by เชษฐวิทย์ สิงขร | Dec 19, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
3 สุดยอดเคล็ดลับและสคริปต์ในการเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ประกันชีวิต ให้ได้ผล
การจะทำให้ธุรกิจเครือข่ายสำเร็จนั้นท่านจะต้องมีชุดทักษะ ชุดทักษะนั้นประกอบด้วยทักษะการเชิญคนมาดูโอกาส เป็นทักษะอันดับหนึ่ง ถ้าท่านเชิญคนมาดูโอกาสไม่ได้ธุรกิจท่านจบ ขยายต่อไม่ได้ ขายของไม่ได้ วันนี้เราจะเจาะลึก และมีตัวอย่างง่ายๆให้ท่านได้ดูครับว่าผมใช้ยังไงบ้าง
วีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”
หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล”
สารบัญเนื้อหา วีดีโอ “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล” หนังสือเสียง “3 เคล็ดลับเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจเครือข่ายให้ได้ผล” สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมา สูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Time สูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค
วิธีพัฒนาทักษะในการเชิญคน ( Prospecting)
การพัฒนาทักษะในการเชิญคนมาดูโอกาสนั้น จำเป็นที่จะต้องทำให้เร็วที่สุด ทั้งกับตัวท่านเอง และการสอนคนอื่น ถ้าท่านไม่สามารถที่จะพัฒนาทักษะนี้ให้กับตัวเองเร็วๆก็สอนคนอื่นต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาดูกันว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง
พัฒนาทัศนคติในการเชิญคนมาดูโอกาสให้ประสบความสำเร็จ
ท่านต้องพัฒนาทัศนคติว่าเราจะต้องมีทัศนคติอย่างไร จึงจะสามารถเชิญคนมาดูโอกาสแล้วประสบความสำเร็จ
เชิญแล้วคนมา แค่เชิญแล้วคนมาท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจไปแล้ว 25%
พอคนมาแล้ว ตัดสินใจสมัคร ท่านประสบความสำเร็จไปแล้ว 50%
พอสมัครแล้วท่าน สอนทำให้เขาเชิญคน แล้วก็มา แล้วก็สมัครท่านสำเร็จแล้ว 75%
แล้วถ้าท่าน สอนทีมงานของท่านให้ไปสอนทีมงานของเขาต่อ โดยทีมงานของเขานั้นเนี่ยสามารถที่จะเชิญคน แล้วก็สมัครต่อ สอนพัฒนาอย่างต่อเนื่องท่านสำเร็จแล้ว 100%
ดั้งนั้นเราจะต้องมีทัศนคติ
เราคือผู้ให้ (ที่ไม่คาดหวังผลลัพธ์)!
เราคัดหาคนที่จริง ที่ใช่ !
เข้าใจกฎของค่าเฉลี่ย !
กฎของค่าเฉลี่ยมีไว้ว่า “ถ้าเราทำบางสิ่งบ่อยมากพอ ค่าเฉลี่ยจะเกิดขึ้น”
ทำ 10 ได้ 1 คือค่าเฉลี่ยของอุสาหกรรมนี้ ค่านี้คือพิสูจน์มาแล้ว ทั้งเชิญคนมาดูโอกาส การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ
ทำ 10 ได้ 2 คือ ดี
ทำ 10 ได้ 3 คือ เก่ง
ทำ 10 ได้ 4 คือ ยอดเยี่ยม
ผลค่าเฉลี่ยจะทำให้ท่านได้เห็นว่าต้องทำมันให้มากพอท่านจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
“3 ปัจจัยสำคัญในการทำ MLM ให้ประสบความสำเร็จ”
1.วิธีคิด – ท่านต้องมีวิธีการสื่อสารกับตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ท่านคิด คนส่วนมากจะคิดทำลายตัวเอง เราต้องคิดบวก เลิกใช้พลังทำลายตัวเอง ฝึกใช้พลังคิดสร้างสรรค์ ฉันไม่มีทักษะ ต้องทำยังไงให้มีทักษะ ฉันไม่มีรายได้จากธุรกิจ จะทำยังไงให้มีรายได้เพิ่ม จงตั้งคำถามคุณภาพให้กับตัวเอง
2.วิธีการ – คนส่วนมากมองหาแต่วิธีการ ฉันอยากจะทำเว็ปไซต์เป็น อยากยิงแอดเป็น อยากสปอนเซอร์คนเป็น อยากเก่งอย่างรวดเร็ว แต่ผมบอกไว้เลยวิธีการสำคัญแค่ 5% เท่านั้น เพราะวิธีการเหล่านี้สามารถเรียนรู้ได้ สามารถเก่งได้ จากที่ท่านไปเรียน และฝึกลงมือทำ ถ้าหากวิธีคิดไม่ได้ยังไงคุณก็ออกจากธุรกิจอยู่ดี
3.วิธีสื่อสารกับผู้อื่น – การโทรเชิญคนเข้ามาดูโอกาส การส่งไลน์ ส่งเฟสบุ๊ค มันคือโอกาสการสื่อสารระหว่างเรากับผู้คนเพราะฉะนั้นวิธีการสื่อสารกับตัวเองนั้นสำคัญ วิธีการสื่อสารกับผู้อื่นก็สำคัญ 15%
เพราะฉะนั้นท่านต้องฝึกทักษะเหล่านี้ ทำให้ทักษะเหล่านี้อยู่ข้างท่าน
วันนี้ผมมีสูตรสำเร็จ 3 สูตร สูตรสำเร็จในการเชิญคนมาดูโอกาส
สูตรสำเร็จที่ 1
สูตรสำเร็จที่ 1 เร่งรีบ ให้คุณค่า ดึงกลับมา
สูตรสำเร็จนี้ว่าด้วยหลักการ 3 หลักการ ดังนี้
1
Step 1 – เร่งรีบ ในการเชิญคน
ตัวอย่าง
สวัสดีครับคุณ………ผมมีเรื่องสำคัญที่จะถามคุณและตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก คุณสะดวกที่คุยกับผมสัก 1 นาทีไหม ?
( อย่าใช้เวลาคุยนานเกิน 1 นาที หรือ 1.30 นาที เพราะการเชิญครั้งนั้นจะไม่มีคุณภาพ)
2
Step 2 – ให้คุณค่า
เพราะถ้าท่านไม่ให้คุณค่าเขา ไม่ให้ในสิ่งที่เขาเห็นว่ามันเป็นประโยชน์กับเขา เขาจะไม่ตอบรับในการมาดูโอกาสอย่างแน่นอน
ตัวอย่าง
ถ้าผมได้พบกับช่องทางในการที่จะสามารถสร้างรายได้ 5,000-20,000 บาทต่อเดือน โดยที่สามารถทำแบบพาร์ทไทม์หรือเต็มเวลาก็ได้ คุณอยากดูข้อมูลไหม?
3
Step 3 – ดึงกลับมา
ท่านอย่าพยายามยัดเยียดลงคอหอยเขา ท่านต้องไว้ตัวบ้าง ท่านต้องดึงกลับให้เป็น
ตัวอย่าง
แต่ผมไม่ทราบนะว่ามันจะเหมาะกับคุณไหม มันอาจจะเหมาะ หรือ ไม่เหมาะกับคุณก็ได้ ผมไม่ทราบจริงๆ คุณอาจจะมีคุณสมบัติพอหรือไม่ ผมก็ไม่แน่ใจ ถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องดูข้อมูลเอง คุณอยากดูไหม?
ผมบอกได้เลยว่านักธุรกิจ 95% ดึงกลับไม่เป็น เมื่อเขาตอบว่าอยากดู ให้เรานัดเวลา สถานที่
สูตรสำเร็จที่ 2
สูตรสำเร็จที่ 2 Magic Of Part Time
สูตรสำเร็จนี้เป็นคำเชื้อเชิญที่น่าเหลือเชื่อ มันเหมาะมากกับคนทำงานประจำ หรือ คนที่อยากจะหารายได้เพิ่มอีกช่องทางสูตรสำเร็จนี้บอกไว้ว่า “ผมพบช่องทางแบบพาร์ทไทม์ในการทำงานเพื่อสร้างอนาคตที่มั่งคั่ง และผมกำลังทำเงินเท่าๆกับที่ได้จากงานประจำของผม คุณอยากฟังเรื่องราวของผมไหม มันเหลือเชื่อมากๆ “
หัวใจสำคัญของคำว่า Magic Of Part Time คือคำว่า “พาร์ทไทม์” หรือทำหลังเลิกงาน หลังจากธุรกิจที่ 1 ของเขา มาทำที่ 2 ได้
ความมหัศจรรย์และพลังดึงดูดของพาร์ทไทม์ ทำให้คุณมีการเชิญที่แสนคลาสสิค ให้กับคนที่อยากฟัง ในสิ่งที่คุณกำลังทำ และเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณ
เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตคุณ แต่สิ่งที่คุณใช้เงินทำต่างหากที่สำคัญมันเปลี่ยนวิถีชีวิตเลยและนี่คือปรัชญาที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผม
สูตรสำเร็จที่ 3
สูตรสำเร็จที่ 3 ในการเชิญคนที่เวิร์ค
ถ้าท่านใช้สคริปต์นี้อย่างดี อย่างถูกต้อง เข้าใจอย่างถูกต้องท่านจะไม่มีทางที่จะสูญเสียความสัมพันธ์กับผู้คนเลย แม้สคริปต์ที่ 2 และ สคริปต์ที่1 จะไม่เสียความสัมพันธ์กับบุคคล แต่สคริปต์ที่ 3 จะชัดเจนมาก และ การเชิญของท่านจะมีประสิทธิผลค่อนข้างมากในสคริปต์ที่ 3 นี้
ตัวอย่าง
ผมอยากให้ตั้งใจฟังนะ เพราะผมเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และคน 3 ใน 10 คนจะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผม และผมจะไม่รังเกียจเลยที่คุณจะเข้าร่วมดูข้อมูลและเป็น 1 ใน 7 ที่ไม่เข้าร่วมผม เพราะมันไม่สำคัญ คุณเป็นเพื่อนผม และคุณจะทำก็เพื่อสนับสนุนผม และ ไม่สำคัญว่าคุณชอบหรือเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะสมัครรึเปล่า มันไม่สำคัญว่าคุณจะซื้อหรือเปล่า แต่มันสำคัญมากๆ ที่คุณจะมาเพื่อแค่ดูข้อมูล
เหตุผลสำคัญที่ผมอยากให้คุณได้ฟังเรื่องราวของมันก็เพราะว่า เมื่อหลายปีผ่านไป ถ้าผมทำได้ดี ผมไม่อยากให้คุณพูดว่า “ทำไมผมไม่โทรหาคุณเมื่อหลายปีก่อนเพื่อบอกเรื่องนี้ ผมไม่ได้จดหมาย ไม่ได้ข้อความใดๆเลย”
ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ เพราะฉะนั้น 2 เหตุผลคือ ผมอยากให้คุณได้เห็นว่าผมทำอะไร และเมื่อเวลาผ่านไปถ้าผมทำได้ดี ผมจะได้พูดว่า คุณก็รู้ว่าผมให้โอกาสกับคุณแล้ว
แล้วที่สำคัญมากคือ มาเพื่อเป็นเกียรติให้กับผมในการเปิดตัวธุรกิจใหม่ มาเป็น 1 ใน 7 มันไม่สำคัญว่าคุณจะเข้าร่วมหรือเป็นลูกค้าหรือไม่ แต่ผมต้องการ 10 คนเพื่อให้เกิดหุ้นส่วน 3 คน
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
กมลเวช เมืองศรี
by เชษฐวิทย์ สิงขร | Jul 20, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
วันนี้ ผมจะมาแบ่งปันวิธีการตอบคำถาม ตอบข้อสงสัย ตอบข้อกังวล ตอบข้อโต้แย้ง
ที่เป็นคำถาม ที่คนจะถามมากที่สุด ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจออนไลน์กับท่าน ให้ท่านได้เห็นเลยครับว่า ถ้าถูกถามคำถามเหล่านี้แล้ว ท่านจะตอบอย่างไร
แล้วถ้าเกิดเขายิงมาเป็นชุดๆท่านจะสามารถรับมือแบบหลบกระสุน และ โต้กลับได้ด้วย
วีดีโอ “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”
หนังสือเสียง “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย”
สารบัญเนื้อหา วีดีโอ “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย” หนังสือเสียง “วิธีตอบ ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในธุรกิจเครือข่าย” ตอนที่ 14 วิธีรับมือกับคำถาม ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย คำถามที่ 1 ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย คำถามที่ 2 ฉันต้องขายไหม ? คำถามที่ 3 เป็นพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า ? คำถามที่ 4 ฉันไม่มีเงิน ( คนที่โดนถามทั่วไปมักจะสตั้นไป 10 วินาที ) คำถามที่ 5 สามี ภรรยา ฉันไม่สนใจหรอก! คำถามที่ 6 การต่อตรงกับบริษัทจะดีกว่า การถูกอุปถัมภ์โดยคนอื่นหรือเปล่า คำถามที่ 7 ผมต้องทำงานร่วมกับทีมงานลงไปลึกแค่ไหน คำถามที่ 8 ผมจะเลือกบริษัทเครือข่ายได้อย่างไร คำถามที่ 9 ผมไม่มีเวลา คำถามที่ 10 การหาสมาชิก (Recruiting) กับ การอุปถัมภ์ (Sponsoring) ต่างกันอย่างไร คำถามที่ 11 ผู้อุปถัมภ์โดยตรงของผมไม่ช่วยผมเลย จะทำอย่างไรดี คำถามที่ 12 การประชุมสำคัญแค่ไหน
ตอนนี้เป็นตอนที่ 7 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่
ตอนที่ 14 วิธีรับมือกับคำถาม ข้อกังวลสงสัย ข้อโต้แย้งในการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย
ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะทำธุรกิจอยู่ หรือไม่ทำก็ตาม ผมการันตรีว่า ท่านจะต้องมีการเกี่ยวข้องธุรกิจเครือข่ายอย่างแน่นอน ไม่เร็วก็ช้า ถ้าท่านยังไม่เคยเข้าร่วม
แต่ถ้าท่านเข้าร่วมแล้ว ข้อมูลนี้สำคัญกับท่านมาก เพราะอะไรทำไม เดี๋ยวคำถามและคำตอบในวันนี้จะทำให้ท่านได้เห็นภาพไปพร้อมๆ กันหมดเลยครับว่า
จริงๆ แล้วธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่สุดยอดที่สุดอันดับ 1 ของโลก
เพียงแต่ว่าคน 99.99% ที่ทั้งยังไม่ได้เข้าในธุรกิจเครือข่าย และเข้ามาแล้วเขายังไม่เข้าใจมัน แล้วทำไมเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าใจมัน เพราะเมื่อเขาเข้าใจมันชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลยตลอดกาล
คำถามที่ 1 ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย
เวลาเราไปสปอนเซอร์คน เวลาเราแบ่งปันโอกาสให้กับคน เวลาเรานำเสนอ โปรโมทให้เขาเข้าไปดูงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในระบบออนไลน์ หรือในห้องประชุมก็ตาม คนจะถามครับว่า
“มันคืออะไรหรือธุรกิจเครือข่าย”
ฉันไม่รู้จัก ฉันไม่เข้าใจ หรือ ฉันเคยทำมาแล้ว ฉันไม่ประสบความสำเร็จ ทำไมฉันจะต้องทำธุรกิจเครือข่ายให้ได้ด้วย ไม่ทำได้ไหม ทำอย่างอื่นก็ได้ไหม อย่างอื่นก็รวย เห็นเขารวยกันหมดนี่
