ มันมีหลักการในการเลือกธุรกิจเครือข่ายอยู่ ผมจะเอามาแนะนำให้ท่านรู้ว่าถ้าท่านจะเลือก ธุรกิจเครือข่ายบริษัทหนึ่ง เราควรจะใช้หลักการอะไรเพื่อให้รู้ ว่าบริษัทที่เราเลือกไปนั้น มันจะเวิร์คสำหรับเรา คือทำแล้วได้เงินได้เลื่อนตำแหน่ง มี Passive Income และสินค้าดีด้วย 

1

หลักการข้อที่ 1

บริษัทจดทะเบียนถูกต้อง และเปิดมามากกว่า 5 ปี

เป็นบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าจดทะเบียนไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อไม่ตรง สินค้าไม่ตรง ระมัดระวังเลยนะครับ จะกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะเขาอาจจะไปสวมกับทะเบียนคนอื่น ซึ่งมันมีเยอะมาก เราต้องระวัง

แล้วถ้าเกิดบริษัทนั้นกลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขึ้นมาจริงๆ แล้วเราแนะนำคนไปเยอะ เราจะกลายเป็นโดนหางเลขด้วยทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องด้วยเลย เพราะกฎหมายจะเอาผิดกับผู้นำด้วย 

และบริษัทนั้นจะต้องเปิดมาแล้วมาก กว่า 5 ปี เห็นด้วยไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เห็นด้วยครับเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่า บริษัทเปิดมาแล้วจริงจังกับธุรกิจ ไม่ใช่เปิดมาเพื่อที่จะหลอกเอาเงินเรา

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่ เป็นคำแนะนำที่ถูกต้องมาก เพราะอะไรบริษัทนั้นควรจะมีอายุเกิน 5 ปี  

แล้วมาเข้าตอนนี้มันไม่ช้าไปเหรอ จริงๆ แล้วไม่เกี่ยวมันยังมีโอกาสอีกมาก

ถ้าท่านต้องการจะสร้างธุรกิจแล้วให้ประสบความสำเร็จ และบริษัทจะจ่ายเงินให้ท่านไปตลอดชีวิตโดยไม่ปิดไปก่อน ในวงการธุรกิจเครือข่ายนะครับทุกท่าน บริษัทที่เปิดใหม่ๆ มักจะอยู่รอดไม่เกิน 5 ปี

และถ้าบริษัทอยู่ไม่รอดเกิน 5 ปี และปิดตัวไปก่อน หนีไปก่อน หรือแจ้งไปก่อน

องค์กรที่ท่านสร้าง รายได้ที่ท่านสร้าง สมมุติว่าท่านสร้างรายได้มากกว่าแสนบาทต่อเดือนแล้ว แต่ถ้าบริษัทปิดไปรายได้ท่านก็จะหายหมดเลย เพราะฉะนั้นไม่น่าเสี่ยงเด็ดขาด

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เราเคยเจอมาเหมือนกันนะครับ บริษัทใหม่ที่เราทำไม่ถึงปีก็ปิดไปเสียแล้ว นี่คือประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันกัน ท่านจะต้องระวังไว้

กมลเวช เมืองศรี:

คือ บริษัทใหม่ๆ นั้นมันดูดีมาก เปิดตัวยิ่งใหญ่อลังการ มีสินค้าเทพ แผนการจ่ายผลตอบแทนยิ่งเทพ พวกนี้น่ากลัวมากผมบอกเลยครับ ระมัดระวังให้ดี อะไรที่จ่ายเยอะเกิน ไม่น่าเชื่อว่าจะจ่ายได้ขนาดนี้ให้ระมัดระวังให้ดี

เขาเรียกว่า Over Play  แล้วก็จ่ายไม่ไหว จะเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ คือ ไปเอาเงินจากคนใหม่มาจ่ายให้คนเก่า 

2

หลักการข้อที่ 2

สินค้าดี มีความจำเป็นต้องใช้ และต้องซื้อซ้ำ

สินค้าจะต้องดี และเป็นสินค้าที่ผู้คนจำเป็นจะต้องซื้อใช้ซ้ำทุกเดือน

เพราะธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจแห่งการซื้อซ้ำ ถ้าท่านสร้างธุรกิจเครือข่ายและสินค้านั้นซื้อซ้ำได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น เตียงแม่เหล็ก  โค้ชแนม จะซื้อเตียงแม่เหล็กทุกเดือนไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ไม่หรอกครับซื้อครั้งเดียวแล้วใช้ไปตลอดชีวิต 

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะฉะนั้นบริษัทเครือข่ายใหญ่ๆ ก็มาจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ประจำวัน สบู่ยาสีฟัน อาหารเสริม ครีมทาหน้า สินค้าพวกนี้คือคนต้องใช้ทุกวัน

แต่มันจะแบ่งออกเป็น 2 ระดับคือ จำเป็นต้องใช้ และไม่จำเป็นต้องใช้  ยาสีฟันจำเป็นใช่ไหม อาหารเสริมราคาแพงแพงจำเป็นไหม สินค้าจะต้องดีผู้บริโภคใช้แล้วประทับใจ ใช้แล้วเห็นผล 

เชษฐวิทย์ สิงขร:

จากประสบการณ์ถ้าสินค้านั้นดี และประหยัดมากกว่าท้องตลาดจะทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตได้อย่างยั่งยืน 

กมลเวช เมืองศรี:

ถ้าสินค้าแพงเกินไป จะมีผลหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีผลครับเพราะถ้าสินค้าแพงใช้แล้วหมดไปก็จะต้องซื้อใหม่อีกแล้ว ก็จะต้องลงทุนซื้อสินค้านั้นทุกๆเดือน จะทำให้ลงทุนเยอะเกินไป

3

หลักการข้อที่ 3

แผนการจ่ายผลตอบแทนคุ้มค่าและยุติธรรม

กมลเวช เมืองศรี:

แผนการจ่ายผลตอบแทน เรื่องรายได้สำคัญมากใช่ไหม แล้วเราจะเลือกอย่างไรว่าแผนไหน ดีแผนไหนไม่ดี แล้วเหมาะกับเราหรือไม่

ท่านต้องเลือกประกอบการตั้งแต่ข้อแรก มีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมีรายได้หลักแสนหลักล้านต่อเดือนบ้างหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าแผนธุรกิจบริษัทนั้นใช้ได้ ผู้คนยังไม่เลิก และยังขึ้นตำแหน่งอยู่ มีคนออกรถใหม่ซื้อบ้านใหม่  

คือดูประกอบการว่าบริษัทนี้จ่ายผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ และทีมงานต่างๆ โตขึ้นหรือไม่ เพราะเรื่องของผลตอบแทนนั้นสำคัญมาก 

เมื่อโย’กับข้อหนึ่งแล้ว ท่านสร้างธุรกิจไป ถ้าบริษัทนั้นมีแผนทำให้จ่ายเงินเยอะจน Over Pay  สุดท้ายก็ไม่มีเงินจ่ายปิดตัวไป กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ไปเลย 

เพราะฉะนั้นจำไว้นะครับว่า บริษัทเครือข่ายที่เติบโตในทุกวันนี้ ส่วนมากจ่ายค่าคอมมิชชั่นไม่เกิน 8 ถึง 12 เปอร์เซ็นต์

จะเป็นแผนกี่ข้อก็ตามเมื่อคำนวณแล้ว แทบทุกบริษัทจะจ่ายเท่านี้ทั้งสิ้น ถ้าท่านกำลังพิจารณาแล้วผ่าแผน ท่านลองดูว่าเมื่อจ่ายเงินแล้วรวมทั้งหมดจ่ายออกมากี่เปอร์เซ็นต์

อย่าไปเชื่อเรื่อง 50% นะครับ มันเป็นแค่บางข้อเท่านั้น 

ถ้าบริษัทเหล่านั้นจ่ายประมาณเท่านี้ผมเชื่อว่าเขาอยู่ได้  โค้ชแนม เจอบริษัทที่จ่ายแรงจ่ายเร็วแล้วหายไปมีบ้างไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีครับ เป็นบริษัทเปิดใหม่นี่แหละครับ แล้วก็มาโฆษณาชวนเชื่อ เลยทำให้ผู้คนเข้าไปและหลงเชื่อ

คนแรกๆอาจจะได้ ก็มองเห็นว่าคนแรกได้แต่ในท้ายที่สุดแล้ว บริษัทจ่ายเยอะเกินไปทำให้จ่ายไม่ไหวบริษัทก็มีปัญหา มีบริษัทแบบนี้เยอะมาก

กมลเวช เมืองศรี:

ต้องระมัดระวังนะครับเราเคยมีประสบการณ์มาก่อน เราเคยเลือกผิดเช่นเดียวกันแล้วพอเราเลือกผิด กลับกลายเป็นว่าเราดูเหมือนจะไปหลอกคนด้วย แต่เราไม่ได้มีเจตนาจะทำแบบนั้น

แต่พอบริษัทปิด คนที่อยากมาทำธุรกิจกับเรา ก็คิดว่าเราคือคนทำผิดไปด้วย ซึ่งต้องระมัดระวังมากๆ

4

หลักการข้อที่ 4

ต้องมีระบบที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้

ข้อนี้สำคัญมาก ให้ดูระบบ ว่าระบบของคนที่มาชวนท่าน ว่าเขามีระบบที่จะสามารถพัฒนาตัวท่านในการทำธุรกิจเครือข่าย

และมีระบบที่จะสนับสนุนให้ท่านประสบความสำเร็จง่ายขึ้นหรือไม่ ผมเชื่อว่าโค้ชแนมน่าจะแยกแยะระหว่าง

องค์กรที่ไม่มีอะไรเลยมีแต่คำคุยโฆษณาว่าแผนดีที่สุด พอสมัครเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะสอนอะไร

กับองค์กรที่มีระบบดีจริงๆ พัฒนาคนเป็นขั้นเป็นตอนเข้าใจวิธีเชิญคน เข้าใจการสปอนเซอร์คน โค้ชแนม ว่ามันแตกต่างกันเยอะไหม 

เชษฐวิทย์ สิงขร:

แตกต่างกันเยอะมาก ผมผ่านธุรกิจเครือข่ายมามากกว่า 10 ปี ระบบในสมัยนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน คือ ระบบการเรียนการสอน

ในสมัยก่อนเขาจะเรียกว่าเซ็นเตอร์ ซึ่งเราจะต้องไปเรียนที่เซ็นเตอร์ เป็นโรงเรียนสอนธุรกิจ ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีอะไร เขาสอนแล้วเราเข้าไปเรียนรู้แล้วก็นำไปลงมือทำ นั่นคือระบบในสมัยก่อน

แต่ในปัจจุบันนี้เรามีระบบเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากมาย เรามีระบบที่ทันสมัย

กมลเวช เมืองศรี:

ถ้าเอาตามหลักการที่ถูกต้อง เราควรจะเอาไปใช้ในออนไลน์ด้วย เพราะผู้คนบนโลกออนไลน์ก็คือผู้คนแบบเรานี่แหละ แค่ถือโทรศัพท์และก็เข้าไปในโลกออนไลน์

เราจึงสามารถทำการตลาดออนไลน์  ช่วยค้นหาผู้มุ่งหวังที่ใช่ ที่เขาอยากจะทำธุรกิจเครือข่ายแล้วก็นำเข้าสู่ระบบของเรา 

ท่านต้องตรวจสอบให้ดีถามผู้สปอนเซอร์ของท่าน ว่ามีระบบสอนการเชิญคนมาดูอากาศไหม

มีระบบสนับสนุนในการสปอนเซอร์หรือไม่ มีการบรรยายทุกสัปดาห์หรือไม่ อัพไลน์สามารถจะพาผู้สมัครใหม่ไปสปอนเซอร์ทีมงานใหม่ๆ ได้หรือไม่ แล้วสอนอย่างไร

ถ้าท่านไม่รู้ ขอให้ท่านดูวีดีโอเก่าๆของเรา ที่เราสอนอย่างละเอียดว่าจะต้องเริ่มต้นธุรกิจเครือข่าย  1 2 3 4 อย่างไร ถ้ายังไม่เคยดูคอมเมนต์ลงไปนะครับว่าขอดูวีดีโอเหล่านี้ หรือคลิกลิงก์ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ ก็จะพาให้ท่านไปดูวิธีการที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายประสบความสำเร็จ

ถ้าไม่มีระบบท่านจะทำงานลำบาก คือจะต้องเรียนรู้และลุยเอาเอง จงหาทีมที่มีระบบที่ดี

5

หลักการข้อที่ 5

มีผู้นำที่ดี

สำคัญมากเลยนะครับว่า ทีมที่มาสปอนเซอร์ท่านมีผู้นำสัก 1 คนไหม ที่รู้จริงประสบความสำเร็จจริงแล้วสามารถสอนให้ท่านรู้จริง และประสบความสำเร็จจริงๆ ด้วย

โค้ชแนมเคยมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับคนที่ มาใหม่ๆทั้งคู่ไม่รู้จะทำอะไรเคยมีบ้างไหม และเป็นอย่างไรบ้าง

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มีครับคือเราเองก็ไม่รู้ว่าจะสอนเขาอย่างไร และเริ่มต้นอย่างไรสุดท้ายก็เลิกกันไปทั้งคู่ แบบนี้จบเลยนะครับแต่มีวิธีแก้

กมลเวช เมืองศรี:

วิธีแก้นั้นง่ายนิดเดียว ไม่จำเป็นว่าผู้แนะนำ จะต้องเก่งทุกคนนะครับ แต่ควรจะมีผู้นำสัก 1 คนในสายงานที่เขารู้จริงในการช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จ ให้ดูคนที่มาสปอนเซอร์ท่านก่อน ว่าเขาจะสามารถช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จบ้างได้ไหม สอนได้หรือไม่ แนะนำได้หรือไม่ แล้วตัวท่านเมื่อเข้าไปทำธุรกิจ จะทำได้หรือไม่ ถ้าท่านทำงานร่วมกับเขาเหล่านั้น

