6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!” คลิกที่นี่

อาจารย์ครับ ผมอยากขอคำชี้แนะ เรื่องของผมนะครับ ผมไม่เคยทำงานออนไลน์มาก่อนเลย จนมาวันหนึ่งได้รู้จักธุรกิจออนไลน์จึงได้ตัดสินใจทำ แต่ด้วยความที่ผมไม่มีประสบการณ์ จึงทำตามที่เขาสอน

เขาสอนให้โพสต์ลง Facebook  ผมก็ทำอย่างนี้มาตลอด ผลลัพธ์ไม่เกิดเลยครับ เสียเวลามาตั้งหลายเดือน ผมอยากสำเร็จครับอาจารย์ ผมอยากทำให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้ ผมขอคำแนะนำด้วยครับ

วีดีโอ “6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

หนังสือเสียง 

“6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

สารบัญเนื้อหา:มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระกลยุทธ์ในการติดตามผลกลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

เชษฐวิทย์ สิงขร:สวัสดีครับวันนี้เราสองคนมาตอบคำถามและแก้ไขปัญหา ให้กับผู้คนที่มีปัญหาในการทำธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจออนไลน์ และนี่คือคำถามที่ถามมาซึ่งมีเยอะมาก

วันนี้ได้หยิบยกคำถามจากคุณประพัฒน์ ซึ่งถามมาข้างต้นแบบนี้ อาจารย์กมลเวช จะตอบว่าอย่างไรขอคำชี้แนะด้วยครับ

กมลเวช เมืองศรี:ขอบคุณครับโค้ชแนม และขอบคุณคุณประพัฒน์ที่ถามคำถามที่มีคุณภาพเข้ามา

ผมได้ฟังคำถามผมรู้เลยว่า คำตอบที่ผมจะแบ่งปันในวันนี้ จะสามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก ให้เขาได้เข้าใจว่า

ถ้าเขาอยากจะทำธุรกิจออนไลน์หรือการตลาดออนไลน์ ให้เกิดผลลัพธ์ อย่างถูกต้อง ยั่งยืน และยาวนาน ต้องทำอย่างไร

เรียกว่าแบ่งปันประสบการณ์ดีกว่า เป็นประสบการณ์ที่ผมทำธุรกิจออนไลน์มามากกว่า 10 ถึง 15 ปี ลองผิดลองถูกสารพัด

อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณประพัฒน์ทำแล้วพวกเราไม่เคยทำนะ เราทำมาหมดแล้ว สมัยเราเริ่มต้นยังไม่มี Facebook และ YouTube

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมโพสต์ในเว็บบอร์ดครับอาจารย์

กมลเวช เมืองศรี:วันละกี่ร้อยเว็บ

เชษฐวิทย์ สิงขร:จำไม่ได้ว่ากี่ร้อยเว็บแต่เยอะมาก

กมลเวช เมืองศรี:ใช้ซอฟต์แวร์ด้วยไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ใช้ครับ ซอฟต์แวร์ที่โพสต์อัตโนมัติซื้อมาใช้หมด เพียงแค่ใส่ข้อความลงไป แล้วก็โพสต์โดยอัตโนมัติ

กมลเวช เมืองศรี:แล้วผลลัพธ์

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผลลัพธ์ก็เกิดเหมือนกันแต่เกิดน้อยมากไม่สม่ำเสมอไม่เสถียร

กมลเวช เมืองศรี:สเกลขยายเพิ่มได้ไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่ได้เลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:เพราะมีข้อจำกัดคือเรื่องความรู้และเทคโนโลยีสมัยนั้น

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ยุคนั้นมาถึงยุคนี้ โค้ชแนมคิดว่าทั้งเทคโนโลยี และเครื่องมือ มันสามารถช่วยให้ใครสักคน ประสบความสำเร็จได้ใน 1 ปีไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมว่าเร็วกว่า 1 ปีนะ ถ้าใช้อย่างมีระบบใช้เครื่องมือต่างๆ แบบที่ถูกต้องด้วย

กมลเวช เมืองศรี:ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตเอาข้อมูลความลับสำคัญที่ผมนั้นใช้สอนกับกลุ่มคนวงในของผม ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอน เอามาให้ท่านดู ข้อมูลนี้อยู่ในโทรศัพท์ของผม เป็นข้อมูลที่จะสอนเรื่อง  6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ 

ผมขออนุญาตเอาข้อมูล มูลค่าหลักล้านมาแบ่งปันให้กับทุกท่าน เพราะว่าอยากสนับสนุนช่วยเหลือคุณประพัฒน์ รวมถึงคนที่อยากจะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จด้วย เพราะว่าในยุคนี้ มีธุรกิจที่สามารถทำให้ใครสักคนประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุด ต้องพึ่งพลังทางอินเทอร์เน็ต

มีอยู่ 6 ขั้นตอนในการที่จะทำให้ใครก็ตามทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ผมขอแนะนำว่า อะไรที่ท่านรู้มาในการทำธุรกิจออนไลน์ ใครสอนท่านให้โพสต์ ไลฟ์ทุกวัน เต้นหน้าจอ โพสต์ยัดเยียดลงไปในกลุ่ม หรือส่ง Message ไปหาผู้คน ลืมสิ่งเหล่านั้นไปก่อน เพราะนั่นไม่ใช่ระบบแห่งความสำเร็จ

เพราะถ้าท่านต้องการมีระบบในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จท่านต้องทำตาม 6 ขั้นตอนนี้

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ

ท่านจะต้องมีวิสัยทัศน์ ท่านจะต้องมีทัศนคติของคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทำไมสำคัญผมจะบอกให้ฟัง คนที่เข้ามาในวงการของการสร้างธุรกิจออนไลน์ส่วนมากไม่มีแผนและไม่มีการคิดระยะยาว สิ่งที่เขาจะทำก็คือใครสอนอะไรก็ทำทำทำ โดยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีรบกวนคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ 

ถ้าเราเริ่มกระบวนการที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็เหมือนกับการติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่เม็ดแรกเม็ดต่อไปก็จะดูสวย แต่ถ้าติดผิดทำผิดทำในสิ่งที่คนไม่ชอบ เช่น   ไลฟ์ไปด่าไปหรือพูดหยาบคาย มันเรียกกระแสได้แต่มันไม่ใช่ระยะยาว โค้ชแนมอยากให้คนรู้จักในฐานะโค้ชแนมจอมหยาบคายหรือเปล่า

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่ใช่แน่นอนครับ

กมลเวช เมืองศรี:เพราะฉะนั้น ขั้นตอนที่ 1 ครับท่านต้องมีวิสัยทัศน์ว่าท่านจะสร้างธุรกิจออนไลน์ไปเพื่ออะไร

ยกตัวอย่าง ผมต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

ผมรู้ว่าพลังของอินเทอร์เน็ตสามารถทำให้เราสร้างธุรกิจขายสินค้าหรือบริการที่สามารถทำเงินให้เราเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นได้ และมันต้องอยู่ได้อย่างน้อย 10 ถึง 20 ปี และผมทำมาตอนนี้ปีที่ 15 แล้วนะ

เพราะฉะนั้นคนที่มีระบบจะอยู่ยงคงกระพันและรับเงินทุกเดือน

ท่านจะต้องชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร เช่น อยากจะทำทดแทนงานประจำ เราเคยทำงานประจำมาก่อนแต่ไม่ตอบโจทย์เราเลยต้องมีอาชีพที่ 2  

และถ้าท่านต้องการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอาชีพที่ 2 หรืออาชีพหลัก ท่านต้องตั้งเป้าไว้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร

ท่านจะต้องเรียนวิชาที่จะทำให้ท่านเกิดชุดทักษะไม่ใช่ว่าการทำไลฟ์อย่างเดียวจะทำให้ท่านประสบความสำเร็จ

ท่านต้องมีชุดทักษะเช่น เขียนโฆษณาอย่างไรทำให้คนอยากซื้อใจจะขาด

จะพูดอย่างไรเพื่อดึงคนให้อยู่กับเราได้ 5 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

ทำวีดีโออย่างไรให้คนอยากซื้อสินค้าของเรา มันเป็นชุดทักษะ เพราะฉะนั้นข้อที่ 1  มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมมีเป้าหมายในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ เพราะรู้ว่างานประจำไม่ทำให้เราร่ำรวยก็เลยมองหาธุรกิจทำและธุรกิจที่ทำจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า สามารถทำให้มีรายได้แบบ Passive Income 

คือทำระบบไว้ในช่วงแรกและให้มันเติบโตเองได้และสร้างรายได้ให้กับเราจนกระทั่งเราหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม มันยังสามารถทำรายได้ให้กับเราได้

และเราก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอด และนำสิ่งที่เราพัฒนาตัวเองมาพัฒนาทีมงานของเราด้วย

กมลเวช เมืองศรี:ผมถามอย่างนี้วันแรกที่เข้ามาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นขนาดไหน

เชษฐวิทย์ สิงขร:พัฒนาขึ้นแบบเยอะมากจากที่ไม่เคยรู้เรื่องการทำออนไลน์ ทำธุรกิจผ่านสื่อโซเชียลต่างๆพอได้เรียนรู้ก็สามารถทำได้

และทำได้อย่างถูกวิธี รู้ว่าจะโพสต์อย่างไรโพสต์ให้คุณค่ากับผู้คนอย่างไรและติดตามพวกเขาอย่างไร อันนี้สำคัญมาก ต้องทำอย่างถูกต้องถึงจะได้ผลลัพธ์ ซึ่งผมก็เรียนจากอาจารย์กมลเวชนี่แหละ ท่านเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาก

กมลเวช เมืองศรี:ผมพูดอย่างนี้ได้ไหมว่าถ้าเราไม่พัฒนาตัวเองรายได้ก็ไม่เพิ่มขึ้น รายได้จะอยู่เท่าเดิมเพราะทักษะเท่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ

2

ขั้นตอนที่สอง

รู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

มาดูข้อที่ 2  ท่านจะต้องรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์ และรู้จักการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของท่าน

พูดง่ายๆก็คือ ท่านจะต้องรู้วิธีนำเสนอตัวเองให้เป็น  ท่านเป็นใคร ท่านอยากให้ผู้คนในโลกออนไลน์เห็นว่าท่านเป็นใคร เราเรียกว่า branding การนำเสนอตัวเอง

เช่น เป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นนักธุรกิจ เป็นโค้ช  เป็นกูรู ท่านจะเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดนี้อยู่ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด ทุกวันนี้มีโค้ชเยอะมาก กูรูเยอะมาก นักธุรกิจเยอะมาก

นั่นคือแบรนด์ท่านต้องชัดเจนก่อนว่าท่านคือใคร 

อีกคำหนึ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันซึ่งผู้คนไม่ค่อยจะพูดถึงกัน คือ  การสร้าง branding อย่างเดียวนั้นไม่พอแต่ต้องเข้าใจในเรื่องของการวางโพซิชันนิ่ง แปลว่า การวางตัวเองให้อยู่ในจุดที่ถูกต้อง วางตัวเองอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น  เป็นอาจารย์

การโพซิชั่นนิ่งนั้นสำคัญกว่านั้นอีก คือเป็นอาจารย์ระดับไหน เป็นคนประสบความสำเร็จในระดับไหน มีประวัติศาสตร์ มีความสำเร็จมานำเสนอให้ผู้คน เพราะใครๆก็แบรนด์ได้ แต่การวางตัวเองให้ถูกต้องให้ผู้คนอยากติดตาม อยากจะเรียนรู้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

แต่ถ้าท่านยังไม่มีความสำเร็จอะไรมาก่อน วิธีการวางตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือ การเป็นครูเป็นอาจารย์เป็น Coach  ที่สอนวิธีการทำให้ผู้คนแก้ปัญหาในชีวิตของเขาได้ 

ทำ 2 อย่างนี้อย่างต่อเนื่องแบรนด์ของท่านจะแข็งแกร่งมาก  บางคนเป็นโค้ชสายฮา บางคนเป็นอาจารย์ระดับเทพ นี่คือการวางตำแหน่งตัวเองทั้งสิ้นเข้าใจไหมครับ 

เมื่อเราสร้างแบรนด์ของเราชัดเจน เราต้องรู้ด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเราคือใคร ถ้าท่านมีทัศนคติที่ว่าทุกคนคือลูกค้าของฉัน อันนั้นท่านกำลังเข้าใจอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะถ้าท่านพยายามเป็นทุกอย่างให้กับคนทุกคน นั่นเท่ากับท่านนั้นไม่ได้เป็นอะไรให้กับใครเลย 

ยกตัวอย่างเราสองคน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากวงการการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย ถ้าเราอยากทำการตลาดเพื่อจะดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้มา เราคงไม่ทำการตลาดดึงดูดคนที่ไม่ชอบสิ่งเหล่านี้เห็นด้วยไหมครับ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นกลุ่มเป้าหมายเรา เราทำการตลาดเพื่อดึงดูดคนที่ชอบธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย

3

ขั้นตอนที่สาม

กลยุทธ์ในการสร้างรายได้

ข้อ 3  สำคัญมาก ท่านต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ มีคำหนึ่งที่ถ้าผมพูดออกไปท่านจะต้องตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง คนจำนวนมากอยากรวยอยากสำเร็จอยากทำธุรกิจ แต่พอถามว่าคุณรู้ไหมว่าทำอย่างไรถึงจะมีรายได้ มีกลยุทธ์หรือไม่

สมมุติผมจะถามโค้ชแนม ถ้าอยากมีรายได้เดือนละแสน มีกลยุทธ์หรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่มีเพราะไม่เคยศึกษามาก่อน อยากรู้ก็ต้องถามผู้รู้

กมลเวช เมืองศรี:ตั้งเป้าหมายอยากมีรายได้เดือนละแสน สินค้าที่ท่านขายได้กำไรชิ้นละเท่าไหร่ ตัวอย่าง 1 ชิ้นกำไร 100 บาทถ้าอยากได้ 100,000 บาทต้องขาย 1000 ชิ้น

หมายความว่าในเดือนนั้นต้องตั้งเป้าหมายขายสินค้าให้ได้ 1000 ชิ้น  เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นหรือยังจากเดิมที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้รู้แล้วว่าเราต้องขาย 1000 คน ขายคน 1000 คนต่อเดือนเยอะหรือไม่ ยากไหมครับ 

สินค้ามีตัวเดียวหรือหลายตัวถ้ามีหลายตัวเราก็ต้องเอามาแยกแยะว่าจะต้องขายตัวนี้กี่ชิ้นตัวนั้นกี่ชิ้นเพื่อให้พิชิตเป้าหมาย 1 แสนบาทต่อเดือน แล้วเดือนต่อไปทำอย่างไรจะให้ขายได้

ถ้าเป็นสมัยก่อนอยากขายของก็ไปเคาะประตูบ้าน ท่านเคยทำไหมครับ จะขายให้ได้ 1,000 ชิ้นด้วยการเคาะประตูบ้าน โหดไหมครับ ผมเคยทำมาแล้ว แต่หลังจากที่เราเจออินเทอร์เน็ตมันดีกว่าเยอะมาก

4

ขั้นตอนที่สี่

ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระ

ข้อ 4 คนส่วนมากเวลามีสินค้าสิ่งแรกที่เขาคิดคือจะขายอย่างไร เขาโฟกัสในเรื่องขาย คำถามก็คือ การโฟกัสการทำตลาดออนไลน์โดยการเน้นขายอย่างเดียวจะสร้างผลลัพธ์ได้ในระยะสั้นเท่านั้น แล้วต้องหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอด้วย ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการให้ลูกค้าเก่ามาซื้อซ้ำ

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคือมันมีวิธีทำการตลาดที่ไม่ใช่การเน้นขายอย่างเดียว ผมอยากให้ทุกท่านจำคำนี้ไว้ตลอดชีวิตเลยครับว่า

คนไม่ชอบถูกขาย แต่ทุกคนชอบซื้อ

เราจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่ชอบถูกขายมาซื้อสินค้ากับเรา คือการทำให้ผู้คน ซื้อด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% 

วิธีการที่ทำให้ผู้คนซื้อของด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% วิธีนั้นก็คือการทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระหรือ Content Marketing  อาจจะทำออกมาในรูปแบบของบทความ Video หรือพ็อดคาสท์ไฟล์เสียง ebooks นี่คือ Content ทำได้หลากหลายรูปแบบ 

การโพสต์ใน Facebook  แทนที่จะโพสต์ขาย เปลี่ยนมาโพสต์เนื้อหาสาระว่าสินค้าของเรามีประโยชน์อย่างไร กลุ่มเป้าหมายของเรามีปัญหาอะไรอยู่ สินค้าของเราจะช่วยเขาได้อย่างไร ก่อนที่ผู้คนจะควักเงินซื้อสินค้านั้นเขามีคำถามอยู่ในหัว ว่าฉันจะได้อะไรถ้าฉันเอาเงินที่หามาได้ยากของฉันซื้อของกับคุณ 

ท่านจะต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ว่าคนซื้อเขาจะได้อะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:สิ่งนี้ก็คือการมอบประโยชน์หรือมอบคุณค่าโดยที่ไม่ได้ยัดเยียดขาย จะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อด้วยตัวของเขาเอง 100%

กมลเวช เมืองศรี:ผมมีตัวอย่างที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจน เช่นธุรกิจที่จะต้องมีการสปอนเซอร์ผู้คน วิธีการเดิมพอเราสมัครเราก็จะไปหาผู้คนพูดคุยแนะนำแผน ขายสินค้า และปิดสมัครให้ได้ คนส่วนมากรู้สึกชอบหรือไม่ โค้ดเนมเคยโดนหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:เคยครับ เราก็นั่งรับฟังแต่ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะจบสักทีและจะหาคำปฏิเสธว่าอะไรดี เราอยากรวยก็จริงแต่วิธีที่เขาใช้มันไม่ได้กระตุ้นให้เราทำกับเขา

กมลเวช เมืองศรี:แทนที่เราจะใช้กลยุทธ์หรือวิธีการที่ทำให้คนชอบ เรากลับใช้วิธีที่ทำให้คนไม่ชอบ มันไม่ตอบโจทย์จิตวิทยาของคน วิธีการ ตื้อ ง้อ ขอ ขาย ผู้คนไม่ชอบ