ท่านจะตอบเขายังไง คนส่วนมากนะครับ ไม่รู้วิธีการตอบที่เวิร์ค เดี๋ยวผมจะทำให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า ท่านจะตอบยังไงให้มันเวิร์ค
ผมอยากให้ทุกท่าน ทำความเข้าใจตัวอย่าง ที่ผมกำลังจะแบ่งปันในตอนนี้ แล้วท่านจะเห็นด้วยกับผมว่า ทำไมประชากรบนโลกนี้ทั้งโลกมากกว่า 90% ควรทำธุรกิจเครือข่าย ผมไม่ได้พูดผิดนะครับ ประชากร คนทั้งโลกที่มีประชากรทั้งหมด 6 พันล้านคน ทำไม 90% ควรทำธุรกิจเครือข่าย
ผมมีคำถามครับว่า การดำเนินชีวิตส่วนใหญ่ ที่ทุกท่านใช้กันอยู่ตอนนี้ถูกกำหนดให้ทำงาน จนกว่าจะเกษียณอายุ คนส่วนใหญ่ทำงานประจำ และเขาต้องมีเงินเก็บมากพอที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายจนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป เห็นด้วยไหมครับ
การมีชีวิตด้วยเงินประกันสังคม ไม่ถือว่าเป็นการมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายนะครับ เห็นด้วยไหมครับ
สำหรับคนส่วนใหญ่การที่จะมีรายได้เดือนละ 200,000 บาท ได้นั้นคุณจะต้องมีบัญชีเก็บในธนาคารซึ่งจ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปี ท่านก็รู้อยู่นี่ว่าประเทศไทยเราจ่ายดอกเบี้ยกี่เปอร์เซ็น อันนี้ผมยกตัวอย่าง 5% จ่ายเยอะๆ เลยนะครับ
เพื่อให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า เราทุกคนอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม และเสี่ยงต่อการที่จะไปต่อไม่ได้ในชีวิตมากแค่ไหน
ผมยกตัวอย่างนะ สมมุติว่าเรามีบัญชีเงินเก็บในธนาคารแล้วธนาคารจ่าย 5% เป็นจำนวน 48 ล้านบาท
สำหรับคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้เดือนละ 2 แสนนะครับจะต้องมีเงินเก็บ 48 ล้าน
ผมจะให้ดูตารางเปรียบเทียบให้ท่านได้เห็นครับว่า ขอให้ท่านเลือกรายได้ต่อเดือนที่ท่านต้องการ เมื่อคำนวณกับดอกเบี้ยในอัตราที่ต่างกันแล้ว ท่านจะรู้ได้ครับ ว่าท่านต้องมีเงินต้นเท่าไหร่
แต่อย่าลืมนะครับว่าก่อนที่ท่านจะเก็บเงินได้นั้น ท่านต้องมีรายได้ ท่านต้องจ่ายภาษี จ่ายค่าบ้าน และบิลค่าใช้จ่ายสารพัด บัตรเครดิต ค่านั้น ค่าไฟ ค่ากิน ค่าเปลี่ยนยางรถ ค่าเติมน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต
เพราะฉะนั้นคำนวณดีๆนะครับว่า ท่านเหลือเงินเก็บต่อเดือนเท่าไหร่ เรารู้แล้วนะครับว่าเงินต้น 48 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5% จะทำให้ท่านมีรายได้ต่อเดือน 2 แสนบาท
คราวนี้เราลองมาแบ่งครึ่งถ้าเงินต้น 24 ล้านบาท ท่านสามารถสร้างรายได้ 1 แสนบาทต่อเดือน คราวนี้ท่านรู้จักคนกี่คนที่สามารถเก็บเงินได้ 24 – 48 ล้านบาท ก่อนที่จะเกษียณ
เพื่อที่จะมี Passive income (รายได้ที่เข้ามา ในขณะที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร) เดือนละ 1-2 แสน ท่านรู้จักกี่คนครับ
คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายสามารถใช้เวลา 2 -5 ปี ทำงานแบบพาร์ทไทม์ เริ่มต้นสร้างธุรกิจจากที่บ้าน สร้างรายได้ 1-2 แสนบ้านต่อเดือนได้เช่นเดียวกัน
โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินเก็บ 24-48 ล้าน
เงินจำนวนนี้ ปริมาณเท่าๆ กับรายได้จากการที่ท่านมีเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยที่ 5% อย่างที่ผมบอกเมื่อกี้ สุดยอดไหมครับ และที่สำคัญเงินฝากในธนาคารกับเครือข่ายที่คุณสร้างไว้มันเหมือนกันตรงที่ว่า มันไม่สนใจว่าท่านจะลุกจากที่นอนตอนเช้าเพื่อออกไปทำงานหรือไม่ ยังไงท่านก็ยังรับรายได้อยู่
ตัวอย่างข้างต้นนี้แลดงให้เห็นถึงเวลา 2-5 ปีในธุรกิจเครือข่ายกับรายได้ในแบบที่แม้ว่าท่านจะทำงานหรือไม่รายได้นั้นก็ยังอยู่ตลอดไป
ทีนี้มาดูกันภายในเดือนแรกถึง 1 ปีแรก กันบ้างครับว่าท่านต้องมีเงินฝากที่จ่ายดอกเบี้ย 5% ต่อปีในธนาคารเป็นจำนวน 960,000 บาท ถึงจะมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือน ตามรูป
เพราะฉะนั้นเห็นไหมครับว่าถ้าเป็นในธุรกิจเครือข่าย เกือบทุกคน หากทำธุรกิจโดยใช้ระบบที่ถูกต้องแล้ว และสามารถสร้างองค์กรที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเขา 4,000 บาทต่อเดือนได้ภายใน 3 เดือน
ท่านเชื่อว่าเป็นไปได้ไหม?
ไม่ต้องมีเงินฝาก 960,000 บาท แต่เลือกธุรกิจเครือข่ายที่ดีสักตัวหนึ่งเข้าไปลงมือทำแล้วใช้เวลาอย่างจริงจัง 3 เดือน ไม่ว่าจะพาร์ทไทม์ หรือ ฟลูไทม์ก็ได้ สร้างธุรกิจเครือข่ายท่านว่าเป็นไปได้ไหมที่เขาคนนั้นจะมีรายได้ 4,000 บาทต่อเดือนใน 3 เดือน
แล้วท่านรู้จักคนกี่คนครับที่สามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 บาทภายใน 1 เดือนมีกี่คนที่เข้าไปทำงานประจำในเดือนแรกแล้วสามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 มันน้อยมากเลยครับ
เพราะฉะนั้นแล้วธุรกิจเครือข่ายดูเป็นไปได้มากกว่ารึเปล่า เมื่อท่านได้รู้เรื่องราวของคนที่เข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายภายใน 1 ปีกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านรึเปล่า แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่า อาจมีบางคนไม่รู้จักใครเลยที่สามารถมีเงินเก็บ 60,000 – 120,000 บาทใน 1 เดือนได้ ผมพูดถึงเงินเก็บในธนาคารนะครับ
แต่ท่านน่าจะพอรู้จักใครบ้างไหมครับ ที่สามารถอุปถัมภ์เพื่อนของเขาได้เดือนละ 1 คน จำได้ไหมครับว่าถ้าเราใช้บทสนทนา 45 วินาทีในการค้นหาคน ในการคัดกรองคนว่าเราควรจะคุยกับเขาต่อหรือเปล่า
ถ้าท่านยังไม่เคยดูให้ท่านดูย้อนนะครับไปในวีดีโอก่อนหน้านี้หรือว่าอ่านบทความเก่าก่อนหน้านี้ของผม ท่านจะเห็นเลยว่าผมสอนมาเป็นขั้นตอน ทีละขั้นตอน
เพราะข้อมูลทั้งหมดนี้ผมนำมาจากหนังสือ การนำเสนอ 45 วินาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตท่าน ของดอน เฟียล่า นี่ไม่ใช่สุดยอดวิชาที่ผมคิดค้นเอง แต่ผมเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จที่สร้างองค์ระดับ 800,000 คนได้
และผมก็เอามาถ่ายทอดต่อให้ท่านเพื่อที่จะได้ร่วมด้วยช่วยกันให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้นถ้าท่านยังไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ไปหาซื้อมาอ่านนะครับ หนังสือชื่อ การนำเสนอ 45 วินาที ที่จะเปลี่ยนชีวิตชีวิตคุณ
เราสามารถใช้บทสนทนา 45 วินาที ในการพูดให้เพื่อนเราฟัง หรือ เพื่อนของเราให้เวลา 45 วินาทีเพื่ออ่านนามบัตรของเราที่เราให้อ่านว่ามันมีข้อความอะไรบ้าง ถ้าท่านพูดไม่เก่งให้ท่านยื่นนามบัตรที่เตรียมบทสนทนานี้ไว้แล้วหรือส่งข้อความที่พิมพ์บทสนทนานี้ไว้แล้ว ให้เขาอ่านได้ไหม
ถ้าเรารู้วิธีการทำงานให้ง่ายๆ ชีวิตท่านจะดีขึ้นมากในการสร้างธุรกิจเครือข่าย หลังจากที่เขาสนใจก็ให้หนังสือเล่มนี้ให้เขาไปอ่านบทที่ 1- บทที่ 4 เท่านั้น หลังจากนั้นก็นัดให้เขามาคุยกับอัพไลน์ของท่าน หรือ ว่าสปอนเซอร์ของท่าน ผู้อุปถัมภ์ของท่าน
เห็นไหมท่านไม่ต้องพูดอะไรเลย ท่านพูด 45 วินาที เอาสื่อให้เขาดู ไม่ว่าจะเป็นวีดีโอหรือหนังสือ หรือคลิปเสียง แล้วก็ให้คุยกับอัพไลน์ นี่คือกระบวนการในการสปอนเซอร์ที่ง่ายที่สุด
ถ้าท่านนั้นเข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย แล้ว หลุดโฟกัสไปแล้วกลับมาใหม่ ตระหนักใหม่ว่า ฉันทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำทุกวันรึเปล่า วันนี้ท่านจะได้เห็นหมดเลยว่าที่ท่านไปสปอนเซอร์แล้วโดนเขายิงคำถามมาแล้วตอบไม่ได้ แล้วจะตอบยังไง คราวนี้เราอาจจะให้วิธีการโทรศัพท์ 3 สายก็ได้เพื่อคุยกับอัพไลน์เพราะฉะนั้นอยู่ตรงไหนก็ได้เห็นไหมครับว่ามันน่าตื่นเต้นมาก
ถ้าใครก็ตามสามารถใช้ระบบนี้ในการสปอนเซอร์เพื่อนของเขาเดือนละ 1 คนแล้วก็สอนให้เพื่อนของเขาทำได้เช่นเดียวกัน วิธีที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้น ท่านว่าเป็นไปได้ไหมครับ
ถ้าท่านอุปถัมภ์คนเดือนละ 1 คน แล้วสอนให้เขาทำอย่างเดียวกัน องค์กรของท่านจะเป็นแบบนี้ครับ แต่ท่านจะต้องมีความรับผิดชอบในการสอนให้ทีมของท่านที่ท่านสปอนเซอร์เข้ามา รู้ทุกสิ่งในธุรกิจและทำงานเป็นด้วย ก่อนที่จะไปสปอนเซอร์หรืออุปถัมภ์คนเพิ่ม การมีหน้ากว้างเยอะๆไม่ดี การสร้างสายลึกสิดี
ถ้าท่านได้เรียนบทเรียนก่อนหน้านี้ ท่านจะรู้เลยครับว่ามันสุดยอดยังไงในการทำธุรกิจเครือข่าย ท่านไม่ต้องทำงานกับคนทั้งโลก ทำงานกับแค่ 5 คนที่จริงจังเท่านั้น เพราะหากท่านยังมี 5 คนที่ยังไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ ท่านไม่ควรไปอุปถัมภ์คนที่ 6 ต่อ ท่านควรจะสอน 5 คนจริงจังของท่านให้เขาทำงานเป็นแล้วเดี๋ยว Active และ Passive income ที่สุดยอดจะตามท่านมา
สิ่งที่ท่านจำเป็นจะต้องทำจริงๆ
1. ทำความรู้จักกับเพื่อน (หากคุณไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว)
2. นัดพบกับเพื่อของคุณและเล่าให้เขาฟังว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่
คำถามที่ 2 ฉันต้องขายไหม ?
ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่าย และท่านต้องการสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ
หนึ่งในคำถามที่ท่านจะต้องโดนถามมากๆ อย่างแน่นอนเลยก็คือ ฉันต้องขายไหม? หรือ ฉันต้องเป็นนักขายไหม?
คำตอบคือ ไม่!
ท่านไม่ต้องขาย หลายคนที่เพิ่งเข้ามาดูอาจจะช็อค ฉันทำธุรกิจเครือข่ายปีนี้เข้าปีที่ 5 ที่ 10 แล้ว ฉันยังเข้าอยู่เลยว่าทำธุรกิจเครือข่ายต้องขาย
ผมตอบเลยคือ ไม่ ! แต่ผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนไหวเองขณะที่ท่านสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง
โดยการแบ่งปันให้กับเพื่อนของท่าน ท่านเคยเห็นการนำเสนอขายเครื่องกรองน้ำ แบบเคาะประตูตามบ้านใช่ไหมครับ หรือไม่ก็เคาะประตูขาย ครีม ลิปสติก หรือการโทรมาขายประกันชีวิต
ท่านคิดถึงภาพเหล่านี้ออกไหม เมื่อนึกถึงการขาย คำตอบก็คือ ใช่ นี่คือสิ่งที่ คนทั่วไปพอพูดถึงการขายเขานึกภาพเหล่านั้น และภาพเหล่านั้นคือสิ่งที่คนไม่ชอบขาย
95% เข้าใจว่านั่นมันคือทั้งหมดของการขาย
จริงๆแล้วพวกเข้าใจว่าการขายต้องโทรศัพท์ไปหาคนแปลกหน้า และพยายามตื้อ ง้อ ขอ หรือ ยัดเหยียด กดดัน ให้คนที่เขาไปหานั้น ซื้ออะไรที่คนเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้หรือ ไม่ต้องการ
ซึ่งมันทำให้คนที่ขายอึดอัด และคนที่ถูกขายก็อึดอัด จริงไหมครับ
นี่คือสิ่งที่อยู่ในหัวคนเลย เพราะเขาเคยโดนมาก่อน เคยโดนนักขายยัดเหยียดมาก่อน เขาเคยโดนนักขายพยายามทำให้เขาซื้อ เขาก็อึดอัดมากไม่อยากจะซื้อไม่รู้จะตัดบทยังไง ฉันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย ฉันไม่อยากเจอสถานการณ์แบบนี้อีกแล้ว
เฮ้ย! แล้วเพื่อนมาชวนฉันไปทำธุรกิจเครือข่าย แล้วเพื่อนก็ทำเหมือนกันเลย ทำเหมือนกับอีกคนเลยที่มาชวนฉัน ฉันก็เลยต้องถามไง ฉันต้องขายไหม แล้วถ้าท่านตอบไม่ได้ จบครับ ถ้าท่านแก้ความกระจ่างในใจเขาไม่ได้ จบ
เดี๋ยวมาฟังวิธีการว่า ต้องตอบยังไง ผมบอกไปแล้วสิ่งแรกเลยท่านต้องทำให้เขาเห็นภาพชัดเจน
ผลิตภัณฑ์จะเคลื่อนไหวเองขณะที่เราสร้างธุรกิจอย่างถูกต้อง โดยการแบ่งปันให้กับเพื่อนของเรา คนในครอบครัวของเรา แบ่งปันไม่ใช่การขาย เพราะฉะนั้นในธุรกิจเครือข่ายเราไม่จำเป็นต้องทำการขายเหมือนอย่างที่ผมยกตัวอย่างมา ทุกอย่างเลย สาเหตุเป็นเพราะว่า
คุณกำลังทำงานกับคนรู้จัก
คุณกำลังทำงานกับสินค้าที่เขาจำเป็นต้องใช้และต้องการ
คำถามที่ 3 เป็นพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่หรือเปล่า ?