จากประสบการณ์ในธุรกิจแรกของผม ผู้สปอนเซอร์ของผมค่อนข้างใหม่เช่นเดียวกัน และไม่ได้สอนอะไรมากเท่าไหร่นัก ทำให้ผมต้องดิ้นรนมากในการเรียนรู้ และวิธีการในองค์กรนั้นเป็นวิธีการที่ทำงานได้ยาก เติบโตได้ช้ามาก คนใหม่อย่างเราพอผ่านไป 3 ปี ก็ไปไม่รอด เพราะว่าเมื่อทำได้ยากใช้เวลาเยอะต้นทุนไม่มากพอก็ไปต่อไม่ได้

เพราะฉะนั้นผู้นำสำคัญมาก ถ้าท่านเจอกับผู้นำที่เขารู้จริง เชี่ยวชาญจริงเก่งจริง พร้อมจะสอนท่านด้วย ขอให้ท่านยึดเอาผู้นำนั้นเป็นหลัก ถามเขาเลยว่าถ้าผมมีคำถามหรือข้อสงสัยหลังจากเข้าร่วมธุรกิจ พร้อมที่จะสอนผมหรือไม่ ต้องให้เขารับปากนะครับ ส่วนมากแล้วตอนที่เรายังไม่สมัครเขาจะทำอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ก็ชวนโน้มน้าวอย่างไรก็ได้ให้เราสมัครไว้ก่อน รับปากทุกอย่างแต่พอสมัครแล้วอีกเรื่องนึงเลยครับ  พู้แนะนำที่ไม่ดีนะครับพอสมัครเสร็จเขาก็ปล่อยให้เราหากินเองแล้วเขาก็ไปหาคนใหม่

กมลเวช เมืองศรี:

ตรงนี้สำคัญมากนะครับโค้ชแนม เป็นเรื่องของ mindset ธุรกิจเครือข่ายไม่ได้สิ้นสุดตอนที่สมัครคนได้นะครับ มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นก้าวแรก ถ้าใครก็ตามที่คิดว่าธุรกิจเครือข่ายพอชวนคนได้แล้วจบไม่ใช่เลยนะครับเป็น mindset ที่ผิดมากองค์กรล้มแน่นอน

ธุรกิจเครือข่ายเริ่มต้นได้เมื่อผมพยายาม Sponsor คน แล้วคนๆ นั้นตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับผม นั่นหมายความว่า ท่านได้ให้คำมั่นสัญญาว่า ท่านจะสอนทุกอย่างที่จะช่วยให้เขาเข้าใจธุรกิจ สินค้า แผน วิธีการสมัคร วิธีการสปอนเซอร์คน วิธีการขยายองค์กร ท่านต้องพร้อมสอนสิ่งจำเป็นเพื่อให้เขาสำเร็จถ้าท่านไม่พร้อมแล้วถ้าสมัครเขาเข้ามาเท่ากับท่านหลอกกินเงินเขา

เชษฐวิทย์ สิงขร:

แล้วเราจะทำอย่างไรถ้าเราสมัครกับผู้ที่ยังไม่พร้อม

กมลเวช เมืองศรี:

ให้ถามว่ามีอัพไลน์สูงขึ้นไปอีกระดับหรือไม่ เราสมัครกับนายเพราะเชื่อใจนาย เรียนมาด้วยกันเป็นเพื่อนซี้กัน เชื่อว่าไม่หลอกฉันแน่นอน แต่เราก็ไม่ทั้งคู่คนที่ชนนายเป็นใครพาไปรู้จักแล้วฉันจะถามวิธีการทำธุรกิจ

ผู้ที่เป็นสปอนเซอร์จำไว้นะครับฉันจะต้องมีหน้าที่ในการแนะนำอัพไลน์สูงขึ้นไปอีก 3 ถึง 5 ชั้นต้องแนะนำให้ทีมงานใหม่รู้จัก พร้อมกับเบอร์ติดต่อเพราะธุรกิจเครือข่ายคือธุรกิจที่ผู้คนที่มาก่อนพร้อมจะช่วยคนที่มาทีหลัง แต่ถ้าไม่มีใครสามารถช่วยท่านได้แสดงว่าท่านมาผิดองค์กรแล้วครับ

เพราะฉะนั้นการเลือกผู้นำสำคัญมาก

เชษฐวิทย์ สิงขร:

มันจะชี้ชะตาเลยว่าเราจะสำเร็จหรือล้มเหลวถ้าผู้นำที่ดีเขาจะพาไปเราไปสู่ความสำเร็จ

กมลเวช เมืองศรี:

วีดีโอนี้มีคุณค่ามากนะครับเราจะเอาคำถามที่พบบ่อย แล้วเห็นว่าดี ถ้าตอบคำถามแล้ว ช่วยให้ชีวิตผู้คนแก้ไขปัญหาให้ชีวิตดีขึ้น เราก็จะมาพบกับท่านอีก

เชษฐวิทย์ สิงขร:

จะได้ความรู้จากประสบการณ์ที่เราสองคนเคยทำมาก่อน ทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลว ท่านจะได้ไม่ต้องมาเรียนรู้ด้วยตัวเอง บางครั้งการเรียนรู้ด้วยตัวเองก็สำคัญมาก แต่ถ้าท่านมาฟังเราสองคน ท่านจะได้เรียนลัดก้าวข้ามความล้มเหลวไปได้เลย และประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายของเรา?

ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายของเรา?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วันนี้มีคำถามมาว่า อาจารย์ครับผมอยากรู้ว่า การที่เราจะทำให้คนสนใจสินค้าของเรานั้น อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ? นี่คือคำถามแรก

คำถามต่อมานะครับ และถ้าเป็นโอกาสทางธุรกิจของ MLM ล่ะครับ เราสามารถทำการตลาดได้ไหมครับ?

วีดีโอ “ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจของเรา?”

หนังสือเสียง 

“ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าหรือโอกาสทางธุรกิจของเรา?”

นี่คือเนื้อหาที่จะพูดถึงในบทความนี้:

จะโปรโมทนำเสนอสินค้าอย่างไร และจะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เครือข่ายอย่างไร1.ใครคือกลุ่มผู้มุ่งหวังของเรา?2.กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง?3.ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร?4.ท่านต้องพัฒนาและเรียนคอร์สอะไร?

เชษฐวิทย์ สิงขร: 

สวัสดีครับวันนี้เราก็มีคำถามมาอีกเช่นเคย วันนี้มีคำถามมาจาก คุณณัฐนันท์ อาจารย์ครับผมอยากรู้ว่า การที่เราจะทำให้คน สนใจสินค้าของเรานั้น อาจารย์พอมีวิธีไหมครับ?

นี่คือคำถามแรก ต่อมานะครับ คุณณัฐนันท์ ถามอีกว่า และถ้าเป็นสินค้าที่อยู่ในแผนการตลาดของ MLM หรือโอกาสทางธุรกิจล่ะครับ เราสามารถทำการตลาดสินค้าได้ไหมครับ?

กมลเวช เมืองศรี:

ขอบคุณครับโค้ชแนมและคุณณัฐนันท์นะครับ เป็นคำถามที่ดีมากทุกคำถามที่ส่งมา เป็นคำถามที่ดีมากเพราะมันจะช่วยให้คุณณัฐนันท์ แก้ปัญหาได้ และความรู้ที่เราแบ่งปันไป จะช่วยคนอื่นได้ด้วย ขอชื่นชมที่ส่งคำถามมา อันนี้ inbox มาเลย

ตอบคำถามแรกก่อน เราจะทำอย่างไรให้คนสนใจสนใจสินค้าเรา

คำตอบของผมง่ายนิดเดียวเลยครับ ทำการตลาดให้เป็น เพราะหัวใจสำคัญที่สุด ในการที่จะทำให้นักธุรกิจคนหนึ่ง ขายสินค้าได้ถล่มทลาย ขายบริการต่างๆได้มากมาย แม้แต่โอกาสทางธุรกิจแล้วก็ถือว่าเป็นสินค้านะ เพราะเราต้องขายไอเดียให้คนตัดสินใจซื้อ หรือมาทำธุรกิจกับเรา ถูกไหม

 MLM ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ถือเป็นสินค้าทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นถ้าท่าน อยากทำให้คนมาสนใจทั้งสินค้าที่ท่านขาย และโอกาสทางธุรกิจ ท่านต้องโฟกัสในเรื่องของการทำการตลาด ทีมเวิร์ค ออกไปให้กับคนได้เห็นข้อความเห็นสื่อ หรือเห็นไอเดียที่ท่านต้องการนำเสนอ ผมแบ่งออกเป็น 2 อย่าง ดังนี้

  • จะโปรโมทนำเสนอสินค้าอย่างไร และ

  • จะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ เครือข่ายอย่างไร

สมมุติว่า คุณณัฐนันท์ มีสินค้ามาชิ้นหนึ่งเช่นเป็นครีม สกินแคร์ ดูแลผิวหน้า หรือว่าผลิตภัณฑ์วิตามินอาหารเสริม

ทำอย่างไรให้คนสนใจสินค้าของเรา ในหลักการตลาด ทั้งทางด้านออฟไลน์ และอย่างยิ่งทางออนไลน์ คำถามสำคัญอย่างแรกที่เราจะต้องถาม ตัวเองก็คือ 

1.ใครคือกลุ่มผู้มุ่งหวังของเรา?

การที่เรามีสินค้า ยกตัวอย่างสินค้าดูแลความสวยงาม ถ้าคุณณัฐนันท์เจาะว่าทุกคนต้องการสินค้าของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ชายอายุระดับเราจะ 50 กันแล้วเนี่ยนะ สายลุยที่ไม่เคยสนใจครีมทาหน้าคิดว่าจะมีโอกาสขายได้บ้างไหม น่าจะยาก แต่ก็พอมี

แต่กลับกันถ้าเราทำการบ้านเพิ่มสักนิด แล้วถามตัวเองว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเรา ระหว่างผู้ชายลุยๆเข้าป่า กับสุภาพสตรี ที่ต้องแต่งงานรักสวยรักงาม อยากมีคนสนใจ อยากมีคู่

คิดว่าจะขายครีมเหล่านี้ให้กับใครได้ง่ายกว่ากัน สุภาพสตรีอยู่แล้ว พอเริ่มแตกเนื้อสาวก็จะเห็นสารพัด แป้งแต่งตัว มีคำกล่าวไว้ว่า ผู้หญิงเนี่ย สวยเท่าไหร่ ก็ยอมฉันขอสวยไว้ก่อน ขอซื้อขอจ่ายทุกอย่าง เพื่อให้ลดน้ำหนักให้หุ่นดี

เพราะฉะนั้นถ้าเราตั้งคำถามไว้ก่อนว่า ใครคือผู้มุ่งหวังของเรา แล้วตั้งให้มันละเอียดที่สุด

ดูว่ามีกลุ่มไหนบ้าง กลุ่มผู้หญิง ถ้าเรามีสินค้าลดน้ำหนัก เราเจาะกลุ่มใครได้บ้าง กลุ่มคนน้ำหนักเกิน กลุ่มคนที่ป่วยเนื่องจากมีน้ำหนักเกิน หรือถ้าเราเจาะให้ลึกอีก กลุ่มคนที่มีลูกน้ำหนักเกิน นี่เป็นการเจาะลงไปเห็นไหมครับ

เราไม่ได้เจาะแค่คนอ้วน บางทีเป็นพ่อแม่ เราไม่เจาะกลุ่มเด็กเพราะเด็กยังไม่มีเงิน แต่จริงๆแล้วพ่อแม่ที่มีลูกอ้วนเขามีความกังวลนะครับ แล้วเขาเป็นคนที่จ่ายเงินซื้อ

เพราะฉะนั้นคำถามแรกผมเชื่อว่าทุกท่านที่ดูอยู่ เราต้องถามตัวเองก่อนว่า ใครคือกลุ่มเป้าหมายของเราออกมา แล้วเจาะ ลงไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เรารู้ว่า เราจะทำการตลาดให้กับกลุ่มคนเหล่านี้ สนใจสินค้าของเราได้อย่างไรบ้าง เพราะเรารู้แล้วว่าจะเจาะกลุ่มไหน แล้วกลุ่มคนสมมุติว่าเป็นสาววัยรุ่นกับสาววัยทำงาน มาดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง

2.กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันบ้าง?

ถ้าบนโลกออฟไลน์เขาไปอยู่ที่ไหน สยามสแควร์ใช่ไหม ตามห้างใช่ไหม ถ้าเขาจะเห็นโปสเตอร์ขายครีมทั้งหลายก็จะอยู่แถวนั้น หรือไม่ก็ตามรถไฟฟ้ารถเมล์ ที่แบรนด์ต่างๆพยายามทำโฆษณา 

เพราะมันการันตีว่าสาววัยรุ่นกับสาวออฟฟิศจะต้องขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถเมล์ติดคัทเอาท์ตามอนุสาวรีย์ตามสี่แยกต่างๆ เพื่อให้คนกลุ่มนี้เห็น

กลุ่มหนุ่มใหญ่อย่างเราไม่ค่อยสนใจหรอกครีมเหล่านี้ แต่เราก็เห็นด้วยอันนั้นคือแบบแนวกว้าง แต่ถ้าในโลกออนไลน์ใน Facebook ใน YouTube ใน Google มันสามารถกำหนดได้เลย เพศอะไรจะเห็น อายุเท่าไหร่ ชอบอะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เรากำหนดได้เลยครับจากในโปรไฟล์ ของ Facebook

กมลเวช เมืองศรี:

 เวลาเราลงโฆษณา ใน Facebook หรือว่า YouTube เรากำหนดได้เลยว่าเราจะเจาะ กลุ่มไหน มันยิ่งทำให้เราไม่ต้องจ่ายเงินให้กับคนที่ไม่ใช่  

อย่างเช่นไปติดคัทเอาท์อยู่กลางอนุสาวรีย์ รายจ่ายเดือนละ 20,000 บาท มันจ่ายเพื่อ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเห็นด้วย

แต่ถ้าเราเจาะกลุ่มออกไปว่า เขาอยู่ใน Facebook พวกที่ชอบเล่นไอจีแล้วเราทำการตลาดไปเจาะกลุ่มนี้ในสถานที่ที่ถูกต้อง ในสิ่งที่เขาชอบ มันจะทำให้ท่านลดงบประมาณลงเยอะ แล้วเจาะกลุ่มคนได้ง่ายขึ้น และเจาะแต่กลุ่มคนที่ใช่

หลังจากที่เรารู้แล้วว่า ใครคือผู้มุ่งหวังแล้วเขาอยู่ที่ไหน คำถามสำคัญที่ 3 ที่เราทุกคนต้องถามตัวเองเสมอเวลาจะขายอะไรก็ตามว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร

3.ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร?

ปัญหาใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร แล้วสินค้าของเราจะช่วยให้พวกเขาเหล่านั้นแก้ปัญหาได้อย่างไร

ยกตัวอย่างว่า ขาข้างหนึ่งของเรา อยู่ในวงการธุรกิจออนไลน์ ขาข้างหนึ่งของเราอยู่ในวงการธุรกิจเครือข่าย

ผมจะพูดถึงเรื่องโอกาสทางธุรกิจแล้วนะ ครับ เพราะคุณณัฐนันท์ถามมาว่า แล้วเราจะนำเสนอโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายอย่างไร ให้เหมือนกับสินค้าตรงนั้น

ผมก็จะดูครับว่ากลุ่มเป้าหมายของคนที่จะทำธุรกิจเครือข่ายคือใคร เพศไหนก็ได้ใช่ไหม ชายหญิงได้หมด แต่อายุต้องมากหน่อยไหม หรือว่าอายุน้อยก็ทำแล้ว

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เดี๋ยวนี้อายุ 17-18 ก็ทำแล้วครับ

กมลเวช เมืองศรี:

แสดงว่ากว้างมากเลย 50 ทำไหม ก็ยิ่งทำนะครับ 60 แล้วก็เคยเห็นนะ เพราะฉะนั้นมันกว้างมาก

เรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร แล้วเขาอยู่ชอบอยู่ที่ไหน กลุ่มคนกลุ่มนี้ก็กว้างมาก บนอินเตอร์เน็ตอยู่ไหมอยู่ โฆษณาทีวีอยู่ไหม อยู่ เขาเล่น Google เล่น YouTube ไหมก็เล่นนะ facebook เขาก็เล่นนะ

เพราะฉะนั้นเลือกแพลตฟอร์มที่ท่านถนัดที่สุด แล้วก็เจาะกลุ่มลงไป ว่าท่านจะเจาะกลุ่มใคร

สมมุติว่าท่านคิดว่าเด็กคงไม่มีเงินลงทุน เพราะว่าธุรกิจของท่านลงทุนประมาณ 80,000 บาท สมมุติ เด็กอายุ 18 นี่หายากแต่ถ้าเจาะระดับ 35 หรือ 40 หรือ 50 อัพ นั่นจึงจะมีจริงไหมโค้ชแนม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่เพราะทำงานแล้วมีรายได้

กมลเวช เมืองศรี:

เพราะเราลงโฆษณา เราสามารถเจาะได้เลยว่า เป็นผู้หญิง ผู้ชาย การศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีความชื่นชอบในเรื่องของการทำธุรกิจจากที่บ้าน อายุ 35 40 หรือ 55 ยิ่งแคบยิ่งดีนะ เพราะเจาะกลุ่ม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เลือกสถานที่ได้ด้วยนะครับ

กมลเวช เมืองศรี:

สมมุติเราอยู่กรุงเทพฯ อยากสร้างทีมจากกรุงเทพฯ เราก็เจาะ แต่กรุงเทพฯ

สมมุติเราอยู่เชียงใหม่ก็เจาะแต่เชียงใหม่ได้เลย ถ้าเราไม่เจาะกลุ่ม จะกลายเป็นว่าเราอยู่เชียงใหม่แต่ได้ทีมงานอยู่ปัตตานี ดูแลยากหน่อยนะครับ

ที่โค้ชแนมพูดมาถูกต้องเลยคือสามารถกำหนด target กลุ่มเป้าหมายได้หมด

ตอนนี้เรารู้กลุ่มเป้าหมายคือใคร เรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เราต้องมาถามว่า ความท้าทายความเจ็บปวดปัญหาของเขาคืออะไร และสินค้าของเราจะแก้ได้อย่างไร

สมมุติว่าผมมี คอร์สสอนวิธีการใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้ามาช่วยขยายธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ขายตรงประกันชีวิต ผมทำคอร์สนี้ขึ้นมาเพราะผมรู้ว่า

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของคนในวงการนี้คือ

  1. ทำการตลาดไม่ค่อยเป็น
  2. ไม่มีประสบการณ์
  3. ทำรายชื่อใหม่ๆไม่ค่อยเป็น

มีแต่รายชื่อเก่าๆ ที่ลิสต์แล้วจากบริษัทที่แล้ว แล้วก็โทรจนช้ำหมดแล้ว

พอบริษัทนั้นไม่สำเร็จก็เปลี่ยนบริษัท แล้วก็โทรหารายชื่อเดิม บริษัทที่ 2 ก็ไม่เวิร์ค ไปบริษัทที่ 3 ก็รายชื่อเดิม บางคน 10 บริษัท ก็ยังโทรรายชื่อเดิม

คำถามคือรายชื่อนั้นช้ำไหม โทรไปจนเขาไม่รับแล้ว

4.ท่านต้องพัฒนาและเรียนคอร์สอะไร?

เพราะฉะนั้น ผมก็เลยสร้างคอร์สขึ้นมา ว่าผมนั้นจะสอนให้เขาเนี่ย แทนที่จะออกวิ่งไล่ล่าคน กับกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่จำกัด จะทำอย่างไรให้ใช้อินเทอร์เน็ตในการสร้างรายชื่อ ให้คนเหล่านั้น ซึ่งเป็นคนไม่รู้จักด้วย ติดต่อเข้ามาหาเราเองอย่างน้อยวันละ 5-10 รายชื่อ โดยที่ถามเกี่ยวกับสินค้าของเรา 

อยากขายสินค้าได้ใช่ไหม เขาก็จะถามเกี่ยวกับสินค้า ถามเกี่ยวกับธุรกิจที่เราทำ แล้วก็ถามในคำที่เราอยากให้ถามมากเลยว่า อยากทำธุรกิจกับโค้ชแนมเนี่ยทำอย่างไร เคยโดนไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

เคยโดนครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ลองเล่าประสบการณ์ให้ผู้ฟังฟังหน่อยว่า จากการที่เราแค่เรียนการตลาดที่มันเวิร์ค แล้วชีวิตเปลี่ยนอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ชีวิตเปลี่ยนเลยครับ สมัยที่ทำธุรกิจเครือข่ายแรกๆนะครับ ก็ไม่มีใครแนะนำ หรือคนสปอนเซอร์เราไม่ได้แนะนำ ว่าทำธุรกิจนี้แล้วจะต้องทำการตลาด

เราก็ใช้วิธีที่เขาสอน สะเปะสะปะจนไม่ประสบความสำเร็จ

แต่ผมได้มาเรียนรู้จากกูรูนะครับอาจารย์กมลเวชนี่เอง ว่าเราจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเราต้องทำการตลาดเป็น ผมพึ่งมาได้ยินคำว่าทำการตลาด จากการที่ได้มาเรียนจากอาจารย์นั่นเอง

ทีนี้ผมเลยตาสว่าง ผมก็ใช้วิธีการทำการตลาด ทำตามทุกอย่างได้เรียนคอร์สของอาจารย์ จนทำให้ผมสามารถที่จะสปอนเซอร์ หรือมีทีมงานที่เข้ามาสมัครเอง จากธุรกิจเครือข่ายที่ทำในปีนั้นที่ทำเยอะมาก 

กมลเวช เมืองศรี:

ขึ้นตำแหน่งรับรายได้หลักแสน  ประเด็นก็คือกำหนดโปรไฟล์ของคนที่จะเข้ามาหาเราด้วยว่าจะเอาสูงแค่ไหน

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ถูกต้องและกำหนดเฉพาะที่ด้วยว่าที่ไหนที่เราจะไป เปิดธุรกิจที่จังหวัดนี้ เราสามารถกำหนดได้

กมลเวช เมืองศรี:

สมมุติว่าโค้ชแนมไม่ใช่คนที่มีอาชีพ อยู่ในระดับสูงของสังคมคืออาชีพทั่วไป แต่เราสามารถสปอนเซอร์ คนที่มีอาชีพที่เรียกว่าได้รับการยกย่องได้เยอะ เช่น นักธุรกิจระดับสูง เป็นทนายความ เป็นคุณหมอแม้แต่เราที่ไม่ได้มีอาชีพเหล่านั้น เราก็สามารถสปอนเซอร์คนเหล่านั้นได้จริงไหมครับ

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ใช่ครับเราสามารถสปอนเซอร์คนเหล่านั้นได้

กมลเวช เมืองศรี:

คนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนที่มี high profile และมีศักยภาพสูง เพราะฉะนั้นเวลาเข้ามาธุรกิจก็ขยายต่อง่าย มากกว่าสปอนเซอร์คนที่มีศักยภาพต่ำมากๆ ไม่รู้จักใครเลยเงินไม่มี งานไม่มีไม่กล้าทำอะไรเลย ทำไมเราชอบสปอนเซอร์กลุ่มคนเหล่านี้ เพราะเราไม่รู้อะไรมากกว่านั้นถูกไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:

ธุรกิจที่ผมทำเนี่ย ก็มีกระทั่งคุณหมอ เป็นอาจารย์ ที่มาสมัครทำร่วมธุรกิจกับเรา นั่นคือสิ่งที่เราได้รับจากการทำการตลาดเป็น

กมลเวช เมืองศรี:

แสดงว่าวิธีการทำการตลาดที่โค้ชแนมใช้ มันทำให้คนนั้น รู้จัก ชอบเชื่อถือ และศรัทธา จนกระทั่งตัดสินใจควักเงินเข้าร่วมธุรกิจเ พื่อที่เขามีความหวังว่าเข้าร่วมกับเรา เขาจะได้เรียนรู้วิธีการที่เวิร์คของเราด้วย

เพราะฉะนั้นเราจะกลับมาตอบคำถาม คำถามที่ 2 ว่า แล้วเราจะทำการตลาดเครือข่ายอย่างไร ให้เวิร์ค เหมือนกับการขายสินค้า

คนส่วนมากที่ไม่รู้อะไรที่ดีกว่านั้น มักจะเอาธุรกิจเครือข่ายไปนำเสนอ เหมือนกับการขายสินค้า

มีธุรกิจมาขายแบบนี้ สินค้าแบบนี้ เอามากองอธิบายแผนจะได้เงินเท่านี้ ผู้นำขณะนี้ บริษัทเปิดมาแล้ว 20 ปีขยายไปทั่วโลก 58 ประเทศ คงได้ยินกันมาหมดแล้ว

อันนี้เรากำลังนำเสนอธุรกิจขายตรง เหมือนกับนำเสนอขายสินค้า เหมือนนำเสนอวิตามิน ครีม ถามว่าได้ผลไหม มันก็ได้ผลแต่มันมีวิธีที่ดีกว่าเยอะ เห็นด้วยไหม

วิธีนี้เราเรียกว่า การตลาดดึงดูดหรือ attraction Marketing ซึ่งเรานั้นเปิดสอนอยู่ในคอร์สที่ชื่อว่า MLM attraction blueprint 2.0 แล้วก็คอร์ส Top Sponsor Formula

ซึ่งเราสอนวิธีการครับว่า จะทำอย่างไร ให้เราเข้าใจวิธีการทำการตลาดเพื่อให้คนรู้จักเรา เป็นวงกว้างด้วยนะ เป็นเหมือนเซเลบ ชอบเรา โดยที่เราไม่รู้จักเขาเลยนะ เชื่อถือศรัทธาเรา โดยที่เมื่อเราเปิดโอกาสให้เขาเข้าร่วมธุรกิจ เขาก็จะร่วมทันที

เพราะฉะนั้นวิธีนี้ เมื่อเราสอนแล้วว่า จะต้องทำการตลาดอย่างไร เสร็จแล้วพอเรา เข้าใจทำให้คน เชื่อถือศรัทธาจนเขาพร้อมจะสมัครทำธุรกิจ เราจะเอาไปผนวกกับการตลาดออนไลน์ การตลาดดึงดูดบวกกับการตลาดออนไลน์ ก็เท่ากับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เพราะเราสามารถขยาย จำนวนคนที่จะมารู้จักชอบพอกับเรา เชื่อถือเรานั้นได้เป็นจำนวนกว้าง เราสามารถทำให้คนติดตามเราในโลกโซเชียลมีเดียเป็นพันเป็นหมื่นคน

ซึ่งเวลาที่ท่านต้องการผลลัพธ์ในธุรกิจเครือข่าย ท่านไม่ต้องการคนเป็นหมื่นคนหรอกจริงไหม แค่เดือนนึงมีคนใหม่มา 10 คน ท่านก็จะแทบจะเป็นลมแล้วนะ 10 คนที่ดูแลแทบจะไม่ไหวแล้ว

เพราะฉะนั้นการตลาดแบบนี้มันทรงพลังมากเลยโค้ชแนมก็น่าจะเคยเห็น ตอนที่ผมทำการตลาดครั้งหนึ่งตอนที่เราเริ่มต้น ตอนนั้น ผมทำการตลาดมาพักใหญ่แล้วทำการ branding โพซิชั่นนิ่งตัวเอง ผ่านโลกออนไลน์ที่สอนในคอร์ส MLM attraction blueprint แล้วผมก็เริ่มสื่อสารกับคนในลิสรายชื่อของผม ที่เขาติดตามผม

ผมส่งอีเมล 1 ฉบับว่าผมกำลังจะเปิด รับหุ้นส่วนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในทีมความสำเร็จของเรา โดยผมได้เข้าร่วม ทำธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยถ้าท่านต้องการ กรอกรายชื่อกรอกรายละเอียดผมจะให้ข้อดู ข้อมูลทางธุรกิจ? 