สมมุติว่าผมใช้วิธีเขียนบทความสอนวิธีการสร้างธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจออนไลน์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จแล้วโค้ชแนมมาเจอบทความนี้มาดูวีดีโอนี้ ผมบังคับให้อ่านหรือโค้ชแนมมาดูเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:มาดูเองครับเพราะผมค้นหาว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จไปเจอบทความ เขาบอกว่าจะประสบความสำเร็จด้วยการตลาดออนไลน์ ซึ่งเราค้นหามานานแล้ว ทุกสิ่งที่อ่านมันทำให้เราตื่นเต้น ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดีชอบคนที่มาสอนเรา สุดท้ายแล้วเราจะทำธุรกิจกับเขาหรือซื้อของกับเขาหรือไม่ก็ตามเราก็ยังชอบเขาอยู่ดี ไม่รู้สึกรังเกียจ

กมลเวช เมืองศรี:แล้ววันหนึ่งผมเปิดโอกาสทางธุรกิจกำลังรับสมัครผู้คนมาเป็นหุ้นส่วนในทีม ผมกำลังทำธุรกิจออนไลน์ตัวใหม่ผมรับ 30 คนเท่านั้นใครก็ตามที่ต้องการให้คลิกลิงค์นี้แล้วกรอกข้อมูล ผมจะทำการสัมภาษณ์ทีละคน ถ้าโค้ชแนมเห็นข้อความแล้วอยากทำจะต้องทำอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมก็รีบกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม โดยไม่รู้สึกว่าโดนบังคับ แต่รู้สึกว่าถ้าไม่กรอกหรือกรอกช้าก็อาจจะพลาดเพราะครบ 30 ไปแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:แต่ถ้า โค้ชแนม ไม่ได้อยากทำตอนนี้ จะรู้สึกอึดอัดหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่รู้สึกกดดันเลยครับ ถ้าเราไม่สนใจก็ผ่านไปแค่นั้นเอง

กมลเวช เมืองศรี:เห็นไหมครับว่าการตลาดแบบนำเสนอด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ กับผู้คนก่อน ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ จะทำให้คนนั้นรู้สึกดีกับคนที่ทำการตลาดแบบนี้อย่างมากเลย และจะรู้ว่าผู้นำเสนอนั้นเป็นใครชื่ออะไร ท่านจะรู้สึกชอบ

เมื่อท่านฟังไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เราสอนสามารถแก้ปัญหาในชีวิตได้ ตอนนี้ท่านจะมีความรู้สึกเชื่อและศรัทธา ใครก็ตามที่มีคนเชื่อถือและศรัทธามากกว่าร้อยถึงพันคนขึ้นไป เมื่อจะทำธุรกิจหรือขายสินค้าแฟนพันธุ์แท้เหล่านี้จะเข้ามาเป็นลูกค้าหรือหุ้นส่วนในทีมแห่งความสำเร็จ ตอนนี้ตามทันและเห็นภาพชัดเจนไหมครับ

การตลาดแบบนี้ทำได้ผลระยะสั้นหรือระยะยาว เช่นวีดีโอนี้จะอยู่ยาวนานตลอดไปบน youtube มันแตกต่างจากนักขายทั่วไปมาก

ถ้าท่านยังไม่รู้วิธีการว่าทำอย่างไรให้คนซื้อของถล่มทลายผมกำลังแบ่งปันว่าต้องทำการตลาดด้วย Content Marketing  ยิ่งในยุคนี้โซเชียลมีเดียครองเมืองท่านต้องเข้าเป็นพวกเดียวและใช้พลังจากโซเชียลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์แล้วทำการตลาดนำด้วยคุณค่าเนื้อหาสาระแล้วชีวิตท่านจะเปลี่ยนไป

5

ขั้นตอนที่ห้า

กลยุทธ์ในการติดตามผล

ข้อ 5  ท่านจะต้องมีการติดตั้งระบบ เพื่อให้ท่านนำเสนอสินค้าหรือโอกาสให้กับผู้ที่เห็นสินค้าและยังไม่ตัดสินใจซื้อในทันที โดยระบบจะทำให้ผู้คนเห็นสินค้าหลายๆรอบด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างกัน

คนที่เอาสินค้ามาไว้ที่บ้านแล้วยิงแอด คนพวกนี้ยังไม่มีวิธีติดตามผลเขาเลยขายได้แค่ 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นการใช้เงินเยอะแต่ได้ผลลัพธ์น้อย

แต่เราเปลี่ยนใหม่ถ้าท่านติดตั้งระบบที่ทำให้สามารถติดตามผลคนได้ เช่น  Facebook Page, YouTube Channel, Instagram, Line Office หลังจากที่กดติดตาม คนที่ทำการตลาดเป็นจะส่งข้อความมาให้ท่านหลายๆรอบ ด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างไป แต่จุดประสงค์คือต้องการขายสินค้าให้ได้

แต่ถ้านักการตลาดระดับเทพเขาจะใช้ระบบที่เรียกว่า email Marketing  การติดตามผลผ่านช่องทางอีเมล์เป็นช่องทางที่ได้ผลสูงสุด แต่เราจะใช้ทุกช่องทางเพราะว่าผู้มุ่งหวังเขาไม่ได้ใช้อีเมลอย่างเดียวหรือไม่ได้ใช้ Facebook อย่างเดียว ทำอย่างไรให้เขาเห็นเราทุกช่องทาง เมื่อเขาได้รับข้อความมากขึ้นเห็นสินค้ามากขึ้นสุดท้ายก็จะตัดสินใจซื้อของจากเรา

เชษฐวิทย์ สิงขร:แล้วเราจะเริ่มต้นที่ช่องทางไหนก่อนดีครับ

กมลเวช เมืองศรี:ผมแนะนำว่าเอาช่องทางที่ท่านรักชอบและถนัดที่จะทำ บางคนทำเป็นวีดีโอบน youtube บางคนชอบทำเป็นบทความ เลือกเอาช่องทางใดช่องทางหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยายไปช่องทางอื่นอย่าทำหลายช่องทางพร้อมกัน มันจะทำให้ท่านงงแล้วทำไม่ดีสักอย่าง

เมื่อท่านรู้แล้วว่าการทำการตลาดผ่านเนื้อหาพนักงานขับรถจะตามมาด้วยการติดตามผลเพราะผู้คนจะไม่ซื้อสินค้าทันทีในครั้งแรก แต่หลังจากที่ติดตามผลแล้ว การซื้อจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าติดตามผลดีๆจะเพิ่มมากถึง 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

คำถามคือเมื่อท่านนำเสนอขายสินค้า 100 คนท่านอยากให้มีคนซื้อ 1 ถึง 5 คนหรือ 20-30 คนล่ะ

จงติดตั้งกลยุทธ์การติดตามผลถ้าท่านไม่รู้จะทำอย่างไรโปรเจคเศรษฐีชุดนอนจะสอนให้ท่านทำได้ครับ

6

ขั้นตอนที่หก

กลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

ข้อสุดท้ายสำคัญมากถ้าท่านอยากทำให้ธุรกิจของท่านได้ผลลัพธ์เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า 8 เท่า ท่านก็สามารถทำได้ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจในขั้นตอนนี้จะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ 

กลยุทธ์ในข้อนี้ก็คือท่านจะต้องรู้จักการ Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าไปสู่เว็บไซต์ของเราเอง เน้นนะครับว่าเป็นเว็บไซต์ของเราเอง เพราะบนโซเชียลนั้นเราไม่ได้เป็นเจ้าของ ถ้ามีผู้ติดตามที่เราสร้างไว้เยอะแล้ว แต่ account โดนปิดเราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ท่านจะต้องสร้างสินทรัพย์ ที่ทรงพลังที่สุด และท่านเป็นเจ้าของ 100% สิ่งนั้นก็คือเว็บไซต์ของเราเอง ที่เราสร้างขึ้นมาเองมันเป็นของเราจริงๆ เราเอาเนื้อหาที่สร้างไว้ในทุกๆที่มาใส่ในเว็บเราเวลาทำการตลาดเราจะดึงคนจากโซเชียลให้เข้ามาสู่เว็บเรา

ยกตัวอย่างเช่นโพสต์บทความบน Facebook เราจะไม่โพสต์บทความทั้งหมดแต่เราจะเกริ่นนำแล้วให้คลิกเพื่อมาอ่านต่อบนเว็บไซต์ของเรา ข้อดีของการใช้เว็บไซต์ก็คือเราสามารถใส่โฆษณาของเราเองได้ ให้คนกรอกข้อมูลรับข่าวสารของเราผ่านอีเมลได้ 

จงจำไว้นะครับ เว็บไซต์คือเครื่องมืออันทรงพลังอันดับ 1  แต่ไม่ใช่เว็บไซต์ทั่วๆไปนะครับ เว็บไซต์ทำการตลาดที่ดีจะต้องมีการดักจับข้อมูล มีการติดตามผล เพราะถ้าเราไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้เราจะคิดว่าเว็บไซต์ไหนๆก็เหมือนกัน มีบางคนไปจ้างทำเว็บไซต์ที่มีแต่ข้อมูลเสียเงินไปหลักแสนแต่ไม่ได้ผลลัพธ์หรือได้ผลลัพธ์น้อยมาก ท่านเห็นไหมครับว่าการไม่รู้นั้นแพงมาก โดนหลอกเอาง่ายๆ 

เว็บไซต์ที่ทรงพลังจริงๆที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้มีโดเมนมี hosting จริงๆแล้วลงทุน ในระดับหลักพันไม่เกินหมื่น และเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามหลักการตลาดด้วย

นี่คือ 6 องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้คุณประพัฒน์และทุกๆท่านที่ต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้เอาไปใช้และเอาไปสร้างความสำเร็จ

เชษฐวิทย์ สิงขร:ปัจจุบันนี้มีผู้ที่ทำเว็บไซต์แบบถูกต้องมีการติดตามผลมีระบบ Email Marketing ไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่เราสามารถใช้บริการได้เลยเพียงแค่สร้างเนื้อหา ซึ่งอยู่ที่นี่แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:เราสองคนเป็นนักสร้างระบบ เราสร้าง Sale funnel เป็น ผมแนะนำว่าถ้าท่านต้องการเรียนรู้และสร้างระบบได้เหมือนอย่างที่เราทำ โปรเจคที่เราเปิดเราตั้งใจที่จะสอนผู้คน 100 คน ให้เขาสามารถทำได้เหมือนอย่างเรา

สร้างเว็บไซต์ที่ทรงพลังระบบติดตามผลเพื่อให้ผู้คนซื้อสินค้า ระบบ Messenger Marketing  การทำ YouTube การเขียนบทความอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทำอย่างไร เราสอนทั้งหมดนี้ใน Project เศรษฐีชุดนอน ถ้าท่านชอบท่านสามารถคลิกลิงค์ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ เพราะผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้เรียนคอร์สนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:เห็นด้วยครับเพราะชีวิตของผมเปลี่ยนจากเดิมที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ มาใช้วิธีการแบบออนไลน์ที่ได้เรียนมาทำให้ประสบความสำเร็จเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนะรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ เราทำสำเร็จมาแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:และอย่าลืมนะครับกดติดตามกดสั่นกระดิ่งและกดแชร์บทความของเรา เพราะถ้าท่านแคร์คนอื่นฉันจะต้องให้คนที่ท่านรักได้รู้ข้อมูลนี้ด้วย เพราะผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก  และผู้ให้ย่อมได้รับผลตอบแทนเสมอเสมอ

เชษฐวิทย์ สิงขร:ยิ่งให้สิ่งดีๆออกไป ให้คุณค่าที่อยู่ในตัวเราออกไปไม่จำเป็นว่าเราต้องเก่งมาจากไหนเพียงแค่เรารู้ว่าสิ่งนี้มีคุณค่าแล้วเราให้ออกไปแล้วเราจะได้สิ่งที่มีคุณค่ากลับมาหลายร้อยหลายพันเท่า

กมลเวช เมืองศรี:ดังนั้นฟันธงเลยว่า Content Marketing ดีกว่าการออกไปขายอย่างแน่นอนและยิ่งเรามีระบบ ในการกระจายสื่อข้อมูลเหล่านี้ทั้ง 6 ขั้นตอน การทำรายได้เป็นหมื่นเป็นแสนต่อวันนั้นทำได้อย่างแน่นอน เนื้อหาทั้ง 6 ขั้นตอนอยู่ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เราสองคนต้องลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่เมื่อเจอคำถามที่ยอดเยี่ยมขอขอบคุณคำถามจากคุณประพัฒน์นะครับสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!”

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงในถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล

สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน

สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!” คลิกที่นี่

กมลเวช & เชษฐวิทย์ จะมาคุยให้ท่านฟังครับว่า โปรเจคเศรษฐีชุดนอน (Speed Wealth Project) จะให้อะไรแก่ท่าน และท่านจะได้อะไรมากมายมหาศาลแค่ไหน?

มาคุยและมาฟังกันได้เลยครับ

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”หนังสือเสียง “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”ขั้นตอนที่หนึ่งสร้างผู้ติดตามของเราขั้นตอนที่สองสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามเราขั้นตอนที่สามการขายให้กับผู้ติดตามของเรา

วีดีโอ “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”

หนังสือเสียง “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”

เชษฐวิทย์ สิงขร:สวัสดีครับสำหรับวีดีโอคลิปนี้นะครับเราจะมารีวิว แล้วก็มาตอบคำถามข้อสงสัยต่างๆ สำหรับโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่กับอาจารย์ผู้สอน โปรเจคเศรษฐีชุดนอนนี้แล้วนะครับ ก็คือท่านอาจารย์กมลเวช เมืองศรี

ก่อนอื่นอยากจะให้อาจารย์แนะนำคอร์สโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ว่ามันเกี่ยวกับอะไร สอนอะไรบ้าง ให้ทุกคนเข้าใจว่ามันคืออะไร ขอเชิญอาจารย์ครับ กมลเวช เมืองศรี:โปรเจคเศรษฐีชุดนอนคือ คอร์สที่จะสอนวิธีการที่จะทำให้ใครก็ตาม ที่อยากได้วิธีทำการตลาดออนไลน์ โดยที่รู้รอบแบบ 360 องศา รู้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ว่าเราเป็นใคร เราควรจะต้องวางตัวอย่างไรในโลกออนไลน์

จนถึงสินค้าของเราคืออะไร กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร และเราจะสร้างระบบในการทำการตลาดเพื่อโปรโมทตัวเรา โปรโมทสินค้าให้มีคนติดตาม ให้เรามีชื่อเสียงโด่งดังได้อย่างไร ในการที่จะทำการตลาดออนไลน์สำเร็จมันมีอยู่แค่ 3 ขั้นตอน

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

สร้างผู้ติดตามของเรา

เราต้องมีผู้ติดตามของเรา เพราะถ้าไม่มีคนติดตามเรา เราไม่รู้จะขายให้กับใคร การไปขายให้กับคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่ชอบเรา ไม่ใช่ผู้ติดตามเรา ไม่เชื่อถือศรัทธาเรา เป็นการขายที่ยากมาก

ถ้าเราสร้างผู้ติดตามเราแล้วจะทำให้เวลาเราจะนำเสนออะไร ก็จะมีคนคอยดูคอยติดตามตลอด แล้วเวลาท่านเสนอสินค้าหรือบริการอะไรก็ขายถล่มทลาย ดังนั้นเราต้องสร้างผู้ติดตาม เราสอนอย่างละเอียดเลยว่าจะต้องวางตัวยังไง ทำอย่างไรผู้คนเห็นเราในฐานะที่เขาอยากจะติดตามเรา ชอบเรา

2

ขั้นตอนที่สอง

สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามเรา

เราต้องมีการปฏิสัมพันธ์เสมอๆ เราจะสอนว่าถ้าจะต้องทำการปฏิสัมพันธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามท่านนั้นทำอย่างไรให้ทรงพลังที่สุด เพราะผู้คนจำนวนมากเลยครับที่เห็นสินค้าหรือบริการที่ท่านพยายามขายให้กับเขาตั้งแต่ครั้งแรก

มีไม่เกิน 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ บางที 7 เปอร์เซ็นต์ จะซื้อทันที ที่เหลืออีก 90 – 95 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ซื้อ แล้วเราไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนที่ยังไม่ซื้อกลับมาซื้ออีกสัก 10 20 30 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับเราทิ้งเงินก้อนโต 

นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปเขาทำกัน เขาไม่รู้ว่าเขาจะปฏิสัมพันธ์ เขาจะทำให้คนรู้จัก เชื่อถือ และศรัทธาเรามากขึ้นได้อย่างไร และสร้างผู้ติดตามใหม่ๆ เข้ามาอีก ดังนั้นหลักการง่ายๆ คือเราจะต้องทำ Content Marketing ให้เป็น

ผู้คนส่วนมากจะบอกว่า Content is King แต่ผมอยากจะบอกว่า อันนั้นรู้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ที่เหลือคือ Quality Content is King ก็คือ เนื้อหาที่มีคุณภาพมีคุณค่าสูงต่างหาก คือสุดยอดเครื่องมือที่สำคัญในการทำการตลาด

ในการทำการตลาดแบบ Content นั้นมันมี 3 ส่วน คือ

1. ส่วนแรก เราเรียกว่า TOFU (Top Of the FUnnel) ก็คือทำเนื้อหาให้กับคนไม่รู้จักเรา ให้รู้จักเรา เพราะเราจะขายของให้คนไม่รู้จักไม่ได้ทำง่ายๆ

2. ส่วนที่สอง เราเรียกว่า MOFU (Middle Of the FUnnel) คือทำให้คนที่ไม่รู้จักเราเหล่านั้นอยากจะเข้ามาศึกษาสินค้าหรือบริการของเรา

3. ส่วนที่สาม เรียกว่า BOFU (Bottom Of the FUnnel) เป็นเนื้อหาที่ทำให้คนสนใจนั้นตัดสินใจซื้อ เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ในการทำเป็นคนตัดสินใจซื้อ ก็คือ Webinar online ในยุคปัจจุบันอาจจะเป็น Facebook Live และ YouTube Live  