วิธีการตอบง่ายมากครับ ตอบว่า ไม่ใช่เลยครับ ! สิ่งที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายแตกต่างกับพีระมิด ก็คือ
พีระมิด ผิดกฎหมาย
แต่ธุรกิจเครือข่ายอยู่มานานมากกว่า 30 ปีแล้ว ถ้ามันผิดกฎหมายมันคงโดนปิดไปนานแล้ว โดยหน่วยราชการของทุกประเทศ
เมื่อท่านเจอข้อโต้แจ้งเรื่องพีระมิดโดยส่วนมากแล้วคนที่โต้งแย้งท่านว่าแชร์ลูกโซ่รึเปล่า พีระมิดรึเปล่า
เพราะผู้คนเหล่านี้กลัวที่จะล้มเหลว กังวล คนที่ท่านกำลังเสนอโอกาสให้ เขาไม่กล้าที่จะลองและต้องการที่จะปฎิเสธท่าน เขากลัว
เขาไม่ได้มีทัศนคติที่เมื่อมีโอกาสแล้วอยากจะคว้าไว้ กลัวไปหมดเลย ก็เลยงัดไม้ตายขึ้นมา แชร์ลูกโซ่รึเปล่า
เพราะเขารู้ว่าท่านจะตอบไม่ได้แน่นอน ท่านจะอึกๆอักๆ เพราะท่านไม่ได้ซ้อมวิธีการตอบมาก่อน และเขาคิดว่าใช้ไม้นี้ท่านสตั้นแน่นอน
และคนส่วนมากสตั้นตอบไม่ได้ แต่ถ้าท่านตอบได้ว่าไม่ใช่ ถ้าผิดกฎหมายโดนจับไปนานแล้ว เห็นด้วยไหม พีระมิดมันผิด ฉันไม่ผิด
คำถามที่ 4 ฉันไม่มีเงิน ( คนที่โดนถามทั่วไปมักจะสตั้นไป 10 วินาที )
คนทั่วไปเมื่อเจอคำถามนี้จะไปต่อไม่ได้
พูดมา 2 ชั่วโมง นำเสนอสุดๆเลย อยากทำนะ แต่ไม่มีเงิน วิธีการตอบง่ายมากๆเลยครับ ง่ายเกินกว่าที่ท่านจะคิดด้วย
ถ้าเป็นผม ผมจะตอบว่า โอเค คุณไม่มีเงินเหรอ ไม่ใช่ปัญหาเลยนะ เพราะคุณสามารถเริ่มต้นทำธุรกิจเครือข่ายได้หลายยี่ห้อด้วยเงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า 500 บาทด้วยซ้ำ
คุณจะทำธุรกิจเครือข่ายเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวคุณเอง หรือทำงานเพื่อให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้นไปตลอดชีวิตของคุณ นั่นเป็นสิ่งที่คุณเลือกได้ทันที
คำถามที่ 5 สามี ภรรยา ฉันไม่สนใจหรอก!
สิ่งที่ผมจะตอบนั้นและสิ่งที่ ดอน เฟียล่า แนะนำก็คือ
อย่าให้สิ่งเหล่านี้ดึงคุณไว้เพราะปกติแล้วตอนเริ่มแรกเนี่ยก็จะมีสามี มีภรรยา หรือจะมีลูก หรือจะมีพ่อ แม่ เพียงคนเดียวที่ทำธุรกิจ คนอื่นไม่เห็นด้วยหรอกและเมื่อเขาเริ่มสำเร็จ อีกคนหนึ่งก็จะตามมาร่วมด้วยแน่นอน 80-90 %
เมื่อเขาทำรายได้ 50,000 – 100,000 บาท คนที่ค้านจะกลับมาเห็นด้วย ร่วมด้วย คราวนี้มันเป็นที่ใครละ ที่จะทำให้มันเกิดขึ้น
คือคุณนั้นแหละ คุณที่คิดจะทำนั้นแหละไม่ใช่เขาคนที่ต้านคุณอยู่ คุณจะต้องทำให้เขาเห็นว่าคุณประสบความสำเร็จเดี๋ยวคุณก็ชนะทุกข้อโต้แย้ง และในธุรกิจเครือข่ายเมื่อคู่สามีภรรยาสร้างธุรกิจร่วมกันมันไม่ใช่แค่ 1+1 = 2 แต่มันคือ 1+1 = มากกว่านั้น
คำถามที่ 6 การต่อตรงกับบริษัทจะดีกว่า การถูกอุปถัมภ์โดยคนอื่นหรือเปล่า
คำตอบก็คือ ไม่เลยครับ
การที่จะต่อตรงกับบริษัทไม่ดีเลยครับ ถ้าท่านเห็นว่าฉันเป็นคนแรกเลยฉันดีนะ
จริงๆแล้วไม่ดีเลย สาเหตุคือ ยิ่งมีผู้จำหน่ายอยู่ระหว่างคุณกับบริษัทมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ไม่ดีเหรอที่มีคนสนับสนุนท่านมากแทบไม่จำกัดเลย อัพไลน์ท่านมีเป็น 10 ชั้น คนที่ 1 ช่วยไม่ได้ก็ไปคนที่ 2 คนที่ 2 ช่วยไม่ได้ไปหาคนที่ 3, 4
ท่านคิดว่าทำธุรกิจไม่มีความท้าทาย ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นหรอ ท่านคิดว่าท่านไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนท่านคิดหนทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องได้เลยหรอ
ไม่ต้องลองผิด ลองถูกอย่างเดียว ทำได้จริงหรอ ทุกๆคนที่อยู่เหนือคุณเขาพร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำ
คำถามที่ 7 ผมต้องทำงานร่วมกับทีมงานลงไปลึกแค่ไหน
คำตอบก็คือ ยิ่งลึกเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น
ผู้จำหน่ายหลายคนครับไม่ทำงานลึกลงไปกว่าระดับชั้นการจ่ายเงินของบริษัท ซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง
ยังจำใน บทที่ 9 ที่ผมแบ่งปันได้ไหมครับว่า เมื่อท่านทำงานลึกลงไปกว่าระดับชั้นการจ่ายเงินที่ท่านจะได้ ท่านกำลังเพิ่มความร้อน เพิ่มอุณหภูมิ ให้กับสายงานทั้งสายของท่านให้กับผู้จำหน่ายตั้งแต่ชั้นที่ท่านลงไปช่วยจนถึงชั้นบนเลย แล้วทุกๆชั้นที่โดนอุณหภูมิความร้อนก็จะมีผลต่อรายได้ที่มากขึ้นของเขาด้วย
คำถามที่ 8 ผมจะเลือกบริษัทเครือข่ายได้อย่างไร
ข้อเท็จจริงของมันก็คือ คนส่วนมากมิได้เลือกบริษัทแรกของเขาด้วยตัวเอง
แต่ใครบางคนที่เป็นผู้จำหน่ายอยู่แล้วเป็นคนเลือกเขา ควรทำงานให้กับบริษัทเดียว อย่าเป็นผู้จำหน่ายของหลายบริษัทในขณะเดียวกัน
(อ่านบทความ 7 ขั้นตอนในการเลือกบริษัทเครือข่ายที่ใช่ )
คำถามที่ 9 ผมไม่มีเวลา
เราจะตอบเขาว่าไม่มีเวลาเหรอ ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ สบายมาก คือ คุณสมชายมันมี 4 องค์ประกอบในการรับสมัครสมาชิก หรือ การสปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ คือ
รายชื่อ
เวลา
การลงมือทำ ใส่พลังงานลงไป
ความรู้
นี่คือ 4 องค์ประกอบ ถ้าผมกำลังจะสปอนเซอร์คนที่ยุ่งมากๆ เหมือนอย่างคุณสมชาย ผมอาจจะพูดง่ายๆว่า ถ้าคุณยุ่งมากผมจะไม่ขอเวลาคุณครับ คุณไม่ต้องใช้เวลาเยอะเลย คุณใช้เวลาวันละ 5 นาทีเท่านั้น
ผมขอแค่รายชื่อจากคุณ คุณช่วยนำแนวคิดเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายไปเล่า ไปบอกเพื่อนๆของคุณและถ้าเขาสนใจให้ติดต่อมาหาผม
คำถามที่ 10 การหาสมาชิก (Recruiting) กับ การอุปถัมภ์ (Sponsoring) ต่างกันอย่างไร
การหาสมาชิกก็คือ
เมื่อท่านพาใครบางคนเข้าสู่ธุรกิจโดยที่เขานั้นมีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนอยู่แล้วนั้นคือการหาสมาชิก
เพราะคนที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว สอนนิดเดียว เดี๋ยวเขาทำเป็นหมดเลย
แต่การอุปถัมภ์นั้นคือ
การพาใครบางคนที่ไม่เคยรู้จักธุรกิจเครือข่ายมาก่อนเลยเข้าสู่ธุรกิจ แล้วคุณจะให้คำมั่นสัญญากับเขาว่าจะสอนเขาและช่วยเหลือเขา จนกว่าเขาจะรู้ทุกอย่างและสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย
เหมือนอย่างที่ผมกำลังทำอยู่ คุณอาจสร้างองค์กรได้เร็วมากมาจากการหาสมาชิกแต่คุณจะสร้างองค์กรที่แข็งแกร่ง เติบโตแข็งแรงและยั่งยืนได้ด้วยการ อุปถัมภ์ หรือ Sponsoring เท่านั้น
คำถามที่ 11 ผู้อุปถัมภ์โดยตรงของผมไม่ช่วยผมเลย จะทำอย่างไรดี
ให้ตอบแบบนี้ครับว่า
ให้คุณติดต่อกับคนข้างบนของคุณสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะพบคนที่อยากจะช่วยคุณ
ก็คืออัพไลน์ระดับสูงขึ้นไปนั้นแหละ จนกว่าคุณจะพบคนที่พร้อมจะช่วยคุณ
เมื่อเขาพร้อมที่จะช่วยคุณ คุณก็ทำงานกับเขา สุดท้ายคนที่สปอนเซอร์คุณโดยตรงก็จะออกจากระบบไปอยู่ดี เขาอาจจะเลิก อัพไลน์เลิกทำเป็นเรื่องธรรมชาติ
คุณก็เลื่อนขึ้นมากับคนที่เขาอยากช่วยคุณแล้วก็ทำงานกับคนนั้นไปเลย
คำถามที่ 12 การประชุมสำคัญแค่ไหน
ผมบอกเลยครับการประชุมสำคัญมาก
ระดับ 8-10 เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ
No meeting No business
แล้วยิ่งถ้าท่านไม่เอากองไฟมาสุมรวมกันย่อมไม่เกิดกองเพลิงใหญ่ๆ ไม่เอาท่อนฟืนเปียกน้ำมาอยู่กับพวกท่อนฟืนที่ติดไฟ ท่อนฟืนเปียกน้ำจะโตเหรอ
เพราะฉะนั้นคนที่ฉลาดที่สุดในการสร้างธุรกิจเครือข่าย เขาจะตื่นเต้นมากๆ เลยว่างานสัมมนาครั้งต่อไปจะมีเมื่อไหร่
เพราะเขารู้และเข้าใจว่า วิธีการทำซ้ำที่ง่ายที่สุดในธุรกิจเครือข่ายที่ทุกคนทำได้คือ การพาตัวเองและทีมงานของเขาเข้างานประชุมครับ
ไม่ต้องใช้ความรู้ ไม่ต้องใช้ทักษะ ไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเท่าไหร่เลยเห็นภาพไหนครับ
และยังฉลาดไปกว่านั้นอีกเพราะในงานอีเว้นใหญ่ๆ ในงานประชุมใหญ่ๆจะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จมาเล่าเรื่องราว มาสอนวิธีการมาเล่าสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้คนนั้นไฟลุก เพราะเมื่อมีแรงบันดาลใจ ใจจะบันดาลแรง
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จของท่าน
by อนุสรณ์ เมืองศรี | May 17, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , สร้างธุรกิจจากที่บ้าน
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
ถ้าท่านต้องการใช้อินเตอร์เน็ตมาช่วยในการทำ “ธุรกิจเครือข่าย” แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงจุดไหนดี? บทความนี้คือสิ่งที่จะช่วยให้ท่านพบทางออกในการเริ่มต้นได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน
แต่ก่อนอื่นใดมี 2 สิ่งที่ท่านผู้อ่านจะต้องทำความเข้าใจก่อน เพื่อที่จะทำให้ท่านได้ประโยชน์สูงสุดหลังจากได้อ่านบทความนี้ของผมอนุสรณ์ เมืองศรี
สารบัญเนื้อหา ความแตกต่างระหว่าง การทำธุรกิจเครือข่ายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์) กับการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างธุรกิจเครือข่าย ข้อที่ #1 ต้องแบรนด์ตัวเราเอง ข้อที่ #2 การสร้างเครือข่ายบนโลกออนไลน์ และการสื่อสารกับผู้คน ข้อที่ #3 การสร้างคอนเทนต์ สิ่งที่ท่านต้องทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง สิ่งที่ท่านต้องไม่ทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ข้อที่ #4 “นำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน” ข้อที่ #5 “การติดตามผล”
สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ…ต้องมีช่วงเวลาของการเรียนรู้วิธีทำธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์ แบบ 100% เพราะมีหลายสิ่งที่ต้อง
เรียนรู้ ในการใช้อินเตอร์เน็ตมาช่วยสร้างธุรกิจเครือข่าย
อันดับทึ่ 2 ท่านต้องอยู่ ถูกที่…ถูกเวลา… และได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง… ในการลงมือสร้างธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ…เพราะมันไม่ใช่แค่การเสียบปลั๊ก แล้วจะใช้งานได้ทันที
แม้ว่าการสร้างธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะทำแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำบนหลักการเดียวกันที่ต้อง…
สร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง
มีการเปิดโอกาสทางธุรกิจกับผู้คนให้มากที่สุด
ปิดการขายสินค้า และชวนคนเข้าร่วมธุรกิจให้ได้
ขยายองค์กรลงอย่างน้อย 5 ชั้นลึกเพื่อสร้างองค์กรให้มั่นคง ”
อะไรประมาณนี้ที่นักธุรกิจเครือข่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ต้องทำเหมือนกัน แต่มันมีความแตกต่างในรายละเอียดในวิธีการทำการตลาด
ความแตกต่างระหว่าง การทำธุรกิจเครือข่ายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์) กับการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างธุรกิจเครือข่าย
การทำธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์นั้น… จะเป็นการเข้าหาผู้คน แบบเข้าประชิดติดตัวในการจะเริ่มต้นเปิดบทสนทนากับคนรู้จัก หรือคนที่ไม่รู้จัก ด้วยวิธีการอย่างเช่นการคุยกับคนรอบๆ ตัวในระยะ 3 ฟุต ให้ได้มากที่สุด( Three foot rule) และวิธีการเหล่านี้…
