6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!” คลิกที่นี่

อาจารย์ครับ ผมอยากขอคำชี้แนะ เรื่องของผมนะครับ ผมไม่เคยทำงานออนไลน์มาก่อนเลย จนมาวันหนึ่งได้รู้จักธุรกิจออนไลน์จึงได้ตัดสินใจทำ แต่ด้วยความที่ผมไม่มีประสบการณ์ จึงทำตามที่เขาสอน

เขาสอนให้โพสต์ลง Facebook  ผมก็ทำอย่างนี้มาตลอด ผลลัพธ์ไม่เกิดเลยครับ เสียเวลามาตั้งหลายเดือน ผมอยากสำเร็จครับอาจารย์ ผมอยากทำให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้ ผมขอคำแนะนำด้วยครับ

วีดีโอ “6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

หนังสือเสียง 

“6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

สารบัญเนื้อหา:มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมายกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระกลยุทธ์ในการติดตามผลกลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

เชษฐวิทย์ สิงขร:สวัสดีครับวันนี้เราสองคนมาตอบคำถามและแก้ไขปัญหา ให้กับผู้คนที่มีปัญหาในการทำธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจออนไลน์ และนี่คือคำถามที่ถามมาซึ่งมีเยอะมาก

วันนี้ได้หยิบยกคำถามจากคุณประพัฒน์ ซึ่งถามมาข้างต้นแบบนี้ อาจารย์กมลเวช จะตอบว่าอย่างไรขอคำชี้แนะด้วยครับ

กมลเวช เมืองศรี:ขอบคุณครับโค้ชแนม และขอบคุณคุณประพัฒน์ที่ถามคำถามที่มีคุณภาพเข้ามา

ผมได้ฟังคำถามผมรู้เลยว่า คำตอบที่ผมจะแบ่งปันในวันนี้ จะสามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก ให้เขาได้เข้าใจว่า

ถ้าเขาอยากจะทำธุรกิจออนไลน์หรือการตลาดออนไลน์ ให้เกิดผลลัพธ์ อย่างถูกต้อง ยั่งยืน และยาวนาน ต้องทำอย่างไร

เรียกว่าแบ่งปันประสบการณ์ดีกว่า เป็นประสบการณ์ที่ผมทำธุรกิจออนไลน์มามากกว่า 10 ถึง 15 ปี ลองผิดลองถูกสารพัด

อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณประพัฒน์ทำแล้วพวกเราไม่เคยทำนะ เราทำมาหมดแล้ว สมัยเราเริ่มต้นยังไม่มี Facebook และ YouTube

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมโพสต์ในเว็บบอร์ดครับอาจารย์

กมลเวช เมืองศรี:วันละกี่ร้อยเว็บ

เชษฐวิทย์ สิงขร:จำไม่ได้ว่ากี่ร้อยเว็บแต่เยอะมาก

กมลเวช เมืองศรี:ใช้ซอฟต์แวร์ด้วยไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ใช้ครับ ซอฟต์แวร์ที่โพสต์อัตโนมัติซื้อมาใช้หมด เพียงแค่ใส่ข้อความลงไป แล้วก็โพสต์โดยอัตโนมัติ

กมลเวช เมืองศรี:แล้วผลลัพธ์

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผลลัพธ์ก็เกิดเหมือนกันแต่เกิดน้อยมากไม่สม่ำเสมอไม่เสถียร

กมลเวช เมืองศรี:สเกลขยายเพิ่มได้ไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่ได้เลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:เพราะมีข้อจำกัดคือเรื่องความรู้และเทคโนโลยีสมัยนั้น

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ยุคนั้นมาถึงยุคนี้ โค้ชแนมคิดว่าทั้งเทคโนโลยี และเครื่องมือ มันสามารถช่วยให้ใครสักคน ประสบความสำเร็จได้ใน 1 ปีไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมว่าเร็วกว่า 1 ปีนะ ถ้าใช้อย่างมีระบบใช้เครื่องมือต่างๆ แบบที่ถูกต้องด้วย

กมลเวช เมืองศรี:ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตเอาข้อมูลความลับสำคัญที่ผมนั้นใช้สอนกับกลุ่มคนวงในของผม ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอน เอามาให้ท่านดู ข้อมูลนี้อยู่ในโทรศัพท์ของผม เป็นข้อมูลที่จะสอนเรื่อง  6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ 

ผมขออนุญาตเอาข้อมูล มูลค่าหลักล้านมาแบ่งปันให้กับทุกท่าน เพราะว่าอยากสนับสนุนช่วยเหลือคุณประพัฒน์ รวมถึงคนที่อยากจะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จด้วย เพราะว่าในยุคนี้ มีธุรกิจที่สามารถทำให้ใครสักคนประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุด ต้องพึ่งพลังทางอินเทอร์เน็ต

มีอยู่ 6 ขั้นตอนในการที่จะทำให้ใครก็ตามทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ผมขอแนะนำว่า อะไรที่ท่านรู้มาในการทำธุรกิจออนไลน์ ใครสอนท่านให้โพสต์ ไลฟ์ทุกวัน เต้นหน้าจอ โพสต์ยัดเยียดลงไปในกลุ่ม หรือส่ง Message ไปหาผู้คน ลืมสิ่งเหล่านั้นไปก่อน เพราะนั่นไม่ใช่ระบบแห่งความสำเร็จ

เพราะถ้าท่านต้องการมีระบบในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จท่านต้องทำตาม 6 ขั้นตอนนี้

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ

ท่านจะต้องมีวิสัยทัศน์ ท่านจะต้องมีทัศนคติของคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทำไมสำคัญผมจะบอกให้ฟัง คนที่เข้ามาในวงการของการสร้างธุรกิจออนไลน์ส่วนมากไม่มีแผนและไม่มีการคิดระยะยาว สิ่งที่เขาจะทำก็คือใครสอนอะไรก็ทำทำทำ โดยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีรบกวนคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ 

ถ้าเราเริ่มกระบวนการที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็เหมือนกับการติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่เม็ดแรกเม็ดต่อไปก็จะดูสวย แต่ถ้าติดผิดทำผิดทำในสิ่งที่คนไม่ชอบ เช่น   ไลฟ์ไปด่าไปหรือพูดหยาบคาย มันเรียกกระแสได้แต่มันไม่ใช่ระยะยาว โค้ชแนมอยากให้คนรู้จักในฐานะโค้ชแนมจอมหยาบคายหรือเปล่า

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่ใช่แน่นอนครับ

กมลเวช เมืองศรี:เพราะฉะนั้น ขั้นตอนที่ 1 ครับท่านต้องมีวิสัยทัศน์ว่าท่านจะสร้างธุรกิจออนไลน์ไปเพื่ออะไร

ยกตัวอย่าง ผมต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

ผมรู้ว่าพลังของอินเทอร์เน็ตสามารถทำให้เราสร้างธุรกิจขายสินค้าหรือบริการที่สามารถทำเงินให้เราเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นได้ และมันต้องอยู่ได้อย่างน้อย 10 ถึง 20 ปี และผมทำมาตอนนี้ปีที่ 15 แล้วนะ