ท่านจะได้รู้ว่าเนื้อหาแต่ละขั้นนั้นทำอย่างไร เราจะสอนและวิเคราะห์อย่างละเอียด 

3

ขั้นตอนที่สาม

การขายให้กับผู้ติดตามของเรา

คือการขายให้กับผู้ติดตามของเรา ผมทำแบบนี้มา 15 ปีแล้วเวิร์คที่สุด ขายอะไรก็ถล่มทลาย อยากจะสร้างธุรกิจอะไรคนก็แห่กันมาสมัคร เพราะฉะนั้นนั่นคือสิ่งที่จะทำให้ผู้เรียนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้

เรายังสอนในเรื่องของระบบแห่งความสำเร็จด้วย เพราะว่าหลายๆคนอยากทำการตลาดออนไลน์ แต่รู้สึกว่าทำไมเหนื่อยจังต้องไลฟ์ทุกวัน เราจะสอนวิธีการใช้เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด เพื่อช่วยทุ่นแรง ทุ่นเงินทุ่นเวลาทำงาน เครื่องมือที่ทรงพลังมีอะไรบ้าง เว็บไซต์ท่านต้องมี Sale funnel ท่านต้องสร้างเป็น Facebook Page, YouTube Channel ระบบติดตามผลไม่ว่าจะเป็นระบบ Email Marketing, Messenger Marketing, Line Marketing ท่านชอบทางไหนก่อนก็ทำได้หมด แล้วเราก็ทำขายให้กับผู้มุ่งหวังอัตโนมัติการพาคนมากๆ ให้เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เราเรียกว่า Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าสื่อของเรา มี 2 แบบ คือ การทำการตลาดแบบไม่ใช้เงิน และการใช้เงินในการทำการตลาดหรือซื้อโฆษณา

เชษฐิทย์ สิงขร:

นับได้ว่าเป็นการตีแผ่หรือว่าเอาระบบที่ อาจารย์กมลเวช ทำและประสบความสำเร็จของอาจารย์เอง เอามาสอนให้กับคนที่สนใจ ต้องการที่จะเรียนจริงๆ สอนโดยไม่มีกั๊กนะครับสอนทุกอย่างที่ทำให้สำเร็จ ซึ่งผู้ที่เรียนก็จะได้ประโยชน์อย่างมากและถ้าเอาไปลงมือทำเป็นระบบของตัวเอง ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้เช่นเดียวกันนะครับ เพราะมันเป็นระบบที่พิสูจน์แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่มันถูกเรียกว่า ระบบแห่งความสำเร็จที่ไม่มีวันผิดพลาด ทำ 100 ครั้ง ก็สำเร็จ 100 ครั้ง

เชษฐิทย์ สิงขร:

มีคำถาม จากผู้ที่สนใจส่งคำถามเข้ามา ผมจะถามอาจารย์กมลเวชเป็นข้อๆ นะครับ คำถามแรกเลย ใครเหมาะสมที่จะมาเรียน

กมลเวช เมืองศรี:

ทุกคนครับ พูดง่ายๆ คือโปรเจคนี้ชื่อโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ก็คือใครก็ตามที่อยากที่จะอยู่ในชุดนอนแล้วยังมีรายได้เข้าตลอดทั้งตอนหลับและตื่นครับ ผมคนนึงล่ะอยากได้

เพราะฉะนั้นเมื่อเราสร้างระบบเป็นทำการตลาดเป็นแบบอัตโนมัติ ท่านก็อยู่ในสภาพเศรษฐีชุดนอนแล้ว เพราะการมีรายได้ระดับ 1 แสน ถึง 1 ล้านเข้ากระเป๋าเป็นอย่างน้อยทุกเดือน ท่านว่าในสภาพสังคมในปัจจุบันนี้ คนที่มีรายได้ปีละ 30 ล้านขึ้นไปเป็นเศรษฐีไหมล่ะ เดือนนึงได้ซัก 1 ถึง 3 ล้าน ปีละ 30 ล้านแล้ว

จะสอนวิชาว่าทำอย่างไรให้ท่านรู้วิธีการ สร้างเครื่องมือเป็น ทำการตลาดเป็น เพื่อท่านทำการตลาดขายสินค้าหรือบริการของท่านเพื่อให้มีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านเหรียญหรือว่า 30 ล้านบาทต่อปีภายใน 1 ถึง 3 ปีนี้ครับ

เชษฐิทย์ สิงขร: 

อาจารย์ครับแล้วสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีสินค้าหรือธุรกิจของตัวเองเลยครับสามารถที่จะเรียนได้หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

ผู้ไม่มีสินค้าหรือธุรกิจของตัวเอง ก็คือคนทั่วไป เพราะตอนที่เราเริ่มก็ไม่มีอะไร แต่เราสามารถที่จะเลือกสินค้าหรือบริการของคนอื่นมาโปรโมทได้ ถ้าท่านไปสมัครทำธุรกิจเครือข่าย สินค้านั้นก็เป็นของคนอื่นธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ขายประกันชีวิต มันไม่มีสินค้าชิ้นไหน ที่เป็นของท่าน เป็นของคนอื่นทั้งสิ้น

เมื่อไปสมัครแล้วกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคเป็นไหม ถ้าท่านทำการตลาดไม่เป็น ท่านจะขายไม่ค่อยได้หรอกนะ มันยากมากที่ไม่มีทักษะและจะไปนั่งโพสต์แล้วจะมีคนซื้อ หลายๆท่านที่ดูวีดีโอนี้อยู่ ก็เคยโพสต์แหลกโพสต์กระจายมาแล้ว พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ เคยฮิตกันอยู่พักใหญ่ แล้วตอนนี้ไปไหนแล้ว

ผมเคยทำนายไว้ว่ามันเป็นโมเดลพิเศษที่อยู่ไม่นาน เพราะเขาคุณสมบัติที่สำคัญในการที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือขาดชุดทักษะในการทำการตลาดเพื่อความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดถูกสอนใน โปรเจคเศรษฐีชุดนอนนี้ 

คนที่มีสินค้าหรือไม่มีสินค้า มีธุรกิจหรือไม่มี ไม่ใช่ปัญหาเลย ให้มาเรียนก่อน ไม่ใช่ว่าไปซื้อสินค้ามากอง หรือไปสมัครธุรกิจลงทุนไว้ก่อน อย่าเชื่อนะว่าที่เขาบอกว่าสินค้าขายตัวเองได้ ไม่มีบนโลก ตัวเรานี่แหละเป็นคนขายสินค้า

เชษฐิทย์ สิงขร: 

การันตีผลลัพธ์หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

ตอบชัดเจนเลย ไม่การันตี แต่ถ้าทุกท่านการันตีว่าทุกท่านพร้อมเรียนรู้ฝึกฝนลงมือทำและพร้อมที่จะลงมือทำทุกอย่างที่ผมสอน ผมแนะนำ ให้ทำอะไรทำ ถ้าท่านทำทุกอย่างตามที่ผมบอก ผมการันตีว่าท่านจะประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าท่านเข้ามาแล้วไม่เอาจริง ไม่ทำอะไรเลย ไม่เรียน ไม่พัฒนา ไม่สร้างเครื่องมือ ไม่ฝึกทำการตลาด ไม่เขียนโฆษณา แล้วจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าการันตีไปผมก็กลายเป็นคนไร้สาระ ถ้าอย่างนั้นท่านเก็บเงินไว้ดีกว่า 

แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ แล้วทำตามที่ผมสอน 1 ปีเต็ม โดยเป็นการสอนแบบออนไลน์ 80 เปอร์เซ็นต์ และมาเรียนแบบเจอตัวอย่างน้อย ทุก 2 เดือน เจอกัน 1 ครั้ง เพื่อทำเวิร์คชอป ที่ K-Academy ที่เปิดไว้ให้นักเรียน ท่านจะมาเจอผม และโค้ชในทีมแห่งความสำเร็จ ครั้งละ 2 วันเต็ม รวมแล้วเกือบ 100 ชั่วโมงที่จะได้มาพบกับพวกเรา

เชษฐิทย์ สิงขร:

อยู่ต่างประเทศเรียนได้หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ อย่าเข้าใจผิดว่าอยู่ไกลแล้วไม่สามารถเข้ามาเรียนเวิร์คชอปได้ เวิร์คชอปนี่เป็นของแถม เนื้อหาทั้งหมดจะถูกสอนในระบบออนไลน์ทั้งหมด ล็อกอินเข้าไป ดูวีดีโอแล้วทำตาม ทำไม่ทันดูย้อนหลัง สงสัยสอบถามโค้ช เรามีโค้ชคอยตอบให้ตลอดเวลา

มันเหมือนกับว่าท่านมีโค้ชส่วนตัวให้กับท่าน 3 ปีเต็ม  เพราะเราสอน 1 ปีเต็มพร้อมให้คำปรึกษา 3 ปีเต็ม ถ้าทีมโค้ชช่วยไม่ได้ผมจะเป็นคนช่วยเองช่วยสนับสนุนให้ทุกท่านผ่านทุกความท้าทายในการเรียนให้ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้หมดครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

สร้างรายได้อย่างไร สร้างรายได้กี่ช่องทาง

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่ดีมากเลย ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนมันจะแตกต่างจากทุกโปรเจคในประเทศไทย เพราะเราจะเปิดโอกาสให้ท่านสร้างรายได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง หลักๆ

ช่องทางที่ 1 มาจากที่ท่านได้รับสิทธิ ที่จะสามารถโปรโมทสินค้าหรือบริการหรือคอร์สสัมมนาของบริษัทเราได้ทั้งหมดเลยครับ เพื่อที่จะรับรายได้เป็นค่าคอมมิชชั่นจากเรา 30%-50%  สมมุตคอร์สราคา 3,000 ท่านได้เกือบ 1,500 บาท ช่องทางนี้ไม่บังคับ แต่ถ้าท่านอยากโปรโมทท่านก็มีรายได้หลายช่องทาง

ช่องทางที่ 2 ระหว่างเรียนเราจะลงทุน 30,000 บาท เพื่อลงโฆษณาคอร์สของเราโดยผ่านลิงก์ส่วนตัวของนักเรียนทุกคนในแต่ละรุ่น เงินจะไหลเข้าบัญชีของนักเรียนแทบทุกคนและทุกเดือน ไม่มีคอร์สที่ไหนอีกแล้วที่ท่านเรียนแล้วได้เงินกลับไปด้วย

ช่องทางที่ 3 เมื่อท่านได้เรียนโปรเจคนี้และรู้วิธีทำการตลาดทึ่ทรงพลังแล้ว ท่านจะนำไปโปรโมทสินค้าของใครก๋ได้ เพราะท่านมีระบบ ก็สามารถทำได้ทุกวัน หรือท่านจะสร้างสินค้าของตัวเองก็ทำได้

เชษฐิทย์ สิงขร:

ในรุ่นที่ 1 และ 2 ก็รับรายได้กันถ้วนหน้า

กมลเวช เมืองศรี:

โดยนักเรียนจะต้องทำตามคุณสมบัติของเราให้ครบ ง่ายๆ แลยคือการชำระค่าเรียนให้ครบเท่านั้นเอง

เชษฐิทย์ สิงขร:

คอร์สนี้ต่างจากคอร์สอื่นอย่างไร

กมลเวช เมืองศรี:

คอร์สนี้เป็นคอร์สระดับสูงสุดของผมแล้ว โดยสอนละเอียดที่สุด ด้วยเนื้อหาที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตของมนุษย์ เราไม่ได้สอนวิธีการอย่างเดียว

ซึ่งวิธีการนั้นมันแค่ 5% เท่านั้น เราสอนวิธีสื่อสารด้วย การสื่อสารกับผู้คนไม่ว่าจะผ่านการเขียน ส่งอีเมล การโพสต์ หรือผ่านการพูดในวีดีโอ หรือ Podcast ท่านจะพูดแล้วโดนใจคน ทำให้คนชอบท่าน เชื่อถือ และศรัทธาท่าน เป็นทักษะ 15% รวมเป็น 20%

อีก 80% ที่เราจะสอนคือวิธีคิด การที่คนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เขาจะต้องมี วิธีคิดของผู้ประสบความสำเร็จ ท่านทราบไหมว่าคนจำนวนมากที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะเขามีวิธีคิดที่ไม่เวิร์ค ไม่ใช่เพราะไม่รู้วิธีการนะ บางคนเรียนจบ ป.โท ป.เอก เรียนทุกคอร์ส แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

เพราะยังคิดไม่ได้ว่าควรจะต้องทำอะไร และทำอย่างไร ควรจะเอาชนะปัญหาอย่างไร บางคนเจอปัญหาแล้วยอมแพ้ บางคนเจอปัญหาแล้วเอาชนะได้ มันขึ้นอยู่กับวิธีคิด แล้วการสอนให้คนมีวิธีคิดของผู้ประสบความสำเร็จ ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี นั่นคือสาเหตุที่โปรเจคนี้สอน และให้คำปรึกษาทั้งหมด 3 ปีเต็ม คุ้มค่าไหมครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

เริ่มเรียนเมื่อไรครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมตั้งเป้าไว้ว่า ใครก็ตามที่เข้ามาเรียนแล้วทำได้เหมือนอย่างที่ผมทำได้ สามารถทำรายได้ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อเดือนได้แล้ว 100 คน ผมจะวางมือ และไม่สอนอีกแล้ว ดังนั้น เราจะเปิดรับทุกเดือน แต่เมื่อเราปั้นคนได้ครบ 100 คนแล้ว เราปิดรับสมัคร และไม่สอนแล้ว ซึ่งอาจจะครบในรุ่นที่ 4 นี้ก็ได้ เพราะเรารับรุ่นละ 30 คนเท่านั้น

เชษฐิทย์ สิงขร:

ฉันจะทำได้ไหม

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่ดีครับ ผมตอบว่า ถ้าท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ผมก็เชื่อว่าท่านทำได้ แต่ถ้าท่านเชื่อว่าทำไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยนะครับ เพราะคนที่จะบอกว่าท่านทำได้หรือไม่ ก็คือต้วท่านเอง 

ถ้าท่านคิดว่าทำไม่ได้ ผมอยากจะแบ่งปันว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้ แต่ที่แตกต่างกันคือ ความคิดที่เขาคิดว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ เห็นไหมครับว่า วิธีคิดสำคัญมาก 

เชษฐิทย์ สิงขร:

ถ้าไม่เข้าใจ ถามใครได้

กมลเวช เมืองศรี:

เรามีทีมโค้ช 3 คน มีผมโค้ชแนมโค้ชตู้ เราจะตอบคำถามได้ตลอดในกลุ่มเฟสบุค เมื่อท่านถามจะทำให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย บางทีนักเรียนที่ทำได้จะเข้ามาช่วยตอบมันจะทำให้เขาแตกฉานเข้าใจมากขึ้น และสอนคนอื่นต่อไปได้ ได้ประโยชน์ทั้งผู้ถามและผู้ตอบ

เชษฐิทย์ สิงขร:

ราคาเท่าไร

กมลเวช เมืองศรี:

โปรเจคนี้ตั้งราคาไว้ที่ 84,950 บาท บางคนอาจมองว่าราคาสูง แต่อยากจะบอกว่าเปรียบเทียบกับอะไร เพราะถ้าพิจารณา การเรียน ตรี โท เอก ราคาเท่านี้เรียนไม่ได้นะครับ แต่โปรเจคนี้สอนให้ท่านเป็นผู้ประกอบการ คือ จบแล้วสามารถออกไปทำกิจการได้ บอกเลยว่าค่าเรียนถูกกว่าค่าเทอมลูกของผมอีก 

การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนให้กับตัวเอง เรามี Payment Plan ให้ผ่อนได้

วิธีแรก จ่ายเงินก้อนแรก 29,997 บาท และผ่อนอีก 4,997 บาท อีก 11 เดือน

วิธีที่สอง ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนแรก แต่ผ่อน 7,100 บาท ติดต่อกัน 12 เดือน

วิธีที่สาม ชำระเงินก้อนครั้งเดียว ลดให้ จากราคาเต็ม เหลือเพียง 80,000 บาท

ถ้าอยากปรึกษาเรื่องการชำระเงินให้โทรมาปรึกษาได้ครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

ถ้าท่านใดยังมีคำถาม สามารถส่งคำถามมาได้ทุกช่องทางนะครับ

อยากให้ อาจารย์กมลเวช สรุปในช่วงท้ายนี้ครับ

กมลเวช เมืองศรี:

มีคำกล่าวจาก โรเบิร์ต คิโยซากิ เจ้าของหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้าน บอกเอาไว้ว่า “มันเป็นเรื่องที่บ้ามาก ถ้าใครคนหนึ่งต้องการสร้างผลลัพท์ใหม่ๆ ในชีวิต แต่ยังทำเหมือนเดิม” มันทำให้ผมออกมาทำสิ่งใหม่เพราะผมอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต

และถ้าท่านอยากพัฒนารายได้ของท่านให้มากกว่าเดิม 100 ถึง 1,000 % หรือ 2 ถึง 10 เท่า ท่านจะต้องทำสิ่งที่แตกต่าง ท่านต้องออกมาจากโซนสบายของท่าน แล้วเข้ามาอยู่ในโปรเจกเศรษฐีชุดนอนของเรา จะทำให้ท่านเป็นคนที่พัฒนาตัวเอง เมื่อท่านเรียนจบโปรเจคแล้วท่านจะจำตัวเองไม่ได้เลย 

ถ้าอยากสร้างผลลัพท์ใหม่ๆ จงทำสิ่งใหม่ๆ

การตัดสินใจในชีวิต นั้นใช้เวลาไม่นาน เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของสายการบิน เวอร์จิ้น บอกไว้ว่า “เมื่อมีคนมาเสนอโอกาส เพื่อให้ชึวิตคุณดีขึ้น จงอย่าลังเล จงคว้าโอกาสนั้นไว้ แล้วค่อยมาเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ เพราะโอกาสนั้นอาจจะไม่กลับมาเป็นครั้งที่สอง”

เชษฐิทย์ สิงขร:

ผมหวังว่าทุกท่านจะคว้าโอกาสนี้ไว้ แล้วพบกันในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!”