การลิสต์รายชื่อคนรู้จัก เพื่อโทรหาคนรู้จัก และการโทรหาคนที่ไม่รู้จัก
การออกไปหาผู้มุ่งหวังตามสถานที่ต่าง การแจกใบปลิว
การจัดประชุมตามโรงแรม หรือการตระเวนเปิดโอกาสทางธุรกิจตามบ้าน
การปิดการขาย
ซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีที่ใช้เวลา เงินทุน และแรงงานมากมาย ในการคำให้ผู้มุ่งหวังสักคนหนึ่งเข้าร่วมธุรกิจกับท่านแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้…ผู้คนมากมายต้องการวิธีการที่ง่ายกว่า,รวดเร็วกว่า และมีช่องทางในการติดต่อผู้คนมากขึ้น แม้จะอยู่คนละทวีปก็ตามก็สามารถสื่อสารกันได้ ทำธุรกิจร่วมกันได้ง่ายขึ้นจริงๆ
เมื่ออินเทอร์เน็ต และโลกออนไลน์ ทำให้ช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันของผู้คนง่ายขึ้น นั้นก่อให้เกิดสิ่งที่พลิกวงการธุรกิจเครือข่าย จากการต้องออกไปตระเวนขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อสร้างธุรกิจ
กลายเป็นการที่ผู้มุ่งหวังที่ท่านไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยในชีวิต ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเข้าร่วมธุรกิจ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโทรหาท่านพร้อมเข้าร่วมธุรกิจกับท่านด้วยตัวเขาเอง
เพราะพลังของการทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ (Network marketing online) ร่วมกับหลักการตลาดดึงดูด (Attraction Marketing) ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ที่ท่านจะได้เรียรู้ในบทความนี้นะครับ
ข้อที่ #1 ต้องแบรนด์ตัวเราเอง
มีสิ่งหนึ่งที่คนเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์ และคนที่กำลังจะเข้าสู่ระบบออนไลน์ทำผิดพลาดมากๆ ก็คือพวกเขาใช้กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่ผิดพลาดเพราะสิ่งที่พวกเขาทำคือ เน้นไปที่การโปรโมทชื่อของบริษัท ทำให้ทุกสิ่งที่ทำในการทำการตลาดนั้น เป็นแค่การทำโฆษณาให้กับบริษัทเครือข่ายที่ทำอยู่เท่านั้นเอง
ซึ่งมันก็ไม่ผิดที่จะภูมิใจในบริษัทเครือข่ายที่เราโปรโมท มั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ยอดเยี่ยม เพราะนักธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 95 % ก็ทำแบบนี้…
แต่มันมีปัญหาตรงที่พวกเขามาผิดทาง
เพราะเขาไม่รู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ “ต้องแบรนด์ตัวเราเอง”
เพราะสิ่งสำคัญบนโลกออนไลน์ที่มีคนมากมายหลายพันล้านคนนั้นก็คือ ท่านต้องเป็นที่รู้จักของผู้คน ผ่านการแบรนด์ตัวท่านเอง ไม่ว่าจะในส่วนของรูป วิดีโอ เรื่องราวของท่าน
สิ่งนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะในการทำธุรกิจเครือข่าย ที่ผู้คนนั้นตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับคน ไม่ใช่กับตัวธุรกิจ มีโอกาสน้อยมากที่ใครสักคนเดินเข้าไปสมัครเข้าร่วมบริษัทเครือข่ายด้วยตัวเอง โดยไม่ผ่านการให้ข้อมูล หรือชักชวนจากใครสักคนที่เขารู้จักมาก่อน
มีผู้มุ่งหวังมากมายที่ต้องการมีรายได้มากขึ้น หรือมีธุรกิจเป็นของตัวเองซึ่งทำให้เขาสามารถเกษียณได้เร็วขึ้น หรือผู้มุ่งหวังที่กำลังมองหาคนที่จะทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้
ซึ่งบทบาทของท่านคือทำให้ผู้มุ่งหวังเห็น และรู้ว่าท่านคือคนที่จะนำทางเขาไปสู่ป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ เขาก็จะเฝ้าดูท่าน ติดตามข่าวสารของท่าน จนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเข้าร่วมธุรกิจกับท่านเมื่อเขาพร้อมจะลงทุนในการเริ่มต้นธุรกิจ
สิ่งที่ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ คือ แบรนด์ตัวท่านเองก่อน แทนที่จะพูดแต่เรื่องสินค้ากับบริษัท
1
คำแนะนำ#1 ต้องแบรนด์ตัวเราเองเป็นอันดับแรก
ข้อที่ #2 การสร้างเครือข่ายบนโลกออนไลน์ และการสื่อสารกับผู้คน
ข้อที่ 2 นี้ เราไม่สามารถมองข้ามได้เลย เพราะถ้าเราไม่สร้างเครือข่าย แล้วการจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนครับ
โดยเฉพาะท่านที่กำลังจะเข้าสู่การทำธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ ท่านต้องสร้างเครือข่าย และสื่อสารกับผู้คนบนโลกออนไลน์ อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ
เพื่อเป็นการทำให้ผู้มุ่งหวัง รู้จัก ,ชอบพอ และ เชื่อถือท่าน
เริ่มต้นได้ง่ายๆ ผ่านโชเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Twitter และ ผ่านวิดีโอที่ท่านโพสต์บน Youtube และช่องทางอื่นๆ ที่ท่านทำให้ผู้คน รู้จักท่าน ตอบคอมเมนต์ หรือคำถามที่ผู้มุ่งหวังสอบถามเข้ามา
เมื่อคำแนะนำของท่านช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ พวกเขาก็จะชอบท่าน ติดตามท่าน ด้วยความเชื่อมั่นในตัวท่าน
ยกตัวอย่างเช่น
การโพสต์บทความบนบล็อก mlmonlineschool.com นี้เรื่องการทำธุรกิจเครือข่ายอย่างที่ผมทำอยู่นี้ ก็เพื่อให้คำแนะนำกับผู้คนที่ต้องการเริ่มต้นใช้อินเตอร์เน็ตในการสร้างธุรกิจเครือข่าย
ซึ่งเมื่อท่านนำคำแนะนำนี้ไปใช้ แล้วสร้างผลลัพธ์ให้กับท่านได้จริง และท่านกลับมาติดตามผ่านบทความเรื่อยๆ ท่านแชร์บทความนี้ให้เพื่อนของท่าน นั้นก็หมายความว่าผมมีเครือข่ายของคนที่รู้จักผมมากขึ้น ซึ่งทำให้เครือข่ายของผมขยายใหญ่ขึ้นนั้นเอง
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ ทักษะในข้อที่ 2 นี้ สร้างผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ
สิ่งที่ท่านให้นั้นต้องมี คุณค่า มีประโยชน์ กับผู้คน
ต้องทำการสร้างเครือข่ายของผู้มุ่งหวังที่สนใจในสิ่งที่ท่านกำลังนำเสนออย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการพูดคุยกับคนที่สนใจในเรื่องการสร้างธุรกิจเครือข่าย มากกว่าการแค่เพิ่มเพื่อนใหม่ไปเรื่อย ใน Facebook หรือมีคนติดตามใน Fanpage ที่ไม่เคยคุยกันเลย
2
คำแนะนำ#2 สร้างเครือข่าย ด้วยการสื่อสารกับผู้คนบนโลกอินเตอร์เน็ต
ข้อที่ #3 การสร้างคอนเทนต์
เราได้พูดถึงการทำให้ผู้มุ่งหวังรู้จักท่านผ่าน การแบรนด์ตัวท่านเอง, และการขยายเครือข่ายบนโลกออนไลน์ด้วย การ ทำให้ผู้คน รู้จัก ชอบพอ เชื่อถือท่าน ผ่านการให้ในสิ่งที่มีคุณค่ากับผู้คน….
ข้อที่ 3 นี้ว่าด้วยการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น บทความในบล็อก ข้อความที่โพสต์ใน Facebook หรือ วิดีโอใน Youtube แล้วแบ่งปันคอนเทนต์ที่มีคุณค่านี้ ให้กับผู้คนบนโลกออนไลน์
ท่านอาจจะมองว่าการสร้างคอนเทนต์เป็นเรื่องที่เสียเวลามาก แถมไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย จนทำให้มองข้ามในการใช้คอนเทนต์มาช่วยในการทำการตลาดเพื่อโปรโมทตัวท่าน หรือ โอกาสทางธุรกิจของท่าน
เพราะท่านไม่รู้ว่า คอนเทนต์นั้นก็คือทุกสิ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์ คนบนโลกออนไลน์ รักและเสพติดคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มาก
และคอนเทนต์ที่มีคุณค่า (valuable content) ก็คือสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวังที่กำลังค้นหาข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาของเขาอยู่นั้นเอง รูปแบบของคอนเทนต์ที่เราสามารถแบ่งปันให้กับผู้มุ่งหวัง
บทความในบล็อก
ข้อความต่างๆ ที่โพสต์ใน โซเชียลมีเดีย
อีเมล
การตอบคำถาม
โพสต์รูป, โพสต์อินโฟกราฟฟิก
กรณีศึกษา อย่างเช่น กรณีศึกษาในการทำธุรกิจเครือข่ายผ่านออนไลน์
พอดแคสต์
ไฟล์ให้ดาวน์โหลด อย่างเช่น อีบุ๊ค ไฟล์ mp3
การ Live สดบน Facebook หรือ Youtube
การรีวิว สินค้า บริการ หรือบริษัท
ข้างบนนี้คือตัวอย่างรูปแบบของคอนเทนต์ ที่ท่านสามารถนำไปใช้เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ให้เข้ามาหาท่านเอง เข้ามาพูดคุยกับท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านทำ สอบถามโอกาสทางธุรกิจที่มี
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการของการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังออนไลน์ (Online Lead Generation) ได้โดยที่ท่านไม่ต้องออกไปไล่ล่าผู้มุ่งหวังอีกต่อไป
สิ่งที่ท่านต้องทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง
ทำให้ผู้มุ่งหวังเห็นว่าท่านคือใคร และกำลังทำอะไรอยู่
ให้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้มุ่งหวังแก้ปัญหา ซึ่งทำให้ผู้มุ่งหวังเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มากที่สุด
ให้ทั้งความรู้ และความบันเทิงแก่ผู้บริโภคคอนเทนต์
ให้ข้อมูลที่ทำให้ผู้มุ่งหวังลงมือทำในขั้นต่อไปได้
โปรโมทช่องทางในการก้าวไปสู่ขั้นตอนสำคัญ “การขาย /เข้าร่วมธุรกิจกับท่าน”
สิ่งที่ท่านต้องไม่ทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง
ทำให้ผู้มุ่งหวังสงสัยว่าท่านคือใครกันแน่
แบ่งปันในสิ่งที่น่าเบื่อ แถมใช้ประโยชน์ไม่ได้จริง
แบ่งปันคอนเทนต์ที่สับสนปนเปจนทำให้ผู้คนเข้าใจผิด
ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะไปต่อแล้วในขั้นตอนต่อไป
ไม่มีทางเลือกที่ทำให้ผู้มุ่งหวังไปสู่ขั้นตอนสำคัญ อย่างการขาย (เข้าร่วมธุรกิจ)
ท่านอาจจะสงสัยว่า…แล้วฉันจะเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์ที่ตรงไหน เพราะมีหลายช่องทางมากจริงๆ ในการสร้างคอนเทนต์….
ช่องทางที่ผมแนะนำในการเริ่มต้นที่จะสร้าง และแบ่งปันคอนเทนต์ บนโลกออนไลน์ที่ง่าย และสร้างผลลัพธ์ให้ตัวท่านเองมากที่สุดก็คือ…
การโพสต์คอนเทนต์บนบล็อก (Blog) ของท่านเอง…
เพราะบล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านนั้นคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดบนโลกออนไลน์ของท่านเพราะไม่มีใครจะมาปิดบล็อกของท่านได้
ซึ่งต่างจากการใช้งาน Facebook , Youtube หรือ โซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่สามารถปิดแอคเคาท์ของท่านได้ในทุกวินาที ที่เห็นว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นผิดกฏของพวกเขา
ซึ่งมันคือหายนะดีๆ นี้เอง ถ้ารายชื่อผู้ติดตามท่านในแฟนเพจ หลักหมื่น หายไปในพริบตา หรือยอดคนติดตามหลักแสน หรือวิดีโอที่ท่านสร้างมาอย่างยาวนาน บน Youtube กลายเป็นศูนย์ เมื่อถูกปิดแอคเคาท์
3
คำแนะนำ#3 สร้าง/แบ่งปันคอนเทนต์ ที่มีคุณค่าอย่างสม่ำเสมอ บนบล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านเอง
ข้อที่ #4 “นำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน”
ข้อที่ 4 นี้ จะช่วยแก้สิ่งที่เป็นปัญหาปวดใจให้กับนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ ซึ่งปัญหาก็คือ…
การทำให้ผู้มุ่งหวังบนโลกออนไลน์พบเจอกับคอนเทนต์ของท่านได้อย่างไร?