เพราะฉะนั้นคนที่มีระบบจะอยู่ยงคงกระพันและรับเงินทุกเดือน

ท่านจะต้องชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร เช่น อยากจะทำทดแทนงานประจำ เราเคยทำงานประจำมาก่อนแต่ไม่ตอบโจทย์เราเลยต้องมีอาชีพที่ 2  

และถ้าท่านต้องการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอาชีพที่ 2 หรืออาชีพหลัก ท่านต้องตั้งเป้าไว้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร

ท่านจะต้องเรียนวิชาที่จะทำให้ท่านเกิดชุดทักษะไม่ใช่ว่าการทำไลฟ์อย่างเดียวจะทำให้ท่านประสบความสำเร็จ

ท่านต้องมีชุดทักษะเช่น เขียนโฆษณาอย่างไรทำให้คนอยากซื้อใจจะขาด

จะพูดอย่างไรเพื่อดึงคนให้อยู่กับเราได้ 5 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

ทำวีดีโออย่างไรให้คนอยากซื้อสินค้าของเรา มันเป็นชุดทักษะ เพราะฉะนั้นข้อที่ 1  มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมมีเป้าหมายในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ เพราะรู้ว่างานประจำไม่ทำให้เราร่ำรวยก็เลยมองหาธุรกิจทำและธุรกิจที่ทำจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า สามารถทำให้มีรายได้แบบ Passive Income 

คือทำระบบไว้ในช่วงแรกและให้มันเติบโตเองได้และสร้างรายได้ให้กับเราจนกระทั่งเราหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม มันยังสามารถทำรายได้ให้กับเราได้

และเราก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอด และนำสิ่งที่เราพัฒนาตัวเองมาพัฒนาทีมงานของเราด้วย

กมลเวช เมืองศรี:ผมถามอย่างนี้วันแรกที่เข้ามาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นขนาดไหน

เชษฐวิทย์ สิงขร:พัฒนาขึ้นแบบเยอะมากจากที่ไม่เคยรู้เรื่องการทำออนไลน์ ทำธุรกิจผ่านสื่อโซเชียลต่างๆพอได้เรียนรู้ก็สามารถทำได้

และทำได้อย่างถูกวิธี รู้ว่าจะโพสต์อย่างไรโพสต์ให้คุณค่ากับผู้คนอย่างไรและติดตามพวกเขาอย่างไร อันนี้สำคัญมาก ต้องทำอย่างถูกต้องถึงจะได้ผลลัพธ์ ซึ่งผมก็เรียนจากอาจารย์กมลเวชนี่แหละ ท่านเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาก

กมลเวช เมืองศรี:ผมพูดอย่างนี้ได้ไหมว่าถ้าเราไม่พัฒนาตัวเองรายได้ก็ไม่เพิ่มขึ้น รายได้จะอยู่เท่าเดิมเพราะทักษะเท่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ

2

ขั้นตอนที่สอง

รู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

มาดูข้อที่ 2  ท่านจะต้องรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์ และรู้จักการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของท่าน

พูดง่ายๆก็คือ ท่านจะต้องรู้วิธีนำเสนอตัวเองให้เป็น  ท่านเป็นใคร ท่านอยากให้ผู้คนในโลกออนไลน์เห็นว่าท่านเป็นใคร เราเรียกว่า branding การนำเสนอตัวเอง

เช่น เป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นนักธุรกิจ เป็นโค้ช  เป็นกูรู ท่านจะเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดนี้อยู่ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด ทุกวันนี้มีโค้ชเยอะมาก กูรูเยอะมาก นักธุรกิจเยอะมาก

นั่นคือแบรนด์ท่านต้องชัดเจนก่อนว่าท่านคือใคร 

อีกคำหนึ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันซึ่งผู้คนไม่ค่อยจะพูดถึงกัน คือ  การสร้าง branding อย่างเดียวนั้นไม่พอแต่ต้องเข้าใจในเรื่องของการวางโพซิชันนิ่ง แปลว่า การวางตัวเองให้อยู่ในจุดที่ถูกต้อง วางตัวเองอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น  เป็นอาจารย์

การโพซิชั่นนิ่งนั้นสำคัญกว่านั้นอีก คือเป็นอาจารย์ระดับไหน เป็นคนประสบความสำเร็จในระดับไหน มีประวัติศาสตร์ มีความสำเร็จมานำเสนอให้ผู้คน เพราะใครๆก็แบรนด์ได้ แต่การวางตัวเองให้ถูกต้องให้ผู้คนอยากติดตาม อยากจะเรียนรู้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

แต่ถ้าท่านยังไม่มีความสำเร็จอะไรมาก่อน วิธีการวางตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือ การเป็นครูเป็นอาจารย์เป็น Coach  ที่สอนวิธีการทำให้ผู้คนแก้ปัญหาในชีวิตของเขาได้ 

ทำ 2 อย่างนี้อย่างต่อเนื่องแบรนด์ของท่านจะแข็งแกร่งมาก  บางคนเป็นโค้ชสายฮา บางคนเป็นอาจารย์ระดับเทพ นี่คือการวางตำแหน่งตัวเองทั้งสิ้นเข้าใจไหมครับ 

เมื่อเราสร้างแบรนด์ของเราชัดเจน เราต้องรู้ด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเราคือใคร ถ้าท่านมีทัศนคติที่ว่าทุกคนคือลูกค้าของฉัน อันนั้นท่านกำลังเข้าใจอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะถ้าท่านพยายามเป็นทุกอย่างให้กับคนทุกคน นั่นเท่ากับท่านนั้นไม่ได้เป็นอะไรให้กับใครเลย 

ยกตัวอย่างเราสองคน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากวงการการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย ถ้าเราอยากทำการตลาดเพื่อจะดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้มา เราคงไม่ทำการตลาดดึงดูดคนที่ไม่ชอบสิ่งเหล่านี้เห็นด้วยไหมครับ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นกลุ่มเป้าหมายเรา เราทำการตลาดเพื่อดึงดูดคนที่ชอบธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย

3

ขั้นตอนที่สาม

กลยุทธ์ในการสร้างรายได้

ข้อ 3  สำคัญมาก ท่านต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ มีคำหนึ่งที่ถ้าผมพูดออกไปท่านจะต้องตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง คนจำนวนมากอยากรวยอยากสำเร็จอยากทำธุรกิจ แต่พอถามว่าคุณรู้ไหมว่าทำอย่างไรถึงจะมีรายได้ มีกลยุทธ์หรือไม่

สมมุติผมจะถามโค้ชแนม ถ้าอยากมีรายได้เดือนละแสน มีกลยุทธ์หรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่มีเพราะไม่เคยศึกษามาก่อน อยากรู้ก็ต้องถามผู้รู้

กมลเวช เมืองศรี:ตั้งเป้าหมายอยากมีรายได้เดือนละแสน สินค้าที่ท่านขายได้กำไรชิ้นละเท่าไหร่ ตัวอย่าง 1 ชิ้นกำไร 100 บาทถ้าอยากได้ 100,000 บาทต้องขาย 1000 ชิ้น