เมื่อเขากรอกผมก็ให้ดูเขาอาจจะมาดูแบบเจอตัว หรือดูผ่านโลกอินเตอร์เน็ตก็ตาม แต่หลังจากดูเสร็จปุ๊บ ผมบอกเลยผมรับ 20-30 คนหรือ 50 คนเท่านั้น เพราะผมต้องการสร้างทีมนี้ให้ประสบความสำเร็จ

แต่ผลปรากฏว่าตอนที่เราเริ่มรับสมัครจริงๆ จำนวนคนที่มา 130 คน ที่พร้อมจ่ายเงินทำธุรกิจทันทีในราคาตอนนั้น 37,000

เพราะฉะนั้น ทุกท่านครับเราสองคนเคยไม่ประสบความสำเร็จ ในธุรกิจเหล่านี้มาก่อน เราเป็นเหมือนท่านนั่นแหละ แต่เราทำสิ่งที่แตกต่างจากท่าน คือเราเรียนในสิ่งที่เราไม่รู้ เราพัฒนาตัวเองในทักษะที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำการตลาด

เพราะฉะนั้น ถ้าทุกท่านอยากได้ ผลลัพธ์แบบนี้ โฟกัสในการพัฒนาตัวเองเป็นหลัก เรียนว่าทำอย่างไร เราถึงสามารถที่จะทำให้คนอยากซื้อสินค้า หรือว่าสมัครทำธุรกิจกับเรา แล้วชีวิตท่านก็จะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย เหมือนกับที่เราเปลี่ยนแปลงมา ผมเชื่อว่าผมตอบคำถามชัดเจนแล้วครับ

ท่านสนใจอยากที่จะเรียน เหมือนกับที่เราเรียนนะครับ คอร์สชื่อว่า MLM attraction blueprint ท่านสามารถที่จะคลิกที่ลิงค์เข้าไปดูรายละเอียดได้ แล้วก็อย่าลืมนะครับดูคลิปนี้แล้วมีประโยชน์ แชร์ให้เพื่อนของท่าน แชร์ให้คนที่ท่านรัก ได้มารู้ข้อมูลนี้ด้วยแล้วก็กด Subscribe กดสั่นกระดิ่งด้วยนะครับเพื่อที่จะได้รับข่าวสารจากเราไปตลอด สำหรับวันนี้ลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!” คลิกที่นี่

อาจารย์ครับ ผมอยากขอคำชี้แนะ เรื่องของผมนะครับ ผมไม่เคยทำงานออนไลน์มาก่อนเลย จนมาวันหนึ่งได้รู้จักธุรกิจออนไลน์จึงได้ตัดสินใจทำ แต่ด้วยความที่ผมไม่มีประสบการณ์ จึงทำตามที่เขาสอน

เขาสอนให้โพสต์ลง Facebook  ผมก็ทำอย่างนี้มาตลอด ผลลัพธ์ไม่เกิดเลยครับ เสียเวลามาตั้งหลายเดือน ผมอยากสำเร็จครับอาจารย์ ผมอยากทำให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้ ผมขอคำแนะนำด้วยครับ

วีดีโอ “6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

หนังสือเสียง 

“6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

สารบัญเนื้อหา:มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระกลยุทธ์ในการติดตามผลกลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

เชษฐวิทย์ สิงขร:สวัสดีครับวันนี้เราสองคนมาตอบคำถามและแก้ไขปัญหา ให้กับผู้คนที่มีปัญหาในการทำธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจออนไลน์ และนี่คือคำถามที่ถามมาซึ่งมีเยอะมาก

วันนี้ได้หยิบยกคำถามจากคุณประพัฒน์ ซึ่งถามมาข้างต้นแบบนี้ อาจารย์กมลเวช จะตอบว่าอย่างไรขอคำชี้แนะด้วยครับ

กมลเวช เมืองศรี:ขอบคุณครับโค้ชแนม และขอบคุณคุณประพัฒน์ที่ถามคำถามที่มีคุณภาพเข้ามา

ผมได้ฟังคำถามผมรู้เลยว่า คำตอบที่ผมจะแบ่งปันในวันนี้ จะสามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก ให้เขาได้เข้าใจว่า

ถ้าเขาอยากจะทำธุรกิจออนไลน์หรือการตลาดออนไลน์ ให้เกิดผลลัพธ์ อย่างถูกต้อง ยั่งยืน และยาวนาน ต้องทำอย่างไร

เรียกว่าแบ่งปันประสบการณ์ดีกว่า เป็นประสบการณ์ที่ผมทำธุรกิจออนไลน์มามากกว่า 10 ถึง 15 ปี ลองผิดลองถูกสารพัด

อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณประพัฒน์ทำแล้วพวกเราไม่เคยทำนะ เราทำมาหมดแล้ว สมัยเราเริ่มต้นยังไม่มี Facebook และ YouTube

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมโพสต์ในเว็บบอร์ดครับอาจารย์

กมลเวช เมืองศรี:วันละกี่ร้อยเว็บ

เชษฐวิทย์ สิงขร:จำไม่ได้ว่ากี่ร้อยเว็บแต่เยอะมาก

กมลเวช เมืองศรี:ใช้ซอฟต์แวร์ด้วยไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ใช้ครับ ซอฟต์แวร์ที่โพสต์อัตโนมัติซื้อมาใช้หมด เพียงแค่ใส่ข้อความลงไป แล้วก็โพสต์โดยอัตโนมัติ

กมลเวช เมืองศรี:แล้วผลลัพธ์

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผลลัพธ์ก็เกิดเหมือนกันแต่เกิดน้อยมากไม่สม่ำเสมอไม่เสถียร

กมลเวช เมืองศรี:สเกลขยายเพิ่มได้ไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่ได้เลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:เพราะมีข้อจำกัดคือเรื่องความรู้และเทคโนโลยีสมัยนั้น

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ยุคนั้นมาถึงยุคนี้ โค้ชแนมคิดว่าทั้งเทคโนโลยี และเครื่องมือ มันสามารถช่วยให้ใครสักคน ประสบความสำเร็จได้ใน 1 ปีไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมว่าเร็วกว่า 1 ปีนะ ถ้าใช้อย่างมีระบบใช้เครื่องมือต่างๆ แบบที่ถูกต้องด้วย

กมลเวช เมืองศรี:ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตเอาข้อมูลความลับสำคัญที่ผมนั้นใช้สอนกับกลุ่มคนวงในของผม ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอน เอามาให้ท่านดู ข้อมูลนี้อยู่ในโทรศัพท์ของผม เป็นข้อมูลที่จะสอนเรื่อง  6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ 

ผมขออนุญาตเอาข้อมูล มูลค่าหลักล้านมาแบ่งปันให้กับทุกท่าน เพราะว่าอยากสนับสนุนช่วยเหลือคุณประพัฒน์ รวมถึงคนที่อยากจะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จด้วย เพราะว่าในยุคนี้ มีธุรกิจที่สามารถทำให้ใครสักคนประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุด ต้องพึ่งพลังทางอินเทอร์เน็ต

มีอยู่ 6 ขั้นตอนในการที่จะทำให้ใครก็ตามทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ผมขอแนะนำว่า อะไรที่ท่านรู้มาในการทำธุรกิจออนไลน์ ใครสอนท่านให้โพสต์ ไลฟ์ทุกวัน เต้นหน้าจอ โพสต์ยัดเยียดลงไปในกลุ่ม หรือส่ง Message ไปหาผู้คน ลืมสิ่งเหล่านั้นไปก่อน เพราะนั่นไม่ใช่ระบบแห่งความสำเร็จ

เพราะถ้าท่านต้องการมีระบบในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จท่านต้องทำตาม 6 ขั้นตอนนี้

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ

ท่านจะต้องมีวิสัยทัศน์ ท่านจะต้องมีทัศนคติของคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทำไมสำคัญผมจะบอกให้ฟัง คนที่เข้ามาในวงการของการสร้างธุรกิจออนไลน์ส่วนมากไม่มีแผนและไม่มีการคิดระยะยาว สิ่งที่เขาจะทำก็คือใครสอนอะไรก็ทำทำทำ โดยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีรบกวนคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ 

ถ้าเราเริ่มกระบวนการที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็เหมือนกับการติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่เม็ดแรกเม็ดต่อไปก็จะดูสวย แต่ถ้าติดผิดทำผิดทำในสิ่งที่คนไม่ชอบ เช่น   ไลฟ์ไปด่าไปหรือพูดหยาบคาย มันเรียกกระแสได้แต่มันไม่ใช่ระยะยาว โค้ชแนมอยากให้คนรู้จักในฐานะโค้ชแนมจอมหยาบคายหรือเปล่า

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่ใช่แน่นอนครับ

กมลเวช เมืองศรี:เพราะฉะนั้น ขั้นตอนที่ 1 ครับท่านต้องมีวิสัยทัศน์ว่าท่านจะสร้างธุรกิจออนไลน์ไปเพื่ออะไร

ยกตัวอย่าง ผมต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

ผมรู้ว่าพลังของอินเทอร์เน็ตสามารถทำให้เราสร้างธุรกิจขายสินค้าหรือบริการที่สามารถทำเงินให้เราเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นได้ และมันต้องอยู่ได้อย่างน้อย 10 ถึง 20 ปี และผมทำมาตอนนี้ปีที่ 15 แล้วนะ

เพราะฉะนั้นคนที่มีระบบจะอยู่ยงคงกระพันและรับเงินทุกเดือน

ท่านจะต้องชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร เช่น อยากจะทำทดแทนงานประจำ เราเคยทำงานประจำมาก่อนแต่ไม่ตอบโจทย์เราเลยต้องมีอาชีพที่ 2  

และถ้าท่านต้องการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอาชีพที่ 2 หรืออาชีพหลัก ท่านต้องตั้งเป้าไว้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร

ท่านจะต้องเรียนวิชาที่จะทำให้ท่านเกิดชุดทักษะไม่ใช่ว่าการทำไลฟ์อย่างเดียวจะทำให้ท่านประสบความสำเร็จ

ท่านต้องมีชุดทักษะเช่น เขียนโฆษณาอย่างไรทำให้คนอยากซื้อใจจะขาด

จะพูดอย่างไรเพื่อดึงคนให้อยู่กับเราได้ 5 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

ทำวีดีโออย่างไรให้คนอยากซื้อสินค้าของเรา มันเป็นชุดทักษะ เพราะฉะนั้นข้อที่ 1  มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมมีเป้าหมายในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ เพราะรู้ว่างานประจำไม่ทำให้เราร่ำรวยก็เลยมองหาธุรกิจทำและธุรกิจที่ทำจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า สามารถทำให้มีรายได้แบบ Passive Income 

คือทำระบบไว้ในช่วงแรกและให้มันเติบโตเองได้และสร้างรายได้ให้กับเราจนกระทั่งเราหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม มันยังสามารถทำรายได้ให้กับเราได้

และเราก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอด และนำสิ่งที่เราพัฒนาตัวเองมาพัฒนาทีมงานของเราด้วย

กมลเวช เมืองศรี:ผมถามอย่างนี้วันแรกที่เข้ามาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นขนาดไหน

เชษฐวิทย์ สิงขร:พัฒนาขึ้นแบบเยอะมากจากที่ไม่เคยรู้เรื่องการทำออนไลน์ ทำธุรกิจผ่านสื่อโซเชียลต่างๆพอได้เรียนรู้ก็สามารถทำได้

และทำได้อย่างถูกวิธี รู้ว่าจะโพสต์อย่างไรโพสต์ให้คุณค่ากับผู้คนอย่างไรและติดตามพวกเขาอย่างไร อันนี้สำคัญมาก ต้องทำอย่างถูกต้องถึงจะได้ผลลัพธ์ ซึ่งผมก็เรียนจากอาจารย์กมลเวชนี่แหละ ท่านเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาก

กมลเวช เมืองศรี:ผมพูดอย่างนี้ได้ไหมว่าถ้าเราไม่พัฒนาตัวเองรายได้ก็ไม่เพิ่มขึ้น รายได้จะอยู่เท่าเดิมเพราะทักษะเท่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ

2

ขั้นตอนที่สอง

รู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

มาดูข้อที่ 2  ท่านจะต้องรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์ และรู้จักการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของท่าน

พูดง่ายๆก็คือ ท่านจะต้องรู้วิธีนำเสนอตัวเองให้เป็น  ท่านเป็นใคร ท่านอยากให้ผู้คนในโลกออนไลน์เห็นว่าท่านเป็นใคร เราเรียกว่า branding การนำเสนอตัวเอง

เช่น เป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นนักธุรกิจ เป็นโค้ช  เป็นกูรู ท่านจะเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดนี้อยู่ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด ทุกวันนี้มีโค้ชเยอะมาก กูรูเยอะมาก นักธุรกิจเยอะมาก