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงในถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล

6 หลักพื้นฐานในการสร้างธุรกิจด้วยการตลาดออนไลน์

6 หลักพื้นฐานในการสร้างธุรกิจด้วยการตลาดออนไลน์

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

นี่คือหลักการพื้นฐาน 6 ประการ ที่จะช่วยให้ท่านประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ในการทำตลาดออนไลน์ กับทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทั่วไป หรือโดยเฉพาะธุรกิจเครือข่ายก็ตาม ท่านสามารถเริ่มนำไปใช้วันนี้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของท่านไปข้างหน้า

สารบัญเนื้อหา

หลักพื้นฐานที่ 1 วิสัยทัศน์และกลยุทธ์การพัฒนาตนเองหลักพื้นฐานที่ 2 กลยุทธ์การนำเสนอตัวเองหลักพื้นฐานที่ 3 กลยุทธ์การสร้างรายได้หลักพื้นฐานที่ 4 การสร้างเนื้อหาและกลยุทธ์การตลาดเนื้อหาหลักพื้นฐานที่ 5 กลยุทธ์การติดตามและการมีส่วนร่วมหลักพื้นฐานที่ 6 กลยุทธ์การเผยแพร่เนื้อหา

หลักพื้นฐานที่ 1 วิสัยทัศน์และกลยุทธ์การพัฒนาตนเอง

นี่คือกุญแจสำคัญในการทำงานทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จ

ท่านจะต้องเจาะลึกลงไปในรายละเอียด และวิเคราะห์ออกมาให้ได้ว่า ท่านต้องการผลลัพท์ในธุรกิจของท่านอย่างไร? และจะสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร?ท่านจะต้องชัดเจนและมองเห็นภาพความสำเร็จในจินตนาการ ได้สัมผัสและลิ้มรสความสำเร็จนั้น เหมือนกับว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว 

ทำให้ภาพความสำเร็จนี้แทรกเข้าไปในกระดูกและทุกเซลล์ในร่างกายของท่านและเติมเชื้อเพลิงไฟปรารถนาของท่านให้ลุกโชนอยู่ตลอดเวลาให้ได้

ท่านจะต้องซื่อสัตย์กับตัวเองและอยู่กับสิ่งที่ทำให้ท่านอยู่บนเส้นทางตลอดเวลา

เราทุกคนมีสิ่งที่เรียกว่า ความกลัว กลัวที่จะต้องแสดงออกทางสื่อ (เช่นวิดีโอหรือการสัมมนาผ่านเว็บ) กลัวความล้มเหลวหรือแม้แต่กลัวความสำเร็จความเชื่อเดิมๆ ที่ว่าตอนนี้ท่านเป็นคนที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ จะจำกัดโอกาสแห่งความสำเร็จของท่าน ก่อนที่จะเริ่มต้น ท่านจะต้องเขียนเรื่องราวของท่านใหม่ เพื่อให้ท่านก้าวไปข้างหน้าได้ตามที่คาดหวังไว้!หากท่านกำลังดิ้นรนเพื่อให้ได้ตามที่ท่านต้องการ และพบว่าตัวเองผัดวันประกันพรุ่งอย่างต่อเนื่อง ท่านจะต้องทบทวนวิสัยทัศน์และเป้าหมายของท่านทันที ว่าสิ่งที่ท่านอยากเป็นคืออะไร และจะต้องเป็นสิ่งที่ไม่มีใครมายับยั้งหรือขัดขวางได้ …

ท่านจะต้องไม่มีข้ออ้าง เช่น เวลา ทักษะ หรือเงินทุน หรืออะไรก็ตามที่จะมาหยุดยั้งท่าน สิ่งเดียวที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จ คือ “การลงมือทำ”เมื่อท่านเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องแล้ว ทุกอย่างก็จะนำทางท่าน อุปสรรคต่างๆ ก็จะหลีกทางให้ท่านเดินไปสู่ความสำเร็จได้นั่นเอง!

หลักพื้นฐานที่ 2 กลยุทธ์การนำเสนอตัวเอง

กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล

ทำไมผู้คนควรทำธุรกิจกับท่าน เป็นสิ่งสำคัญที่ท่านต้องเข้าใจในเรื่องนี้

ท่านต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมาใช้ผลิตภัณฑ์หรือเข้าร่วมธุรกิจกับท่าน หากท่านกำลังทำการตลาดกับทุกคน เป็นไปได้ว่าท่านจะไม่ได้ลูกค้าหรือผู้ร่วมธุรกิจกับท่านเลยการตลาดเครือข่ายออนไลน์ คือการสร้างตัวตนของท่านจงสร้างแบรนด์ของตัวท่านเอง …

ท่านต้องตอบคำถามให้ได้ว่า

  • ท่านคือใคร? 
  • ท่านกำลังทำอะไร?
  • ท่านให้บริการกับใคร?
  • และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของพวกเขาเหล่านั้นคืออะไร?

ลองคิดถึงคำกล่าวนี้ “หากท่านกำลังขายสเต็กให้กับผู้ทานมังสวิรัติ” แสดงว่าท่านต้องใช้ความพยายามอย่างมากเหมือนกับการเข็นครกขึ้นภูเขาเลยละครับ

แต่ถ้าผู้สนใจและตลาดเป้าหมายของของท่าน เป็นผู้ที่ต้องการสเต็กระดับปานกลาง และท่านมีสเต็กที่ดีที่สุดในเมือง (และท่านก็รู้วิธีทำการตลาด) ท่านก็จะทำธุรกิจให้เติบโตได้ไม่ยากท่านต้องรู้จักและเข้าใจในสิ่งที่ผู้สนใจของท่านต้องการและมอบสิ่งนั้นให้กับพวกเขาถ้าท่านอยู่ในธุรกิจเครือข่าย และวิธีการของท่านทำให้เพื่อนๆ คนรอบตัวของท่าน หนีหายไปหมดแล้ว … น่าเสียดาย!นี่คือคอร์ส “การตลาดดึงดูด” เป็นวิธีหนึ่งในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายและผู้ซื้อที่สนใจให้มาซื้อสินค้าและเข้าร่วมทำธุริกจกับท่าน โดยไม่ต้องไล่ล่า โน้มน้าว โทรชวน หรือถูกปฏิเสธ อีกเลยและนี่คือคอร์ส “หลักสูตรการสร้างระบบตลาดดึงดูด” ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้เจ้าของธุรกิจที่บ้านได้ลูกค้าและสร้างธุรกิจในฝันของพวกเขาให้ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย

หลักพื้นฐานที่ 3 กลยุทธ์การสร้างรายได้

กลยุทธ์การสร้างรายได้

เราทุกคนเริ่มต้นธุรกิจก็เพื่อสร้างรายได้ แต่ท่านจะแปลกใจว่าทำไมมีคนมากมายที่ไม่มีกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ท่านต้องการทำรายได้เท่าไหร่?

คนส่วนใหญ่มีความตั้งใจที่จะทำรายได้ 10,000 บาท / เดือน ในช่วงเริ่มต้น คำถามคือ ท่านวางแผนไว้อย่างไรเพื่อที่จะทำรายได้ให้ถึงที่ตั้งใจไว้? ท่านต้องมีสมาชิกกี่คน การขายสินค้าได้กี่ชิ้น และมีลูกค้ากี่ราย เพื่อที่จะทำให้ท่านมีรายได้ตามเป้าหมาย?

ท่านต้องรู้ตัวเลขแน่ชัดว่าเป็นจำนวนเท่าไร เพื่อที่ท่านจะสร้างกลยุทธ์ในการดำเนินงานต่อไปได้ แต่ถ้าท่านไม่รู้ตัวเลข แน่นอนว่าท่านจะล้มเหลวในเวลาอันสั้น

เมื่อท่านได้สร้างแบรนด์นำเสนอตัวเองตามหลักพื้นฐานที่ 2 แล้ว ท่านจะสามารถสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง ผู้นำทั้งหลายที่ท่านเห็นหรือติดตามอยู่นั้นล้วนสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทางทั้งสิ้น

ผู้นำเหล่านั้นจะมีผลิตภัณฑ์และบริการในเครือที่มีคุณค่า (และสร้างรายได้จากค่าแนะนำ) และให้บริการฝึกสอน

นอกจากนั้นพวกเขายังสร้างผลิตภัณฑ์ของตนเองและดำเนินธุรกิจของตัวเองจริงๆ (พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนฝ่ายขายสำหรับองค์กรหนึ่ง … พวกเขาสร้างแบรนด์ด้วยการสร้างมูลค่า และการแก้ปัญหาให้กับผู้สนใจด้วย)เมื่อท่านสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลของท่านได้แล้ว ท่านสามารถสร้างรายได้แม้เมื่อผู้คน 95% บอกว่ายังไม่เข้าร่วมโอกาสทางธุรกิจ ซื้อผลิตภัณฑ์ หรือใช้บริการของท่านก็ตาม ยิ่งแบรนด์ของท่านใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ และท่านยิ่งมีข้อเสนอมากเท่าไหร่

ท่านก็ยิ่งมีรายได้มากเท่านั้น!

หลักพื้นฐานที่ 4 การสร้างเนื้อหาและกลยุทธ์การตลาดเนื้อหา

นี่คือที่ที่ท่านให้บริการผู้ติดตามของท่าน มีคำกล่าวไว้ว่าเนื้อหาเป็นราชาและนั่นเป็นเรื่องจริงครึ่งเดียวเท่านั้น …

เนื้อหาที่มีคุณภาพกำลังเป็นราชาที่แท้จริง!ความจริงก็คือท่านจะต้องทำงานเพื่อให้ไปอยู่ในจุดที่จะทำให้ท่านได้เป็นเจ้าของธุรกิจ 10,000 บาทต่อเดือนเสียก่อน โดยสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าทางออนไลน์นั่นเองการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพเป็นส่วนที่ทำให้ท่านมีบทบาทความเป็นผู้นำและมีอำนาจในสายตาของผู้ที่คาดหวัง ซึ่งทำให้พวกเขาต้องการติดตามและซื้อสิ่งของที่ท่านนำเสนอเนื้อหาของท่านเป็นแกนหลักของ การตลาดแบบดึงดูด เพราะเป็นสิ่งที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับท่านโปรดฟังอีกครั้ง ประเภทของเนื้อหาที่ท่านสร้าง ขึ้นอยู่กับการสร้างกลุ่มเป้าหมายของท่าน นี่คือช่องทางการสร้างเนื้อหา เว็บบล็อก, วิดีโอ, ทวิตเตอร์, อินสตราแกรม, ยูทูป, เฟสบุคไลฟ์, รายงานฟรี ฯลฯ

ท่านไม่จำเป็นต้องสร้างเนื้อหาทุกประเภทในทุกแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน (ไม่แนะนำ) แต่ท่านต้องเลือกอย่างน้อย หนึ่งแพลตฟอร์มและหนึ่งกลยุทธ์การตลาด และทำมันอย่างต่อเนื่องจนกว่าท่านจะมีผลลัพท์!

หลักพื้นฐานที่ 5 กลยุทธ์การติดตามและการมีส่วนร่วม

เมื่อท่านเริ่มดึงดูดผู้คนด้วยเนื้อหา ท่านจะมีรายชื่อหรือผู้สนใจจะมาปรากฏตัว ท่านจะเริ่มต้นโอกาสในการขาย นี่คือกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามที่ท่านคาดหวังไว้มากที่สุด และเขาพร้อมให้สิทธิ์กับท่านในการติดต่อกับพวกเขาได้กระบวนการติดตามสามารถทำได้ผ่านทางอีเมล โทรศัพท์ ข้อความ และอีกมากมายผ่านทางโซเชี่ยล เช่น เฟสบุคเมสเซ็นเจอร์ (Facebook Messenger) และ ChatBot ต่างๆ ที่ทรงพลัง! และเครื่องมือต่างๆ เหล่านี้ทำให้ท่านติดตามลูกค้า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ติดตามของท่านอย่างต่อเนื่องมากกว่าคนอื่น ๆ ในตลาด

ความร่ำรวยเกิดขึ้นจากการติดตาม!

สิ่งต่าง ๆ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วบนออนไลน์ มันมีสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ที่พยายามดึงดูดความสนใจจากผู้ติดตามของท่าน หากท่านไม่ได้ติดตามเชื่อมต่อและมีส่วนร่วมกับผู้มุ่งหวังของท่านเพื่อดูว่าจะรับใช้พวกเขาได้อย่างไร …

คนอื่นก็จะทำ และเงินก็จะไปอยู่กับผู้ที่ทำได้ดีกว่านั่นเอง

หลักพื้นฐานที่ 6 กลยุทธ์การเผยแพร่เนื้อหา

ตอนนี้ท่านต้องนำผู้คนให้มาดูเนื้อหาเว็บไซต์ของท่าน เข้ามาที่หน้ากรอกข้อมูล และข้อเสนออื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าท่านต้องสร้างกลยุทธ์การในเผยแพร่เนื้อหา และการรับส่งข้อมูลของท่าน

มีวิธีการในการนำเนื้อหาออกเผยแพร่อยู่หลากหลายแบบที่แตกต่างกัน แต่ที่มีการแยกประเภทไว้คือ แบบฟรี และ แบบใช้เงินการจ่ายเงินนั้นรวดเร็วยิ่งขึ้นและยิ่งเร็วเท่าไร ท่านก็ยิ่งได้รับผลที่เร็วกว่า …

แต่ท่านก็สามารถเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์ฟรี ได้ด้วยเหมือนกัน เช่น โซเชียล บล็อก การตลาดวิดีโอ เป็นต้นสิ่งสำคัญคือการทำให้เนื้อหาของท่านมีคุณค่า และนำออกสู่สายตาผู้คนได้มากที่สุด!

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com

5 วิธีสร้างธุรกิจเครือข่ายให้โตอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์

5 วิธีสร้างธุรกิจเครือข่ายให้โตอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านต้องการ​ใช้อินเตอร์เน็ตมาช่วยในการทำ “ธุรกิจเครือข่าย” แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ตรงจุดไหนดี? บทความนี้คือสิ่งที่จะช่วยให้ท่านพบทางออกในการเริ่มต้น​ได้ แม้ไม่เคยทำมาก่อน

แต่ก่อนอื่นใดมี  2 สิ่งที่ท่านผู้อ่านจะต้องทำความเข้าใจก่อน เพื่อที่จะทำให้ท่านได้ประโยชน์สูงสุดหลังจากได้อ่านบทความนี้ของผมอนุสรณ์ เมืองศรี

สารบัญเนื้อหา​ความแตกต่างระหว่าง การทำธุรกิจเครือข่ายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์) กับการ​ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างธุรกิจเครือข่าย​​ข้อที่ #1 ต้องแบรนด์ตัวเราเอง​ข้อที่ #2 การสร้างเครือข่ายบนโลกออนไลน์ และการสื่อสารกับผู้คนข้อที่ #3 การสร้างคอนเทนต์​​ ​สิ่งที่ท่านต้องทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ​สิ่งที่ท่านต้องไม่ทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ​ข้อที่ #4 “นำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน”​ข้อที่ #​5 “​การติดตามผล”

สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือ…ต้องมีช่วงเวลาของการเรียนรู้วิธีทำธุรกิจเครือข่าย​บน​โลกออนไลน์ โดยเฉพาะคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์ แบบ 100%  เพราะมีหลายสิ่งที่ต้อง

เรียนรู้ ​ในการใช้อินเตอร์เน็ตมาช่วยสร้างธุรกิจเครือข่าย

อันดับทึ่ 2  ท่านต้องอยู่ ถูกที่…ถูกเวลา… และได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง… ในการลงมือสร้างธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ…เพราะมันไม่ใช่แค่การเสียบปลั๊ก แล้วจะใช้งานได้ทันที

​แม้ว่าการสร้างธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าจะทำแบบออฟไลน์ หรือออนไลน์ก็ตาม ล้วนแล้วแต่ทำบนหลักการเดียวกัน​ที่ต้อง…

  • ​สร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง
  • มีการเปิดโอกาสทางธุรกิจกับผู้คนให้มากที่สุด
  • ปิดการขายสินค้า และชวนคนเข้าร่วมธุรกิจให้ได้
  • ขยายองค์กรลงอย่างน้อย 5 ชั้นลึกเพื่อสร้างองค์กรให้มั่นคง ” 

อะไรประมาณนี้ที่นักธุรกิจเครือข่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ต้องทำเหมือนกัน แต่มันมีความแตกต่างในรายละเอียดในวิธีการทำการตลาด

ความแตกต่างระหว่าง การทำธุรกิจเครือข่ายแบบดั้งเดิม(ออฟไลน์) กับการ​ใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อสร้างธุรกิจเครือข่าย​​

การทำธุรกิจเครือข่ายแบบออฟไลน์นั้น…จะเป็นการเข้าหาผู้คน แบบเข้าประชิดติดตัวในการจะเริ่มต้นเปิดบทสนทนากับคนรู้จัก หรือคนที่ไม่รู้จัก ด้วยวิธีการอย่างเช่นการคุยกับคนรอบๆ ตัวในระยะ 3 ฟุต ให้ได้มากที่สุด( Three foot rule)  และวิธีการเหล่านี้…

  • ​การลิสต์รายชื่อคนรู้จัก เพื่อโทรหาคนรู้จัก และการโทรหาคนที่ไม่รู้จัก
  • การออกไปหาผู้มุ่งหวังตามสถานที่ต่าง การแจกใบปลิว
  • ​การจัดประชุมตามโรงแรม หรือการตระเวนเปิดโอกาสทางธุรกิจตามบ้าน
  • ​การปิดการขาย

ซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีที่ใช้เวลา เงินทุน และแรงงานมากมาย ในการคำให้ผู้มุ่งหวังสักคนหนึ่งเข้าร่วมธุรกิจกับท่านแต่สิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้…ผู้คนมากมายต้องการวิธีการที่ง่ายกว่า,รวดเร็วกว่า และมีช่องทางในการติดต่อผู้คนมากขึ้น แม้จะอยู่คนละทวีปก็ตามก็สามารถสื่อสารกันได้ ทำธุรกิจร่วมกันได้ง่ายขึ้นจริงๆ

เมื่ออินเทอร์เน็ต และโลกออนไลน์ ทำให้ช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันของผู้คนง่ายขึ้น นั้นก่อให้เกิดสิ่งที่พลิกวงการธุรกิจเครือข่าย จากการต้องออกไปตระเวนขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อสร้างธุรกิจ 

กลายเป็นการที่ผู้มุ่งหวังที่ท่านไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยในชีวิต ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเข้าร่วมธุรกิจ ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโทรหาท่านพร้อมเข้าร่วมธุรกิจกับท่านด้วยตัวเขาเอง