หมายความว่าในเดือนนั้นต้องตั้งเป้าหมายขายสินค้าให้ได้ 1000 ชิ้น  เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นหรือยังจากเดิมที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้รู้แล้วว่าเราต้องขาย 1000 คน ขายคน 1000 คนต่อเดือนเยอะหรือไม่ ยากไหมครับ 

สินค้ามีตัวเดียวหรือหลายตัวถ้ามีหลายตัวเราก็ต้องเอามาแยกแยะว่าจะต้องขายตัวนี้กี่ชิ้นตัวนั้นกี่ชิ้นเพื่อให้พิชิตเป้าหมาย 1 แสนบาทต่อเดือน แล้วเดือนต่อไปทำอย่างไรจะให้ขายได้

ถ้าเป็นสมัยก่อนอยากขายของก็ไปเคาะประตูบ้าน ท่านเคยทำไหมครับ จะขายให้ได้ 1,000 ชิ้นด้วยการเคาะประตูบ้าน โหดไหมครับ ผมเคยทำมาแล้ว แต่หลังจากที่เราเจออินเทอร์เน็ตมันดีกว่าเยอะมาก

4

ขั้นตอนที่สี่

ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระ

ข้อ 4 คนส่วนมากเวลามีสินค้าสิ่งแรกที่เขาคิดคือจะขายอย่างไร เขาโฟกัสในเรื่องขาย คำถามก็คือ การโฟกัสการทำตลาดออนไลน์โดยการเน้นขายอย่างเดียวจะสร้างผลลัพธ์ได้ในระยะสั้นเท่านั้น แล้วต้องหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอด้วย ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการให้ลูกค้าเก่ามาซื้อซ้ำ

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคือมันมีวิธีทำการตลาดที่ไม่ใช่การเน้นขายอย่างเดียว ผมอยากให้ทุกท่านจำคำนี้ไว้ตลอดชีวิตเลยครับว่า

คนไม่ชอบถูกขาย แต่ทุกคนชอบซื้อ

เราจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่ชอบถูกขายมาซื้อสินค้ากับเรา คือการทำให้ผู้คน ซื้อด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% 

วิธีการที่ทำให้ผู้คนซื้อของด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% วิธีนั้นก็คือการทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระหรือ Content Marketing  อาจจะทำออกมาในรูปแบบของบทความ Video หรือพ็อดคาสท์ไฟล์เสียง ebooks นี่คือ Content ทำได้หลากหลายรูปแบบ 

การโพสต์ใน Facebook  แทนที่จะโพสต์ขาย เปลี่ยนมาโพสต์เนื้อหาสาระว่าสินค้าของเรามีประโยชน์อย่างไร กลุ่มเป้าหมายของเรามีปัญหาอะไรอยู่ สินค้าของเราจะช่วยเขาได้อย่างไร ก่อนที่ผู้คนจะควักเงินซื้อสินค้านั้นเขามีคำถามอยู่ในหัว ว่าฉันจะได้อะไรถ้าฉันเอาเงินที่หามาได้ยากของฉันซื้อของกับคุณ 

ท่านจะต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ว่าคนซื้อเขาจะได้อะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:สิ่งนี้ก็คือการมอบประโยชน์หรือมอบคุณค่าโดยที่ไม่ได้ยัดเยียดขาย จะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อด้วยตัวของเขาเอง 100%

กมลเวช เมืองศรี:ผมมีตัวอย่างที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจน เช่นธุรกิจที่จะต้องมีการสปอนเซอร์ผู้คน วิธีการเดิมพอเราสมัครเราก็จะไปหาผู้คนพูดคุยแนะนำแผน ขายสินค้า และปิดสมัครให้ได้ คนส่วนมากรู้สึกชอบหรือไม่ โค้ดเนมเคยโดนหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:เคยครับ เราก็นั่งรับฟังแต่ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะจบสักทีและจะหาคำปฏิเสธว่าอะไรดี เราอยากรวยก็จริงแต่วิธีที่เขาใช้มันไม่ได้กระตุ้นให้เราทำกับเขา

กมลเวช เมืองศรี:แทนที่เราจะใช้กลยุทธ์หรือวิธีการที่ทำให้คนชอบ เรากลับใช้วิธีที่ทำให้คนไม่ชอบ มันไม่ตอบโจทย์จิตวิทยาของคน วิธีการ ตื้อ ง้อ ขอ ขาย ผู้คนไม่ชอบ

สมมุติว่าผมใช้วิธีเขียนบทความสอนวิธีการสร้างธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจออนไลน์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จแล้วโค้ชแนมมาเจอบทความนี้มาดูวีดีโอนี้ ผมบังคับให้อ่านหรือโค้ชแนมมาดูเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:มาดูเองครับเพราะผมค้นหาว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จไปเจอบทความ เขาบอกว่าจะประสบความสำเร็จด้วยการตลาดออนไลน์ ซึ่งเราค้นหามานานแล้ว ทุกสิ่งที่อ่านมันทำให้เราตื่นเต้น ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดีชอบคนที่มาสอนเรา สุดท้ายแล้วเราจะทำธุรกิจกับเขาหรือซื้อของกับเขาหรือไม่ก็ตามเราก็ยังชอบเขาอยู่ดี ไม่รู้สึกรังเกียจ

กมลเวช เมืองศรี:แล้ววันหนึ่งผมเปิดโอกาสทางธุรกิจกำลังรับสมัครผู้คนมาเป็นหุ้นส่วนในทีม ผมกำลังทำธุรกิจออนไลน์ตัวใหม่ผมรับ 30 คนเท่านั้นใครก็ตามที่ต้องการให้คลิกลิงค์นี้แล้วกรอกข้อมูล ผมจะทำการสัมภาษณ์ทีละคน ถ้าโค้ชแนมเห็นข้อความแล้วอยากทำจะต้องทำอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:ผมก็รีบกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม โดยไม่รู้สึกว่าโดนบังคับ แต่รู้สึกว่าถ้าไม่กรอกหรือกรอกช้าก็อาจจะพลาดเพราะครบ 30 ไปแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:แต่ถ้า โค้ชแนม ไม่ได้อยากทำตอนนี้ จะรู้สึกอึดอัดหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:ไม่รู้สึกกดดันเลยครับ ถ้าเราไม่สนใจก็ผ่านไปแค่นั้นเอง

กมลเวช เมืองศรี:เห็นไหมครับว่าการตลาดแบบนำเสนอด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ กับผู้คนก่อน ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ จะทำให้คนนั้นรู้สึกดีกับคนที่ทำการตลาดแบบนี้อย่างมากเลย และจะรู้ว่าผู้นำเสนอนั้นเป็นใครชื่ออะไร ท่านจะรู้สึกชอบ