เพราะมีคอนเทนต์เป็นล้านๆ วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ รอให้ผู้มุ่งหวังไปพบเจอ ดังนั้นท่านต้องเป็นนักจับคู่ให้ คอนเทนต์ไปปรากฏตรงหน้าผู้มุงหวังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องได้
การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ (Traffic) นั้นแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภ ท
1. การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบฟรี (Free Traffic)
แน่นอนว่าการได้รายชื่อแบบฟรี นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ บนโลกใบนี้ เพราะท่านก็ต้องใช้เวลามากมาย เงินทอง และทรัพยากรที่มีไปกับการสร้างคอนเทนต์
ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่าจะส่งผลให้มีผู้มุ่งหวังเข้าสู่ระบบสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง ในตอนเริ่มต้น เพราะการสร้างกลุ่มผู้มุ่งหวังที่ติตดามแบบฟรี นั้นก็เหมือนการที่ท่านหยอดเงินลงกระปุกทุกวัน
เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีผู้ติดตามมากขึ้น เครือข่ายบนโลกออนไลน์ของท่านขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมีรายชื่อผู้มุ่งหวังที่มากขึ้น โอกาสที่จะเปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจมากขึ้นไปด้วย
ท่านสามารถนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบฟรีได้ด้วยการ
ทำ SEO (Search Engine Optimization) คือการทำให้ Google จัดวางตำแหน่งคอนเทนต์ของท่านให้ปรากฏต่อหน้าผู้มุ่งหวังที่ค้นหา ข้อมูล เกี่ยวกับคอนเทนต์ของท่านมากที่สุด
โพสต์วิดีโอบน Youtube หลักการเดียวกันกับการทำ SEO เพราะ Youtube นั้นก็ทำหน้าที่เป็น เสริชเอนจิ้นของวิดีโอด้วย เพราะผู้มุ่งหวังก็ค้นหาวิดีโอ ด้วย คำค้นหา (Keyword) หรือแท็กที่ท่านติดเอาไว้ในวิดีโอ
ใช้โซเชียลมีเดีย ท่านสามารถทำให้ผู้มุ่หวัง เข้ามาบริโภคคอนเทนต์ของท่านผ่านโซเชียลมีเดียได้ จากการที่ท่านแบ่งปันบางส่วนของคอนเทนต์ที่มีคุณค่าให้กับผู้คน แล้วใส่ลิงค์ที่นำไปสู่บทความฉบับเต็มในเว็บไซต์ของท่านในโพสต์
2. การนำ้ผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบใช้เงินลงโฆษณา (Paid Traffic) ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่านอย่างรวดเร็วกว่า ในการเริ่มต้นระบบสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังออนไลน์
ท่านสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้เงินงบประมาณเล็กน้อย วันละ 100 – 300 บาท เพื่อทดลองทำโฆษณา เราสามารถเข้าไปทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ผ่านผู้ให้บริการโฆษณาออนไลน์อย่างเช่น
การทำโฆษณา บน Google Adword
การทำโฆษณาบน Facebook Ads
การทำโฆษณาบน Instagram Ads
จ้างเอเจนซี่ที่ให้บริการทำโฆษณาออนไลน์
4
คำแนะนำ#4 การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์คือสิ่งที่ต้องทำทุกวัน
ข้อที่ #5 “การติดตามผล”
จาก 4 ข้อข้างต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นการเริ่มต้นระบบการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง (lead generation system) ในการทำธุรกิจเครือข่ายผ่านออนไลน์ของท่าน ผ่านการสร้างคอนเทนต์ และการนำคนเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน
ก็จะมาถึงทักษะสุดท้ายที่สำคัญมากๆ อย่างเช่น การติดตามผล
แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า การติดตามผลนั้นก็คือกระบวนการสำคัญมากที่จะทำหน้าที่ ส่งข้อมูลต่างๆ จากท่านส่งตรงไปสู่ผู้มุ่งหวังที่ติดตามท่าน
เพราะจากสถิติของการทำธุรกิจเครือข่าย นั้นพบว่าการจะทำให้ผู้มุ่งหวังตัดสินใจซื้อสินค้า หรือเข้าร่วมธุรกิจกับท่านนั้น ต้องใช้การคุยกันอย่างน้อย 5 – 7 ครั้ง เพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลให้ ถึงขั้นเชื่อใจกันนั้นเอง
การติดตามผลผ่านระบบอีเมล (Email Marketing)
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญมากๆ ในการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังผ่านออนไลน์ ซึ่งกระบวนการติดตามผลจะเริ่มขี้นที่
ผู้มุ่งหวังได้อ่านคอนเทนต์ของท่าน แล้วกดรับระบบจดหมายข่าวของท่าน ผ่าน หน้าดักจับข้อมูล (Capture page)
แล้วท่านก็จะสามารถสื่อสารกับผู้มุ่งหวังผ่านทางระบบอีเมล ที่ท่านจะส่งให้ผู้มุ่งหวังตามที่ตั้งเวลาเอาไว้ได้ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า ระบบอีเมลติดตามผลอัตโนมัติ (Email Autoresponder)
สิ่งที่ท่านสื่อสารกับผู้มุ่หวังผ่านอีเมล ก็คือการส่งข้อมูลที่ผู้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
และแน่นอนส่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ท่านทำ สินค้าที่ท่านแนะนำไปในอีเมลด้วย
การใช้เครื่องมืออย่าง Chatbot อย่าง Facebook Messenger bot ในการสื่อสารกับผูุ้มุ่งหวัง Chatbot เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้กันมากขึ้นเรื่อย ในวงการการตลาดเครือข่ายออนไลน์ในต่างประเทศ ช่วง 2-3 ปีมานี้
เพราะเป็นโปรแกรมสื่อสาร และส่งข้อมูลระหว่างท่านกับคนในกลุ่มที่ติดตามข้อมูลของท่าน เครื่องมืออย่าง Facebook Messenger bot
ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบสองทางที่มีการโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ และไม่ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกถูกรบกวน เหมือนกับการโทรศัพท์หาโดยตรง
ข้อดีของ Chatbot สามารถตั้งค่าให้ส่งข้อมูลที่ไปให้ผู้มุ่งหวังในรายชื่อแบบอัตโนมัติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุดพัก
5
คำแนะนำ#5 จงลงทุนกับการมี เครื่องมือในการ “ติดตามผล” เป็นของตัวเอง
ทั้ง 5 วิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้ ท่านอาจจะยังมีไม่ครบในตอนเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ก็ได้ แต่ สิ่งที่จำเป็นต้องมีในตอนเริ่มต้นก็คือ…
ตัวคอนเทนต์ และช่องทางในการเผยแพร่ คอนเทนต์ไปสู่ผู้มุ่งหวัง
บล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านเอง หรืออย่างน้อยที่สุดต้องมีหน้าดักจับข้อมูลผู้มุ่งหวัง
มีระบบติดตามผลอัตโนมัติ
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จของท่าน
อนุสรณ์ เมืองศรีCo-FounderMLMOnlineSchool.com
by เชษฐวิทย์ สิงขร | May 10, 2019 | การตลาดดึงดูด , ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
วันนี้ผมจะมาเปิดเผยสูตร 3ส ที่จำเป็นต้องทำ ถ้าท่านอยากประสบความสำเร็จในธุรกิจออนไลน์
99 เปอร์เซ็นต์ ของนักธุรกิจมักจะล้มเหลวและถังแตก เพราะว่าพวกเขาไม่รู้จักสูตร 3ส คือขั้นตอน ของการตลาดดึงดูดนั่นเอง
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ MLMOnlineSchool โรงเรียนสอนธุรกิจเครือข่าย ด้วยวิชาการตลาดดึงดูด ที่จะทำให้ท่าน:
สร้างรายชื่อ
สร้างผู้มุ่งหวัง
สร้างลูกค้า
สร้างดาวน์ไลน์
เพิ่มยอดขาย
และเพิ่มจำนวนผู้สมัคร
สำหรับทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม
(ใช่แล้วครับ ท่านประสบความสำเร็จได้ และสูตรนี้ได้รับการพิสูจน์มาแล้วมากมาย)
สารบัญเนื้อหา ความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว กับดักที่ทำให้การสร้างธุรกิจจากที่บ้านไม่สามารถไปถึงรายได้ 6 หลักได้ สูตร 3ส เป็นขั้นตอนที่ต้องใส่ใจทำ ในทุกๆ วัน เพื่อความสำเร็จในการทำตลาดดึงดูด! ส. ที่ 1: สร้าง ผู้ติดตาม (Build) ข้อแนะนำสำคัญ: ส. ที่ 2: สนิทสนม (Engage) ส. ที่ 3: เสนอขาย (Sell) สร้าง-สนิทสนม-เสนอขายคือสูตรสำเร็จที่ทำให้การทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการตลาดแบบดึงดูดเป็นที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ!
ผมคิดว่าท่านจะต้องเห็นด้วยกับผมแน่นอน หลังจากอ่านบทความนี้จบแล้ว ว่าทุกๆ ความสำเร็จของผู้ที่ประสบความสำเร็จ ที่ท่านเห็นอยู่บนออนไลน์ปัจจุบันนี้ ล้วนใช้สูตร 3ส ขั้นตอนแห่งความสำเร็จนี้ทั้งสิ้น
และถ้าท่านกำลังติดปัญหากับธุรกิจของท่าน ไปต่อไม่ได้ มันเป็นเพราะว่าท่านขาดสิ่งใด สิ่งหนึ่ง หรือมากกว่า ในการทำสูตร 3ส ขั้นตอนสู่ความสำเร็จนี้
สูตรแห่งความสำเร็จของการตลาดดึงดูด นี้เป็นพื้นฐานของ MLMOnlineSchool ที่ใช้มามากกว่า 10 ปีแล้ว โดยผู้ก่อตั้งคือ อาจารย์กมลเวช เมืองศรี นั่นเอง
ความจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ถ้ามีคนที่ท่านรัก ท่านชื่นชอบ และติดตามอยู่บนออนไลน์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมายแล้ว มั่นใจได้ 100% เลยว่า ในการสร้างผู้ติดตาม สร้างอิทธิพล และสร้างรายได้นั้น พวกเขาใช้สูตร 3ส การตลาดดึงดูดนี้แน่นอน
กับดักที่ทำให้การสร้างธุรกิจจากที่บ้านไม่สามารถไปถึงรายได้ 6 หลักได้
เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจถึงความลับของสูตรความสำเร็จที่ผู้ทำรายได้มากทั้งหลายทำมาหลายปีแล้ว และตอนนี้ท่านกำลังจะได้เรียนรู้สูตรเดียวกันเพื่อสร้างให้ธุรกิจของท่านเติบโต
แต่ก่อนอื่น เรามาเรียนรู้ว่า “ทำไม ผู้คนทั่วไปจึงไม่สามารถทำรายได้ถึง 6 หลัก จากธุรกิจที่ทำอยู่ที่บ้านของพวกเขา”
ปัญหานี้ตอบง่ายมากมันคือ…“ความรู้ท่วมหัว! …”
มันง่ายมากที่จะทำให้ท่านสับสน เพราะมีข้อมูลจำนวนมหาศาลส่งมาให้เราทุกวัน เกี่ยวกับวิธีที่ควรสร้างธุรกิจของเรา เหมือนนักมวยที่เดินเข้ามาพร้อมกับชกต่อยเข้าที่หน้า มันอาจทำให้มึนงงและสับสนได้ทุกครั้งที่ท่านนั่งหน้าคอมพิวเตอร์
แล้วอะไรล่ะที่ควรจะเริ่มต้น? อะไรล่ะที่ควรจะทำในขั้นต่อไป?
เริ่มต้นเขียนบทความใช่มั๊ย?เริ่มทำไลฟ์ (วีดีโอสด) บนเฟซบุ๊ก?ลงโฆษณาเฟซบุ๊ก?ส่งอีเมล?ส่งทวิตเตอร์ อินสตราแกรม หรือไลน์แชท?
มีมากมายหลากหลายวิธีเลยใช่มั๊ยครับ! ทุกวิธีนั้นดีนะครับ และเป็นวิธีที่มีผู้คนทำแล้วได้ผลลัพท์มามากมายแล้ว เพราะมันเป็นแนวทางการทำการตลาดที่แตกต่างกันนั่นเอง
แต่มันเป็นเหมือนกับการที่ท่านดื่มน้ำจากสายฉีดน้ำดับเพลิง มันมากเกินไปถ้าหากท่านเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาทำธุรกิจออนไลน์
ท่านต้องหยุดเสพข้อมูล และหายใจลึกๆ ค่อยๆมองหาความเรียบง่ายในทุกธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แล้วความสับสนทั้งหมดจะหายไป
ดังนั้น เรากำลังจะพาท่านเดินไปอย่างถูกทาง เหมือนกับคอร์สเบื้องต้นของเรา MLM Attraction Blueprint 2.0 ที่ช่วยให้ท่านได้เรียนรู้พื้นฐานอย่างเข้าใจ และได้ผลลัพท์
เรามาเริ่มต้นพร้อมกันครับ…
สูตร 3ส เป็นขั้นตอนที่ต้องใส่ใจทำ ในทุกๆ วัน เพื่อความสำเร็จในการทำตลาดดึงดูด!
ว้าว! แค่ 3 ขั้นตอนที่ท่านจะต้องเอาใจใส่ แล้วทุกๆ อย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง ซึ่งมันเป็นความจริงที่ทุกๆ ความสำเร็จในโลกของธุรกิจออนไลน์ จะต้องพุ่งเป้าไปที่ 3 ขั้นตอนนี้
รู้สึกดีแล้วใช่มั๊ยครับ?
ถ้าอย่างนั้น เราไปต่อกันเลย…
ส. ที่ 1: สร้าง ผู้ติดตาม (Build)
ผู้ติดตามท่าน คือกุญแจหลักสำคัญ เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของท่านเติบโตไปข้างหน้า
ในกลุ่มผู้ติดตามของท่านที่ท่านสร้างขึ้น ท่านจะพบโอกาสในการทำให้ท่านมี:
รายชื่อ
ผู้มุ่งหวัง
ลูกค้า
สมาชิก หรือ ดาวน์ไลน์
และพวกเขาเหล่านั้น กำลังรอ ท่าน อยู่!