เพราะพลังของการทำธุรกิจเครือข่าย​ออนไลน์ (Network marketing online) ร่วมกับหลักการตลาดดึงดูด (Attraction Marketing)  ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ที่ท่านจะได้เรียรู้ในบทความนี้นะครับ

สร้างธุรกิจเครือข่าย, ธุรกิจเครือข่าย,อินเตอร์เน็ต  ,สร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออกไลน์,สร้างธุรกิจเครือข่าย, ธุรกิจเครือข่าย,อินเตอร์เน็ต  ,สร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออกไลน์,สร้างธุรกิจเครือข่าย, ธุรกิจเครือข่าย,อินเตอร์เน็ต  ,สร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออกไลน์,

ข้อที่ #1 ต้องแบรนด์ตัวเราเอง

มีสิ่งหนึ่งที่คนเริ่มต้น​สร้างธุรกิจเครือข่าย​แบบออฟไลน์ และคนที่กำลังจะเข้าสู่ระบบออนไลน์ทำผิดพลาดมากๆ ก็คือพวกเขาใช้กลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่ผิดพลาดเพราะสิ่งที่พวกเขาทำคือ  เน้นไปที่การโปรโมทชื่อของบริษัท ทำให้ทุกสิ่งที่ทำในการทำการตลาดนั้น เป็นแค่การทำโฆษณาให้กับบริษัทเครือข่ายที่ทำอยู่เท่านั้นเอง

ซึ่งมันก็ไม่ผิดที่จะภูมิใจในบริษัทเครือข่ายที่เราโปรโมท มั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่ยอดเยี่ยม เพราะนักธุรกิจเครือข่ายมากกว่า 95 % ก็ทำแบบนี้…  

แต่มันมีปัญหาตรงที่พวกเขามาผิดทาง

เพราะเขาไม่รู้ว่า สิ่งสำคัญที่สุด คือ “ต้องแบรนด์ตัวเราเอง”

เพราะสิ่งสำคัญบนโลกออนไลน์ที่มีคนมากมายหลายพันล้านคนนั้นก็คือ ท่านต้องเป็นที่รู้จักของผู้คน  ผ่านการแบรนด์ตัวท่านเอง ไม่ว่าจะในส่วนของรูป วิดีโอ เรื่องราวของท่าน 

สิ่งนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะในการทำธุรกิจเครือข่าย  ที่ผู้คนนั้นตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับคน ไม่ใช่กับตัวธุรกิจ   มีโอกาสน้อยมากที่ใครสักคนเดินเข้าไปสมัครเข้าร่วมบริษัทเครือข่ายด้วยตัวเอง โดยไม่ผ่านการให้ข้อมูล หรือชักชวนจากใครสักคนที่เขารู้จักมาก่อน

มีผู้มุ่งหวังมากมายที่ต้องการมีรายได้มากขึ้น หรือมีธุรกิจเป็นของตัวเองซึ่งทำให้เขาสามารถเกษียณได้เร็วขึ้น หรือผู้มุ่งหวังที่กำลังมองหาคนที่จะทำให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ 

ซึ่งบทบาทของท่านคือทำให้ผู้มุ่งหวังเห็น  และรู้ว่าท่านคือคนที่จะนำทางเขาไปสู่ป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ เขาก็จะเฝ้าดูท่าน  ติดตามข่าวสารของท่าน จนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะเข้าร่วมธุรกิจกับท่านเมื่อเขาพร้อมจะลงทุนในการเริ่มต้นธุรกิจ

สิ่งที่ท่านต้องจำให้ขึ้นใจ คือ แบรนด์ตัวท่านเองก่อน   แทนที่จะพูดแต่เรื่องสินค้ากับบริษัท

1

​คำแนะนำ#1 ต้องแบรนด์ตัวเราเองเป็นอันดับแรก

ข้อที่ #2 การสร้างเครือข่ายบนโลกออนไลน์ และการสื่อสารกับผู้คน

ข้อที่ 2 นี้ เราไม่สามารถมองข้ามได้เลย เพราะถ้าเราไม่สร้างเครือข่าย แล้วการจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนครับ

โดยเฉพาะท่านที่กำลังจะเข้าสู่การทำธุรกิจเครือข่าย​ออนไลน์ ท่านต้องสร้างเครือข่าย และสื่อสารกับผู้คนบนโลกออนไลน์ อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ

เพื่อเป็นการทำให้ผู้มุ่งหวัง  รู้จัก ,ชอบพอ และ เชื่อถือท่าน    

เริ่มต้นได้ง่ายๆ  ผ่านโชเชียลมีเดีย อย่าง Facebook,  Twitter และ ผ่านวิดีโอที่ท่านโพสต์บน Youtube  และช่องทางอื่นๆ ที่ท่านทำให้ผู้คน รู้จักท่าน ตอบคอมเมนต์ หรือคำถามที่ผู้มุ่งหวังสอบถามเข้ามา  

เมื่อคำแนะนำของท่านช่วยแก้ปัญหาให้เขาได้ พวกเขาก็จะชอบท่าน ติดตามท่าน ด้วยความเชื่อมั่นในตัวท่าน

ยกตัวอย่างเช่น 

การโพสต์บทความบนบล็อก mlmonlineschool.com นี้เรื่องการทำธุรกิจเครือข่ายอย่างที่ผมทำอยู่นี้ ก็เพื่อให้คำแนะนำกับผู้คนที่ต้องการเริ่มต้นใช้อินเตอร์เน็ตในการสร้างธุรกิจเครือข่าย

ซึ่งเมื่อท่านนำคำแนะนำนี้ไปใช้ แล้วสร้างผลลัพธ์ให้กับท่านได้จริง  และท่านกลับมาติดตามผ่านบทความเรื่อยๆ ท่านแชร์บทความนี้ให้เพื่อนของท่าน  นั้นก็หมายความว่าผมมีเครือข่ายของคนที่รู้จักผมมากขึ้น ซึ่งทำให้เครือข่ายของผมขยายใหญ่ขึ้นนั้นเอง

สิ่งสำคัญที่จะทำให้ ทักษะในข้อที่ 2 นี้ สร้างผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือ

  1. สิ่งที่ท่านให้นั้นต้องมี คุณค่า มีประโยชน์ กับผู้คน
  2. ต้องทำการสร้างเครือข่ายของผู้มุ่งหวังที่สนใจในสิ่งที่ท่านกำลังนำเสนออย่างสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการพูดคุยกับคนที่สนใจในเรื่องการสร้างธุรกิจเครือข่าย มากกว่าการแค่เพิ่มเพื่อนใหม่ไปเรื่อย ใน Facebook หรือมีคนติดตามใน Fanpage ที่ไม่เคยคุยกันเลย

2

​คำแนะนำ#​2 สร้างเครือข่าย ด้วยการ​สื่อสารกับผู้คนบนโลก​อินเตอร์เน็ต

ข้อที่ #3 การสร้างคอนเทนต์​

เราได้พูดถึงการทำให้ผู้มุ่งหวังรู้จักท่านผ่าน การแบรนด์ตัวท่านเอง, และการขยายเครือข่ายบนโลกออนไลน์ด้วย การ ทำให้ผู้คน รู้จัก ชอบพอ เชื่อถือท่าน ผ่านการให้ในสิ่งที่มีคุณค่ากับผู้คน….

​ข้อที่ 3 นี้​ว่าด้วยการสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น บทความในบล็อก  ข้อความที่โพสต์ใน Facebook หรือ วิดีโอใน Youtube แล้วแบ่งปันคอนเทนต์ที่มีคุณค่านี้ ให้กับผู้คนบนโลกออนไลน์

ท่านอาจจะมองว่าการสร้างคอนเทนต์เป็นเรื่องที่เสียเวลามาก  แถมไม่เห็นผลลัพธ์ที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย จนทำให้มองข้ามในการใช้คอนเทนต์มาช่วยในการทำการตลาดเพื่อโปรโมทตัวท่าน หรือ โอกาสทางธุรกิจของท่าน

เพราะท่านไม่รู้ว่า คอนเทนต์นั้นก็คือทุกสิ่งที่อยู่บนโลกออนไลน์  คนบนโลกออนไลน์ รักและเสพติดคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มาก

และคอนเทนต์ที่มีคุณค่า (valuable content) ก็คือสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของผู้มุ่งหวังที่กำลังค้นหาข้อมูล เพื่อแก้ปัญหาของเขาอยู่นั้นเอง  รูปแบบของคอนเทนต์ที่เราสามารถแบ่งปันให้กับผู้มุ่งหวัง​

  • บทความในบล็อก
  • ข้อความต่างๆ ที่โพสต์ใน โซเชียลมีเดีย
  • อีเมล
  • การตอบคำถาม
  • โพสต์รูป, โพสต์อินโฟกราฟฟิก
  • กรณีศึกษา  อย่างเช่น กรณีศึกษาในการทำธุรกิจเครือข่ายผ่านออนไลน์
  • พอดแคสต์
  • ไฟล์ให้ดาวน์โหลด อย่างเช่น  อีบุ๊ค ไฟล์ mp3
  • การ Live สดบน Facebook  หรือ Youtube
  • การรีวิว สินค้า บริการ หรือบริษัท

สร้างคอนเทนต์,ทักษะในการสร้างธุรกิจเครือข่ายออนไลน์สร้างคอนเทนต์,ทักษะในการสร้างธุรกิจเครือข่ายออนไลน์สร้างคอนเทนต์,ทักษะในการสร้างธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

ข้างบนนี้คือตัวอย่างรูปแบบของคอนเทนต์ ที่ท่านสามารถนำไปใช้เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง ให้เข้ามาหาท่านเอง เข้ามาพูดคุยกับท่านเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านทำ สอบถามโอกาสทางธุรกิจที่มี

ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของขบวนการของการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง​ออนไลน์ (Online Lead Generation) ได้โดยที่ท่านไม่ต้องออกไปไล่ล่าผู้​มุ่งหวังอีกต่อไป

 ​สิ่งที่ท่านต้องทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง 

  • ​ทำให้ผู้มุ่งหวังเห็นว่าท่านคือใคร และกำลังทำอะไรอยู่
  • ​ให้ข้อมูลที่ช่วยให้ผู้มุ่งหวังแก้ปัญหา ​ซึ่งทำให้ผู้มุ่งหวังเข้าใกล้เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มากที่สุด
  • ​ให้ทั้งความรู้ และความบันเทิงแก่ผู้บริโภคคอนเทนต์
  • ​ให้ข้อมูลที่ทำให้ผู้มุ่งหวังลงมือทำในขั้นต่อไปได้
  • ​โปรโมทช่องทางในการก้าวไปสู่ขั้นตอนสำคัญ “การขาย /เข้าร่วมธุรกิจกับท่าน”

​สิ่งที่ท่านต้องไม่ทำในการสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดผู้มุ่งหวัง 

  • ​ทำให้ผู้มุ่งหวังสงสัยว่าท่านคือใครกันแน่
  • ​​แบ่งปัน​ในสิ่งที่น่าเบื่อ แถมใช้ประโยชน์ไม่ได้จริง
  • ​แบ่งปันคอนเทนต์ที่​สับสนปนเปจนทำให้ผู้คนเข้าใจผิด
  • ​​ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นที่จะไปต่อแล้วในขั้นตอนต่อไป
  • ​​ไม่มีทางเลือกที่ทำให้ผู้มุ่งหวังไปสู่ขั้นตอนสำคัญ อย่างการขาย (เข้าร่วมธุรกิจ)

ท่านอาจจะสงสัยว่า…แล้วฉันจะเริ่มต้นสร้างคอนเทนต์ที่ตรงไหน เพราะมีหลายช่องทางมากจริงๆ ในการสร้างคอนเทนต์….

ช่องทางที่ผมแนะนำในการเริ่มต้นที่จะสร้าง และแบ่งปันคอนเทนต์ บนโลกออนไลน์ที่ง่าย และสร้างผลลัพธ์ให้ตัวท่านเองมากที่สุดก็คือ…

การโพสต์คอนเทนต์บนบล็อก (Blog) ของท่านเอง…

เพราะบล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านนั้นคือสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดบนโลกออนไลน์ของท่านเพราะไม่มีใครจะมาปิดบล็อกของท่านได้

ซึ่งต่างจากการใช้งาน Facebook , Youtube  หรือ โซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่สามารถปิดแอคเคาท์ของท่านได้ในทุกวินาที ที่เห็นว่าสิ่งที่ท่านทำนั้นผิดกฏของพวกเขา  

ซึ่งมันคือหายนะดีๆ นี้เอง ถ้ารายชื่อผู้ติดตามท่านในแฟนเพจ หลักหมื่น หายไปในพริบตา  หรือยอดคนติดตามหลักแสน หรือวิดีโอที่ท่านสร้างมาอย่างยาวนาน บน Youtube กลายเป็นศูนย์ เมื่อถูกปิดแอคเคาท์

​3

คำแนะนำ#3 สร้าง/แบ่งปันคอนเทนต์ ที่มีคุณค่าอย่างสม่ำเสมอ บนบล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านเอง

ข้อที่ #4 “นำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน”

ข้อที่ 4 นี้ จะช่วยแก้สิ่งที่เป็นปัญหาปวดใจให้กับนักการตลาดออนไลน์มือใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่ายบนโลกออนไลน์ ซึ่งปัญหาก็คือ…

การทำให้ผู้มุ่งหวังบนโลกออนไลน์พบเจอกับคอนเทนต์ของท่านได้อย่างไร? 

เพราะมีคอนเทนต์เป็นล้านๆ วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ รอให้ผู้มุ่งหวังไปพบเจอ ดังนั้นท่านต้องเป็นนักจับคู่ให้ คอนเทนต์ไปปรากฏตรงหน้าผู้มุงหวังกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้องได้

การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ (Traffic) นั้นแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภ

1. การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบฟรี (Free Traffic)

แน่นอนว่าการได้รายชื่อแบบฟรี นั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่มันไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ บนโลกใบนี้ เพราะท่านก็ต้องใช้เวลามากมาย เงินทอง และทรัพยากรที่มีไปกับการสร้างคอนเทนต์

ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่าจะส่งผลให้มีผู้มุ่งหวังเข้าสู่ระบบสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง ในตอนเริ่มต้น เพราะการสร้างกลุ่มผู้มุ่งหวังที่ติตดามแบบฟรี นั้นก็เหมือนการที่ท่านหยอดเงินลงกระปุกทุกวัน

เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีผู้ติดตามมากขึ้น เครือข่ายบนโลกออนไลน์ของท่านขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมีรายชื่อผู้มุ่งหวังที่มากขึ้น โอกาสที่จะเปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจมากขึ้นไปด้วย

ท่านสามารถนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบฟรีได้ด้วยการ

ทำ SEO (Search Engine Optimization)  คือการทำให้ Google จัดวางตำแหน่งคอนเทนต์ของท่านให้ปรากฏต่อหน้าผู้มุ่งหวังที่ค้นหา ข้อมูล เกี่ยวกับคอนเทนต์ของท่านมากที่สุด

โพสต์วิดีโอบน Youtube  หลักการเดียวกันกับการทำ SEO เพราะ  Youtube นั้นก็ทำหน้าที่เป็น เสริชเอนจิ้นของวิดีโอด้วย  เพราะผู้มุ่งหวังก็ค้นหาวิดีโอ ด้วย คำค้นหา​ (Keyword) หรือแท็กที่ท่านติดเอาไว้ในวิดีโอ

ใช้โซเชียลมีเดีย  ท่านสามารถทำให้ผู้มุ่หวัง เข้ามาบริโภคคอนเทนต์ของท่านผ่านโซเชียลมีเดียได้ จากการที่ท่านแบ่งปันบางส่วนของคอนเทนต์ที่มีคุณค่าให้กับผู้คน  แล้วใส่ลิงค์ที่นำไปสู่บทความฉบับเต็มในเว็บไซต์ของท่านในโพสต์

2.  การนำ้ผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์แบบ​ใช้เงินลงโฆษณา (Paid Traffic)ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์ของท่านอย่างรวดเร็วกว่า ในการเริ่มต้นระบบสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังออนไลน์

ท่านสามารถเริ่มต้นด้วยการใช้เงินงบประมาณเล็กน้อย วันละ 100 – 300 บาท เพื่อทดลองทำโฆษณา  เราสามารถเข้าไปทำโฆษณาบนโลกออนไลน์ผ่านผู้ให้บริการโฆษณาออนไลน์อย่างเช่น

  • การทำโฆษณา บน Google Adword
  • การทำโฆษณาบน Facebook Ads
  • การทำโฆษณาบน Instagram Ads
  • จ้างเอเจนซี่ที่ให้บริการทำโฆษณาออนไลน์

​​4

คำแนะนำ#4 การนำผู้มุ่งหวังเข้าสู่คอนเทนต์คือสิ่งที่ต้องทำทุกวัน

ข้อที่ #​5 “​การติดตามผล”

จาก 4 ข้อข้างต้นที่กล่าวมาแล้วนั้น เป็นการเริ่มต้นระบบการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวัง (lead generation system) ในการทำธุรกิจเครือข่ายผ่านออนไลน์ของท่าน ผ่านการสร้างคอนเทนต์ และการนำคนเข้าสู่คอนเทนต์ของท่าน 

ก็จะมาถึงทักษะสุดท้ายที่สำคัญมากๆ อย่างเช่น การติดตามผล

แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่า การติดตามผลนั้นก็คือกระบวนการสำคัญมากที่จะทำหน้าที่ ส่งข้อมูลต่างๆ จากท่านส่งตรงไปสู่ผู้มุ่งหวังที่ติดตามท่าน   

เพราะจากสถิติของการทำธุรกิจเครือข่าย นั้นพบว่าการจะทำให้ผู้มุ่งหวังตัดสินใจซื้อสินค้า หรือเข้าร่วมธุรกิจกับท่านนั้น ต้องใช้การคุยกันอย่างน้อย 5 – 7 ครั้ง เพื่อเพิ่มระดับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลให้ ถึงขั้นเชื่อใจกันนั้นเอง

การติดตามผลผ่านระบบอีเมล (Email Marketing)

ซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญมากๆ ในการสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังผ่านออนไลน์ ซึ่งกระบวนการติดตามผลจะเริ่มขี้นที่