เมื่อท่านฟังไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เราสอนสามารถแก้ปัญหาในชีวิตได้ ตอนนี้ท่านจะมีความรู้สึกเชื่อและศรัทธา ใครก็ตามที่มีคนเชื่อถือและศรัทธามากกว่าร้อยถึงพันคนขึ้นไป เมื่อจะทำธุรกิจหรือขายสินค้าแฟนพันธุ์แท้เหล่านี้จะเข้ามาเป็นลูกค้าหรือหุ้นส่วนในทีมแห่งความสำเร็จ ตอนนี้ตามทันและเห็นภาพชัดเจนไหมครับ

การตลาดแบบนี้ทำได้ผลระยะสั้นหรือระยะยาว เช่นวีดีโอนี้จะอยู่ยาวนานตลอดไปบน youtube มันแตกต่างจากนักขายทั่วไปมาก

ถ้าท่านยังไม่รู้วิธีการว่าทำอย่างไรให้คนซื้อของถล่มทลายผมกำลังแบ่งปันว่าต้องทำการตลาดด้วย Content Marketing  ยิ่งในยุคนี้โซเชียลมีเดียครองเมืองท่านต้องเข้าเป็นพวกเดียวและใช้พลังจากโซเชียลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์แล้วทำการตลาดนำด้วยคุณค่าเนื้อหาสาระแล้วชีวิตท่านจะเปลี่ยนไป

5

ขั้นตอนที่ห้า

กลยุทธ์ในการติดตามผล

ข้อ 5  ท่านจะต้องมีการติดตั้งระบบ เพื่อให้ท่านนำเสนอสินค้าหรือโอกาสให้กับผู้ที่เห็นสินค้าและยังไม่ตัดสินใจซื้อในทันที โดยระบบจะทำให้ผู้คนเห็นสินค้าหลายๆรอบด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างกัน

คนที่เอาสินค้ามาไว้ที่บ้านแล้วยิงแอด คนพวกนี้ยังไม่มีวิธีติดตามผลเขาเลยขายได้แค่ 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นการใช้เงินเยอะแต่ได้ผลลัพธ์น้อย

แต่เราเปลี่ยนใหม่ถ้าท่านติดตั้งระบบที่ทำให้สามารถติดตามผลคนได้ เช่น  Facebook Page, YouTube Channel, Instagram, Line Office หลังจากที่กดติดตาม คนที่ทำการตลาดเป็นจะส่งข้อความมาให้ท่านหลายๆรอบ ด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างไป แต่จุดประสงค์คือต้องการขายสินค้าให้ได้

แต่ถ้านักการตลาดระดับเทพเขาจะใช้ระบบที่เรียกว่า email Marketing  การติดตามผลผ่านช่องทางอีเมล์เป็นช่องทางที่ได้ผลสูงสุด แต่เราจะใช้ทุกช่องทางเพราะว่าผู้มุ่งหวังเขาไม่ได้ใช้อีเมลอย่างเดียวหรือไม่ได้ใช้ Facebook อย่างเดียว ทำอย่างไรให้เขาเห็นเราทุกช่องทาง เมื่อเขาได้รับข้อความมากขึ้นเห็นสินค้ามากขึ้นสุดท้ายก็จะตัดสินใจซื้อของจากเรา

เชษฐวิทย์ สิงขร:แล้วเราจะเริ่มต้นที่ช่องทางไหนก่อนดีครับ

กมลเวช เมืองศรี:ผมแนะนำว่าเอาช่องทางที่ท่านรักชอบและถนัดที่จะทำ บางคนทำเป็นวีดีโอบน youtube บางคนชอบทำเป็นบทความ เลือกเอาช่องทางใดช่องทางหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยายไปช่องทางอื่นอย่าทำหลายช่องทางพร้อมกัน มันจะทำให้ท่านงงแล้วทำไม่ดีสักอย่าง

เมื่อท่านรู้แล้วว่าการทำการตลาดผ่านเนื้อหาพนักงานขับรถจะตามมาด้วยการติดตามผลเพราะผู้คนจะไม่ซื้อสินค้าทันทีในครั้งแรก แต่หลังจากที่ติดตามผลแล้ว การซื้อจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าติดตามผลดีๆจะเพิ่มมากถึง 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

คำถามคือเมื่อท่านนำเสนอขายสินค้า 100 คนท่านอยากให้มีคนซื้อ 1 ถึง 5 คนหรือ 20-30 คนล่ะ

จงติดตั้งกลยุทธ์การติดตามผลถ้าท่านไม่รู้จะทำอย่างไรโปรเจคเศรษฐีชุดนอนจะสอนให้ท่านทำได้ครับ

6

ขั้นตอนที่หก

กลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

ข้อสุดท้ายสำคัญมากถ้าท่านอยากทำให้ธุรกิจของท่านได้ผลลัพธ์เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า 8 เท่า ท่านก็สามารถทำได้ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจในขั้นตอนนี้จะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ 

กลยุทธ์ในข้อนี้ก็คือท่านจะต้องรู้จักการ Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าไปสู่เว็บไซต์ของเราเอง เน้นนะครับว่าเป็นเว็บไซต์ของเราเอง เพราะบนโซเชียลนั้นเราไม่ได้เป็นเจ้าของ ถ้ามีผู้ติดตามที่เราสร้างไว้เยอะแล้ว แต่ account โดนปิดเราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ท่านจะต้องสร้างสินทรัพย์ ที่ทรงพลังที่สุด และท่านเป็นเจ้าของ 100% สิ่งนั้นก็คือเว็บไซต์ของเราเอง ที่เราสร้างขึ้นมาเองมันเป็นของเราจริงๆ เราเอาเนื้อหาที่สร้างไว้ในทุกๆที่มาใส่ในเว็บเราเวลาทำการตลาดเราจะดึงคนจากโซเชียลให้เข้ามาสู่เว็บเรา

ยกตัวอย่างเช่นโพสต์บทความบน Facebook เราจะไม่โพสต์บทความทั้งหมดแต่เราจะเกริ่นนำแล้วให้คลิกเพื่อมาอ่านต่อบนเว็บไซต์ของเรา ข้อดีของการใช้เว็บไซต์ก็คือเราสามารถใส่โฆษณาของเราเองได้ ให้คนกรอกข้อมูลรับข่าวสารของเราผ่านอีเมลได้ 

จงจำไว้นะครับ เว็บไซต์คือเครื่องมืออันทรงพลังอันดับ 1  แต่ไม่ใช่เว็บไซต์ทั่วๆไปนะครับ เว็บไซต์ทำการตลาดที่ดีจะต้องมีการดักจับข้อมูล มีการติดตามผล เพราะถ้าเราไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้เราจะคิดว่าเว็บไซต์ไหนๆก็เหมือนกัน มีบางคนไปจ้างทำเว็บไซต์ที่มีแต่ข้อมูลเสียเงินไปหลักแสนแต่ไม่ได้ผลลัพธ์หรือได้ผลลัพธ์น้อยมาก ท่านเห็นไหมครับว่าการไม่รู้นั้นแพงมาก โดนหลอกเอาง่ายๆ 

เว็บไซต์ที่ทรงพลังจริงๆที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้มีโดเมนมี hosting จริงๆแล้วลงทุน ในระดับหลักพันไม่เกินหมื่น และเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามหลักการตลาดด้วย