ท่านต้องสร้างผู้ติดตาม หรือผู้ชมของท่านให้มากขึ้นทุกๆวันแล้วผู้ติดตามจะมาจากไหนบ้างล่ะ? นี่คือตัวอย่าง
เฟซบุ๊กแฟนเพจ ที่กดไลค์ และกดติดตาม
ผู้กดติดตามช่อง ยูทูป
ผู้ติดตาม ทวิตเตอร์
ผู้ติดตาม อินสตราแกรม
ผู้ติดตาม ไลน์
ผู้ติดตาม เฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์
ผู้ที่ลงทะเบียนรับอีเมล
ข้อแนะนำสำคัญ:
ผมแนะนำให้เลือก หนึ่ง ช่องทางหลักจากด้านบน คือ ผู้ที่ลงทะเบียนรับอีเมล และ อีก หนึ่ง ช่องทางจากโซเชียล คือ ยูทูป อย่าพยายามสร้างหลายช่องทางในช่วงเริ่มต้น เพราะมันจะทำให้ท่านสับสนตัวเองจนทำอะไรไม่ถูก จงทำให้ตัวท่านเองเดินไปได้เร็วที่สุด และได้ผลลัพท์มากที่สุด ในช่วงแรก
พุ่งเป้าการทำงานของท่าน ในการสร้างผู้ติดตาม เพียง หนึ่ง ช่องทางในทุกๆ วัน จนกระทั่ง ท่านมีผู้ติดตามมากกว่า 10 คนต่อวัน จากช่องทางนั้น และท่านรู้สึกว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในช่องทางนั้นแล้ว
(การใช้ช่องทางสร้างผู้ติดตามด้วยอีเมลนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ท่านเลือกเป็นอันดับแรก และค่อยๆ เพิ่มรายชื่อเข้าไป จะทำให้ธุรกิจของท่านเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รายละเอียดมีสอนไว้แล้วในคอร์ส Top Sponsor Formula )
ส. ที่ 2: สนิทสนม (Engage)
ท่านจะต้องสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามของท่าน ให้เกิดความสนิทสนม ในขั้นตอนนี้ท่านจะเริ่มได้รับความสัมพันธ์เป็นลำดับ คือ การรู้จัก (Know) ชอบพอ(Like) และ เชื่อถือ(Trust)…
และมันคือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้าท่านต้องการให้ผู้คนอยากทำธุรกิจกับท่าน
ทุกสิ่งเป็นความจริง คือ ผู้คนจะทำธุรกิจ และแนะนำธุรกิจ กับคนที่พวกเขา รู้จัก ชอบพอ และเชื่อถือ เท่านั้น
Bob Burg
Endless Referrals
ท่านสามารถสร้างความสัมพันธ์กับผู้ติดตามได้โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น บทความ วีดีโอ ไลฟ์สด ทำให้ผู้ติดตามของท่านได้ประโยชน์และมีส่วนร่วมกับท่านในเนื้อหานั้นได้
ท่านสามารถโต้ตอบกับผู้คนที่เข้ามาสนใจในเนื้อหาของท่านได้ เช่น การตอบกลับ ถามปัญหา การกดถูกใจ หรือแบ่งปันเนื้อหาของท่าน…
ท่านสามารถเพิ่มความสัมพันธ์ โดยการติดตาม โต้ตอบ หรือติดต่อไปยังผู้ติดตามที่เข้ามาสนใจเนื้อหาของท่าน ด้วยการติดต่อไปยังช่องทางอื่นๆ ได้ เช่น พูดคุยตรงผ่าน โทรศัพท์ ไลน์ หรือแชทอื่นๆ
การเชื่อมความสัมพันธ์นั้น ขึ้นอยู่กับช่องทางการนำเสนอเนื้อหาของท่าน ถ้าท่านต้องการสร้างผู้ติดตามผ่านเฟซบุ๊ก ท่านก็จะต้องโฟสบทความที่ให้คุณค่า ด้วยข้อความ รูปภาพ หรือไลฟ์สด
ท่านจำเป็นจะต้องสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าที่สามารถให้ผู้ติดตามนำไปแบ่งปัน ออกความเห็น หรือตั้งคำถามได้ เพื่อให้ผู้ติดตามรู้สึกมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของท่าน
และท่านต้องทำในสิ่งที่ท่านต้องการให้ผู้ติดตามท่านทำด้วย เช่น ถ้าท่านสร้างผู้ติดตามทางเฟซบุ๊ก ท่านจะต้องแบ่งปัน ออกความเห็น และมีส่วนร่วมกับผู้นำคนอื่นในอุตสาหกรรมนั้นด้วย
ท่านสามารถตั้งคำถามสั้นๆ สองสามข้อ ถ้ารู้สึกว่าไม่มีใครเข้ามามีส่วนร่วมกับเนื้อหาของท่าน หรือท่านอาจขอให้ผู้คนแสดงความคิดเห็น กดชอบ หรือแบ่งปันข้อมูล ให้กับเนื้อหาของท่านได้
ใส่คำสั่ง (Call to Action) เพื่อให้ผู้ติดตามของท่านดำเนินการบางอย่างง่ายๆในเนื้อหาของท่าน ท่านจะประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ถ้าท่านต้องการผู้ติดตามผ่านช่องยูทูป ท่านก็จะต้องโพสวีดีโอที่ให้คุณค่า หรือ ไลฟ์สด ก็ได้
ถ้าท่านใช้ อินสตราแกรม สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าให้ผู้ติดตามของท่าน ค้นหาผู้นำในอุตสาหกรรมของท่านบนอินสตราแกรม เข้าไปมีส่วนร่วม และร่วมออกความเห็นกับผู้ติดตามเหล่านั้น เพื่อดึงดูดให้มาเป็นผู้ติดตามของท่านได้
ท่านได้ไอเดียมั๊ยครับ
สร้างและโปรโมตเนื้อหาของท่าน สร้างความสัมพันธ์กับผู้ที่มีส่วนร่วมกับเนื้อหานั้นอย่างสนิทสนม ค้นหาเนื้อหาจากผู้นำในอุตสาหรรมที่เกี่ยวข้องที่มีผู้ติดตามอยู่แล้ว และเข้าไปตีสนิทกับผู้ติดตามเขาเหล่านั้น สร้างความสนิทสนม จนมาเป็นผู้ติดตามของท่าน ด้วยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าอย่างมีคุณภาพ ท่านก็จะได้ผู้ติดตามที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกัน
ส. ที่ 3: เสนอขาย (Sell)
นี่คือขั้นตอนที่สนุกสนานมาก เป็นขั้นตอนที่ท่านเริ่มสร้างรายได้และสร้างอาณาจักรของท่านได้
เมื่อท่านได้สร้าง ผู้ติดตาม และท่านได้สร้างความสนิทสนม กับผู้ติดตามของท่าน ท่านสร้างความสัมพันธ์อย่างเป็นขั้นตอนทำให้เกิด การรู้จัก ชอบ และเชื่อถือแล้ว…
และตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่จะ เสนอ ขาย สินค้า หรือบริการของท่านแล้วเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่หลายๆ คน มักจะเริ่มจากขั้นตอนนี้เป็นลำดับแรก โดยที่ไม่ได้เริ่มจากหลักการพื้นฐานในขั้นตอน ส. ที่ 1 และ ส. ที่ 2 พวกเขาเริ่มต้นจากการขายเลย
การทำแบบนั้นเราเรียกว่า เป็นการ “โยน” “ขว้างใส่” หรือ “ยัดเยียด” แทนที่จะนำเสนอด้วยคุณค่า ซึ่งทำให้ผู้คนตราหน้าเราได้ว่า เป็น “สแปมเมอร์”
ดังนั้น การทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามสูตร “3ส” จึงสำคัญอย่างยิ่งครับ
สร้าง-สนิทสนม-เสนอขาย คือสูตรสำเร็จที่ทำให้การทำธุรกิจออนไลน์ด้วยการตลาดแบบดึงดูดเป็นที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ!
นี่คือ สูตร 3ส เป็นสูตรสำเร็จที่ทำให้การทำทุกธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จ
มันเป็นสูตรที่ยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหมครับ และท่านสามารถนำสูตรนี้มาทำได้ในทุกเวลาที่ท่านต้องการ และยังสามารถนำมาเป็นแนวทาง ให้กับท่าน ถ้ารู้สึกว่ากำลังหลงทาง และไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในแต่ละวัน ขอให้ย้อนกลับมายังสูตร 3ส คือ สร้าง-สนิทสนม-เสนอขาย ได้ในทันที
ถ้าหากท่านยังไม่ได้ผลลัพท์ที่ดี ท่านอาจกำลังพลาด หรือไม่ได้ทำ ขั้นตอนใด ขั้นตอนหนึ่งก็ได้
ผมแนะนำให้ท่านใส่ใจใน 3 ขั้นตอนนี้อย่างละเอียด เพื่อเป็นหลักประกันได้ว่าท่านได้สร้างธุรกิจของท่านบนพื้นฐานที่แข็งแรง!
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จของท่าน
เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com
by เชษฐวิทย์ สิงขร | Mar 9, 2019 | ธุรกิจเครือข่าย , วิธีสปอนเซอร์
ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
วันนี้ผมจะแบ่งปันสุดยอดวิชาที่มาถึงตอนที่ 13 -14 ถ้าท่านยังไม่เคยได้ดูในตอนก่อนหน้านี้ผมบอกเลยว่าท่านจะต้องดูให้ได้ แต่ตอนนี้ ดูตอนนี้ก่อน เพราะมันจะเชื่อมโยงกันหมดเลย
วันนี้ท่านจะได้เรียนรู้ วิธีสร้างองค์ธุรกิจเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ
วีดีโอ “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค”
หนังสือเสียง “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค”
สารบัญเนื้อหา วีดีโอ “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค” หนังสือเสียง “วิธีการฝึกสอนนักธุรกิจใหม่ และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค” บทที่ 13 เล่นกับตัวเลขเพื่อทำคะแนน บทที่ 14 วิธีสอนคนใหม่และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค วิธีจัดประชุมเสนอโอกาสธุรกิจให้ตื่นเต้นทรงพลัง เทคนิคการนำเสนอ 20 นาที
บทความนี้เป็นตอนที่ 6 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่
บทที่ 13 เล่นกับตัวเลขเพื่อทำคะแนน
โดยที่ตอนที่ 13 นี้เราจะมาพูดกันถึงเรื่องของการ เล่นกับตัวเลขเพื่อทำคะแนน
เมื่อท่านสปอนเซอร์คนได้แล้ว เริ่มสอนคนของท่านให้ทำธุรกิจไปแล้ว แล้วเขาเปลี่ยนสภาพจากการเป็นเรือว่างเปล่า มาเป็นเรือเงิน แล้วมาเป็นเรือทอง
ก็คือ คนที่กระตือรือร้น รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ต้องการพึ่งอัพไลน์อีกแล้ว เขาทำของเขาได้เอง สร้างองค์กรได้เอง
ถ้าหนึ่งในทีมงานของท่านเป็นเรือทอง คำถามสำคัญคือ ท่านจะว่างพอที่จะไปช่วยเหลือคนใหม่ๆ และสร้างสายงานใหม่อีกครั้งแล้วใช่ไหม?
แน่นอนเมื่อทีมงานท่านสายนี้โตแล้ว ท่านก็ว่าง ท่านสามารถไปสร้างทีมงานใหม่ได้อีกนี่คือความสุดยอดของธุรกิจเครือข่าย ไม่ใช่ว่าทิ้งนะ เขาทำเป็นแล้ว เขาโตแล้ว ไม่ต้องการเราแล้ว
เราสร้างสายใหม่ ๆ ไปอีก ถ้าเราเข้าใจหลักการพลังทวีของธุรกิจเครือข่ายเราสามารถร่ำรวยได้ภายใน 1-1.5 ปี ไม่เกิน 3 ปี
คราวนี้คำว่าสายงานนั้น หมายถึงว่าท่านนั้นมีทีมงานลึกลงไปแล้วอย่างน้อย 3 ชั้น นั่นหมายถึงว่าตัวท่านก็เป็นเรือทอง เพราะท่านเข้ามาท่านตั้งใจเรียนรู้ทำธุรกิจแล้วท่านก็ปล่อยเรือทองแบบที่ท่านเห็นในรูปนี้ ปล่อยเรือทอง เรือเล็กออกไป เขาออกไปปล่อยเรือของเขาอีก
เพราะฉะนั้นหมายความว่าท่านจะต้องมีทีมงานลึกแล้วอย่างน้อย 3 ชั้น
ก็คือมีตัวท่าน มี ทอม ซึ่งท่านนั้นสอน ทอม ให้รู้จักวิธีการสอน แครอล ให้สปอนเซอร์ เบทตี้ ได้ เมื่อท่านมีทีมงานสักปริมาณหนึ่งแล้ว แทนที่ท่านจะคิดว่าท่านจะหาใครเข้ามาร่วมธุรกิจอีกดี จะสปอนเซอร์คนใหม่อีกดีไหม
ผมบอกเลยว่าไม่ควร ท่านควรใช้เวลาร่วมกับใครบางคนที่เอาจริงแล้วก็เห็นโอกาสจะเกษียรเร็วในบรรดาที่อยู่ใต้ 5 คนเอาจริงของท่าน
ผมหมายความว่าเมื่อท่านมี 5 คนเอาจริงแล้วให้เรามองลงไปใต้ 5 คนที่เอาจริงของเรามีใครอีกไหมที่เขาเป็นเรือทองลงไปทำกับเขา
ท่านรู้วิธีการกระตุ้นขึ้นแล้ว แรงกระตุ้นขึ้น นั้นคือ ถ้ามีใครสักคนด้านล่างกำลังทำอะไรบางสิ่ง บางอย่าง คนข้างบน จะตั้งใจทำอะไรหลายอย่างมากเลย เพราะฉะนั้นท่านต้องทำงานให้ฉลาด
เพราะฉะนั้นมองลงไปข้างล่างครับ ใครเอาจริงลงไปทำงานกับเขา เพราะการที่ท่านพบใครบางคนที่เห็นโอกาสเหมือนกับท่านมันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากนะครับท่านจะมีพลังมหาศาลเมื่อท่านเข้าใจและก็มีความเชื่อในธุรกิจเครือข่าย
สมมุติอย่างนี้ครับว่า ท่านมีทีมงานติดตัวคนที่ 6 เพิ่มขึ้นเพราะว่าใครบางคนของท่านไม่ต้องการท่านอีก จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีสายงานเกิดขึ้น ไม่ว่าท่านจะลงไปทำลึกใต้สายงานของท่านแบบรูปที่ผมกำลังแชร์อยุ่ตรงนี้ หรือว่าท่านสร้างสายงานใหม่
ผมจะให้ดูรูปนะครับ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบนี้ เลข 5 กับ เลข 6 นั้นจริงๆแล้วต่างกันแค่ 1 หน่วยเท่านั้น ถูกไหมครับเดี๋ยวเราลองคำนวณลงไปในทางลึกดู
ถ้าหากทุกคนที่ติดตัวท่านสามารถหาทีมงานติดตัวคนใหม่ของเขาเองได้ แล้วคนบางคนของเขาไม่ต้องการความช่วยเหลืออีกแล้ว จะเป็นยังไง