  1. ผู้มุ่งหวังได้อ่านคอนเทนต์ของท่าน แล้วกดรับระบบจดหมายข่าวของท่าน ผ่าน หน้าดักจับข้อมูล (Capture page)
  2. แล้วท่านก็จะสามารถสื่อสารกับผู้มุ่งหวังผ่านทางระบบอีเมล ที่ท่านจะส่งให้ผู้มุ่งหวังตามที่ตั้งเวลาเอาไว้ได้ ผ่านเครื่องมือที่เรียกว่า ระบบอีเมลติดตามผลอัตโนมัติ (Email Autoresponder)
  3. สิ่งที่ท่านสื่อสารกับผู้มุ่หวังผ่านอีเมล ก็คือการส่งข้อมูลที่ผู้รับสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
  4. และแน่นอนส่งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่ท่านทำ สินค้าที่ท่านแนะนำไปในอีเมลด้วย  

การใช้เครื่องมืออย่าง Chatbot    อย่าง Facebook Messenger bot ในการสื่อสารกับผูุ้มุ่งหวัง Chatbot เป็นเครื่องมือที่นิยมใช้กันมากขึ้นเรื่อย ในวงการการตลาดเครือข่ายออนไลน์ในต่างประเทศ ช่วง 2-3 ปีมานี้  

เพราะเป็นโปรแกรมสื่อสาร และส่งข้อมูลระหว่างท่านกับคนในกลุ่มที่ติดตามข้อมูลของท่าน เครื่องมืออย่าง Facebook Messenger bot 

ซึ่งเป็นการสื่อสารแบบสองทางที่มีการโต้ตอบกลับได้อย่างอิสระ และไม่ทำให้ผู้มุ่งหวังรู้สึกถูกรบกวน เหมือนกับการโทรศัพท์หาโดยตรง 

ข้อดีของ Chatbot  สามารถตั้งค่าให้ส่งข้อมูลที่ไปให้ผู้มุ่งหวังในรายชื่อแบบอัตโนมัติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุดพัก

5

​คำแนะนำ#​​​​5​ จงลงทุนกับการมี เครื่องมือในการ “​ติดตามผล” เป็นของตัวเอง

ทั้ง 5 ​วิธีการที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้ ท่านอาจจะยังมีไม่ครบในตอนเริ่มต้นสร้างธุรกิจเครือข่าย​บนโลกออนไลน์ก็ได้  แต่ สิ่งที่จำเป็นต้องมีในตอนเริ่มต้นก็คือ… 

  1. ตัวคอนเทนต์ และช่องทางในการเผยแพร่ คอนเทนต์ไปสู่ผู้มุ่งหวัง
  2. บล็อก หรือเว็บไซต์ของท่านเอง  หรืออย่างน้อยที่สุดต้องมีหน้าดักจับข้อมูลผู้มุ่งหวัง
  3. มีระบบติดตามผลอัตโนมัติ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

อนุสรณ์  เมืองศรีCo-FounderMLMOnlineSchool.com

วิธีสร้างธุรกิจเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ

วิธีสร้างธุรกิจเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านต้องการเรียนรู้ว่า จะสร้างองค์กรธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตยิ่งใหญ่ขยายตัวเรื่อยๆ และประสบความสำเร็จในระยะยาวได้อย่างไร

ข้อมูลในวันนี้ผมจะนำพาทุกท่านได้ไปดู ตอนนี้เป็นตอนที่ 2  ซึ่งตอนแรกผมสอนไปแล้ว 4 ขั้นตอน ซึ่งถ้าทุกท่านยังไม่ได้ดูผมบอกเลยว่าพลาดมาก วันนี้เราจะมาต่อตอนที่ 2 กัน 

ตอนที่ 2 ในการสร้างธุรกิจเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จเราจะเริ่มต้นในบทที่ 5

ท่านสามารถเลือกที่จะ อ่านบทความ หรือ ดูวีดีโอถ่ายทอดสด หรือดาวน์โหลดไฟล์ Mp3 เพื่อฟังหนังสือเสียง ที่อธิบายอย่างละเอียดได้ที่นี่ทันที

กดดูวีดีโอ”วิธีสร้างองค์กรธุรกิจเครือข่าย ให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ”

กดฟังหรือดาวน์โหลดหนังสือเสียง”วิธีสร้างองค์กรธุรกิจเครือข่าย ให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ”

สารบัญเนื้อหา:บทที่ 5 เราต้องขุดให้ลึกถึงชั้นหิน​ปรัชญาเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายบทที่ 6 เรือในทะเลคุณสมบัติของผู้ที่เป็นเรือทอง3 คำ ที่สำคัญมากๆ

บทที่ 5 เราต้องขุดให้ลึกถึงชั้นหิน

การขุดให้ลึกไปถึงชั้นหินนี้ เป็นเนื้อหาต่อจากการขับรถไปถึงเชียงใหม่ในบทที่ 4

หลังจากที่ทุกท่านได้สปอนเซอร์คนเข้ามาเรียบร้อยแล้ว ท่านมีองค์กร มีทีมงานแล้ว ปัญหาใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งในช่วงต้นๆ ก็คือ การเสียกำลังใจ และ การท้อถอยของคนใหม่เหล่านั้น

นี่คือปัญหาที่ท่านจะต้องเผชิญอย่างแน่นอน ถ้าท่านไม่สามารถทำให้เขารู้สึกว่า เขาสามารถเป็นผู้ที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ได้ เดี๋ยวเขาจะตายไปออกไป

เพราะฉะนั้นในบทนี้  เราจะมาดูวิธีการทำยังไงให้เขานั้น สามารถเริ่มต้นได้ถูกต้อง และก็ไปต่อได้โดยที่ไม่ใช่สมัครมาแค่ 2 วันไม่รับโทรศัพท์ แล้ว 1 วันก็หายไปแล้ว หรือว่าพาเขามาสร้างธุรกิจเขาก็ไม่ยอมทำ นั้นคือปัญหาใหญ่ของท่าน ใช่ไหมล่ะ 

เพราะฉะนั้นเพื่อให้ท่านได้เข้าใจในประโยคที่ผมแบ่งปันนี้นะครับ ผมขออนุญาตยกตัวอย่างเปรียบเทียบ

สมมุติว่ามันมีการวิ่งแข่ง วิ่งมีบุคคล 3 กลุ่ม กำลังวิ่งอยู่ กลุ่มแรกคือกลุ่มคนที่วิ่งช้า อยู่ด้านหลังสุดเลย กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่วิ่งเกาะกลุ่มกันอยู่ตรงกลาง และกลุ่มที่ 3 คือผู้ที่วิ่งเร็วและวิ่งอยู่ด้านหน้า

ผู้ที่วิ่งช้าจะพยายามวิ่งให้ทันกลุ่มกลางถูกไหมครับ ส่วนผู้ที่วิ่งเร็ว ก็จะพยายามรักษาระดับให้เขาอยู่ด้านหน้าเสมอ ไม่ให้คนที่อยู่ตรงกลางและคนด้านหลังแซงได้  ผู้ที่วิ่งช้าจะมองไปข้างหน้า แล้วก็พบผู้วิ่งเร็วกว่าเขาเต็มไปหมดเลย

พอเขาเห็นแบบนั้นเขาจะสูญเสียกำลังใจทันทีเมื่อรู้ว่าเขาไม่มีทางที่เขาจะวิ่งแซงกลุ่มหน้าได้อย่างแน่นอน สุดท้ายเขาอาจจะหยุดวิ่งหรือยอมรับในความผ่ายแพ้นั้น การปล่อยให้หุ้นส่วนในทีมของท่าน ที่ท่านสปอนเซอร์มาใหม่ที่ทำอะไรไม่เป็น เริ่มต้นธุรกิจของเขาเอง คือเขาสมัครมาแล้วท่านไม่ดูแลเขาในทางที่ถูกต้อง

การปล่อยให้เขาเริ่มต้นเองก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยให้นักวิ่งที่วิ่งไม่เป็นลงสู่สนามแข่งขัน เพราะฉะนั้นอย่าให้นักธุรกิจใหม่คนไหนสักคนนับเดือนที่เขาเข้าสู่ธุรกิจ จนกว่าเขาจะผ่านเดือนหรือว่าช่วงเวลาในการฝึกอบรมของเขาเสียก่อน ซึ่งแต่ละคนนั้นจะให้เวลาแตกต่างกันไป

ในการแข่งขันที่ดีนั้น นักแข่งควรจะได้รับการฝึกฝนให้เพียงพอซะก่อน เพราะฉะนั้นถ้าท่านได้อุปถัมภ์ใครหรือสปอนเซอร์ใครเข้ามา ท่านต้องบอกให้เขาทราบด้วยว่า อาจจะต้องใช้เวลา 2-6 สัปดาห์แรก เป็นช่วงเวลาในการฝึกอบรมเขา เดือนหน้าจึงค่อยเป็นเดือนแห่งการเริ่มต้น

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขากำลังจะได้อ่าน ได้ฟัง ได้ดู ได้เรียนรู้ ได้เข้าร่วมกับบริษัท เรียนรู้สินค้า เรียนรู้แผน ลองฝึกวิธีการเชิญคน ลองใช้ระบบแห่งความสำเร็จในการสปอนเซอร์ทั้งหมดนี้จะเป็นการฝึกอบรมให้เขาพร้อมเป็นคนที่วิ่งนำในเดือนที่เขาเริ่มออกวิ่ง  

พอเดือนหน้ามาถึงแล้ว แล้วท่านยังพบว่าเขาก็ยังไม่พร้อม ให้บอกกับเขาไปเลยว่าเขาต้องการเวลาฝึกอบรมเพิ่มอีก ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งนับจำนวนเดือนในการเริ่มต้นทำธุรกิจนะ

เพราะถ้าเขายังไม่พร้อมที่จะเอาจริง เขายังไม่พร้อมที่จะลงมือเข้าเกียร์ 5 ครั้งเพื่อสปอนเซอร์คนอย่างจริงจังทุกวันเป็นระบบเราจะไม่นับวันเลยว่าเขาเริ่มต้นทำธุรกิจเครือข่าย

ถึงแม้เวลาเรียนของแต่ละคน บางคน 2 เดือน ยังไม่ทำอะไรเลย 3 เดือน 6 เดือนหรือเป็นปี เขายังไม่ทำอะไรเลย เขาก็ได้ชื่อว่าอยู่ในขั้นตอนในการฝึกอบรม

ท่านมีทีมงานกี่คนที่ท่านเคยสปอนเซอร์เข้ามาแล้วไม่เคยผ่านกระบวนการอบรมนี้เลย แล้วก็หายออกไปจากธุรกิจ เขามีอายุในการทำธุรกิจเครือข่ายจริงๆกี่เดือน  คำตอบจริงๆคืออะไรครับ 0 เดือน  

เขายังไม่ได้เริ่มอะไรเลยน่าเสียดายมาก และไม่ใช่คนกลุ่มนี้เหรอที่ออกไปแล้วทำชื่อเสียให้กับวงการธุรกิจเครือข่าย MLM  ไม่ใช่เหรอที่บอกว่า ไม่เห็นได้อะไรเลย เนี้ยหลอกให้สมัคร

ประเด็นคือคนกลุ่มนี้แหละที่น่าอายมากเพราะอะไร เพราะจะไม่โทษตัวเขาเองว่าฉันมันไม่ได้เรื่อง ฉันเองที่เรียนเหยอะแหยะ ไม่เอาจริง เอาจัง ฉันเองที่คุยกับคน 1-2 ทำระบบอะไรต่าง ฉันทำไม่ได้หรอก ฉันเองนี้แหละ

แต่ฉันโทษธุรกิจ โทษอัพไลน์ ที่ไม่ดูแล ท่านเคยเจอคนแบบนี้บ้างไหม คนแบบนี้แหละครับที่ทำให้วงการเสียชื่อ แต่อย่าไปสนใจ เพชรยังไงก็เป็นเพชร

ตราบใดก็ตามที่ใครมองว่าธุรกิจเครือข่ายมันเป็นสุดยอดธุรกิจที่ทรงพลังที่สุดอันดับหนึ่งของโลกระบบแข็งเกร่งที่สุด เดินหน้าต่อไป เพราะทุกวงการมีปลาเน่าอยู่แล้ว

เช็ดเขาตลอดว่าพร้อมรึยัง พร้อมวิ่งรึยัง เดือนนี้จะเริ่มเข้าเกียร์รึยังผมจะได้เริ่มต้นทำงานกับท่าน  ในการแข่งขันครั้งนี้มีข้อดีคือ ทุกๆคนมีเส้นชัยเป็นของตัวเอง ทุกๆคนสามารถเป็นผู้ชนะได้ถ้าไม่ล้มเลิกไปซะก่อน

” ใครล้มเลิกไปก่อน คนนั้นแพ้  “

ปรัชญาเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย

มีปรัชญาอยู่ข้อหนึ่งที่เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย ที่ผมเองก็ชอบมากๆคือ ใครล้มเลิกไปก่อน คนนั้นแพ้

ในธุรกิจเครือข่ายไม่มีคนล้มเหลวมีแต่คนล้มเลิก!

เพราะฉะนั้นถ้าท่านรู้ตัวว่าท่านไม่เคยผ่านขั้นตอนการฝึกให้ผ่านเลยจริงๆ สมัครแล้วก็โดดไปทำโน้น ทำนี่ เพราะท่านไม่โฟกัส ท่านไม่มีวินัยในการโฟกัส ท่านเลยทำธุรกิจเครือข่ายไม่สำเร็จ

หรือ ท่านอาจจะเห็นอย่างอื่นดีกว่าท่านเลยไปโฟกัสอย่างนั้น ลองเปลี่ยนโฟกัสมาที่ธุรกิจเครือข่ายสัก 2-3 ปีสิ ท่านจะไม่มีปัญหาเรื่องเงินอีกตลอดไป

ใครที่ล้มเลิกไปก่อน คนนั้นแพ้ ท่านจะต้อง ยอมอดทน แล้วไม่ได้อะไรมากในช่วงเริ่มต้น แต่แทบไม่ต้องทำงานอีกเลยในอนาคต พร้อมกับทำเงินได้มหาศาล 

อย่างนี้คุ้มค่าไหมในการเรียนรู้อย่างน้อย 6 เดือนแล้วไปทำให้มันประสบความสำเร็จภายใน 6 เดือน – 3 ปี สำหรับผมบอกเลยว่าคุ้มค่ามาก

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งในการนำเสนอผ่านกระดาษเช็ดปากของ ดอน เฟียล่า ซึ่งผมไม่ได้คิดเองนะครับ วิชานี้อยู่ในหนังสือที่ชื่อว่า  การนำเสนอ 45 วินาที ที่จะเปลี่ยนชีวิตท่าน (หาซื้ออ่านได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป)

นี่คือสุดยอดหนังสือผมแค่เป็นคนที่ทำให้ท่านเข้าใจมันง่ายขึ้น และข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเข้าใจในการนำเสนอแบบนี้ กับทีมงานของท่านคือ เมื่อท่านจัดอบรมสิ่งเหล่านี้ ท่านจะรู้สึกตื่นเต้นอัตโนมัติกับมันตลอด

การสร้างตึกสูงมันอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน ก่อนที่ท่านจะเห็นมันโผล่จากพื้นดินจริงไหม เวลาท่านเห็นเขาล้อมจะสร้างคอนโดเข้าจะล้อมกันใหญ่เลย แต่เมื่อมันโผล่จากดินแล้ว มันจะดูแบบสูงขึ้นเร็วมาก 1 ชั้นต่อสัปดาห์หรือ 2 ชั้นต่อสัปดาห์เลยทีเดียว แปปเดียวตึกนั้นสูงแล้ว เคยเห็นไหม

 เพราะฉะนั้นท่านจะเริ่มสร้างอาคารหลังนี้ด้วยตัวเอง ลองนึกภาพตึกระฟ้าเหมือนดังองค์กรของท่านครับที่ท่านจะต้องมีมันแน่นอนในวันข้างหน้า สักวันใดสักวันหนึ่ง  ลองคิดดูให้ดีครับว่าท่านจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อที่ท่านจะสร้างตึกระฟ้านี้สำเร็จ

เมื่อท่านเริ่มอุปถัมภ์ 5 คน ที่เขาพร้อมจะเอาจริงของท่านได้แล้วเรียบร้อย นั้นหมายความว่าท่านกำลังชุดดินลงไป หากท่านขุดลงไปลึกถึงชั้นหินชั้นที่ 2 ก็คือ ช่วยคน 5 คนให้มีคนละ 5

โดยการช่วยให้แต่ละคนของเขาสามารถสปอนเซอร์คนได้ทำให้ชั้นที่ 2 ของท่านมี 25 คน ตอนนี้เหมือนท่านได้นำรถแทคเตอร์มาใช้งานแล้ว เห็นไหมว่าเครื่องมือมันต่างกัน ชั้นแรกจะมี 2 คน 3 คน  4คน 5 คน  หรือ 1 คน ก็แล้วแต่ ท่านกำลังใช้เครื่องมือที่เป็นเสียมกับพรั่ว แต่พอองค์กรแตกลงไปลึกอีกชั้นหนึ่ง ท่านเริ่มใช้รถแทคเตอร์แล้ว

และเมื่อท่านสอนคนของท่านให้รู้วิธีในการที่เขาจะสอนคนของเขา คนที่เขาอุปถัมภ์มา นั้นหมายความว่าท่านกำลังจะลงลึกไปถึงชั้นหิน  ท่านเริ่มขุดรากฐานไปถึงชั้นหิน  นั้นหมายความว่าท่านจะเห็นคน 125 คนอยู่ในชั้นที่ 3 ของท่าน

และเมื่อท่านเห็นคน 125 คน ในชั้นที่ 3 ของท่านเมือไหร่เท่ากับว่าท่านได้ขุดเจอชั้นหินเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ท่านต้องการรถขุดขนาดใหญ่ เพื่อช่วยในการทำงาน เมื่อขุดลึกลงไปอีก หรือเมื่อท่านสร้างองค์กรชั้นที่ 4 ได้สำเร็จอาคารของท่านกำลังจะเริ่มสูงขึ้นจากพื้นดิน จะเริ่มมองเห็นอาคาร แล้วมันจะเติบโต

เมื่อท่านได้เริ่มเห็น 1 ใน 125 คนของชั้นที่ 3 ท่านก็ได้มาถึงชั้นหินแล้ว

หากท่านอยู่ในธุรกิจเป็นเวลานานแต่ยังไม่เห็นอะไรเกิดขึ้นเลย จงอย่าท้อใจ จงอย่าท้อถอยและอย่าล้มเลิกเด็ดขาด ท่านไม่ได้เกิดมาแพ้ใช่ไหม เลิกบ่น  คนบ่นไม่มีทางสำเร็จในชีวิต ลุกขึ้นมาสร้างความสำเร็จ

อย่าล้มเลิกเด็ดขาด เพราะท่านกำลังสร้างรากฐานให้กับความสำเร็จ ธุรกิจของท่านอยู่ ถ้าท่านเลิกไปซะก่อน มันแสดงว่าท่านเป็นนักขุดทองที่ใช้เวลานานนับเดือนนับปีขุดเหมืองทองอยู่แต่ดันล้มเลิกซะ ตอนที่สายแร่ทองคำขาดหายไป เหลืออีกแค่ประมาณ 3 ฟุตเท่านั้นจะถึงเหมืองทองคำขนาดใหญ่

ท่านเคยฟังเรื่องราวเหล่านนี้ใน หนังสือคิดอย่างไรให้รวยไหมครับ อย่าเป็นคนแบบนั้น ทุกคนส่วนมากที่ล้มเลิกไปก่อน อีก 3 ฟุตเขาจะเจอทองคำทั้งนั้นเลยครับ

ภาพนี้จะให้เห็นถึงรากฐานของตึกที่ผู้สร้างใช้วิธีการสปอนเซอร์หรืออุปถัมภ์คนหน้ากว้าง 130 คน ขายเก่งมาก กลุ่มคนเหล่านี้เขาจะไปไม่ถึงชั้นหินแม้ว่า 130 คน จะออกไปอุปถัมภ์ 5 คนของเขา ถึงแม้จะทำสำเร็จทั้ง 130 คน

แต่ถ้าหากปราศจากรากฐานลึกถึงชั้นหิน ลึกลงไป 4ชั้นไม่ได้ อาคารนี้ไม่สามารถสร้างให้สูงได้ เพราะมันจะพังลงมาในที่สุด รากฐานมันไม่แน่นหนามั่นคงนั่นเอง

เพราะถ้าเปรียบเรื่องเซลล์แมน การขับรถจากกรุงเทพ ไป เชียงใหม่ มันคือการเข้าเกียร์ 1 มากเกินไป 130 ครั้ง มันทำให้รถเดินช้า และเขาก็จะอยู่แค่ในเกียร์ 2 และไม่สามารถหลุดจากเกียร์ 2 เลย

เพราะฉะนั้นจงศึกษาเนื้อหาในหนังสือ การนำเสนอ 45 วินาที ให้ละเอียดและเข้าใจ มันตอบทุกคำถาม บอกทุกวิธี ว่าจะสร้างองค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างไร แล้วท่านจะเข้าเกียร์สูงได้สำเร็จ

บทที่ 6 เรือในทะเล

มาถึงตอนนี้ท่านคงอยู่ในธุรกิจ 1-2 อาทิตย์ 2 เดือน หรือระยะเวลายาวนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ที่จะทำให้ท่านจะเอาจริงและเริ่มเติบโตให้กับธุรกิจของท่าน

ในเวลานี้ท่านคงจะได้สปอนเซอร์ใครมาบ้าง หรือ ว่าอุปถัมภ์ใครเข้ามาในธุรกิจก็ตาม การนำเสนอในบทนี้จะสนุกมากถ้าท่านเอาไปใช้บรรยายโดยที่มีทีมของท่านอยู่ โดยแทนที่จะมานั่งคุยกันตัวต่อตัว

บทนี้ถ้าท่านอยู่กับทีมงานท่านต้องหยิบเอามาพูด มันจะทำให้ทีมงานของท่านถูกกระตุ้นทันที ในสังคมฝั่งตะวันตกจะมีคำพังเพยว่า เมื่อเรือของฉันมาถึง ซึ่งมันก็มีความหมายคล้ายๆกับสุภาษิตของคนไทยว่ารอให้ราชรถมาเกย

ตัวผมเองก็เคยได้ยินคนที่มองโลกในแง่ร้ายในวงการนี้ ก็จะพุดว่าได้เลยเดี๋ยวเมื่อเรือของฉันมาถึง ฉันก็คงจะนอนรออยู่ รอให้มันมาเอง แต่มันต้องอาศัยโชคหน่อยนะถึงจะมีราชรถมาเกย

มันไม่เกี่ยวอะไรกับโชคเลยครับในการสร้างธุรกิจให้สำเร็จ รอโชคให้ไปซื้อหวย ทำธุรกิจเครือข่ายให้สำเร็จยังง่ายกว่าการถูกหวยรางวัลที่ 1 อีก ในการทำธุรกิจเครือข่ายนั้นท่านสามารถทำให้เรือของท่านเข้าฝั่งมาหา และท่านจะอยู่ที่ท่าเรือนั้นเสมอๆเมื่อมันมาถึง

ผมอยากจะถามหลายๆท่านครับว่ามันจะเป็นยังไงเมื่อมีคนทิ้งเงินมรดกก้อนโตไว้ให้ ซึ่งความจริงแล้วโอกาสแบบนั้นไม่เกิดขึ้นกับทุกคนแน่นอน มันไม่มี มันอยากมาก แต่ผมเชื่อว่าเราจะสร้างมันเกิดขึ้นกับตัวเราเอง

แต่ในธุรกิจเครือข่ายเราสามารถสร้างให้มันเกิดขึ้นกับตัวเราเองได้ นี่คือเหตุผลครับว่าทำไมผมถึงตื่นเต้นกับโอกาสในธุรกิจเครือข่าย

และเมื่อทุกท่านออกไปแบ่งปันกับผู้คน ท่านสามารถให้ความหวังกับเขาว่า เขามีสิทธิที่จะไม่ต้องทำงานไป 30-40 ปี ธุรกิจเครือข่ายสามารถทำให้ฝันของพวกเขาเป็นจริงได้ โดยที่เขาไม่ต้องรอถึง 30-40ปี

การมีเรือขนเงินที่เต็มลำ วิ่งเต็มกำลังเข้ามาหาท่านให้ท่านได้กอบโกยสมบัติต่างๆ เปรียบได้กับการที่ท่านไปถึงจุดสูงสุดในธุรกิจเครือข่ายที่ท่านกำลังทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนก็แล้วแต่

เมื่อเราสอนเรื่องนี้ให้กับทีมงานของเรา หรือ กับใครก็ตาม ให้ท่านวาดรูปเรือขึ้นมา 3 ลำขึ้นมา ที่กำลังวิ่งเข้าหาฝั่ง ท่านกำลังยืนอยู่บนฝั่งแล้วรอให้เรือของท่านนั้นวิ่งเข้ามา

เรือลำแรกให้เขียนคำว่าทอง ลำที่ 2 เขียนคำว่าเงิน ลำที่ 3 เขียนคำว่าว่างเปล่า

เรือลำนี้แสดงถึงลูกทีมของท่าน ไม่ว่าท่านจะอุปถัมภ์เขาโดยตรง หรือ เป็นทีมงานที่ถูกชั้นต่างๆอุปถัมภ์เข้ามาก็ตามเขาจะอยู่ตรงไหน ในสายงานของท่านก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องเป็นลูกตรง

ท่านต้องการที่จะเข้าไปรับสินค้าที่บรรทุกมาบนเรือที่มาถึงฝั่งรึป่าวละ ถ้าแบบนี้เรือลำไหลละครับที่ท่านอยากให้มาถึงฝั่งเป็นลำแรก

ตอบง่ายใช่ไหมละ เรือทองนั้นเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมละเราจึงมัวเสียเวลาไปทำงานกับเรือที่ว่างเปล่าอยู่ ท่านทราบไหมคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายส่วนมากไม่มีใครสอนเขา ว่าคนๆไหนที่ควรจะทำงานด้วยจริงๆ ส่วนมากเขาจะทำสะเปะสะปะไปทั่ว และทำกับเรือว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย แล้วสงสัยว่าทำไมฉันไม่ประสบความสำเร็จ

เรือทองเปรียบกับบุคคลที่ท่านนำเข้ามาธุรกิจ เขาเป็นคนที่เห็นโอกาส ต้องการเอาจริงเอาจัง กระตือรือร้น ไม่ต้องคอยอธิบาย 3 วัน 3 เดือนว่าธุรกิจเครือข่ายมันเป็นไปได้นะ เรือทองคือคนที่แบบต่อให้ท่านไม่ได้ดูแลเขา ปล่อยเขาเรือทองก็จะทำงานเอง

และพวกท่านก็คิดว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ และคิดว่าพวกเขาทำงานได้และทำงานเป็น จริงๆแล้วเรือทองของท่านอาจทำได้สำเร็จแต่ส่วนมากแล้วถ้าท่านปล่อยเขา เขาจะทำไม่สำเร็จ

เพราะมันปราศจากการสนับสนุนและการสอนให้ทำงานในแนวลึกแทนที่จะเป็นแนวกว้าง เพราะเขาไม่รู้และเขาขาดการอบรมในเรื่องทัศนคติ ในการสร้างองค์กรให้ใหญ่ และสำเร็จ 

เขาจะทำงานแบบผิดๆ กลุ่มคนกลุ่มนี้ที่เป็นเรือทอง ถ้าท่านไม่ไปดูแลเขา เขาจะออกไปลุยสปอนเซอร์คนมา 5 คนแล้วท่านก็ตบไหล่เขา ละบอกว่าเยี่ยมไปเลย แล้วเขาก็หายไปอีก และสปอนเซอร์มาอีก 5 คน ท่านก็บอกเยี่ยมเลยเดี๋ยวเลี้ยงข้าวนะ 

พอหันไปอีกที 5 คนแรกหายไปหมดแล้ว ตายหมดแล้ว ท่านยังบอกว่าเยี่ยมไปเลย 

เพราะท่านไม่ใช่อัพไลน์หรือ สปอนเซอร์ที่ดี ท่านไม่เข้าใจ ว่าท่านต้องพาให้เขาเข้าใจว่าสร้างองค์กรในแนวลึก ให้พาคนที่ 1 2 ให้พาคนที่ 2 ให้เข้าใจ คนที่ 2 สอนคนที่ 3 สอนคนที่ 4 ได้

จริงๆแล้วมันสำคัญตั้งแต่เรา เมื่อเรามีรากฐานความเข้าในการสร้างที่ถูกต้องและเราถ่ายทอดให้กับทีมงานและถ่ายทอดให้กับเรือทองที่ถูกต้องเรือทองจะสร้างลึกๆๆๆๆๆๆ ยิ่งลึกยิ่งมั่นคง ยิ่งรวย

เมื่อท่านเจอเรือทองแล้วท่านอย่าพลาดเด็ดขาด ท่านต้องดูแลเขาตั้งแต่วันแรกให้เขาเข้าใจ อัพไลน์ที่ดีจะต้องช่วยเรือทอง เรือเงิน สปอนเซอร์ 5 คนแรกให้ได้พาเขาไปขยายลงลึก 5×5 = 25 อย่างนี้วินๆ เติบโตกันหมดเลย

เรือที่ว่างเปล่าเปรียบได้กับบุคคลที่เข้ามาในบริษัทหลายเดือนแล้ว แต่ท่านยังต้องพยายามตามอยู่นั้นแหละ พยายามอธิบาย พยายามถาม นี่คือพวกเรือว่างเปล่า มีประชุมก็หาย เข้ากลุ่มก็ไม่มีปฎิสัมพันธ์ ไม่ส่งการบ้าน ไม่มีรายชื่อ เราก็ตามเขาอยู่นั้นแหละ แทนที่เราจะเอาเวลาไปโฟกัสเรือทอง

แต่ถ้าเขายังอยู่ในธุรกิจ ยังซื้อกินซื้อใช้ แสดงว่าเขายังมีโอกาสแต่ว่า เขาอาจยังมีทัศนคติในแง่ลบ และก็ยังมีความท้อถอยง่ายเหลือเกิน นั่นคือคุณสมบัติของคนที่ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ อย่าให้คุณสมบัติแบบนี้อยู่ในตัวท่าน คิดลบ ท้อถอยง่าย

ส่วนมากคนที่ท่านพาเข้ามาในธุรกิจส่วนมากจะอยู่ในฐานะเรือเงิน การที่เขาจะกลายเป็นเรือทอง หรือเรือที่ว่างเปล่านั้น ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะร่วมงานกับเขาอย่างไร ยิ่งท่านสามารถเปลี่ยนเรือเงินให้เป็นเรือทองได้เร็วเท่าไหร่ ท่านก็ยิ่งหาคนจริงจัง 5 คนได้เร็วเท่านั้น เห็นไหมไม่ต้องใช้คนเยอะ แต่ต้องมีขั้นตอนในการหา 5 คน จริงจังให้เจอ

คุณสมบัติของผู้ที่เป็นเรือทอง

แล้วท่านอยากรู้ไหมว่า คนไหนเป็นคนเอาจริง คนไหนเป็นเรือทอง 

  1. กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ เขาจะโทรมาหาคุณบ่อยๆพร้อมกับมีคำถามมากมายเพื่อให้คุณตอบ
  2. ต้องการความช่วยเหลือ เขาจะต้องการให้คุณไปกับเขาเพื่อไปช่วยอุปถัมภ์หรือ ฝึกอบรม
  3. ตื่นเต้นกับธุรกิจ เขามีความเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายนั้นเป็นไปได้ และน่าตื่นเต้น
  4. ให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะใช้สินค้าด้วยตัวเองและใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจ แผนรายได้ และบริษัทอย่างสม่ำเสมอ
  5. มีเป้าหมาย เป้าหมายนั้นช่วยเป็นแรงขับคนให้ทำงานเพื่อบรรลุในสิ่งที่เขาต้องการ 
  6. มีรายชื่อ รายชื่อที่จะต้องเขียนออกมา เหตุผลที่ต้องเขียนรายชื่อออกมานั้นเพราะว่าคุณสามารถเพิ่มเติมรายชื่อได้ตลอดเวลาและคุณจะไม่ลืมรายชื่อเหล่านั้น
  7. มีความสุขที่คุณไปอยู่กับเขา เขาจะยินดีเมื่อคุณมาพบเขา ไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจ หรือพบปะสังสรรค์กันทั่วไป
  8. มีทรรศนะคติที่เป็นบวก เราอยากอยู่ใกล้ๆ กับผู้ที่มีทรรศนะคติที่ดี เพราะเราจะมีความคิดที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น

3 คำ ที่สำคัญมากๆ

  1. เปิดโอกาส
  2. มีส่วนร่วม
  3. เลื่อนฐานะ

นี่คือคำ 3 คำที่สำคัญมากๆในธุรกิจเครือข่าย สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปิดโอกาส ท่านต้องเปิดโอกาสให้กับผู้คนรู้ว่าท่านกำลังทำธุรกิจอะไร

ให้เขามีส่วนร่วมในธุรกิจ เมื่อเขามีส่วนร่วมอยู่สักระยหนึ่งเขาจะมีความคิดว่า เขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้แค่ไหนในธุกิจนี้

และเขาก็จะเลื่อนฐานะ เมื่อเขาลงมือทำ มีคน เขาก็มีรายได้ มีตำแหน่ง

เมื่อท่านเดินทางไปหาเรือทองของท่าน เพื่อที่จะไปช่วย เขาจะมีความรู้สึกดี แต่ถ้าโทรไปหาเรือว่างเปล่าเขาจะคิดว่าคุณจะไปเอาอะไรจากเขาแทน เพราะพวกเขาเป็นคนคิดลบ และอยู่ในช่วงวอร์มอัพ จงปล่อยให้เขาเรียนรู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะเริ่มลงมือทำจงทำงานกับเรือทองเท่านั้น และใช้เวลาเพื่อเปลี่ยนเรือเงินให้เป็นเรือทอง จงอย่าไปทำงานกับเรือว่างเปล่าเพราะเขา จะทำให้ท่านจมลงไปในทะเลด้วยอย่าโทรไปหาทีมของท่าน แล้วถามว่าตอนนี้ขายได้เท่าไรแล้ว เด็ดขาด เพราะเขาคิดในทางลบกับท่านทันที

จงจำไว้เสมอว่า ถ้าท่านต้องการผลลัพท์ จงช่วยให้ทีมงานมีผลลัพท์ก่อน

“ท่านสามารถได้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เมื่อท่านได้ช่วยคนจำนวนมากพอให้ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ ” – ซิก ซิกลาร์

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

3 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเป็นเศรษฐีเงินล้าน

3 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเป็นเศรษฐีเงินล้าน

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ข้อมูลวันนี้จะเป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ถ้าได้เรียนรู้ว่ามันมี  3 ทักษะ ที่ถ้าใครก็ตามได้ทำตาม และพัฒนาทักษะนี้ ชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย การันตีจากผลลัพธ์ที่เกิดกับชีวิตผมมาแล้ว และทุกท่านสามารถทำได้ด้วย

วีดีโอ “3 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเป็นเศรษฐีเงินล้าน”

หนังสือเสียง”3 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเป็นเศรษฐีเงินล้าน”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “3 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเป็นเศรษฐีเงินล้าน”หนังสือเสียง”3 ทักษะที่ต้องมีเพื่อเป็นเศรษฐีเงินล้าน”ทักษะที่ 1 ในการสร้างรายได้ระดับสูง High Income Skillทักษะที่ 2 ทักษะในการขยายธุรกิจให้โตขึ้น เรื่อยๆทักษะที่ 3 ทักษะในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนสูง

ท่านสามารถเลือกที่จะ อ่านบทความ หรือ ดูวีดีโอถ่ายทอดสด หรือดาวน์โหลดไฟล์ Mp3 เพื่อฟังหนังสือเสียง ที่อธิบายอย่างละเอียดได้ที่นี่ทันที

ท่านเคยสงสัยไหม ทำไมผู้คน คนนั้น คนโน้น คนนี้ มีบ้านหลังละ 5 ล้าน 10 ล้าน มีรถราคา 1 ล้าน 3 ล้าน 5 ล้าน  มีเงินในบัญชีธนาคาร มีชีวิตที่หรูหรา และเป็นชีวิตที่น่าใช้