นี่คือ 6 องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้คุณประพัฒน์และทุกๆท่านที่ต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้เอาไปใช้และเอาไปสร้างความสำเร็จ

เชษฐวิทย์ สิงขร:ปัจจุบันนี้มีผู้ที่ทำเว็บไซต์แบบถูกต้องมีการติดตามผลมีระบบ Email Marketing ไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่เราสามารถใช้บริการได้เลยเพียงแค่สร้างเนื้อหา ซึ่งอยู่ที่นี่แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:เราสองคนเป็นนักสร้างระบบ เราสร้าง Sale funnel เป็น ผมแนะนำว่าถ้าท่านต้องการเรียนรู้และสร้างระบบได้เหมือนอย่างที่เราทำ โปรเจคที่เราเปิดเราตั้งใจที่จะสอนผู้คน 100 คน ให้เขาสามารถทำได้เหมือนอย่างเรา

สร้างเว็บไซต์ที่ทรงพลังระบบติดตามผลเพื่อให้ผู้คนซื้อสินค้า ระบบ Messenger Marketing  การทำ YouTube การเขียนบทความอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทำอย่างไร เราสอนทั้งหมดนี้ใน Project เศรษฐีชุดนอน ถ้าท่านชอบท่านสามารถคลิกลิงค์ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ เพราะผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้เรียนคอร์สนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:เห็นด้วยครับเพราะชีวิตของผมเปลี่ยนจากเดิมที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ มาใช้วิธีการแบบออนไลน์ที่ได้เรียนมาทำให้ประสบความสำเร็จเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนะรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ เราทำสำเร็จมาแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:และอย่าลืมนะครับกดติดตามกดสั่นกระดิ่งและกดแชร์บทความของเรา เพราะถ้าท่านแคร์คนอื่นฉันจะต้องให้คนที่ท่านรักได้รู้ข้อมูลนี้ด้วย เพราะผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก  และผู้ให้ย่อมได้รับผลตอบแทนเสมอเสมอ

เชษฐวิทย์ สิงขร:ยิ่งให้สิ่งดีๆออกไป ให้คุณค่าที่อยู่ในตัวเราออกไปไม่จำเป็นว่าเราต้องเก่งมาจากไหนเพียงแค่เรารู้ว่าสิ่งนี้มีคุณค่าแล้วเราให้ออกไปแล้วเราจะได้สิ่งที่มีคุณค่ากลับมาหลายร้อยหลายพันเท่า

กมลเวช เมืองศรี:ดังนั้นฟันธงเลยว่า Content Marketing ดีกว่าการออกไปขายอย่างแน่นอนและยิ่งเรามีระบบ ในการกระจายสื่อข้อมูลเหล่านี้ทั้ง 6 ขั้นตอน การทำรายได้เป็นหมื่นเป็นแสนต่อวันนั้นทำได้อย่างแน่นอน เนื้อหาทั้ง 6 ขั้นตอนอยู่ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เราสองคนต้องลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่เมื่อเจอคำถามที่ยอดเยี่ยมขอขอบคุณคำถามจากคุณประพัฒน์นะครับสวัสดีครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!”

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงในถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล

สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน

สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!” คลิกที่นี่

กมลเวช & เชษฐวิทย์ จะมาคุยให้ท่านฟังครับว่า โปรเจคเศรษฐีชุดนอน (Speed Wealth Project) จะให้อะไรแก่ท่าน และท่านจะได้อะไรมากมายมหาศาลแค่ไหน?

มาคุยและมาฟังกันได้เลยครับ

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”หนังสือเสียง “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”ขั้นตอนที่หนึ่งสร้างผู้ติดตามของเราขั้นตอนที่สองสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามเราขั้นตอนที่สามการขายให้กับผู้ติดตามของเรา

วีดีโอ “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”

หนังสือเสียง “สิ่งที่ท่านจะได้จากโปรเจคเศรษฐีชุดนอน”

เชษฐวิทย์ สิงขร:สวัสดีครับสำหรับวีดีโอคลิปนี้นะครับเราจะมารีวิว แล้วก็มาตอบคำถามข้อสงสัยต่างๆ สำหรับโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ซึ่งตอนนี้ผมก็อยู่กับอาจารย์ผู้สอน โปรเจคเศรษฐีชุดนอนนี้แล้วนะครับ ก็คือท่านอาจารย์กมลเวช เมืองศรี

ก่อนอื่นอยากจะให้อาจารย์แนะนำคอร์สโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ว่ามันเกี่ยวกับอะไร สอนอะไรบ้าง ให้ทุกคนเข้าใจว่ามันคืออะไร ขอเชิญอาจารย์ครับ กมลเวช เมืองศรี:โปรเจคเศรษฐีชุดนอนคือ คอร์สที่จะสอนวิธีการที่จะทำให้ใครก็ตาม ที่อยากได้วิธีทำการตลาดออนไลน์ โดยที่รู้รอบแบบ 360 องศา รู้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ว่าเราเป็นใคร เราควรจะต้องวางตัวอย่างไรในโลกออนไลน์

จนถึงสินค้าของเราคืออะไร กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร และเราจะสร้างระบบในการทำการตลาดเพื่อโปรโมทตัวเรา โปรโมทสินค้าให้มีคนติดตาม ให้เรามีชื่อเสียงโด่งดังได้อย่างไร ในการที่จะทำการตลาดออนไลน์สำเร็จมันมีอยู่แค่ 3 ขั้นตอน

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

สร้างผู้ติดตามของเรา

เราต้องมีผู้ติดตามของเรา เพราะถ้าไม่มีคนติดตามเรา เราไม่รู้จะขายให้กับใคร การไปขายให้กับคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่ชอบเรา ไม่ใช่ผู้ติดตามเรา ไม่เชื่อถือศรัทธาเรา เป็นการขายที่ยากมาก

ถ้าเราสร้างผู้ติดตามเราแล้วจะทำให้เวลาเราจะนำเสนออะไร ก็จะมีคนคอยดูคอยติดตามตลอด แล้วเวลาท่านเสนอสินค้าหรือบริการอะไรก็ขายถล่มทลาย ดังนั้นเราต้องสร้างผู้ติดตาม เราสอนอย่างละเอียดเลยว่าจะต้องวางตัวยังไง ทำอย่างไรผู้คนเห็นเราในฐานะที่เขาอยากจะติดตามเรา ชอบเรา

2

ขั้นตอนที่สอง

สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามเรา

เราต้องมีการปฏิสัมพันธ์เสมอๆ เราจะสอนว่าถ้าจะต้องทำการปฏิสัมพันธ์เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนที่ติดตามท่านนั้นทำอย่างไรให้ทรงพลังที่สุด เพราะผู้คนจำนวนมากเลยครับที่เห็นสินค้าหรือบริการที่ท่านพยายามขายให้กับเขาตั้งแต่ครั้งแรก