นั่นคือแบรนด์ท่านต้องชัดเจนก่อนว่าท่านคือใคร 

อีกคำหนึ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันซึ่งผู้คนไม่ค่อยจะพูดถึงกัน คือ  การสร้าง branding อย่างเดียวนั้นไม่พอแต่ต้องเข้าใจในเรื่องของการวางโพซิชันนิ่ง แปลว่า การวางตัวเองให้อยู่ในจุดที่ถูกต้อง วางตัวเองอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น  เป็นอาจารย์

การโพซิชั่นนิ่งนั้นสำคัญกว่านั้นอีก คือเป็นอาจารย์ระดับไหน เป็นคนประสบความสำเร็จในระดับไหน มีประวัติศาสตร์ มีความสำเร็จมานำเสนอให้ผู้คน เพราะใครๆก็แบรนด์ได้ แต่การวางตัวเองให้ถูกต้องให้ผู้คนอยากติดตาม อยากจะเรียนรู้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

แต่ถ้าท่านยังไม่มีความสำเร็จอะไรมาก่อน วิธีการวางตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือ การเป็นครูเป็นอาจารย์เป็น Coach  ที่สอนวิธีการทำให้ผู้คนแก้ปัญหาในชีวิตของเขาได้ 

ทำ 2 อย่างนี้อย่างต่อเนื่องแบรนด์ของท่านจะแข็งแกร่งมาก  บางคนเป็นโค้ชสายฮา บางคนเป็นอาจารย์ระดับเทพ นี่คือการวางตำแหน่งตัวเองทั้งสิ้นเข้าใจไหมครับ 

เมื่อเราสร้างแบรนด์ของเราชัดเจน เราต้องรู้ด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเราคือใคร ถ้าท่านมีทัศนคติที่ว่าทุกคนคือลูกค้าของฉัน อันนั้นท่านกำลังเข้าใจอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะถ้าท่านพยายามเป็นทุกอย่างให้กับคนทุกคน นั่นเท่ากับท่านนั้นไม่ได้เป็นอะไรให้กับใครเลย 

ยกตัวอย่างเราสองคน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากวงการการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย ถ้าเราอยากทำการตลาดเพื่อจะดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้มา เราคงไม่ทำการตลาดดึงดูดคนที่ไม่ชอบสิ่งเหล่านี้เห็นด้วยไหมครับ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นกลุ่มเป้าหมายเรา เราทำการตลาดเพื่อดึงดูดคนที่ชอบธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย

3

ขั้นตอนที่สาม

กลยุทธ์ในการสร้างรายได้

ข้อ 3  สำคัญมาก ท่านต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ มีคำหนึ่งที่ถ้าผมพูดออกไปท่านจะต้องตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง คนจำนวนมากอยากรวยอยากสำเร็จอยากทำธุรกิจ แต่พอถามว่าคุณรู้ไหมว่าทำอย่างไรถึงจะมีรายได้ มีกลยุทธ์หรือไม่

สมมุติผมจะถามโค้ชแนม ถ้าอยากมีรายได้เดือนละแสน มีกลยุทธ์หรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่มีเพราะไม่เคยศึกษามาก่อน อยากรู้ก็ต้องถามผู้รู้

กมลเวช เมืองศรี:ตั้งเป้าหมายอยากมีรายได้เดือนละแสน สินค้าที่ท่านขายได้กำไรชิ้นละเท่าไหร่ ตัวอย่าง 1 ชิ้นกำไร 100 บาทถ้าอยากได้ 100,000 บาทต้องขาย 1000 ชิ้น

หมายความว่าในเดือนนั้นต้องตั้งเป้าหมายขายสินค้าให้ได้ 1000 ชิ้น  เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นหรือยังจากเดิมที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้รู้แล้วว่าเราต้องขาย 1000 คน ขายคน 1000 คนต่อเดือนเยอะหรือไม่ ยากไหมครับ 

สินค้ามีตัวเดียวหรือหลายตัวถ้ามีหลายตัวเราก็ต้องเอามาแยกแยะว่าจะต้องขายตัวนี้กี่ชิ้นตัวนั้นกี่ชิ้นเพื่อให้พิชิตเป้าหมาย 1 แสนบาทต่อเดือน แล้วเดือนต่อไปทำอย่างไรจะให้ขายได้

ถ้าเป็นสมัยก่อนอยากขายของก็ไปเคาะประตูบ้าน ท่านเคยทำไหมครับ จะขายให้ได้ 1,000 ชิ้นด้วยการเคาะประตูบ้าน โหดไหมครับ ผมเคยทำมาแล้ว แต่หลังจากที่เราเจออินเทอร์เน็ตมันดีกว่าเยอะมาก

4

ขั้นตอนที่สี่

ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระ

ข้อ 4 คนส่วนมากเวลามีสินค้าสิ่งแรกที่เขาคิดคือจะขายอย่างไร เขาโฟกัสในเรื่องขาย คำถามก็คือ การโฟกัสการทำตลาดออนไลน์โดยการเน้นขายอย่างเดียวจะสร้างผลลัพธ์ได้ในระยะสั้นเท่านั้น แล้วต้องหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอด้วย ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการให้ลูกค้าเก่ามาซื้อซ้ำ

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคือมันมีวิธีทำการตลาดที่ไม่ใช่การเน้นขายอย่างเดียว ผมอยากให้ทุกท่านจำคำนี้ไว้ตลอดชีวิตเลยครับว่า

คนไม่ชอบถูกขาย แต่ทุกคนชอบซื้อ

เราจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่ชอบถูกขายมาซื้อสินค้ากับเรา คือการทำให้ผู้คน ซื้อด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% 

วิธีการที่ทำให้ผู้คนซื้อของด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% วิธีนั้นก็คือการทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระหรือ Content Marketing  อาจจะทำออกมาในรูปแบบของบทความ Video หรือพ็อดคาสท์ไฟล์เสียง ebooks นี่คือ Content ทำได้หลากหลายรูปแบบ 

การโพสต์ใน Facebook  แทนที่จะโพสต์ขาย เปลี่ยนมาโพสต์เนื้อหาสาระว่าสินค้าของเรามีประโยชน์อย่างไร กลุ่มเป้าหมายของเรามีปัญหาอะไรอยู่ สินค้าของเราจะช่วยเขาได้อย่างไร ก่อนที่ผู้คนจะควักเงินซื้อสินค้านั้นเขามีคำถามอยู่ในหัว ว่าฉันจะได้อะไรถ้าฉันเอาเงินที่หามาได้ยากของฉันซื้อของกับคุณ 

ท่านจะต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ว่าคนซื้อเขาจะได้อะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:สิ่งนี้ก็คือการมอบประโยชน์หรือมอบคุณค่าโดยที่ไม่ได้ยัดเยียดขาย จะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อด้วยตัวของเขาเอง 100%

กมลเวช เมืองศรี:ผมมีตัวอย่างที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจน เช่นธุรกิจที่จะต้องมีการสปอนเซอร์ผู้คน วิธีการเดิมพอเราสมัครเราก็จะไปหาผู้คนพูดคุยแนะนำแผน ขายสินค้า และปิดสมัครให้ได้ คนส่วนมากรู้สึกชอบหรือไม่ โค้ดเนมเคยโดนหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:เคยครับ เราก็นั่งรับฟังแต่ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะจบสักทีและจะหาคำปฏิเสธว่าอะไรดี เราอยากรวยก็จริงแต่วิธีที่เขาใช้มันไม่ได้กระตุ้นให้เราทำกับเขา

กมลเวช เมืองศรี:แทนที่เราจะใช้กลยุทธ์หรือวิธีการที่ทำให้คนชอบ เรากลับใช้วิธีที่ทำให้คนไม่ชอบ มันไม่ตอบโจทย์จิตวิทยาของคน วิธีการ ตื้อ ง้อ ขอ ขาย ผู้คนไม่ชอบ

สมมุติว่าผมใช้วิธีเขียนบทความสอนวิธีการสร้างธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจออนไลน์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จแล้วโค้ชแนมมาเจอบทความนี้มาดูวีดีโอนี้ ผมบังคับให้อ่านหรือโค้ชแนมมาดูเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:มาดูเองครับเพราะผมค้นหาว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จไปเจอบทความ เขาบอกว่าจะประสบความสำเร็จด้วยการตลาดออนไลน์ ซึ่งเราค้นหามานานแล้ว ทุกสิ่งที่อ่านมันทำให้เราตื่นเต้น ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดีชอบคนที่มาสอนเรา สุดท้ายแล้วเราจะทำธุรกิจกับเขาหรือซื้อของกับเขาหรือไม่ก็ตามเราก็ยังชอบเขาอยู่ดี ไม่รู้สึกรังเกียจ

กมลเวช เมืองศรี:แล้ววันหนึ่งผมเปิดโอกาสทางธุรกิจกำลังรับสมัครผู้คนมาเป็นหุ้นส่วนในทีม ผมกำลังทำธุรกิจออนไลน์ตัวใหม่ผมรับ 30 คนเท่านั้นใครก็ตามที่ต้องการให้คลิกลิงค์นี้แล้วกรอกข้อมูล ผมจะทำการสัมภาษณ์ทีละคน ถ้าโค้ชแนมเห็นข้อความแล้วอยากทำจะต้องทำอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมก็รีบกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม โดยไม่รู้สึกว่าโดนบังคับ แต่รู้สึกว่าถ้าไม่กรอกหรือกรอกช้าก็อาจจะพลาดเพราะครบ 30 ไปแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:แต่ถ้า โค้ชแนม ไม่ได้อยากทำตอนนี้ จะรู้สึกอึดอัดหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่รู้สึกกดดันเลยครับ ถ้าเราไม่สนใจก็ผ่านไปแค่นั้นเอง

กมลเวช เมืองศรี:เห็นไหมครับว่าการตลาดแบบนำเสนอด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ กับผู้คนก่อน ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ จะทำให้คนนั้นรู้สึกดีกับคนที่ทำการตลาดแบบนี้อย่างมากเลย และจะรู้ว่าผู้นำเสนอนั้นเป็นใครชื่ออะไร ท่านจะรู้สึกชอบ

เมื่อท่านฟังไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เราสอนสามารถแก้ปัญหาในชีวิตได้ ตอนนี้ท่านจะมีความรู้สึกเชื่อและศรัทธา ใครก็ตามที่มีคนเชื่อถือและศรัทธามากกว่าร้อยถึงพันคนขึ้นไป เมื่อจะทำธุรกิจหรือขายสินค้าแฟนพันธุ์แท้เหล่านี้จะเข้ามาเป็นลูกค้าหรือหุ้นส่วนในทีมแห่งความสำเร็จ ตอนนี้ตามทันและเห็นภาพชัดเจนไหมครับ

การตลาดแบบนี้ทำได้ผลระยะสั้นหรือระยะยาว เช่นวีดีโอนี้จะอยู่ยาวนานตลอดไปบน youtube มันแตกต่างจากนักขายทั่วไปมาก

ถ้าท่านยังไม่รู้วิธีการว่าทำอย่างไรให้คนซื้อของถล่มทลายผมกำลังแบ่งปันว่าต้องทำการตลาดด้วย Content Marketing  ยิ่งในยุคนี้โซเชียลมีเดียครองเมืองท่านต้องเข้าเป็นพวกเดียวและใช้พลังจากโซเชียลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์แล้วทำการตลาดนำด้วยคุณค่าเนื้อหาสาระแล้วชีวิตท่านจะเปลี่ยนไป

5

ขั้นตอนที่ห้า

กลยุทธ์ในการติดตามผล

ข้อ 5  ท่านจะต้องมีการติดตั้งระบบ เพื่อให้ท่านนำเสนอสินค้าหรือโอกาสให้กับผู้ที่เห็นสินค้าและยังไม่ตัดสินใจซื้อในทันที โดยระบบจะทำให้ผู้คนเห็นสินค้าหลายๆรอบด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างกัน

คนที่เอาสินค้ามาไว้ที่บ้านแล้วยิงแอด คนพวกนี้ยังไม่มีวิธีติดตามผลเขาเลยขายได้แค่ 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นการใช้เงินเยอะแต่ได้ผลลัพธ์น้อย

แต่เราเปลี่ยนใหม่ถ้าท่านติดตั้งระบบที่ทำให้สามารถติดตามผลคนได้ เช่น  Facebook Page, YouTube Channel, Instagram, Line Office หลังจากที่กดติดตาม คนที่ทำการตลาดเป็นจะส่งข้อความมาให้ท่านหลายๆรอบ ด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างไป แต่จุดประสงค์คือต้องการขายสินค้าให้ได้

แต่ถ้านักการตลาดระดับเทพเขาจะใช้ระบบที่เรียกว่า email Marketing  การติดตามผลผ่านช่องทางอีเมล์เป็นช่องทางที่ได้ผลสูงสุด แต่เราจะใช้ทุกช่องทางเพราะว่าผู้มุ่งหวังเขาไม่ได้ใช้อีเมลอย่างเดียวหรือไม่ได้ใช้ Facebook อย่างเดียว ทำอย่างไรให้เขาเห็นเราทุกช่องทาง เมื่อเขาได้รับข้อความมากขึ้นเห็นสินค้ามากขึ้นสุดท้ายก็จะตัดสินใจซื้อของจากเรา

เชษฐวิทย์ สิงขร:แล้วเราจะเริ่มต้นที่ช่องทางไหนก่อนดีครับ

กมลเวช เมืองศรี:ผมแนะนำว่าเอาช่องทางที่ท่านรักชอบและถนัดที่จะทำ บางคนทำเป็นวีดีโอบน youtube บางคนชอบทำเป็นบทความ เลือกเอาช่องทางใดช่องทางหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยายไปช่องทางอื่นอย่าทำหลายช่องทางพร้อมกัน มันจะทำให้ท่านงงแล้วทำไม่ดีสักอย่าง