ท่านเคยสงสัยไหมครับว่าทำไมเขาถึงสามารถทำได้ เขาเกิดมาแล้วรวยเลยรึเปล่า ผมบอกเลยครับว่า มีบ้างครับที่เกิดมารวยแต่ส่วนมากไม่ยั่งยืน  เพราะว่าขาดสิ่งสำคัญที่ผมจะแบ่งปันในวันนี้

แต่ถ้าใครก็ตามเขาสร้างมันได้ด้วยตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาที่บอกว่าเป็นชีวิตที่คิดไม่ถึง จะยั่งยืนมาก แต่ถ้าหากท่านอยากจะมีชีวิตที่คิดไม่ถึง อยากจะมีเหมือนเครื่องจักรผลิตเงิน  ผลิตรายได้ ที่ทำให้ท่าน ตื่นก็เกิดรายได้  หลับก็มีรายได้  แล้วรายได้นั้นก็มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วละก็ นี่คือข้อมูลที่จะแบ่งปันในวันนี้

จากคำถามที่ผมได้ถามทุกท่านไปเมื่อสักครู่นี้  ท่านก็คงเคยสงสัย ผมการันตรีว่าถ้าท่านยังไม่เป็นเศรษฐีเงินล้าน ยังไม่ทำรายได้ ต่อปี หรือต่อเดือน เดือนละ 1 ล้านขึ้นไป ท่านต้องสงสัยแน่นอนครับว่าต้องทำยังไงให้ฉันมีรายได้ 7 หลักต่อเดือน  ทุกเดือน มันทำให้ชีวิตคนหนึ่งคน ที่อยู่ในสถาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แสนหนึ่งถ้าใช้ แบบรู้จักใช้มันอยู่ได้ครับ

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ในทุกวิกฤติมีโอกาส เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมจะมาแบ่งปันในวันนี้นั้นไม่ได้พูดเรื่องลบ แต่ผมจะพูดในเรื่องที่ทำให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า มันจะทำให้ท่านนั้นเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ยังไง

เมื่อผมได้เรียนรู้ 3 ขั้นตอนแห่งการเป็นเศรษฐีเงินล้าน นี้ การเป็นผู้ที่มีรายได้ 6-7 หลักต่อเดือนนี้ ชีวิตของผมก็มีรายได้ 6-7 หลักต่อเดือนแล้วก็ต่อปีแบบนี้ ต่อเนื่องมาตลอด 10 กว่าปีเลย  ไม่เคยผิดพลาด ไม่ว่าจะหลับหรือจะตื่น เกิดรายได้ตลอด

ยิ่งพัฒนา 3 ขั้นตอนนี้ต่อไปๆ ยิ่งทำให้ผมนั้นลงทุนเงิน ลงทุนเวลา  ลงทุนแรงงานน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเรามาดู 3 ขั้นตอนแห่งความสำเร็จให้กลายเป็นเศรษฐีเงินล้าน  หรือ เราเรียกว่าสามเหลี่ยมแห่งความสำเร็จกัน

ทักษะที่ 1 ในการสร้างรายได้ระดับสูง High Income Skill

ทักษะที่ 1 ที่ผู้คนโดยส่วนมาก มากกว่า 95-97 % ยังไม่รวยและอยากจะรวย เป็นเพราะเขาขาดทักษะนี้ คือ

ทักษะในการสร้างรายได้ระดับสูง High Income Skill

ทักษะนี้สำคัญมากถ้าท่านไม่มีทักษะในการสร้างรายได้ระดับสูง นั้นหมายความว่าท่านไม่สามารถสร้างรายได้ระดับสูงได้ เห็นด้วยไหมครับ

รายได้ระดับสูงต้องเท่าไหร่ เราถึงจะเรียนกว่าท่านมีทักษะที่สามารถสร้างรายได้ระดับสูงได้ ถ้าจะเอาระดับเป็นเศรษฐีเงินล้าน ในเงินบาทก็ต้องมีรายได้สักประมาณเดือนละ 3 แสน  

ถ้าท่านยังมีรายได้ไม่ถึงเดือนละ 3 แสน โดยที่ไม่ใช่จากงานประจำด้วยนะแต่เป็นการใช้ทักษะที่ทำให้ท่านเกิดรายได้สูง หรือ ที่เขาเรียกว่า  หรือ ทักษะที่ทำให้มีรายได้สูงนั้นเอง

ที่ผมบอกคน 95-97%บนโลก ที่ไม่ว่าจะทำงานประจำอยู่ หรือ ว่าอยากรวยขึ้นมาในวันใดวันหนึ่งเห็นเขาโฆษณากันเต็มไปหมด ชวนทำธุรกิจในอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นขายตรง ประกัน ธุรกิจ MLM  ออนไลน์สารพัด ทุกอย่างโฆษณาหมดเลยว่า มาเลยรวยแน่นอน  ธุรกิจอันนี้รวย ทำงาน อันนั้นก็ทำง่าย

ผมมีคำถาม ในธุรกิจเหล่านั้นเมื่อคนแห่เข้าไปทำ ให้เวลาผ่านไป 1-3 ปี  สมมุติเข้าไปทำ 100 คน จะมีสักกี่คนที่เป็นเศรษฐีเงินล้านจริงๆและยังอยู่รอด ให้ทุกท่านลองตอบดู

จากธุรกิจที่เห็นกันเต็มไปหมดนี้ ไม่ว่าจะธุรกิจอะไรก็ตาม A-Z  จะ MLM หรือไม่ MLM จะขายตรง หรือ ขายอ้อม  จะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์  ถ้ามีคน 100 เข้าไปในธุรกิจเหล่านี้ผ่านไป 3 ปี จะอยู่แบบยั่งยืน 1-3% เท่านั้น

นั่นหมายความว่า  95-97%  ตายเรียบ และท่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็คงเคยมีประสบการณ์ตายมาแล้ว เห็นด้วยไหมครับ คือทำแล้วไม่สำเร็จนั้นเอง นี่คือความโหดร้ายในธุรกิจ โหดร้ายก็คือ เขาไม่รู้จริงว่าจะทำยังไงให้มันเวิร์ค

ทำไมคน 95-97 % ถึงไม่สามารถประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ ก็เพราะเขาขาดทักษะในการสร้างรายได้ในระดับสูงนั้นเอง คนส่วนมากอยากรวย เจอธุรกิจปุ๊บ สมัครเลย ผมบอกเลยผิดขั้นตอน หวังว่าจะไปเรียนในธุรกิจ ซึ่งในธุรกิจเหล่านั้น ไม่ว่าจะธุรกิจเครือข่าย ขายตรงนั้นเนี้ย  มีคนน้อยมากที่รู้วิธีการที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ จริงๆ

คน 95-97 % ไม่สามารถประสบความสำเร็จเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ ก็เพราะเขาขาดทักษะในการสร้างรายได้ในระดับสูง

มีแต่โค้ชฝึกใหม่ ฝึกหัด เพิ่งทำธุรกิจมาเหมือนกัน พยายามมาสอน โดยใช้ความคิดของตัวเองมาแนะนำทั้งสิน โดยที่เขายังไม่เคยทำรายได้ 7 หลักมาก่อนเลย แล้วคนที่ไม่เคยทำรายได้ 7 หลักมาสอนคิดว่าเขาจะสอนอะไรล่ะ  ก็สอนในสิ่งที่เขาคิดว่ามันใช่  ถ้าเขาทำรายได้ 5-6 หมื่นเขาก็ใช้วิธีการที่ทำรายได้ 5-6 หมื่นมาสอนนั้นเอง

เพราะฉะนั้นที่สำคัญมากคือ ถ้าท่านต้องการหลุดจากวงจรอุบาทของการทำธุรกิจอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จ มีแต่ลงทุนแล้วก็เสีย คนส่วนมากจะเลือกทำอยู่ไม่กี่อย่าง ส่วนมากก็ธุรกิจออนไลน์  MLM ขายตรง  ประกันชีวิต

คนจำนวน 60-70 % จะเข้าไปในโอกาสธุรกิจเหล่านี้แล้วสิ่งที่เขาเจอคือ เจอปัญหา ไปต่อไม่ได้ ติดๆ ขัดๆไม่รู้จะไปขั้นต่อไปยังไง  ไม่รู้ว่าชวนคนให้เข้ามาดูโอกาส ชวนยังไงให้เวิร์ค ไม่รู้ว่าเวลาเขาถามมา ควรจะตอบยังไง ไม่รู้ว่าเวลาโดนปฎิเสธจะรับมือยังไง

เข้าไปสมัครลงทุนทำธุรกิจไม่ว่าจะหลัก 100 1000 10000 100000 แล้วก็ติดปัญหา แล้วก็อาจจะเคยตายและเลิกทำไปแล้วด้วย เคยเป็นไหมครับ  เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมบอก นี่คือกับดักหรือว่าวงจรอุบาท ที่ให้คนนั้นไม่ประสบความสำเร็จ

การที่เรานั้นเนี่ยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราต้องพัฒนาทักษะไหนก่อน แล้วกระโจนเข้าทำธุรกิจเลยไม่ว่าคนที่ชวนจะหน้าตาเชื่อถือแค่ไหน ไม่ว่าตัวธุรกิจจะน่าดึงดุดแค่ไหน รวยง่าย รวยเร็ว ผมบอกเลยว่าหลงทางทั้งนั้น

ธุรกิจรวยง่ายรวยเร็วหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าคนที่ทำไม่มีทักษะในการทำให้มีรายได้ระดับเงินล้านและไม่มีทักษะ ที่ 2 ที่ 3 ที่กำลังจะพูดต่อ  เอามาประกอบกัน ไม่มีทางเลยที่คนๆนั้นจะรวยง่าย รวยเร็ว รวยนาน ยั่งยืนถาวร

ใครบอกว่ามีระบบที่ดี แค่สมัครเข้าไปก็รวย แห่กันสมัครเข้าไปแค่ 3 เดือนนี้ก็หมดยกนิ้วชู้นิ้วกัน 2-3 เดือนเงียบหมดไม่ว่าจะแบรนไหนก็ตาม เป็นแบบนี้หมดเลย แต่หลังจากที่ลองทำการตลาดแล้วมันไม่เวิร์ค ไม่มีคนทำกับฉันเลย เงินไม่พอที่จะทำให้ฉันไปต่อได้เลย ฉันเลิกดีกว่า ส่วนมากเป็นแบบนี้ทั้งสิ้น

แล้วทำยังไงให้เราหลุดจากวงจรอุบาทนี้ ถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ  เรียน ก่อน เรียนวิธีการสร้างธุรกิจที่เวิร์ค

ถ้าผมอยากเป็นนักธุรกิจที่มีรายได้หลักล้าน วิชาที่สำคัญที่สุด 2 วิชาที่ท่านจำเป็นจะต้องมี

  1. Copy-writing คือ การขายด้วยตัวอักษร ด้วยการเขียน โฆษณา การเขียนหน้า Sell  เขียนโพสต์ใน Facebook ทักษะนี้สำคัญมาก ถ้าอยากทำธุรกิจออนไลน์ให้สำเร็จต้องเรียนทักษะนี้  เขียนยังไงให้ถูกกลุ่ม เขียนยังไงให้มันแทงทะลุถึงหัวใจ ได้ใจคน
  2. Closing คือ ทักษะปิดการขาย ในโลกออนไลน์ก็ต้องปิดการขาย  จะออนไลน์ ออฟไลน์ ก็ต้องมีการปิดการขาย  ถ้าท่านปิดการขายไม่ได้ท่านก็ไม่ได้เงิน นี่คือทักษะที่สำคัญมากๆที่ท่านจำเป็นต้องพัฒนา

การปิดการขายที่ทรงพลังที่สุดคือ การปิดการขายทางโทรศัพท์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ทักษะน้อยที่สุดแล้ว ท่านสามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็มีสคริปที่ทรงพลัง แล้วก็โทร วางตัวให้ดี

ทักษะที่ 2 ทักษะในการขยายธุรกิจให้โตขึ้น เรื่อยๆ

ทักษะที่ 2 ท่านจะต้องขยายธุรกิจให้เป็น การขยายธุรกิจนี้คือ หลังจากที่ธุรกิจของท่านทำเงินแล้ว การขยายธุรกิจมันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่เจ้าของธุรกิจนั้นจะต้องโฟกัส และ ทำอยู่เสมอๆ

โดยที่ใครมีทักษะนี้ จะทำให้ธุรกิจโตขึ้นเรื่อยๆ แถมลดค่าใช้จ่ายลงไปอีก ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจสมัยก่อน เช่น  เปิดร้านอาหาร นั่งได้ 100 คน ทำไงอยากให้ได้ 200 คนต่อวัน ต้องเปิดร้านใหม่ ลงทุนเยอะ

แต่ถ้าเป็นเจ้าของธุรกิจสมัยนี้ ธุรกิจออนไลน์มีคนเข้าเว็ปไซต์วันละ 1000  อยากให้เข้าวันละ 2000 ใช้การตลาดออนไลน์ช่วย  ลงทุนต่ำกว่าการเปิดร้านอาหารใหม่ เห็นด้วยไหมครับ

ท่านจะต้องเอาเงินที่ท่านได้จาก High Income Skill มาทำขยายธุรกิจ

เมื่อธุรกิจของท่านทำเงิน ท่านก็เอาเงินเหล่านั้นมาทำการขยายธุรกิจต่อ  อย่าเอาไปใช้ คนทั่วไปพลาด ซื้อบ้าน ซื้อรถ พอได้ค่าขึ้นตำแหน่งโชว์หรูเลย ซื้อบ้าน ซื้อรถ กันให้วุ่น นั่นคือหายนะ 

เพราะธุรกิจเหล่านี้มันไม่ยั่งยืน ผมเห็นมาเยอะมากเลยที่นักธุรกิจที่ขึ้นตำแหน่งสูงได้  มีรายได้เยอะ มีชีวิตที่แย่กว่าตอนที่ไม่ได้ขึ้นตำแหน่งอีก  เพราะหนี้จากบ้าน หนี้จากรถ หนี้จากของใช้ส่วนตัวหรูๆ หนี้จากไลฟ์สไตล์ พยายามโชว์หรูเพื่อดึงดูดคน

จริงๆไม่จำเป็นต้องใช้ความหรูดึงดูดคน ใช้คุณค่าด้านอื่นก็ได้ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าการทำให้ดูรวยจะดึงดูดคนได้ จริงๆแล้วมันเปลืองมาก มันไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริง

คุณค่าที่แท้จริงต้องเป็นสิ่งที่เป็นคุณค่าจากตัวเขาที่เขาจะให้กับผู้มุ่งหวัง เช่นการเป็น Mentor ให้กับผู้มุ่งหวัง การสอนให้เขาสร้างระบบแห่งความสำเร็จได้

ทักษะที่ 3 ทักษะในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนสูง

เอาเงินจากข้อที่ 1 ที่ 2 เอาไปลงทุนในข้อที่ 3 คือท่านจะต้องพัฒนาทักษะในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนสูง  ผมบอกเลยคนส่วนมากหลงทางกันหมด ผมเห็นโฆษณา ลงทุนคลิปโต ลงทุนฟอเร็ก  ลงทุนเล่นหุ้น  ลงทุนโน้น ลงทุนนี่ มากกว่า 95-98%  คนเหล่านี้ไม่มีทักษะในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนสูงเลย

เขาคิดว่าเขาไปเข้าคอร์สมา 1-2 คอร์สแล้วเขาจะมีทักษะในการลงทุนระดับสูง ไม่เลยครับ แล้วเป็นไงละครับเมื่อคลิปโตราคาตก เมื่อหุ้นราคาตก คนเหล่านี้สูญเงินหมดเลย

มีใครบ้างครับที่มีประสบการณ์ในการเข้าไปลงทุนแล้วก็สูญเงิน ไม่ว่าจะธุรกิจ  ไม่ว่าจะอสังหาริมทรัพย์  ไม่ว่าจะหุ้น คลิปโต แล้วศูนย์  ผมคนหนึ่งครับเคยเป็น

การที่ท่านอยากจะมี ทักษะในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนสูง ถ้าใครเคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนการลงทุน การจะเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ การจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จนั้น เขาจะต้องผ่านการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก่อน

แล้วถ้าท่านยังไม่เคยมี High Income Skill ท่านไม่เคยมีทักษะขยายธุรกิจ ให้มันโตขึ้นไปจนมีรายได้ มีเงินเหลือเฟือ ท่านไม่มีทักษะในการลงทุนเพื่อผลตอบแทนสูงหรอก เพราะท่านไม่เข้าใจว่าจะวิเคราะห์ยังไงเพื่อที่จะเลือกบริษัทได้ถูกต้องในการลงทุน

และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนกระโดดลงไป ลงทุน ลงทุนๆๆ แล้วไปต่อไม่ได้ 95-97%  ตอนนี้ใครถึงบางอ้อแล้วครับว่า อยากรวย แต่ก็ไม่รวยสักที

เมื่อท่านมีเงินลงทุน ท่านจะต้องมีอสังหาริมทรัพย์ มีพันธบัติ มีหุ้น มีอะไรก็แล้วแต่ ลงทุนลงไปในสิ่งที่ท่านรู้และเข้าใจ เพราะมันถึงเวลาที่ทำให้เงินทำงานแทนท่านแล้ว

ขั้นตอนที่ 1 ที่ 2 ท่านใช้ทักษะของท่านแลกกับเงิน ใช้เวลา ใช้ชีวิตของท่านแลกกับเงิน  แต่บังเอิญมันเป็น  High Income Skill ท่านจึงทำเงินได้มากกว่าคนอื่น 

ข้อ 2 ก็เหมือนกัน ธุรกิจทำเงินให้ท่านแล้วท่านก็ใช้ทักษะของท่าน ขยายและสร้างธุรกิจของท่านได้เยอะๆ ข้อ 1 ข้อ 2 ท่านยังไม่ได้ใช้เงินทำงานนะ แต่ข้อ 3 การลงทุนเป็นการที่ท่านนั้นใช้เงินทำงาน ที่คนเขาชอบพุดกัน แต่คนส่วนมากกระโดดข้าม 3 ขั้นตอนนี้เลยไปต่อไม่ได้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปัน ถ้าท่านต้องการที่จะเรียนสุดยอดทักษะการทำการตลาดดึงดูด ตอนนี้แหล่งที่เรียนได้ คือ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com