6×6 = 36 ท่านที่มี 5 กับมี 6 ดูความแตกต่าง ในขณะที่ 5×5 = 25 ท่านจะเห็นว่า 25 กับ 36 ต่างกัน 11 แล้วลองคำนวณในทีมชั้นลึกอีกชั้นดูว่า 25 x 5 = 125
หมายความว่าถ้าท่านทำงานกับ 25 คนติดตัว แล้วเขาขยายได้คนละ 5 ลึกลงไปชั้นที่ 3 ท่านจะมีคนในชั้นที่ 3 125 คน แต่ถ้าท่านขยายเพิ่มอีก 1 สาย แล้วก็ลึกลงไปอีก ลึกลงไป 3 ชั้น ท่านจะมีคนในชั้นที่ 3 216 คน
ซึ่งถ้าท่านลบเลขไม่ผิดท่านจะเห็นเลยว่า 216 มันต่างกับ 125 ถึง 91 คน ต่างกันเยอะเลยนะครับแค่ทุกคนทำเพิ่มอีก 1
ตอนที่ท่านนำเรื่องนี้ไปสอนทีมงานของท่าน ท่านจะได้รูปประกอบอย่างที่ผมโชว์ตรงนี้ เขียนให้เขาเห็นภาพแล้วก็ให้ท่านคูณตัวเลขลงไปอีกจนถึงชั้นที่ 7
ท่านจะได้ภาพประมาณนี้ ท่านจะเห็นเลยว่าถ้าท่านสร้างสายงานแค่ 5 สาย ลึกลงไป 7 ชั้น ท่านจะมีคนในชั้นที่ 7 78,125 คน ผมบอกเลยว่ารวยโคตรๆ
แต่ก่อนจะได้ตรงนั้น เรียนรู้ก่อนนะ เมื่อเรียนรู้จบ ลงมือทำ อย่าเรียนรู้แล้วไม่ทำอะไร เป็นคนแบบเดิมๆ ท่านก็จะได้ผลลัพธ์แบบเดิมๆ เรามาร่วมด้วยช่วยกัน เรียนรู้ ฝึกฝน แล้วสอนคนอื่นต่อให้ได้
หลังจากนั้นให้ท่านถามนักเรียนของท่านให้ลองทายว่าผลต่างในชั้นที่ 7 จะเป็นเท่าไหร่ในสายงานที่มี 6 คน
คำตอบคือ เมื่อลึกลงไป 7 ชั้น จะมีความแตกต่างถึง 201,811 ผมหมายถึงความต่าง ท่านว่า มีธุรกิจไหนอีกที่ดีกว่าธุรกิจเครือข่าย บ้าง ยังไม่บอกคำตอบนะครับ ท่านต้องไปคิดเอาเองว่าเท่าไหร่
ท่านเคยเห็นไหมครับว่าความสำคัญของการทำงานร่วมกับคนของท่านในแนวลึกว่าสำคัญแค่ไหน มีทีมงานต้องสอนเขาเหมือนอย่างที่ผมกำลังสอนท่าน
ให้เขานั้นทำเป็นเพื่อที่ท่านนั้นจะได้ให้เขาเข้าใจ ทำเป็น แล้วสอนคนอื่นต่อในแนวลึก มันจึงจะรวยในธุรกิจเครือข่าย
การคิดว่าจะสปอนเซอร์ใครใหม่ดี โดยที่มีทีมงานแล้วไม่พาลงลึก เท่ากับท่านไม่ได้ตระหนักแล้วก็ไม่รู้ว่าท่านจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อความสำเร็จ ท่านต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาว่า ฉันจะต้องทำอะไร สร้างในเชิงลึกว่ามันสำคัญมากๆ
ท่านจะไปกังวลกับการหาทีมงานติดตัวมากๆ ทำไม สปอนเซอร์ใครไม่ได้เลย มี 1 คนก็พาลึกลงไป มี 2 คนก็พาลึกลงไปอีก มีกี่คนก็ช่างพาลึกๆๆ สร้างในแนวลึกลงไป
เพราะต่อให้ท่านมีทีมงาน 10 คน 20 30 คนติดตัว ท่านก็ทำงานร่วมกับเขาไม่ได้อยู่ดี ทำไมไม่ใส่ใจคนที่อยู่ข้างล่าง ให้เขาทำเองเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเชิญคนมาดูโอกาส การนำเสนอแบบบุคคลที่ 3 การแบ่งปันสื่อ การอธิบายแผนการตลาด การพาคนสมัครคนใหม่ พาคนสอนคนใหม่
นอกเหนือจากนั้นการอุปถัมภ์คนแบบส่วนตัวมากเกินไป ท่านอาจจะเล่นเกมส์บวก ลบ ตลอดเวลาแต่ผมเสนอให้ท่านเล่นเกมส์แห่งการทวีคูณที่เรียกว่า MLM เกมส์กันดีกว่า
ถ้าท่านเล่นเกมส์นี้ประสบความความสำเร็จท่านจะได้รายได้อย่างที่ผมโชว์ให้ท่านดู แต่ท่านจะต้องทุ่มเทในการเรียนรู้แล้วลงมือทำอย่างจริงจังก่อน
ผมอยากให้ท่านสอนคนที่ติดตัวท่านนะครับว่า เขาจะต้องช่วยทีมงานติดตัวของเขา สร้างสายงานลึกลงไป 3 ชั้น
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมชื่อ ก. แล้วผมสปอนเซอร์ อุปถัมภ์นาย ข. เข้ามา ผมจะพูดกับนาย ข. ว่า คุณ ข. เมื่อคุณสปอนเซอร์ใครบางคนเข้ามาขอให้ลงไปทำงานกับเขา แล้วช่วยให้เขาสร้างสายงาน 3 ชั้นลึกให้ได้
คุณค่อยพิจารณาที่จะปล่อยมือเขา การทำเช่นนี้จะเป็นการนำข้อดีของบทที่ 9 ที่เราพูดเรื่องแรงกระตุ้นออกมาใช้ก่อนที่เขาจะรู้ตัวซะอีก
นาย ข. ถ้าเกิดเขาเป็นนักเรียนที่ดีมากๆ เมื่อเขาอุปถัมภ์นาย ค. เขาช่วยให้นายค.ได้สร้างสายงาน 3 ชั้นลึกลงไปได้ท่านก็ควรวาดภาพประกอบด้วย
ซึ่งเมื่อท่านโชว์ให้เขาดูภาพจะเป็นแบบนี้ ลองนับระดับชั้นลึกดูสิครับว่า ท่านมี 5 ชั้นลึกโดยการสอนให้คนของท่านร่วมทำงานกับคนของเขา
เพื่อสร้างสายงานลงไปอีก 3 ชั้นลึก นาย ข. ก็จะทำเช่นเดียวกับท่านและสายงานก็ยิ่งลึกลงไปอีก ทุกท่านเห็นไหมครับว่า ทำไมอาจารย์ถึงประสบความสำเร็จอย่างมากมายในธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่ เซลล์แมน
คนที่วางตัวเป็นผู้สอนเป็นอาจารย์เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของการพัฒนาคนอื่นให้รู้วิธีการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
เซลล์แมนส่วนมากเขาเริ่มต้นสร้างธุรกิจ เขาจะคิดว่าธุรกิจนี้ต้องสปอนเซอร์ แล้วก็สปอนเซอร์ๆ ชวนคนๆๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วธุรกิจนี้ต้อง สปอนเซอร์แล้วสอน สอนแล้วสปอนเซอร์
ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรทั้งสิ้นจนกว่าท่านจะสอนให้คนอื่นรู้ว่าจะทำธุรกิจ MLM ให้สำเร็จได้ยังไง แล้วถ้าท่านจะสอนใครได้ท่านต้องมีความรู้ก่อนใช่ไหมครับ
ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายมานานแล้วไม่รู้ กี่วัน กี่เดือน กี่ปี แล้วท่านยังสอนในแบบที่ผมสอนยังไม่ได้ ท่านรู้แล้วรึยังว่าเหตุผลอะไรที่ท่านยังไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย
เพราะท่านยังไม่มีความรู้ไปสอนคนอื่นไง เพราะฉะนั้นใครครับที่จะต้องเป็นนักศึกษาที่เหมือนกำลังจะเอ็นทรานต์ เรียนรู้ ฝึกฝน อย่างจริงจัง ในการทำการตลาดเครือข่าย
คำตอบง่ายนิดเดียวเลยครับ ก็คือตัวเรา หรือใครก็แล้วแต่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย เรานั้นเองที่จะต้องเรียนรู้อย่างจริงจังก่อน ไม่งั้นเราจะสอนคนอื่นต่อได้ยังไง เห็นด้วยไหมครับ
เพราะฉะนั้นท่านสามารถนำบทเรียนนี้ไปคุยต่อได้ทันทีจากบทที่ 1 ก็ได้
บทที่ 14 วิธีสอนคนใหม่และวิธีการเปิดโอกาสทางธุรกิจประจำสัปดาห์ที่เวิร์ค
เราจะพูดถึงการฝึกอบรมนักธุรกิจใหม่ของเราในทีมของเรา ซึ่งทุกท่านที่ทำธุรกิจเครือข่าย จะต้องฝึกอบรมคนใหม่อยู่แล้วถูกไหม
ไม่ว่าจะใช้ระบบที่บริษัทท่านมี หรือทีมงานท่านมี หรือ ฝึกด้วยตัวท่านเอง
แล้วท่านจะต้องมีการประชุมเปิดโอกาสทางธุรกิจถูกไหม ถ้าไม่มีการประชุม ก็ไม่เกิดการทำธุรกิจ แต่คนส่วนมากเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย เริ่มจากการเข้ามาในงานประชุมเปิดโอกาสประจำสัปดาห์
และด้วยเหตุนี้คนส่วนมากจึงคิดว่าการเข้าประชุมประจำสัปดาห์และการโทรชวนคน การหาคน การเชิญคนเข้ามาในงานประชุมเปิดโอกาสประจำสัปดาห์ คือทุกสิ่งทุกอย่างของธุรกิจเครือข่าย ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่
แต่ไม่มีใครเคยชำแหละ ผ่า วิธีการให้เขาได้รู้เหมือนอย่างที่ผมกำลังแบ่งปันนี้หลังจากที่เขาเชิญเพื่อนๆ ของเค้า คนแล้วคนเล่า มาประชุมการเปิดโอกาส เค้าก็จะเลิกชวนเพราะว่าเค้าชวนมามากพอแล้ว
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะอยู่มาวันหนึ่งไม่มีใครมาเลย เค้าจะเสียกำลังใจ อย่างมากเลยทีเดียวชวนแล้วไม่มีใครมา
งานประชุมเปิดโอกาสโดยทั่วๆไปจะมีลักษณะเป็นอย่างนี้
คือมีห้องหนึ่ง ห้องที่มีเก้าอี้อีกมากมายวางอยู่ แล้วก็มีกระดานไว้บอร์ด หรือมีจอโปรเจคเตอร์อยู่ข้างหน้า เหมือนกับโรงหนัง ซึ่งมักเป็นห้องในบ้าน ของท่าน
เมื่อท่านเชิญแขกมาที่บ้านหรือว่าเป็นห้องในโรงแรมที่ท่านไปเช่า แล้วก็เชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจ หรือเป็นห้องในบริษัท และที่หน้าห้องก็จะมีคนใส่เสื้อสูทกำลังอธิบายเกี่ยวกับสินค้าผลิตภัณฑ์ และก็แผนการตลาด แล้วก็พูดกันอยู่สามอย่างนี้แหละทุกบริษัทซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่งหรือ 2 ชั่วโมงก็ยังไม่จบอ่ะ
ถ้าสมมุติมีคนมาเข้าร่วมประชุม 22 คน มันจะเป็นผู้จำหน่าย โดยส่วนมากประมาณ 19 คนแล้ว อาจจะมีคนใหม่อยู่ประมาณสองสามคน
แต่ถ้าท่านชวนคนใหม่แล้วเค้าไม่มาใช่ไหม ไม่เป็นไรนะครับมันเป็นเรื่องธรรมชาติมันเป็นธรรมชาติมาก
เรียนต่อพัฒนา ทักษะ และ ทัศนคติ (Mind set) ในการสร้าง ธุรกิจเครือข่ายต่อ ท่านจะไม่จิตตก จิตตกทำไมในเมื่อธุรกิจนี้ถ้าสร้างแล้วสำเร็จสามปีท่านรวยมาก คนที่ทำเฉยแล้วเค้าไม่มาพวกนั้นนอนร้องไห้ครับ
เพราะฉะนั้นอย่าได้แคร์ไว้ท่านชวนใครแล้วเค้าไม่มา ทำต่อไปคนรู้จักหมดแล้วยัง มีระบบออนไลน์อีก กลัวอะไร เรียนรู้ไปสิ ชวนแบบออนไลน์ นี้ กมลเวช จะมาแบ่งปันตลอดกดติดตามไว้
เป้าหมายในการบรรยายของวิทยากรนั้นอยู่ที่ผู้มาใหม่ ต้องการโฟกัสคนมาใหม่ แล้วเขากำลังพูดกำลังบรรยายให้คนมาใหม่ฟัง
แต่สถานการณ์จริงเขากำลังพูดให้ 3 คนใน 22 คนฟังเท่านั้น สำหรับผู้จำหน่ายหน้าเก่าที่มาฟังการบรรยายแบบนี้ ฟังครั้งแล้วครั้งเล่า รอบที่ 500 แล้วมั้ง มันคือสิ่งที่น่าเบื่อที่สุด
ท่านจะเห็นเลยเวลาที่ท่านเข้าไปในงานเปิดโอกาสทางธุรกิจ ท่านลองหันไปดูด้านซ้ายด้านขวาด้านหลัง ท่านจะเห็นแต่ละคนก้มหน้ารูดโทรศัพท์ตัวเอง ผมการันตีเป็นทุกงาน มันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากไม่มีพลังเลยห้องที่เป็นแบบนี้
สุดท้ายเราจะเรียกการประชุมแบบนี้ว่าการประชุมเพลิง และนั่นคือสาเหตุการประชุมเพลิงแบบเดิมๆ มักไม่ค่อยเกิดผลลัพธ์และคนก่อนเลิกเชิญคนเข้างานประชุมถ้ามันมีรูปแบบนั้นรูปแบบเดียวเห็นด้วยมั้ยครับ
ถ้าท่านไม่อยากประชุมเพลิงกันแบบนี้ จนแต่ละท่านนั้นถูกประชุมเพลิงไปหมด ตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมกำลังจะแบ่งปันต่อ
หากท่านลองสังเกตพฤติกรรมของผู้ที่มาใหม่ในขณะที่ฟังบรรยาย ท่านจะเห็นปฏิกิริยาตอบรับที่เป็นบวก คนใหม่ก็จะพยักหน้าตามบ้าง มีสีหน้าที่บ่งบอกว่าเข้าใจ อยากรวย สินค้าดี แผนดีสุดยอด
แต่เมื่อการบรรยายจบลงแล้ว ท่านให้เค้าสมัครสมาชิก และก็ไปเริ่มต้น ทำไมคนส่วนมากจึงไม่มั่นใจแล้วก็ยังคงปฏิเสธบางคนอาจจะบอกว่า “ขอคิดดูก่อน”
ไหนเคยใครเป็นแบบนี้บ้าง จริงๆแล้วคำว่าฉันขอกลับบ้านไปคิดดูก่อนมันเป็นการปฏิเสธ คำว่าคิดดูก่อน 99.99% แปลว่า ไม่เอา ไม่ทำ ไม่คิดอะไรทั้งนั้น มันคือข้ออ้างต่อหน้าท่าน มันเป็นข้ออ้างที่ดูดีที่สุด ใครที่พูดว่าขอคิดดูก่อน 99% อ้างทั้งสิ้นเพราะสุดท้ายแล้วเขาก็จะปฏิเสธอยู่ดี
ทำไมมันเป็นแบบนั้น มันดูไม่มีเหตุผลเลยใช่ไหมทำไมล่ะ โชว์บ้าน โชว์รถ โชว์มันสารพัด โอกาสดีๆ เค้าฟังดูแล้วก็เหมือนชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็น แต่สุดท้ายก็พูดคำว่า “ไม่” อย่าพูดดังมันเจ็บ คำว่า “ไม่” พูดเบาเบาก็เจ็บ
สาเหตุที่เขาพูดคำว่า “ไม่” นั้นง่ายนิดเดียวครับ. เป็นเพราะว่าเค้ามองไปที่ผู้บรรยายเหมือนกับว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ และเค้าคิดว่าถ้าเค้าอยากสำเร็จเค้าต้องขึ้นไปพูดในที่ประชุมแบบนี้
ในธุรกิจนี้มันต้องประชุม ว่ามันต้องมาที่นี่ และก็ต้องขึ้นพูด อาจจะไม่ใช่ทันทีทันใด แต่เค้าอาจจะต้องจัดประชุมแบบนี้ ในวันใดวันนึง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่คนบางคนกลัว กลัวยิ่งกว่าการกลัวตายอีก