เมื่อท่านรู้แล้วว่าการทำการตลาดผ่านเนื้อหาพนักงานขับรถจะตามมาด้วยการติดตามผลเพราะผู้คนจะไม่ซื้อสินค้าทันทีในครั้งแรก แต่หลังจากที่ติดตามผลแล้ว การซื้อจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าติดตามผลดีๆจะเพิ่มมากถึง 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

คำถามคือเมื่อท่านนำเสนอขายสินค้า 100 คนท่านอยากให้มีคนซื้อ 1 ถึง 5 คนหรือ 20-30 คนล่ะ

จงติดตั้งกลยุทธ์การติดตามผลถ้าท่านไม่รู้จะทำอย่างไรโปรเจคเศรษฐีชุดนอนจะสอนให้ท่านทำได้ครับ

6

ขั้นตอนที่หก

กลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

ข้อสุดท้ายสำคัญมากถ้าท่านอยากทำให้ธุรกิจของท่านได้ผลลัพธ์เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า 8 เท่า ท่านก็สามารถทำได้ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจในขั้นตอนนี้จะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ 

กลยุทธ์ในข้อนี้ก็คือท่านจะต้องรู้จักการ Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าไปสู่เว็บไซต์ของเราเอง เน้นนะครับว่าเป็นเว็บไซต์ของเราเอง เพราะบนโซเชียลนั้นเราไม่ได้เป็นเจ้าของ ถ้ามีผู้ติดตามที่เราสร้างไว้เยอะแล้ว แต่ account โดนปิดเราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ท่านจะต้องสร้างสินทรัพย์ ที่ทรงพลังที่สุด และท่านเป็นเจ้าของ 100% สิ่งนั้นก็คือเว็บไซต์ของเราเอง ที่เราสร้างขึ้นมาเองมันเป็นของเราจริงๆ เราเอาเนื้อหาที่สร้างไว้ในทุกๆที่มาใส่ในเว็บเราเวลาทำการตลาดเราจะดึงคนจากโซเชียลให้เข้ามาสู่เว็บเรา

ยกตัวอย่างเช่นโพสต์บทความบน Facebook เราจะไม่โพสต์บทความทั้งหมดแต่เราจะเกริ่นนำแล้วให้คลิกเพื่อมาอ่านต่อบนเว็บไซต์ของเรา ข้อดีของการใช้เว็บไซต์ก็คือเราสามารถใส่โฆษณาของเราเองได้ ให้คนกรอกข้อมูลรับข่าวสารของเราผ่านอีเมลได้ 

จงจำไว้นะครับ เว็บไซต์คือเครื่องมืออันทรงพลังอันดับ 1  แต่ไม่ใช่เว็บไซต์ทั่วๆไปนะครับ เว็บไซต์ทำการตลาดที่ดีจะต้องมีการดักจับข้อมูล มีการติดตามผล เพราะถ้าเราไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้เราจะคิดว่าเว็บไซต์ไหนๆก็เหมือนกัน มีบางคนไปจ้างทำเว็บไซต์ที่มีแต่ข้อมูลเสียเงินไปหลักแสนแต่ไม่ได้ผลลัพธ์หรือได้ผลลัพธ์น้อยมาก ท่านเห็นไหมครับว่าการไม่รู้นั้นแพงมาก โดนหลอกเอาง่ายๆ 

เว็บไซต์ที่ทรงพลังจริงๆที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้มีโดเมนมี hosting จริงๆแล้วลงทุน ในระดับหลักพันไม่เกินหมื่น และเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามหลักการตลาดด้วย

นี่คือ 6 องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้คุณประพัฒน์และทุกๆท่านที่ต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้เอาไปใช้และเอาไปสร้างความสำเร็จ

เชษฐวิทย์ สิงขร:ปัจจุบันนี้มีผู้ที่ทำเว็บไซต์แบบถูกต้องมีการติดตามผลมีระบบ Email Marketing ไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่เราสามารถใช้บริการได้เลยเพียงแค่สร้างเนื้อหา ซึ่งอยู่ที่นี่แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:เราสองคนเป็นนักสร้างระบบ เราสร้าง Sale funnel เป็น ผมแนะนำว่าถ้าท่านต้องการเรียนรู้และสร้างระบบได้เหมือนอย่างที่เราทำ โปรเจคที่เราเปิดเราตั้งใจที่จะสอนผู้คน 100 คน ให้เขาสามารถทำได้เหมือนอย่างเรา

สร้างเว็บไซต์ที่ทรงพลังระบบติดตามผลเพื่อให้ผู้คนซื้อสินค้า ระบบ Messenger Marketing  การทำ YouTube การเขียนบทความอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทำอย่างไร เราสอนทั้งหมดนี้ใน Project เศรษฐีชุดนอน ถ้าท่านชอบท่านสามารถคลิกลิงค์ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ เพราะผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้เรียนคอร์สนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:เห็นด้วยครับเพราะชีวิตของผมเปลี่ยนจากเดิมที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ มาใช้วิธีการแบบออนไลน์ที่ได้เรียนมาทำให้ประสบความสำเร็จเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนะรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ เราทำสำเร็จมาแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:และอย่าลืมนะครับกดติดตามกดสั่นกระดิ่งและกดแชร์บทความของเรา เพราะถ้าท่านแคร์คนอื่นฉันจะต้องให้คนที่ท่านรักได้รู้ข้อมูลนี้ด้วย เพราะผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก  และผู้ให้ย่อมได้รับผลตอบแทนเสมอเสมอ

เชษฐวิทย์ สิงขร:ยิ่งให้สิ่งดีๆออกไป ให้คุณค่าที่อยู่ในตัวเราออกไปไม่จำเป็นว่าเราต้องเก่งมาจากไหนเพียงแค่เรารู้ว่าสิ่งนี้มีคุณค่าแล้วเราให้ออกไปแล้วเราจะได้สิ่งที่มีคุณค่ากลับมาหลายร้อยหลายพันเท่า

กมลเวช เมืองศรี:ดังนั้นฟันธงเลยว่า Content Marketing ดีกว่าการออกไปขายอย่างแน่นอนและยิ่งเรามีระบบ ในการกระจายสื่อข้อมูลเหล่านี้ทั้ง 6 ขั้นตอน การทำรายได้เป็นหมื่นเป็นแสนต่อวันนั้นทำได้อย่างแน่นอน เนื้อหาทั้ง 6 ขั้นตอนอยู่ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เราสองคนต้องลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่เมื่อเจอคำถามที่ยอดเยี่ยมขอขอบคุณคำถามจากคุณประพัฒน์นะครับสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!”

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงในถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล

สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน

สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!” คลิกที่นี่

กมลเวช & เชษฐวิทย์ จะมาคุยให้ท่านฟังครับว่า โปรเจคเศรษฐีชุดนอน (Speed Wealth Project) จะให้อะไรแก่ท่าน และท่านจะได้อะไรมากมายมหาศาลแค่ไหน?

มาคุยและมาฟังกันได้เลยครับ

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”หนังสือเสียง “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”ขั้นตอนที่หนึ่งสร้างผู้ติดตามของเราขั้นตอนที่สองสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามเราขั้นตอนที่สามการขายให้กับผู้ติดตามของเรา

วีดีโอ “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”

หนังสือเสียง “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”

เชษฐวิทย์ สิงขร:สวัสดีครับสำหรับวีดีโอคลิปนี้นะครับเราจะมารีวิว แล้วก็มาตอบคำถามข้อสงสัยต่างๆ สำหรับโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่กับอาจารย์ผู้สอน โปรเจคเศรษฐีชุดนอนนี้แล้วนะครับ ก็คือท่านอาจารย์กมลเวช เมืองศรี

ก่อนอื่นอยากจะให้อาจารย์แนะนำคอร์สโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ว่ามันเกี่ยวกับอะไร สอนอะไรบ้าง ให้ทุกคนเข้าใจว่ามันคืออะไร ขอเชิญอาจารย์ครับ กมลเวช เมืองศรี:โปรเจคเศรษฐีชุดนอนคือ คอร์สที่จะสอนวิธีการที่จะทำให้ใครก็ตาม ที่อยากได้วิธีทำการตลาดออนไลน์ โดยที่รู้รอบแบบ 360 องศา รู้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ว่าเราเป็นใคร เราควรจะต้องวางตัวอย่างไรในโลกออนไลน์

จนถึงสินค้าของเราคืออะไร กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร และเราจะสร้างระบบในการทำการตลาดเพื่อโปรโมทตัวเรา โปรโมทสินค้าให้มีคนติดตาม ให้เรามีชื่อเสียงโด่งดังได้อย่างไร ในการที่จะทำการตลาดออนไลน์สำเร็จมันมีอยู่แค่ 3 ขั้นตอน

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

สร้างผู้ติดตามของเรา

เราต้องมีผู้ติดตามของเรา เพราะถ้าไม่มีคนติดตามเรา เราไม่รู้จะขายให้กับใคร การไปขายให้กับคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่ชอบเรา ไม่ใช่ผู้ติดตามเรา ไม่เชื่อถือศรัทธาเรา เป็นการขายที่ยากมาก

ถ้าเราสร้างผู้ติดตามเราแล้วจะทำให้เวลาเราจะนำเสนออะไร ก็จะมีคนคอยดูคอยติดตามตลอด แล้วเวลาท่านเสนอสินค้าหรือบริการอะไรก็ขายถล่มทลาย ดังนั้นเราต้องสร้างผู้ติดตาม เราสอนอย่างละเอียดเลยว่าจะต้องวางตัวยังไง ทำอย่างไรผู้คนเห็นเราในฐานะที่เขาอยากจะติดตามเรา ชอบเรา

2

ขั้นตอนที่สอง

สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามเรา

เราต้องมีการปฏิสัมพันธ์เสมอๆ เราจะสอนว่าถ้าจะต้องทำการปฏิสัมพันธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามท่านนั้นทำอย่างไรให้ทรงพลังที่สุด เพราะผู้คนจำนวนมากเลยครับที่เห็นสินค้าหรือบริการที่ท่านพยายามขายให้กับเขาตั้งแต่ครั้งแรก

มีไม่เกิน 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ บางที 7 เปอร์เซ็นต์ จะซื้อทันที ที่เหลืออีก 90 – 95 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ซื้อ แล้วเราไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนที่ยังไม่ซื้อกลับมาซื้ออีกสัก 10 20 30 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับเราทิ้งเงินก้อนโต 

นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปเขาทำกัน เขาไม่รู้ว่าเขาจะปฏิสัมพันธ์ เขาจะทำให้คนรู้จัก เชื่อถือ และศรัทธาเรามากขึ้นได้อย่างไร และสร้างผู้ติดตามใหม่ๆ เข้ามาอีก ดังนั้นหลักการง่ายๆ คือเราจะต้องทำ Content Marketing ให้เป็น

ผู้คนส่วนมากจะบอกว่า Content is King แต่ผมอยากจะบอกว่า อันนั้นรู้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ที่เหลือคือ Quality Content is King ก็คือ เนื้อหาที่มีคุณภาพมีคุณค่าสูงต่างหาก คือสุดยอดเครื่องมือที่สำคัญในการทำการตลาด

ในการทำการตลาดแบบ Content นั้นมันมี 3 ส่วน คือ

1. ส่วนแรก เราเรียกว่า TOFU (Top Of the FUnnel) ก็คือทำเนื้อหาให้กับคนไม่รู้จักเรา ให้รู้จักเรา เพราะเราจะขายของให้คนไม่รู้จักไม่ได้ทำง่ายๆ

2. ส่วนที่สอง เราเรียกว่า MOFU (Middle Of the FUnnel) คือทำให้คนที่ไม่รู้จักเราเหล่านั้นอยากจะเข้ามาศึกษาสินค้าหรือบริการของเรา

3. ส่วนที่สาม เรียกว่า BOFU (Bottom Of the FUnnel) เป็นเนื้อหาที่ทำให้คนสนใจนั้นตัดสินใจซื้อ เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ในการทำเป็นคนตัดสินใจซื้อ ก็คือ Webinar online ในยุคปัจจุบันอาจจะเป็น Facebook Live และ YouTube Live  

ท่านจะได้รู้ว่าเนื้อหาแต่ละขั้นนั้นทำอย่างไร เราจะสอนและวิเคราะห์อย่างละเอียด 

3

ขั้นตอนที่สาม

การขายให้กับผู้ติดตามของเรา

คือการขายให้กับผู้ติดตามของเรา ผมทำแบบนี้มา 15 ปีแล้วเวิร์คที่สุด ขายอะไรก็ถล่มทลาย อยากจะสร้างธุรกิจอะไรคนก็แห่กันมาสมัคร เพราะฉะนั้นนั่นคือสิ่งที่จะทำให้ผู้เรียนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้

เรายังสอนในเรื่องของระบบแห่งความสำเร็จด้วย เพราะว่าหลายๆคนอยากทำการตลาดออนไลน์ แต่รู้สึกว่าทำไมเหนื่อยจังต้องไลฟ์ทุกวัน เราจะสอนวิธีการใช้เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด เพื่อช่วยทุ่นแรง ทุ่นเงินทุ่นเวลาทำงาน เครื่องมือที่ทรงพลังมีอะไรบ้าง เว็บไซต์ท่านต้องมี Sale funnel ท่านต้องสร้างเป็น Facebook Page, YouTube Channel ระบบติดตามผลไม่ว่าจะเป็นระบบ Email Marketing, Messenger Marketing, Line Marketing ท่านชอบทางไหนก่อนก็ทำได้หมด แล้วเราก็ทำขายให้กับผู้มุ่งหวังอัตโนมัติการพาคนมากๆ ให้เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เราเรียกว่า Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าสื่อของเรา มี 2 แบบ คือ การทำการตลาดแบบไม่ใช้เงิน และการใช้เงินในการทำการตลาดหรือซื้อโฆษณา

เชษฐิทย์ สิงขร:

นับได้ว่าเป็นการตีแผ่หรือว่าเอาระบบที่ อาจารย์กมลเวช ทำและประสบความสำเร็จของอาจารย์เอง เอามาสอนให้กับคนที่สนใจ ต้องการที่จะเรียนจริงๆ สอนโดยไม่มีกั๊กนะครับสอนทุกอย่างที่ทำให้สำเร็จ ซึ่งผู้ที่เรียนก็จะได้ประโยชน์อย่างมากและถ้าเอาไปลงมือทำเป็นระบบของตัวเอง ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้เช่นเดียวกันนะครับ เพราะมันเป็นระบบที่พิสูจน์แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่มันถูกเรียกว่า ระบบแห่งความสำเร็จที่ไม่มีวันผิดพลาด ทำ 100 ครั้ง ก็สำเร็จ 100 ครั้ง

เชษฐิทย์ สิงขร:

มีคำถาม จากผู้ที่สนใจส่งคำถามเข้ามา ผมจะถามอาจารย์กมลเวชเป็นข้อๆ นะครับ คำถามแรกเลย ใครเหมาะสมที่จะมาเรียน

กมลเวช เมืองศรี:

ทุกคนครับ พูดง่ายๆ คือโปรเจคนี้ชื่อโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ก็คือใครก็ตามที่อยากที่จะอยู่ในชุดนอนแล้วยังมีรายได้เข้าตลอดทั้งตอนหลับและตื่นครับ ผมคนนึงล่ะอยากได้

เพราะฉะนั้นเมื่อเราสร้างระบบเป็นทำการตลาดเป็นแบบอัตโนมัติ ท่านก็อยู่ในสภาพเศรษฐีชุดนอนแล้ว เพราะการมีรายได้ระดับ 1 แสน ถึง 1 ล้านเข้ากระเป๋าเป็นอย่างน้อยทุกเดือน ท่านว่าในสภาพสังคมในปัจจุบันนี้ คนที่มีรายได้ปีละ 30 ล้านขึ้นไปเป็นเศรษฐีไหมล่ะ เดือนนึงได้ซัก 1 ถึง 3 ล้าน ปีละ 30 ล้านแล้ว

จะสอนวิชาว่าทำอย่างไรให้ท่านรู้วิธีการ สร้างเครื่องมือเป็น ทำการตลาดเป็น เพื่อท่านทำการตลาดขายสินค้าหรือบริการของท่านเพื่อให้มีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านเหรียญหรือว่า 30 ล้านบาทต่อปีภายใน 1 ถึง 3 ปีนี้ครับ

เชษฐิทย์ สิงขร: 

อาจารย์ครับแล้วสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีสินค้าหรือธุรกิจของตัวเองเลยครับสามารถที่จะเรียนได้หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

ผู้ไม่มีสินค้าหรือธุรกิจของตัวเอง ก็คือคนทั่วไป เพราะตอนที่เราเริ่มก็ไม่มีอะไร แต่เราสามารถที่จะเลือกสินค้าหรือบริการของคนอื่นมาโปรโมทได้ ถ้าท่านไปสมัครทำธุรกิจเครือข่าย สินค้านั้นก็เป็นของคนอื่นธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ขายประกันชีวิต มันไม่มีสินค้าชิ้นไหน ที่เป็นของท่าน เป็นของคนอื่นทั้งสิ้น

เมื่อไปสมัครแล้วกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคเป็นไหม ถ้าท่านทำการตลาดไม่เป็น ท่านจะขายไม่ค่อยได้หรอกนะ มันยากมากที่ไม่มีทักษะและจะไปนั่งโพสต์แล้วจะมีคนซื้อ หลายๆท่านที่ดูวีดีโอนี้อยู่ ก็เคยโพสต์แหลกโพสต์กระจายมาแล้ว พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ เคยฮิตกันอยู่พักใหญ่ แล้วตอนนี้ไปไหนแล้ว

ผมเคยทำนายไว้ว่ามันเป็นโมเดลพิเศษที่อยู่ไม่นาน เพราะเขาคุณสมบัติที่สำคัญในการที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือขาดชุดทักษะในการทำการตลาดเพื่อความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดถูกสอนใน โปรเจคเศรษฐีชุดนอนนี้ 

คนที่มีสินค้าหรือไม่มีสินค้า มีธุรกิจหรือไม่มี ไม่ใช่ปัญหาเลย ให้มาเรียนก่อน ไม่ใช่ว่าไปซื้อสินค้ามากอง หรือไปสมัครธุรกิจลงทุนไว้ก่อน อย่าเชื่อนะว่าที่เขาบอกว่าสินค้าขายตัวเองได้ ไม่มีบนโลก ตัวเรานี่แหละเป็นคนขายสินค้า

เชษฐิทย์ สิงขร: 

การันตีผลลัพธ์หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

ตอบชัดเจนเลย ไม่การันตี แต่ถ้าทุกท่านการันตีว่าทุกท่านพร้อมเรียนรู้ฝึกฝนลงมือทำและพร้อมที่จะลงมือทำทุกอย่างที่ผมสอน ผมแนะนำ ให้ทำอะไรทำ ถ้าท่านทำทุกอย่างตามที่ผมบอก ผมการันตีว่าท่านจะประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าท่านเข้ามาแล้วไม่เอาจริง ไม่ทำอะไรเลย ไม่เรียน ไม่พัฒนา ไม่สร้างเครื่องมือ ไม่ฝึกทำการตลาด ไม่เขียนโฆษณา แล้วจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าการันตีไปผมก็กลายเป็นคนไร้สาระ ถ้าอย่างนั้นท่านเก็บเงินไว้ดีกว่า 

แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ แล้วทำตามที่ผมสอน 1 ปีเต็ม โดยเป็นการสอนแบบออนไลน์ 80 เปอร์เซ็นต์ และมาเรียนแบบเจอตัวอย่างน้อย ทุก 2 เดือน เจอกัน 1 ครั้ง เพื่อทำเวิร์คชอป ที่ K-Academy ที่เปิดไว้ให้นักเรียน ท่านจะมาเจอผม และโค้ชในทีมแห่งความสำเร็จ ครั้งละ 2 วันเต็ม รวมแล้วเกือบ 100 ชั่วโมงที่จะได้มาพบกับพวกเรา

เชษฐิทย์ สิงขร:

อยู่ต่างประเทศเรียนได้หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ อย่าเข้าใจผิดว่าอยู่ไกลแล้วไม่สามารถเข้ามาเรียนเวิร์คชอปได้ เวิร์คชอปนี่เป็นของแถม เนื้อหาทั้งหมดจะถูกสอนในระบบออนไลน์ทั้งหมด ล็อกอินเข้าไป ดูวีดีโอแล้วทำตาม ทำไม่ทันดูย้อนหลัง สงสัยสอบถามโค้ช เรามีโค้ชคอยตอบให้ตลอดเวลา

มันเหมือนกับว่าท่านมีโค้ชส่วนตัวให้กับท่าน 3 ปีเต็ม  เพราะเราสอน 1 ปีเต็มพร้อมให้คำปรึกษา 3 ปีเต็ม ถ้าทีมโค้ชช่วยไม่ได้ผมจะเป็นคนช่วยเองช่วยสนับสนุนให้ทุกท่านผ่านทุกความท้าทายในการเรียนให้ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้หมดครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

สร้างรายได้อย่างไร สร้างรายได้กี่ช่องทาง

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่ดีมากเลย ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนมันจะแตกต่างจากทุกโปรเจคในประเทศไทย เพราะเราจะเปิดโอกาสให้ท่านสร้างรายได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง หลักๆ

ช่องทางที่ 1 มาจากที่ท่านได้รับสิทธิ ที่จะสามารถโปรโมทสินค้าหรือบริการหรือคอร์สสัมมนาของบริษัทเราได้ทั้งหมดเลยครับ เพื่อที่จะรับรายได้เป็นค่าคอมมิชชั่นจากเรา 30%-50%  สมมุตคอร์สราคา 3,000 ท่านได้เกือบ 1,500 บาท ช่องทางนี้ไม่บังคับ แต่ถ้าท่านอยากโปรโมทท่านก็มีรายได้หลายช่องทาง

ช่องทางที่ 2 ระหว่างเรียนเราจะลงทุน 30,000 บาท เพื่อลงโฆษณาคอร์สของเราโดยผ่านลิงก์ส่วนตัวของนักเรียนทุกคนในแต่ละรุ่น เงินจะไหลเข้าบัญชีของนักเรียนแทบทุกคนและทุกเดือน ไม่มีคอร์สที่ไหนอีกแล้วที่ท่านเรียนแล้วได้เงินกลับไปด้วย

ช่องทางที่ 3 เมื่อท่านได้เรียนโปรเจคนี้และรู้วิธีทำการตลาดทึ่ทรงพลังแล้ว ท่านจะนำไปโปรโมทสินค้าของใครก๋ได้ เพราะท่านมีระบบ ก็สามารถทำได้ทุกวัน หรือท่านจะสร้างสินค้าของตัวเองก็ทำได้

เชษฐิทย์ สิงขร:

ในรุ่นที่ 1 และ 2 ก็รับรายได้กันถ้วนหน้า

กมลเวช เมืองศรี:

โดยนักเรียนจะต้องทำตามคุณสมบัติของเราให้ครบ ง่ายๆ แลยคือการชำระค่าเรียนให้ครบเท่านั้นเอง

เชษฐิทย์ สิงขร:

คอร์สนี้ต่างจากคอร์สอื่นอย่างไร

กมลเวช เมืองศรี:

คอร์สนี้เป็นคอร์สระดับสูงสุดของผมแล้ว โดยสอนละเอียดที่สุด ด้วยเนื้อหาที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตของมนุษย์ เราไม่ได้สอนวิธีการอย่างเดียว

ซึ่งวิธีการนั้นมันแค่ 5% เท่านั้น เราสอนวิธีสื่อสารด้วย การสื่อสารกับผู้คนไม่ว่าจะผ่านการเขียน ส่งอีเมล การโพสต์ หรือผ่านการพูดในวีดีโอ หรือ Podcast ท่านจะพูดแล้วโดนใจคน ทำให้คนชอบท่าน เชื่อถือ และศรัทธาท่าน เป็นทักษะ 15% รวมเป็น 20%

อีก 80% ที่เราจะสอนคือวิธีคิด การที่คนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เขาจะต้องมี วิธีคิดของผู้ประสบความสำเร็จ ท่านทราบไหมว่าคนจำนวนมากที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะเขามีวิธีคิดที่ไม่เวิร์ค ไม่ใช่เพราะไม่รู้วิธีการนะ บางคนเรียนจบ ป.โท ป.เอก เรียนทุกคอร์ส แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

เพราะยังคิดไม่ได้ว่าควรจะต้องทำอะไร และทำอย่างไร ควรจะเอาชนะปัญหาอย่างไร บางคนเจอปัญหาแล้วยอมแพ้ บางคนเจอปัญหาแล้วเอาชนะได้ มันขึ้นอยู่กับวิธีคิด แล้วการสอนให้คนมีวิธีคิดของผู้ประสบความสำเร็จ ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี นั่นคือสาเหตุที่โปรเจคนี้สอน และให้คำปรึกษาทั้งหมด 3 ปีเต็ม คุ้มค่าไหมครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

เริ่มเรียนเมื่อไรครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมตั้งเป้าไว้ว่า ใครก็ตามที่เข้ามาเรียนแล้วทำได้เหมือนอย่างที่ผมทำได้ สามารถทำรายได้ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อเดือนได้แล้ว 100 คน ผมจะวางมือ และไม่สอนอีกแล้ว ดังนั้น เราจะเปิดรับทุกเดือน แต่เมื่อเราปั้นคนได้ครบ 100 คนแล้ว เราปิดรับสมัคร และไม่สอนแล้ว ซึ่งอาจจะครบในรุ่นที่ 4 นี้ก็ได้ เพราะเรารับรุ่นละ 30 คนเท่านั้น

เชษฐิทย์ สิงขร:

ฉันจะทำได้ไหม

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่ดีครับ ผมตอบว่า ถ้าท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ผมก็เชื่อว่าท่านทำได้ แต่ถ้าท่านเชื่อว่าทำไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยนะครับ เพราะคนที่จะบอกว่าท่านทำได้หรือไม่ ก็คือต้วท่านเอง 

ถ้าท่านคิดว่าทำไม่ได้ ผมอยากจะแบ่งปันว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้ แต่ที่แตกต่างกันคือ ความคิดที่เขาคิดว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ เห็นไหมครับว่า วิธีคิดสำคัญมาก 

เชษฐิทย์ สิงขร:

ถ้าไม่เข้าใจ ถามใครได้

กมลเวช เมืองศรี:

เรามีทีมโค้ช 3 คน มีผมโค้ชแนมโค้ชตู้ เราจะตอบคำถามได้ตลอดในกลุ่มเฟสบุค เมื่อท่านถามจะทำให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย บางทีนักเรียนที่ทำได้จะเข้ามาช่วยตอบมันจะทำให้เขาแตกฉานเข้าใจมากขึ้น และสอนคนอื่นต่อไปได้ ได้ประโยชน์ทั้งผู้ถามและผู้ตอบ

เชษฐิทย์ สิงขร:

ราคาเท่าไร

กมลเวช เมืองศรี:

โปรเจคนี้ตั้งราคาไว้ที่ 84,950 บาท บางคนอาจมองว่าราคาสูง แต่อยากจะบอกว่าเปรียบเทียบกับอะไร เพราะถ้าพิจารณา การเรียน ตรี โท เอก ราคาเท่านี้เรียนไม่ได้นะครับ แต่โปรเจคนี้สอนให้ท่านเป็นผู้ประกอบการ คือ จบแล้วสามารถออกไปทำกิจการได้ บอกเลยว่าค่าเรียนถูกกว่าค่าเทอมลูกของผมอีก 

การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนให้กับตัวเอง เรามี Payment Plan ให้ผ่อนได้

วิธีแรก จ่ายเงินก้อนแรก 29,997 บาท และผ่อนอีก 4,997 บาท อีก 11 เดือน

วิธีที่สอง ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนแรก แต่ผ่อน 7,100 บาท ติดต่อกัน 12 เดือน

วิธีที่สาม ชำระเงินก้อนครั้งเดียว ลดให้ จากราคาเต็ม เหลือเพียง 80,000 บาท

ถ้าอยากปรึกษาเรื่องการชำระเงินให้โทรมาปรึกษาได้ครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

ถ้าท่านใดยังมีคำถาม สามารถส่งคำถามมาได้ทุกช่องทางนะครับ

อยากให้ อาจารย์กมลเวช สรุปในช่วงท้ายนี้ครับ

กมลเวช เมืองศรี:

มีคำกล่าวจาก โรเบิร์ต คิโยซากิ เจ้าของหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้าน บอกเอาไว้ว่า “มันเป็นเรื่องที่บ้ามาก ถ้าใครคนหนึ่งต้องการสร้างผลลัพท์ใหม่ๆ ในชีวิต แต่ยังทำเหมือนเดิม” มันทำให้ผมออกมาทำสิ่งใหม่เพราะผมอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต

และถ้าท่านอยากพัฒนารายได้ของท่านให้มากกว่าเดิม 100 ถึง 1,000 % หรือ 2 ถึง 10 เท่า ท่านจะต้องทำสิ่งที่แตกต่าง ท่านต้องออกมาจากโซนสบายของท่าน แล้วเข้ามาอยู่ในโปรเจกเศรษฐีชุดนอนของเรา จะทำให้ท่านเป็นคนที่พัฒนาตัวเอง เมื่อท่านเรียนจบโปรเจคแล้วท่านจะจำตัวเองไม่ได้เลย 

ถ้าอยากสร้างผลลัพท์ใหม่ๆ จงทำสิ่งใหม่ๆ

การตัดสินใจในชีวิต นั้นใช้เวลาไม่นาน เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของสายการบิน เวอร์จิ้น บอกไว้ว่า “เมื่อมีคนมาเสนอโอกาส เพื่อให้ชึวิตคุณดีขึ้น จงอย่าลังเล จงคว้าโอกาสนั้นไว้ แล้วค่อยมาเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ เพราะโอกาสนั้นอาจจะไม่กลับมาเป็นครั้งที่สอง”

เชษฐิทย์ สิงขร:

ผมหวังว่าทุกท่านจะคว้าโอกาสนี้ไว้ แล้วพบกันในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!”

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงในถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล

3 เทคนิคการเชิญชวนคนเข้างาน และเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย MLM ขายตรง ประกันชีวิต ให้ได้ผล

3 เทคนิคการเชิญชวนคนเข้างาน และเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย MLM ขายตรง ประกันชีวิต ให้ได้ผล

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

3 สุดยอดเคล็ดลับและสคริปต์ในการเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ประกันชีวิต ให้ได้ผล

การจะทำให้ธุรกิจเครือข่ายสำเร็จนั้นท่านจะต้องมีชุดทักษะ  ชุดทักษะนั้นประกอบด้วยทักษะการเชิญคนมาดูโอกาส เป็นทักษะอันดับหนึ่ง ถ้าท่านเชิญคนมาดูโอกาสไม่ได้ธุรกิจท่านจบ ขยายต่อไม่ได้ ขายของไม่ได้ วันนี้เราจะเจาะลึก และมีตัวอย่างง่ายๆให้ท่านได้ดูครับว่าผมใช้ยังไงบ้าง

วีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”

หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมาสูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Timeสูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค

วิธีพัฒนาทักษะในการเชิญคน (Prospecting)

การพัฒนาทักษะในการเชิญคนมาดูโอกาสนั้น จำเป็นที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด ทั้งกับตัวท่านเอง และการสอนคนอื่น ถ้าท่านไม่สามารถที่จะพัฒนาทักษะนี้ให้กับตัวเองเร็วๆก็สอนคนอื่นต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง

พัฒนาทัศนคติในการเชิญคนมาดูโอกาสให้ประสบความสำเร็จ 

ท่านต้องพัฒนาทัศนคติว่าเราจะต้องมีทัศนคติอย่างไร จึงจะสามารถเชิญคนมาดูโอกาสแล้วประสบความสำเร็จ

เชิญแล้วคนมา แค่เชิญแล้วคนมาท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจไปแล้ว 25% 

พอคนมาแล้ว ตัดสินใจสมัคร ท่านประสบความสำเร็จไปแล้ว 50%

พอสมัครแล้วท่าน สอนทำให้เขาเชิญคน แล้วก็มา แล้วก็สมัครท่านสำเร็จแล้ว 75% 

แล้วถ้าท่าน สอนทีมงานของท่านให้ไปสอนทีมงานของเขาต่อ โดยทีมงานของเขานั้นเนี่ยสามารถที่จะเชิญคน แล้วก็สมัครต่อ สอนพัฒนาอย่างต่อเนื่องท่านสำเร็จแล้ว 100%

ดั้งนั้นเราจะต้องมีทัศนคติ

  1. เราคือผู้ให้ (ที่ไม่คาดหวังผลลัพธ์)!
  2. เราคัดหาคนที่จริง ที่ใช่ !
  3. เข้าใจกฎของค่าเฉลี่ย !

กฎของค่าเฉลี่ยมีไว้ว่า “ถ้าเราทำบางสิ่งบ่อยมากพอ ค่าเฉลี่ยจะเกิดขึ้น”

ทำ 10 ได้ 1 คือค่าเฉลี่ยของอุสาหกรรมนี้ ค่านี้คือพิสูจน์มาแล้ว ทั้งเชิญคนมาดูโอกาส การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ

ทำ 10 ได้ 2 คือ ดี

ทำ 10 ได้ 3 คือ เก่ง

ทำ 10 ได้ 4 คือ ยอดเยี่ยม

ผลค่าเฉลี่ยจะทำให้ท่านได้เห็นว่าต้องทำมันให้มากพอท่านจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

“3 ปัจจัยสำคัญในการทำ MLM ให้ประสบความสำเร็จ”

1.วิธีคิด – ท่านต้องมีวิธีการสื่อสารกับตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ท่านคิด คนส่วนมากจะคิดทำลายตัวเอง เราต้องคิดบวก เลิกใช้พลังทำลายตัวเอง ฝึกใช้พลังคิดสร้างสรรค์ ฉันไม่มีทักษะ ต้องทำยังไงให้มีทักษะ ฉันไม่มีรายได้จากธุรกิจ จะทำยังไงให้มีรายได้เพิ่ม จงตั้งคำถามคุณภาพให้กับตัวเอง

2.วิธีการ – คนส่วนมากมองหาแต่วิธีการ ฉันอยากจะทำเว็ปไซต์เป็น อยากยิงแอดเป็น อยากสปอนเซอร์คนเป็น อยากเก่งอย่างรวดเร็ว แต่ผมบอกไว้เลยวิธีการสำคัญแค่ 5% เท่านั้น เพราะวิธีการเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้ สามารถเก่งได้ จากที่ท่านไปเรียน และฝึกลงมือทำ ถ้าหากวิธีคิดไม่ได้ยังไงคุณก็ออกจากธุรกิจอยู่ดี

3.วิธีสื่อสารกับผู้อื่น – การโทรเชิญคนเข้ามาดูโอกาส การส่งไลน์ ส่งเฟสบุ๊ค มันคือโอกาสการสื่อสารระหว่างเรากับผู้คนเพราะฉะนั้นวิธีการสื่อสารกับตัวเองนั้นสำคัญ วิธีการสื่อสารกับผู้อื่นก็สำคัญ 15%

เพราะฉะนั้นท่านต้องฝึกทักษะเหล่านี้ ทำให้ทักษะเหล่านี้อยู่ข้างท่าน

วันนี้ผมมีสูตรสำเร็จ 3 สูตร สูตรสำเร็จในการเชิญคนมาดูโอกาส

สูตรสำเร็จที่ 1

สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมา

สูตรสำเร็จนี้ว่าด้วยหลักการ 3 หลักการ ดังนี้

1

Step 1เร่งรีบ ในการเชิญคน

ตัวอย่าง

สวัสดีครับคุณ………ผมมีเรื่องสำคัญที่จะถามคุณและตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก คุณสะดวกที่คุยกับผมสัก 1 นาทีไหม ?

( อย่าใช้เวลาคุยนานเกิน 1 นาที หรือ 1.30 นาที เพราะการเชิญครั้งนั้นจะไม่มีคุณภาพ)

2

Step 2ให้คุณค่า

เพราะถ้าท่านไม่ให้คุณค่าเขา ไม่ให้ในสิ่งที่เขาเห็นว่ามันเป็นประโยชน์กับเขา เขาจะไม่ตอบรับในการมาดูโอกาสอย่างแน่นอน

ตัวอย่าง

ถ้าผมได้พบกับช่องทางในการที่จะสามารถสร้างรายได้ 5,000-20,000 บาทต่อเดือน โดยที่สามารถทำแบบพาร์ทไทม์หรือเต็มเวลาก็ได้ คุณอยากดูข้อมูลไหม?

3

Step 3ดึงกลับมา 

ท่านอย่าพยายามยัดเยียดลงคอหอยเขา ท่านต้องไว้ตัวบ้าง ท่านต้องดึงกลับให้เป็น

ตัวอย่าง

แต่ผมไม่ทราบนะว่ามันจะเหมาะกับคุณไหม มันอาจจะเหมาะ หรือ ไม่เหมาะกับคุณก็ได้ ผมไม่ทราบจริงๆ คุณอาจจะมีคุณสมบัติพอหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องดูข้อมูลเอง คุณอยากดูไหม?

ผมบอกได้เลยว่านักธุรกิจ 95% ดึงกลับไม่เป็น เมื่อเขาตอบว่าอยากดู ให้เรานัดเวลา สถานที่

สูตรสำเร็จที่ 2

สูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Time

สูตรสำเร็จนี้เป็นคำเชื้อเชิญที่น่าเหลือเชื่อ มันเหมาะมากกับคนทำงานประจำ หรือ คนที่อยากจะหารายได้เพิ่มอีกช่องทางสูตรสำเร็จนี้บอกไว้ว่า “ผมพบช่องทางแบบพาร์ทไทม์ในการทำงานเพื่อสร้างอนาคตที่มั่งคั่ง และผมกำลังทำเงินเท่าๆกับที่ได้จากงานประจำของผม คุณอยากฟังเรื่องราวของผมไหม มันเหลือเชื่อมากๆ “

หัวใจสำคัญของคำว่า Magic Of Part Time คือคำว่า “พาร์ทไทม์” หรือทำหลังเลิกงาน หลังจากธุรกิจที่ 1 ของเขา มาทำที่ 2 ได้

ความมหัศจรรย์และพลังดึงดูดของพาร์ทไทม์ ทำให้คุณมีการเชิญที่แสนคลาสสิค ให้กับคนที่อยากฟัง ในสิ่งที่คุณกำลังทำ และเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ

เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตคุณ แต่สิ่งที่คุณใช้เงินทำต่างหากที่สำคัญมันเปลี่ยนวิถีชีวิตเลยและนี่คือปรัชญาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม

สูตรสำเร็จที่ 3

สูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค

ถ้าท่านใช้สคริปต์นี้อย่างดี อย่างถูกต้อง เข้าใจอย่างถูกต้องท่านจะไม่มีทางที่จะสูญเสียความสัมพันธ์กับผู้คนเลย แม้สคริปต์ที่ 2 และ สคริปต์ที่1 จะไม่เสียความสัมพันธ์กับบุคคล แต่สคริปต์ที่ 3 จะชัดเจนมาก และ การเชิญของท่านจะมีประสิทธิผลค่อนข้างมากในสคริปต์ที่ 3 นี้

ตัวอย่าง

ผมอยากให้ตั้งใจฟังนะ เพราะผมเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และคน 3 ใน 10 คนจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผม และผมจะไม่รังเกียจเลยที่คุณจะเข้าร่วมดูข้อมูลและเป็น 1 ใน 7 ที่ไม่เข้าร่วมผม เพราะมันไม่สำคัญ คุณเป็นเพื่อนผม และคุณจะทำก็เพื่อสนับสนุนผม และ ไม่สำคัญว่าคุณชอบหรือเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะสมัครรึเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะซื้อหรือเปล่า แต่มันสำคัญมากๆ ที่คุณจะมาเพื่อแค่ดูข้อมูล

เหตุผลสำคัญที่ผมอยากให้คุณได้ฟังเรื่องราวของมันก็เพราะว่า เมื่อหลายปีผ่านไป ถ้าผมทำได้ดี ผมไม่อยากให้คุณพูดว่า “ทำไมผมไม่โทรหาคุณเมื่อหลายปีก่อนเพื่อบอกเรื่องนี้ ผมไม่ได้จดหมาย ไม่ได้ข้อความใดๆเลย”

ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ เพราะฉะนั้น 2 เหตุผลคือ ผมอยากให้คุณได้เห็นว่าผมทำอะไร และเมื่อเวลาผ่านไปถ้าผมทำได้ดี ผมจะได้พูดว่า คุณก็รู้ว่าผมให้โอกาสกับคุณแล้ว

แล้วที่สำคัญมากคือ มาเพื่อเป็นเกียรติให้กับผมในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ มาเป็น 1 ใน 7 มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าร่วมหรือเป็นลูกค้าหรือไม่ แต่ผมต้องการ 10 คนเพื่อให้เกิดหุ้นส่วน 3 คน

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

กมลเวช เมืองศรี