มีไม่เกิน 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ บางที 7 เปอร์เซ็นต์ จะซื้อทันที ที่เหลืออีก 90 – 95 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ซื้อ แล้วเราไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้คนที่ยังไม่ซื้อกลับมาซื้ออีกสัก 10 20 30 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับเราทิ้งเงินก้อนโต 

นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปเขาทำกัน เขาไม่รู้ว่าเขาจะปฏิสัมพันธ์ เขาจะทำให้คนรู้จัก เชื่อถือ และศรัทธาเรามากขึ้นได้อย่างไร และสร้างผู้ติดตามใหม่ๆ เข้ามาอีก ดังนั้นหลักการง่ายๆ คือเราจะต้องทำ Content Marketing ให้เป็น

ผู้คนส่วนมากจะบอกว่า Content is King แต่ผมอยากจะบอกว่า อันนั้นรู้เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ที่เหลือคือ Quality Content is King ก็คือ เนื้อหาที่มีคุณภาพมีคุณค่าสูงต่างหาก คือสุดยอดเครื่องมือที่สำคัญในการทำการตลาด

ในการทำการตลาดแบบ Content นั้นมันมี 3 ส่วน คือ

1. ส่วนแรก เราเรียกว่า TOFU (Top Of the FUnnel) ก็คือทำเนื้อหาให้กับคนไม่รู้จักเรา ให้รู้จักเรา เพราะเราจะขายของให้คนไม่รู้จักไม่ได้ทำง่ายๆ

2. ส่วนที่สอง เราเรียกว่า MOFU (Middle Of the FUnnel) คือทำให้คนที่ไม่รู้จักเราเหล่านั้นอยากจะเข้ามาศึกษาสินค้าหรือบริการของเรา

3. ส่วนที่สาม เรียกว่า BOFU (Bottom Of the FUnnel) เป็นเนื้อหาที่ทำให้คนสนใจนั้นตัดสินใจซื้อ เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด ในการทำเป็นคนตัดสินใจซื้อ ก็คือ Webinar online ในยุคปัจจุบันอาจจะเป็น Facebook Live และ YouTube Live  

ท่านจะได้รู้ว่าเนื้อหาแต่ละขั้นนั้นทำอย่างไร เราจะสอนและวิเคราะห์อย่างละเอียด 

3

ขั้นตอนที่สาม

การขายให้กับผู้ติดตามของเรา

คือการขายให้กับผู้ติดตามของเรา ผมทำแบบนี้มา 15 ปีแล้วเวิร์คที่สุด ขายอะไรก็ถล่มทลาย อยากจะสร้างธุรกิจอะไรคนก็แห่กันมาสมัคร เพราะฉะนั้นนั่นคือสิ่งที่จะทำให้ผู้เรียนนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้

เรายังสอนในเรื่องของระบบแห่งความสำเร็จด้วย เพราะว่าหลายๆคนอยากทำการตลาดออนไลน์ แต่รู้สึกว่าทำไมเหนื่อยจังต้องไลฟ์ทุกวัน เราจะสอนวิธีการใช้เครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด เพื่อช่วยทุ่นแรง ทุ่นเงินทุ่นเวลาทำงาน เครื่องมือที่ทรงพลังมีอะไรบ้าง เว็บไซต์ท่านต้องมี Sale funnel ท่านต้องสร้างเป็น Facebook Page, YouTube Channel ระบบติดตามผลไม่ว่าจะเป็นระบบ Email Marketing, Messenger Marketing, Line Marketing ท่านชอบทางไหนก่อนก็ทำได้หมด แล้วเราก็ทำขายให้กับผู้มุ่งหวังอัตโนมัติการพาคนมากๆ ให้เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เราเรียกว่า Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าสื่อของเรา มี 2 แบบ คือ การทำการตลาดแบบไม่ใช้เงิน และการใช้เงินในการทำการตลาดหรือซื้อโฆษณา

เชษฐิทย์ สิงขร:

นับได้ว่าเป็นการตีแผ่หรือว่าเอาระบบที่ อาจารย์กมลเวช ทำและประสบความสำเร็จของอาจารย์เอง เอามาสอนให้กับคนที่สนใจ ต้องการที่จะเรียนจริงๆ สอนโดยไม่มีกั๊กนะครับสอนทุกอย่างที่ทำให้สำเร็จ ซึ่งผู้ที่เรียนก็จะได้ประโยชน์อย่างมากและถ้าเอาไปลงมือทำเป็นระบบของตัวเอง ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จแบบนี้เช่นเดียวกันนะครับ เพราะมันเป็นระบบที่พิสูจน์แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:

ใช่มันถูกเรียกว่า ระบบแห่งความสำเร็จที่ไม่มีวันผิดพลาด ทำ 100 ครั้ง ก็สำเร็จ 100 ครั้ง

เชษฐิทย์ สิงขร:

มีคำถาม จากผู้ที่สนใจส่งคำถามเข้ามา ผมจะถามอาจารย์กมลเวชเป็นข้อๆ นะครับ คำถามแรกเลย ใครเหมาะสมที่จะมาเรียน

กมลเวช เมืองศรี:

ทุกคนครับ พูดง่ายๆ คือโปรเจคนี้ชื่อโปรเจคเศรษฐีชุดนอน ก็คือใครก็ตามที่อยากที่จะอยู่ในชุดนอนแล้วยังมีรายได้เข้าตลอดทั้งตอนหลับและตื่นครับ ผมคนนึงล่ะอยากได้

เพราะฉะนั้นเมื่อเราสร้างระบบเป็นทำการตลาดเป็นแบบอัตโนมัติ ท่านก็อยู่ในสภาพเศรษฐีชุดนอนแล้ว เพราะการมีรายได้ระดับ 1 แสน ถึง 1 ล้านเข้ากระเป๋าเป็นอย่างน้อยทุกเดือน ท่านว่าในสภาพสังคมในปัจจุบันนี้ คนที่มีรายได้ปีละ 30 ล้านขึ้นไปเป็นเศรษฐีไหมล่ะ เดือนนึงได้ซัก 1 ถึง 3 ล้าน ปีละ 30 ล้านแล้ว

จะสอนวิชาว่าทำอย่างไรให้ท่านรู้วิธีการ สร้างเครื่องมือเป็น ทำการตลาดเป็น เพื่อท่านทำการตลาดขายสินค้าหรือบริการของท่านเพื่อให้มีรายได้อย่างน้อย 1 ล้านเหรียญหรือว่า 30 ล้านบาทต่อปีภายใน 1 ถึง 3 ปีนี้ครับ

เชษฐิทย์ สิงขร: 

อาจารย์ครับแล้วสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีสินค้าหรือธุรกิจของตัวเองเลยครับสามารถที่จะเรียนได้หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

ผู้ไม่มีสินค้าหรือธุรกิจของตัวเอง ก็คือคนทั่วไป เพราะตอนที่เราเริ่มก็ไม่มีอะไร แต่เราสามารถที่จะเลือกสินค้าหรือบริการของคนอื่นมาโปรโมทได้ ถ้าท่านไปสมัครทำธุรกิจเครือข่าย สินค้านั้นก็เป็นของคนอื่นธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ขายประกันชีวิต มันไม่มีสินค้าชิ้นไหน ที่เป็นของท่าน เป็นของคนอื่นทั้งสิ้น