การออกไปพูดหน้าผู้คน ขาสั่นพูดอะไรไม่ออก เขินกันอยู่นั่นแหละ เออ เออ อา อา เคยเป็นไหม มีคนที่เคยเป็นแบบนั้น กลัวมากเค้ากลัวที่สุด ต้องขึ้นไปพูดต่อหน้าผู้คน เหมือนทำให้เป็นเหตุผลใหญ่เหตุผลหนึ่งเลยทีเดียวใน
การที่ทำให้เขาปฏิเสธโอกาสที่ท่านยื่นให้ จริงๆ แล้วท่านต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมื่อเขา say no หรือปฏิเสธ เขาปฏิเสธโอกาสที่ท่านแบ่งปันให้เท่านั้นเค้าไม่ได้ปฏิเสธท่านเป็นการส่วนตัว จงอย่าท้อถอย จงอย่าท้อแท้ อย่าคิดผิด
เขาปฏิเสธโอกาสที่ท่านมอบให้เขา ไม่ได้ปฏิเสธท่าน
เชื่อมไปในจิตใต้สำนึกของท่านว่า ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย แน่นอนท่านต้องเจอกับการโดนปฏิเสธ เป็นเรื่องธรรมชาติมาก ไม่ว่าท่านจะสปอนเซอร์คนให้กับตัวเอง หรือไปสปอนเซอร์คนให้ทีมงานของท่านเขาปฏิเสธโอกาสของเค้า
ท่านเหมือนครู คือคนที่ไปให้สิ่งดีๆ กับผู้คนเพราะฉะนั้นท่านต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าเค้าไม่ได้ปฏิเสธท่าน
ลองสังเกตุดูนะครับหากวิทยากรพูดกลางที่ประชุมว่า เอาละผมมีเวลาจำกัดเดี๋ยวผมจะเปิดโอกาสให้ใครก็ได้คนเดียว ขึ้นมาพูดอะไรก็ได้หน้าห้องซัก 3 นาทีมีท่านไหนอยากพูดบ้างไหมครับ จะมีกี่คนครับที่ยกมือกันในจำนวน 22 คน ผมว่าไม่ถึง 5% ที่ยกมือ หรือ
ท่านเห็นไหมว่าไม่มีใครยกมือเลย นอกจากคนที่เตรียมกันไว้ว่าอยากจะขึ้นไปแชร์ พวกเดียวกันนั่นแหละ เมื่อวิทยากรบอกว่าล้อเล่นไม่ได้เอาจริง ตอนเราเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ท่านดูซิว่าคนกลัวการพูดต่อหน้าคนมากแค่ไหน กลัวดูไม่ดีมากแค่ไหนแม้แต่ท่านเอง เวลาไปงานแบบนี้วิทยากรกำลังจะสุ่มเรียกใครขึ้นมา ท่านจะคิดว่า อย่าชี้ฉันนะ อย่าชี้ฉันนะ เห็นภาพใช่ไหมครับ พอชี้คนอื่นท่านคือโล่งเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นผมรู้จักคนมากมายครับ ที่สามารถพูดได้น้ำไหลไฟดับภัยในวงสนทนาของเพื่อนๆ หรือคนที่เขาสนิทด้วย แต่แทบจะเสียสติเหมือนต้องพูดต่อหน้ากลุ่มคนแบบเป็นทางการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ทำให้ความประหม่าของคนเหล่านี้ลดลงเลย กลัวมาก ขาสั่นมาก
แล้วในการสร้างองค์กรของท่านท่านจะเลี่ยงปัญหานี้ได้ยังไงคิดออกไหมครับท่านจะทำให้การเปิดโอกาสทางธุรกิจเป็น สิ่งที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้คนได้ยังไง
ถ้าใครบรรลุตรงนี้นะครับธุรกิจของเขา ง่ายกว่าเดิมหลายเท่าเลยครับ
เพราะการประชุมเปิดโอกาสแบบนี้จริงๆแล้วมันน่าเบื่อจริงไหมครับ แล้วท่านจะทำให้งานมันตื่นเต้นได้ยังไง ข่าวดีทุกคนสามารถทำได้ ท่านสามารถทำได้ทุกคน
แล้วเมื่อไหร่ที่ท่านรู้ว่าต้องทำอย่างไร องค์กรของท่านจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าเลย
วิธีจัดประชุมเสนอโอกาสธุรกิจให้ตื่นเต้นทรงพลัง
มาดูกันเลยครับวิธีการเริ่มต้นทำยังไงจัดประชุมเสนอโอกาสธุรกิจยังไงให้ตื่นเต้นทรงพลัง
วิธีการคือท่านนัดพบผู้มุ่งหวังของท่านตัวต่อตัวก่อน หรือนัดเข้ามาในวงสนทนาอันร้อนฉ่าที่เราคุยกันตั้งแต่บทที่ 8 หรือบทที่ 9 ที่เราจะมี การย่างสเต็กเนื้อย่าง
ท่านควรจะนัดเจอกันที่ร้านอาหารกับผู้มุ่งหวังของท่านในขณะที่เค้าไม่ยุ่งมากนัดในวันที่สบายๆ แล้วก็บอกให้แขกของท่านนำเครื่องอัดเสียงมาด้วย ซึ่งในสมัยนี้โทรศัพท์นั่นแหละสามารถอัดเสียงได้อยู่แล้ว
เพื่อที่เขาจะได้นำไปฟังทบทวนอีกครั้งหรือใช้เป็นอุปกรณ์ในการสปอนเซอร์ เพื่อนของเค้าต่อไป
เพราะฉะนั้นเวลาสปอนเซอร์คนต่อจากนี้ไปให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วให้เค้าอัดในสิ่งที่ฉันพูดกับเขา มีเสียงการบรรยายของท่านอยู่ในโทรศัพท์ของเค้าเลย เค้าแค่ส่งไฟล์เสียงไปให้เพื่อนเค้าฟัง โอ้โหฉลาดไหมล่ะครับ
นี่เป็นแค่หนึ่งในหลายหลายทาง ที่ทำให้ผู้มุ่งหวังมีเครื่องมือในการออกไปทำงานทันที ถ้าเกิดเค้าตัดสินใจสมัครทำธุรกิจขึ้นมาแล้วจะดีมากเลยครับ
ถ้าหากท่านให้ผู้มุ่งหวังของท่านได้อ่านหนังสือการนำเสนอ 45 วินาทีที่อาจเปลี่ยนชีวิตคุณเสียก่อนสี่บทแรก ก่อนจะมาพบท่านเพราะว่าท่านจะประหยัดเวลาที่แบบมีค่ามากๆ ของทุกคนเป็นอย่างมาก ถ้าเขาทราบแล้วว่าเค้าจะขับรถยังไงในบทที่สี่ คือบทที่พูดถึงสี่สิ่งจำเป็นต้องทำในธุรกิจเครือข่าย
ก่อนที่จะมาพบกับท่านการนำเสนอพาหนะ บริษัท สินค้าและแผนการตลาด ก็จะง่ายมากขึ้นหลายเท่าเลยครับ
เพราะฉะนั้นท่านต้องใช้เครื่องมือให้เป็น ให้เค้าดูคลิป ให้เค้าอ่านหนังสือ ให้เค้าฟังคลิปเสียง ให้เค้าดูวิดีโอของผม สี่บทแรก ก่อนยังได้เลย
เขาจะเข้าใจธุรกิจเครือข่ายแบบเห็นภาพ ด้วยความตื่นเต้น ไม่ต้องอธิบายกันอีก
คราวนี้ หลังจากท่านพูดคุย ถึงแนวแนวคิดศักยภาพของธุรกิจเครือข่าย คือสี่สิ่งที่ต้องทำที่
ท่านสามารถหาได้ เอาเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ให้เค้าอ่านแล้วเขาได้อ่านเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านบอกเค้าไปว่าท่านจะใช้เวลาแค่ 20 นาทีในการนำเสนอ บริษัท สินค้า และแผนรายได้เห็นไหมนัดกินข้าวทานข้าวเสร็จแล้ว คุย 20 นาทีเท่านั้น เพราะเค้าอ่านหนังสือมาแล้ว เค้าดูคลิปมาแล้ว เค้าฟังมาแล้วไม่งั้นก็ต้องนั่งกันชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง
ต้องใช้เครื่องมือให้เป็นเมื่อเราบอกไปแล้วว่า 20 นาทีแปลว่าไม่ยากเกินไปใช่ไหมที่ใครๆ ก็สามารถที่จะเรียนรู้นำเสนอ ภายใน 20 นาทีเหมือนกับที่ท่านทำได้ผู้มุ่งหวังก็รู้สึกว่ามันคุยง่าย 20 นาทีเองหรอ
ตัวของทีมงานเราเองที่มานั่งฟังด้วยก็รู้สึกดีว่ามันง่าย ภายใน 20 นาทีเองเหรอเห็นพูดในห้อง 1 ชั่วโมง 1 ชั่วโมงครึ่ง 2 ชั่วโมงยังไม่เห็นมีใครสมัครเลยเห็นไหมว่ามันไม่ยากถ้าเราทำให้มันง่ายสิ่งแวดล้อมง่ายการทำง่ายคนก็จะรู้สึก ว่าง่าย
หากผู้จำหน่ายของท่าน ยังใหม่มากแล้วนำเสนอแบบท่านไม่ได้เค้าอาจจะใช้วิธีการอัดเสียงแล้วไปเปิดให้เพื่อนๆ ของเขาฟัง อีกก็ได้
คือแทนที่จะให้ผู้มุ่งหวังที่มานั่งกับเราฟังแล้วอัดเสียงคนเดียวให้คนของท่านที่นั่งอยู่ด้วยกันอัดด้วย เป็นไงล่ะครับพูดครั้งเดียวระบบ OFFLINE ได้ผลหลายคน ถ้าในวงนั้นมี 4 คนแล้วเป็นผู้มุ่งหวังหนึ่งคน แล้วมีทีมงานของท่านอีกสามคน
ท่านพูดรอบเดียวได้ผลสี่เท่า นี่เค้าเรียกว่าพลังทวี ฉลาดไหมครับวิธีการนี้สุดยอดไหมครับง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนทุกคนทำได้แต่ยังไม่เคยมีใครแนะนำให้ท่านทำ ถูกไหมครับ มีการประชุมที่ไหนมีการอัดเสียงที่นั่น
มีการประชุมพูดคุยกันเรื่ององค์กรโอกาสทางธุรกิจเรื่องของการแบ่งปัน 20 นาทีที่ไหนอัดเสียงที่นั่นแล้วเปิดให้ทีมงานฟังส่งคลิปให้ฟังไม่ต้องเชิญอับไลน์ (UPLINE) ให้ไปอธิบายเอง เอาสไลด์ไปดูด้วยถ่ายคลิปยังได้เลย ถ้าเค้าอนุญาต
ถ้าท่านต้องใช้เวลาถึงชั่วโมงหรือชั่วโมงครึ่งในการนำเสนอแผนงานของท่านแล้วละก็ ท่านจะมีปัญหาในการหาคนมาฟังท่านพูด แต่ถ้าท่านสามารถพูดให้จบภายใน 20 นาที ท่านสามารถคุยในเวลาพักเบรคดื่มกาแฟ หรือ สามารถคุยกับคนได้ถึงสองสามคนในช่วงเวลาอาหารเที่ยง เพราะฉะนั้นผมเลยอยากจะแบ่งปันเวลา 20 นาทีออกเป็นแบบนี้
เทคนิคการนำเสนอ 20 นาที
เทคนิคการนำเสนอ ภายใน 20 นาที
3 นาทีพูดถึงบริษัท
7 นาทีพูดถึงผลิตภัณฑ์และให้เขาได้ทดลองใช้ ท่านต้องมีผลิตภัณฑ์ติดท้ายรถไปด้วยไม่ว่าท่านจะไปที่ไหนเวลาไปคุยโอกาสทางธุรกิจกับใครท่านต้องให้เค้าทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เค้าอาจจะไม่สมัครทำธุรกิจกับท่านด้วยแต่เค้าอาจจะกลายเป็นลูกค้าของท่าน
10 นาทีพูดถึงแผนรายได้
รวมแล้ว 20 นาทีเท่านั้นเห็นไหมครับหากแผนรายได้ส่วนไหนที่ละเอียดและซับซ้อนเกินไปไม่ต้องพูดถึงตอนนั้นก็ได้นะครับท่านสามารถให้เค้าสมัครก่อนฟังจบ
แล้วสมัครแล้วก็เริ่มต้นได้เลยอย่าลืมนะครับว่า เค้าต้องให้คำมั่นว่าจะกลับไปโรงเรียนสัปดาห์ละ 5 ถึง 10 ชั่วโมง เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่เรากำลังจะเริ่มต้นทำกัน ท่านไม่จำเป็นต้องสอนทุกอย่างที่ต้องใช้เวลาในการเรียนถึงหกเดือนภายในการนำเสนอครั้งแรก
แล้วต้องพูดให้เขาเข้าใจด้วยว่าเขาไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ ก็แค่สมัครเริ่มต้นแล้วเดี๋ยวเรามาเรียนกันหกเดือนแรกเพราะฉะนั้นคำสองคำที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจเครือข่าย ก็คือคำว่า
อุปถัมภ์ (Sponsor)
สอน (Teach)
และคำที่มีความสำคัญน้อยที่สุดก็คือคำว่า “ขาย” เป็นคำที่มีความสำคัญน้อยที่สุดในธุรกิจเครือข่าย
สังเกตผมพูดมาบทที่ 14 แล้วไม่ได้พูดเรื่องการขายเลย แต่ผมถามหน่อยทุกวันนี้ในธุรกิจเครือข่ายที่ท่านทำอยู่ ผู้แนะนำของท่านก็พูดถึงยอดขาย และอาจพูดให้ท่านออกไปขาย หรือแม้แต่ตัวท่านเองก็ยังเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายต้องโฟกัสในการขาย ต้องมองหานักขายเก่งๆ แล้วท่านก็ต้องออกไปขาย ใช่หรือไม่
บริษัทท่านมีรางวัลยอดนักขาย บริษัทท่านพูดถึงเรื่องของการขายเก่ง ขายเป็น ขายดี ขายตรงชอบพูดคำว่าขายตรง ชื่นชมคนขายได้เยอะ แต่หารู้ไม่ว่าการที่เราโฟกัสสิ่งเหล่านั้น และยกย่องคำว่าขาย ให้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในธุรกิจนั้น เป็นการไล่คนออกจากธุรกิจได้ง่ายที่สุด และทรงพลังที่สุด
เพราะคนในโลกนี้ไม่ว่าจะมีกี่คนก็ตามสมมุติว่ามี 6,000,000,000 คนในโลกนี้ 85% ไม่ชอบ การขายครับจะมีอยู่ 15% เท่านั้นที่ชอบการขาย แล้วถ้าท่านสร้างธุรกิจที่มันพูดถึงเรื่องการขายๆๆๆ ออกไปขาย เธอต้องขาย ฉันต้องขาย ทีมต้องขาย แล้วต้องมียอดขาย บริษัทสนับสนุนนักขาย
บริษัทท่านจะดึงดูดได้แค่คน 15% เท่านั้น ท่านเห็นไหมครับว่า คนไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่าย คือมันไม่ได้มีแต่พวกเริ่มต้นใหม่ๆ มันไปถึงเจ้าของบริษัทเครือข่ายยังไม่เข้าใจ เจ้าของบริษัทธุรกิจเครือข่ายบางบริษัทยังไม่เข้าใจ และสงสัยว่าทำไมบริษัทฉันถึงไม่โตสักที ทำไมมีแต่ยอดนักขาย แต่ทำไมนักสร้างหรือนักขยาย นักบริโภค อะไรพวกนี้ถึงมีเยอะเหลือเกินผู้บริโภคเยอะเหลือเกินนักขยายยิ่งน้อย
เพราะนักขยายบางที ก็ไม่ชอบขาย เพราะเขารู้จักคนที่อยากจะเอาจริงแล้วก็ไม่ชอบขายด้วย ถ้าท่านสอนให้คนที่ไม่ชอบขายไปชวนคนไม่ชอบขาย องค์กรท่านจะโตได้ยังไง นี่ไงครับจบไหมล่ะครับ
ทุกคนไม่ชอบถูกขายแต่ทุกคนชอบซื้อ
วิธีการนับจากนี้ไปให้ลืมคำว่าขาย คำว่าขายเป็นคำที่อยู่สุดท้ายในพจนานุกรมของธุรกิจเครือข่าย คำว่าขายจริงๆ ควรถูกแทนที่ด้วยคำว่า แบ่งปัน
เราแบ่งปันผลิตภัณฑ์ให้ ให้เพื่อน ญาติ พ่อแม่ แบ่งปันให้เค้าลองใช้ดูถ้าใช้แล้วชอบเค้าจะหาซื้อได้ที่ไหน ก็ที่เราไง แค่นั้นเองแบ่งปัน ไม่ใช่ออกไปขาย
ถ้าท่านเริ่มขายให้ใครปุ๊บเค้าจะหนีทันเลยเพราะคนไม่ชอบถูกขาย ท่านจะขายได้รอบเดียวสองรอบเท่านั้นสุดท้ายคนไม่รับโทรศัพท์ไม่ ซื้อซ้ำแล้ว ท่านจงทำให้เป็นเรื่องง่าย
ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จของท่าน