เมื่อไปสมัครแล้วกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคเป็นไหม ถ้าท่านทำการตลาดไม่เป็น ท่านจะขายไม่ค่อยได้หรอกนะ มันยากมากที่ไม่มีทักษะและจะไปนั่งโพสต์แล้วจะมีคนซื้อ หลายๆท่านที่ดูวีดีโอนี้อยู่ ก็เคยโพสต์แหลกโพสต์กระจายมาแล้ว พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ เคยฮิตกันอยู่พักใหญ่ แล้วตอนนี้ไปไหนแล้ว

ผมเคยทำนายไว้ว่ามันเป็นโมเดลพิเศษที่อยู่ไม่นาน เพราะเขาคุณสมบัติที่สำคัญในการที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือขาดชุดทักษะในการทำการตลาดเพื่อความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดถูกสอนใน โปรเจคเศรษฐีชุดนอนนี้ 

คนที่มีสินค้าหรือไม่มีสินค้า มีธุรกิจหรือไม่มี ไม่ใช่ปัญหาเลย ให้มาเรียนก่อน ไม่ใช่ว่าไปซื้อสินค้ามากอง หรือไปสมัครธุรกิจลงทุนไว้ก่อน อย่าเชื่อนะว่าที่เขาบอกว่าสินค้าขายตัวเองได้ ไม่มีบนโลก ตัวเรานี่แหละเป็นคนขายสินค้า

เชษฐิทย์ สิงขร: 

การันตีผลลัพธ์หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

ตอบชัดเจนเลย ไม่การันตี แต่ถ้าทุกท่านการันตีว่าทุกท่านพร้อมเรียนรู้ฝึกฝนลงมือทำและพร้อมที่จะลงมือทำทุกอย่างที่ผมสอน ผมแนะนำ ให้ทำอะไรทำ ถ้าท่านทำทุกอย่างตามที่ผมบอก ผมการันตีว่าท่านจะประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าท่านเข้ามาแล้วไม่เอาจริง ไม่ทำอะไรเลย ไม่เรียน ไม่พัฒนา ไม่สร้างเครื่องมือ ไม่ฝึกทำการตลาด ไม่เขียนโฆษณา แล้วจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าการันตีไปผมก็กลายเป็นคนไร้สาระ ถ้าอย่างนั้นท่านเก็บเงินไว้ดีกว่า 

แต่ถ้าอยากประสบความสำเร็จ แล้วทำตามที่ผมสอน 1 ปีเต็ม โดยเป็นการสอนแบบออนไลน์ 80 เปอร์เซ็นต์ และมาเรียนแบบเจอตัวอย่างน้อย ทุก 2 เดือน เจอกัน 1 ครั้ง เพื่อทำเวิร์คชอป ที่ K-Academy ที่เปิดไว้ให้นักเรียน ท่านจะมาเจอผม และโค้ชในทีมแห่งความสำเร็จ ครั้งละ 2 วันเต็ม รวมแล้วเกือบ 100 ชั่วโมงที่จะได้มาพบกับพวกเรา

เชษฐิทย์ สิงขร:

อยู่ต่างประเทศเรียนได้หรือไม่

กมลเวช เมืองศรี:

อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ อย่าเข้าใจผิดว่าอยู่ไกลแล้วไม่สามารถเข้ามาเรียนเวิร์คชอปได้ เวิร์คชอปนี่เป็นของแถม เนื้อหาทั้งหมดจะถูกสอนในระบบออนไลน์ทั้งหมด ล็อกอินเข้าไป ดูวีดีโอแล้วทำตาม ทำไม่ทันดูย้อนหลัง สงสัยสอบถามโค้ช เรามีโค้ชคอยตอบให้ตลอดเวลา

มันเหมือนกับว่าท่านมีโค้ชส่วนตัวให้กับท่าน 3 ปีเต็ม  เพราะเราสอน 1 ปีเต็มพร้อมให้คำปรึกษา 3 ปีเต็ม ถ้าทีมโค้ชช่วยไม่ได้ผมจะเป็นคนช่วยเองช่วยสนับสนุนให้ทุกท่านผ่านทุกความท้าทายในการเรียนให้ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้หมดครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

สร้างรายได้อย่างไร สร้างรายได้กี่ช่องทาง

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่ดีมากเลย ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนมันจะแตกต่างจากทุกโปรเจคในประเทศไทย เพราะเราจะเปิดโอกาสให้ท่านสร้างรายได้ทั้งหมด 3 ช่องทาง หลักๆ

ช่องทางที่ 1 มาจากที่ท่านได้รับสิทธิ ที่จะสามารถโปรโมทสินค้าหรือบริการหรือคอร์สสัมมนาของบริษัทเราได้ทั้งหมดเลยครับ เพื่อที่จะรับรายได้เป็นค่าคอมมิชชั่นจากเรา 30%-50%  สมมุตคอร์สราคา 3,000 ท่านได้เกือบ 1,500 บาท ช่องทางนี้ไม่บังคับ แต่ถ้าท่านอยากโปรโมทท่านก็มีรายได้หลายช่องทาง

ช่องทางที่ 2 ระหว่างเรียนเราจะลงทุน 30,000 บาท เพื่อลงโฆษณาคอร์สของเราโดยผ่านลิงก์ส่วนตัวของนักเรียนทุกคนในแต่ละรุ่น เงินจะไหลเข้าบัญชีของนักเรียนแทบทุกคนและทุกเดือน ไม่มีคอร์สที่ไหนอีกแล้วที่ท่านเรียนแล้วได้เงินกลับไปด้วย

ช่องทางที่ 3 เมื่อท่านได้เรียนโปรเจคนี้และรู้วิธีทำการตลาดทึ่ทรงพลังแล้ว ท่านจะนำไปโปรโมทสินค้าของใครก๋ได้ เพราะท่านมีระบบ ก็สามารถทำได้ทุกวัน หรือท่านจะสร้างสินค้าของตัวเองก็ทำได้

เชษฐิทย์ สิงขร:

ในรุ่นที่ 1 และ 2 ก็รับรายได้กันถ้วนหน้า

กมลเวช เมืองศรี:

โดยนักเรียนจะต้องทำตามคุณสมบัติของเราให้ครบ ง่ายๆ แลยคือการชำระค่าเรียนให้ครบเท่านั้นเอง

เชษฐิทย์ สิงขร:

คอร์สนี้ต่างจากคอร์สอื่นอย่างไร

กมลเวช เมืองศรี:

คอร์สนี้เป็นคอร์สระดับสูงสุดของผมแล้ว โดยสอนละเอียดที่สุด ด้วยเนื้อหาที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตของมนุษย์ เราไม่ได้สอนวิธีการอย่างเดียว

ซึ่งวิธีการนั้นมันแค่ 5% เท่านั้น เราสอนวิธีสื่อสารด้วย การสื่อสารกับผู้คนไม่ว่าจะผ่านการเขียน ส่งอีเมล การโพสต์ หรือผ่านการพูดในวีดีโอ หรือ Podcast ท่านจะพูดแล้วโดนใจคน ทำให้คนชอบท่าน เชื่อถือ และศรัทธาท่าน เป็นทักษะ 15% รวมเป็น 20%

อีก 80% ที่เราจะสอนคือวิธีคิด การที่คนจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้เขาจะต้องมี วิธีคิดของผู้ประสบความสำเร็จ ท่านทราบไหมว่าคนจำนวนมากที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพราะเขามีวิธีคิดที่ไม่เวิร์ค ไม่ใช่เพราะไม่รู้วิธีการนะ บางคนเรียนจบ ป.โท ป.เอก เรียนทุกคอร์ส แต่ก็ยังไม่สำเร็จ

เพราะยังคิดไม่ได้ว่าควรจะต้องทำอะไร และทำอย่างไร ควรจะเอาชนะปัญหาอย่างไร บางคนเจอปัญหาแล้วยอมแพ้ บางคนเจอปัญหาแล้วเอาชนะได้ มันขึ้นอยู่กับวิธีคิด แล้วการสอนให้คนมีวิธีคิดของผู้ประสบความสำเร็จ ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี นั่นคือสาเหตุที่โปรเจคนี้สอน และให้คำปรึกษาทั้งหมด 3 ปีเต็ม คุ้มค่าไหมครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

เริ่มเรียนเมื่อไรครับ

กมลเวช เมืองศรี:

ผมตั้งเป้าไว้ว่า ใครก็ตามที่เข้ามาเรียนแล้วทำได้เหมือนอย่างที่ผมทำได้ สามารถทำรายได้ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อเดือนได้แล้ว 100 คน ผมจะวางมือ และไม่สอนอีกแล้ว ดังนั้น เราจะเปิดรับทุกเดือน แต่เมื่อเราปั้นคนได้ครบ 100 คนแล้ว เราปิดรับสมัคร และไม่สอนแล้ว ซึ่งอาจจะครบในรุ่นที่ 4 นี้ก็ได้ เพราะเรารับรุ่นละ 30 คนเท่านั้น

เชษฐิทย์ สิงขร:

ฉันจะทำได้ไหม

กมลเวช เมืองศรี:

เป็นคำถามที่ดีครับ ผมตอบว่า ถ้าท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ผมก็เชื่อว่าท่านทำได้ แต่ถ้าท่านเชื่อว่าทำไม่ได้ ผมก็เห็นด้วยนะครับ เพราะคนที่จะบอกว่าท่านทำได้หรือไม่ ก็คือต้วท่านเอง 

ถ้าท่านคิดว่าทำไม่ได้ ผมอยากจะแบ่งปันว่า มนุษย์ทุกคนสามารถทำทุกอย่างให้สำเร็จได้ แต่ที่แตกต่างกันคือ ความคิดที่เขาคิดว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ เห็นไหมครับว่า วิธีคิดสำคัญมาก 

เชษฐิทย์ สิงขร:

ถ้าไม่เข้าใจ ถามใครได้

กมลเวช เมืองศรี:

เรามีทีมโค้ช 3 คน มีผมโค้ชแนมโค้ชตู้ เราจะตอบคำถามได้ตลอดในกลุ่มเฟสบุค เมื่อท่านถามจะทำให้คนอื่นได้รับรู้ด้วย บางทีนักเรียนที่ทำได้จะเข้ามาช่วยตอบมันจะทำให้เขาแตกฉานเข้าใจมากขึ้น และสอนคนอื่นต่อไปได้ ได้ประโยชน์ทั้งผู้ถามและผู้ตอบ

เชษฐิทย์ สิงขร:

ราคาเท่าไร

กมลเวช เมืองศรี:

โปรเจคนี้ตั้งราคาไว้ที่ 84,950 บาท บางคนอาจมองว่าราคาสูง แต่อยากจะบอกว่าเปรียบเทียบกับอะไร เพราะถ้าพิจารณา การเรียน ตรี โท เอก ราคาเท่านี้เรียนไม่ได้นะครับ แต่โปรเจคนี้สอนให้ท่านเป็นผู้ประกอบการ คือ จบแล้วสามารถออกไปทำกิจการได้ บอกเลยว่าค่าเรียนถูกกว่าค่าเทอมลูกของผมอีก 

การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนให้กับตัวเอง เรามี Payment Plan ให้ผ่อนได้

วิธีแรก จ่ายเงินก้อนแรก 29,997 บาท และผ่อนอีก 4,997 บาท อีก 11 เดือน

วิธีที่สอง ไม่ต้องจ่ายเงินก้อนแรก แต่ผ่อน 7,100 บาท ติดต่อกัน 12 เดือน

วิธีที่สาม ชำระเงินก้อนครั้งเดียว ลดให้ จากราคาเต็ม เหลือเพียง 80,000 บาท

ถ้าอยากปรึกษาเรื่องการชำระเงินให้โทรมาปรึกษาได้ครับ

เชษฐิทย์ สิงขร:

ถ้าท่านใดยังมีคำถาม สามารถส่งคำถามมาได้ทุกช่องทางนะครับ

อยากให้ อาจารย์กมลเวช สรุปในช่วงท้ายนี้ครับ

กมลเวช เมืองศรี:

มีคำกล่าวจาก โรเบิร์ต คิโยซากิ เจ้าของหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้าน บอกเอาไว้ว่า “มันเป็นเรื่องที่บ้ามาก ถ้าใครคนหนึ่งต้องการสร้างผลลัพท์ใหม่ๆ ในชีวิต แต่ยังทำเหมือนเดิม” มันทำให้ผมออกมาทำสิ่งใหม่เพราะผมอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต

และถ้าท่านอยากพัฒนารายได้ของท่านให้มากกว่าเดิม 100 ถึง 1,000 % หรือ 2 ถึง 10 เท่า ท่านจะต้องทำสิ่งที่แตกต่าง ท่านต้องออกมาจากโซนสบายของท่าน แล้วเข้ามาอยู่ในโปรเจกเศรษฐีชุดนอนของเรา จะทำให้ท่านเป็นคนที่พัฒนาตัวเอง เมื่อท่านเรียนจบโปรเจคแล้วท่านจะจำตัวเองไม่ได้เลย 

ถ้าอยากสร้างผลลัพท์ใหม่ๆ จงทำสิ่งใหม่ๆ

การตัดสินใจในชีวิต นั้นใช้เวลาไม่นาน เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของสายการบิน เวอร์จิ้น บอกไว้ว่า “เมื่อมีคนมาเสนอโอกาส เพื่อให้ชึวิตคุณดีขึ้น จงอย่าลังเล จงคว้าโอกาสนั้นไว้ แล้วค่อยมาเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ เพราะโอกาสนั้นอาจจะไม่กลับมาเป็นครั้งที่สอง”

เชษฐิทย์ สิงขร:

ผมหวังว่าทุกท่านจะคว้าโอกาสนี้ไว้ แล้วพบกันในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนครับ

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

kamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawitkamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

“ในที่สุด…วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!”

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงในถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล