วิธีสร้างทีมงานในธุรกิจเครือข่าย

วิธีสร้างทีมงานในธุรกิจเครือข่าย

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านมีทีมงานแล้ว ไม่ทำอะไรเลยไฟมอดสนิท และทีมงานเขาไม่รู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไร หรือไม่ก็เขาไม่สามารถโมติเวทตัวเองได้หรือไม่เขาก็ไม่เข้าใจธุรกิจนี้

วันนี้จะมาแบ่งปันวิธีกระตุ้นทีมงานของท่านอย่างไรให้ตื่นเต้นให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา

วีดีโอ “กระตุ้นทีมงานอย่างไรให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา”

หนังสือเสียง “กระตุ้นทีมงานอย่างไรให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “กระตุ้นทีมงานอย่างไรให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา”หนังสือเสียง “กระตุ้นทีมงานอย่างไรให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา”ตอนที่ 8 ใช้เวลาของเราที่ตรงไหนตอนที่ 9 นักย่างสเต็ก ขายสเต็กเนื้อย่างตอนที่ 10 แรงกระตุ้นและทัศนคติ

ถ้าท่านต้องการเรียนรู้นะครับว่าจะสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ MLM ขายตรง ประกันชีวิต ของท่านอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านจะกระตุ้นทีมงานของท่านอย่างไร ให้ตื่นเต้นให้ไฟลุกร้อนฉ่าตลอดเวลา ไม่ใช่สองวันดีสามวันมอดแบบนั้น

วันนี้ข้อมูลที่ผมจะแบ่งปัน ผมเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

ตอนนี้เป็นตอนที่ 4 แล้ว ย้อนกลับไปดูตอนผ่านมาได้จากที่นี่

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการสร้างธุรกิจเครือข่ายอย่างแรกก็คือ “ไม่มีรายชื่อ” หรือมีรายชื่อแล้ว “สปอนเซอร์คนไม่ได้” ทำให้ขาดรายชื่อพอขาดรายชื่อก็เลยขาดรายได้ นี่คือสองปัญหาที่ใหญ่ที่สุด

แต่คนที่ก้าวข้ามผ่านเรื่องของการสปอนเซอร์คนได้แล้ว คือ มีรายชื่อสปอนเซอร์คนได้มีรายได้เกิดขึ้น

แต่พอมีทีมงานเข้ามาในทีมงานก็ไม่ทำอะไรเลยไฟมอดสนิทกัน และเขาไม่รู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไร หรือไม่ก็เขาไม่สามารถโมติเวทตัวเองได้ หรือไม่เขาก็ไม่เข้าใจธุรกิจนี้

หากเจอปัญหาว่าเค้าไม่เข้าใจธุรกิจต้องส่งวิดีโอที่ผมพูดกันตั้งแต่ตอนแรกให้เค้าฟัง เค้าจะได้เห็นภาพคำว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไร พลังทวีคูณคืออะไร เราจะเริ่มต้นในสี่ขั้นตอนยังไง รวมถึงการปล่อยเรือออกไป และตามมาด้วยวิธีการเชิญผู้คนมาดูโอกาส เดี๋ยวเราจะมีการไล่เรียงเนื้อหาให้ท่านได้ติดตาม

แต่ถ้าท่านมีองค์กรแล้วหรือท่าน กำลังจะสร้างองค์กรแล้วท่านไม่อยากที่จะติดกับ ปัญหาที่ว่า

เฮ้ยยย ทีมงานฉันบิ๊วยังไงก็ไม่ขึ้นเลย นิ่งสนิทตายเรียบ ไม่รู้หน้าที่ตัวเองเลย ใช่เขารู้หน้าที่ แต่กลุ่มคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่เขาเรียกว่ามีจำนวนมากในสังคม

ยิ่งสังคมการสร้างธุรกิจมีเยอะมากคือไม่สามารถกระตุ้นตัวเองได้ เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มที่จะไม่ประสบความสำเร็จเร็วที่สุด

เราไม่เรียกกลุ่มนี้ว่าเป็น Self Starter 

Self Starter เป็นกลุ่มคนที่เราอยากได้ที่สุดในการสปอนเซอร์คน

Self Starter  คือ กลุ่มคนที่สามารถลุกมาทำอะไรอะไรด้วยตัวเองได้ ต่อให้อัพไลน์ตายไปก็ช่าง ทำได้สำเร็จด้วย

แต่คนมากกว่า 80-90% อัพไลน์อยู่สอนทุกอย่าง ทุกวัน ป้อนทุกวัน ก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาทำอะไรได้เลย

กลุ่มนี้ถ้าเป็นท่านตระหนักให้ดี ท่านยังไม่มีคุณสมบัติที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ตระหนักให้ดี สมัครทำธุรกิจไปแล้วแต่ไม่ทำอะไรเลย

ไม่รู้จะทำอะไร ทำอย่างอื่นคือยุ่งกับเรื่องอื่น แต่เรื่องที่ควรจะทำไม่สามารถเอาตัวเองตระหนัก หรือ ตระหนักรู้ว่าฉันต้องทำอะไรและฉันต้องลงมือทำให้ได้

ขาดโฟกัสในการจะมีวินัย ขาดวินัยในการจะโฟกัสทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ

วันนี้เราจะทำให้ท่านเห็นภาพเลยนะครับว่า เฮ้ยย!! ในฐานะในการเป็นอัพไลน์เราควรกระตุ้นทีมงานยังไง ในฐานะของการเป็นทีมใหม่ เป็นคนใหม่ในธุรกิจฉันควรจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนทัศนคติของฉันได้อย่างไรวันนี้จะได้ประโยชน์ทั้งอัพไลน์ และจะได้ประโยชน์ทั้งหุ้นส่วนใหม่

ตอนที่ 8 ใช้เวลาของเราที่ตรงไหน

อย่างที่พูดไปเมื่อกี้ไงว่าคนส่วนมาก ทั้งอัพไลน์ ดาวไลน์ ไซด์ไลน์ คน 80-90%ไม่รู้หน้าที่ในการทำธุรกิจของตัวเอง สมัครทำธุรกิจมาแล้วหายสาบสูญไปเลยไม่รู้หายไปไหน เป็นเพราะเขา…

  1. เขาไม่ได้เป็น Self Starter 
  2. ไม่มีทัศนคติของการเป็นผู้ประกอบการ

การเป็นผู้ประกอบการไม่ต้องรอให้ใครกระตุ้นถ้าต้องรอให้ใครกระตุ้นนั้นไปไม่รอด

ในธุรกิจเครือข่ายเราจะไม่ทำแบบเนอสเซอรี่แต่เราจะเลี้ยงลูกของเราให้แข็งแกร่งเราจะสอน สอนแล้วก็พาทำ ถ้าสอนแล้วยังไม่ยอมทำ  พาเดินก็ไม่ยอมเดินร้องไห้งอแง เค้าก็ไปหาคนอื่นทำต่อเอาคนที่พร้อมจะเดินกับเราก่อน

เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราจะมาดูครับว่าเราจะใช้เวลาของเราที่ ตรงไหนให้ทรงพลังที่สุดและเกิดประโยชน์ที่สุด

เรามาดูภาพครับ ภาพนี้เป็นกราฟจะแสดงให้ท่านได้เห็นครับว่า ท่านจะใช้เวลาที่ตรงไหน

โดยทั่วไปแล้วในช่วงเริ่มต้นของท่านนั้นเวลาทั้งหมด ผมหมายถึงเวลาทั้ง 100% ของท่านควรใช้ไปในการอุปถัมภ์คนอื่น

สมัครเข้ามาปุ๊บ เวลาร้อยเปอร์เซ็นต์โฟกัสในการ อุปถัมภ์คนอื่น เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำ ถ้าตอนนี้ตัวอัพไลน์ก็ไม่ได้อุปถัมภ์คน ไม่ได้ดูแลทีมงานตัวเอง ตัวของทีมงานที่เข้ามาก็ไม่อุปถัมภ์คนต่อ องค์กรนี้ชะงักอย่างแน่นอน

แต่ถ้าอัพไลน์ ลุกขึ้นมาอุปถัมภ์คนของตัวเองแล้ว ตัวของท่านที่เป็นคนใหม่ก็ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองในการอุปถัมภ์คนต่อ โดยการทำงานกับอัพไลน์ องค์กรนี้ก็เริ่มมีโมเมนตัม

และโมเมนตัมคือเพื่อนที่ดีที่สุดของธุรกิจเครือข่าย

ถ้าไม่มีโมเมนตัม ท่านต้องบิ้วใหม่อยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าท่านมีโมเมนตัมแล้วเหวี่ยงต่อไปอย่าหยุดเหวี่ยงติดต่อกันอย่างน้อย 18 เดือนถึงสามปี

ท่านจะมีอิสรภาพทางการเงินและเวลาในธุรกิจเครือข่ายได้เลย

แต่ท่านอาจจะมีคำถามว่า อ้าวที่ผ่านมา สอนไม่ใช่หรอว่าถ้าเราควรจะใช้เวลาในการศึกษาก่อนอย่างน้อยสองสามสัปดาห์แรกไม่ใช่หรอ

เรายังจะไม่นับวันเริ่มต้นไม่ใช่หรอ ถูกต้อง ที่ท่านพูดมาไม่มีอะไรผิดเลยแต่ท่านอย่าลืมนะครับว่าในช่วงแรกที่ท่านต้องเรียนรู้นั้นคนที่เป็นสปอนเซอร์ของท่านจะมาช่วยท่านอุปถัมภ์คนอื่น ไม่ใช่ท่านทำคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ

เขาจะเซ็ตระบบสอนระบบ และสอนวิธีการให้ท่านนั้น สปอนเซอร์โดยการถามถึงบุคคลที่สาม เมื่อท่านเชิญคนมาดูโอกาสแล้วเค้าจะช่วยตอบคำถามให้ชัด แต่เขาไม่สามารถเชิญคนแทนท่านได้ เขาไม่สามารถเชิญคนของท่านมาดูโอกาสได้ท่านก็จะต้องทำส่วนนั้น

อัพไลน์จะเข้าจะมาช่วยสปอนเซอร์โดยการ ช่วยคุยช่วงสุดท้ายในการปิดสมัครในการตอบคำถามตอบข้อกังวลสงสัยให้

เพราะฉะนั้นสปอนเซอร์ของท่านจะมาช่วยท่านสปอนเซอร์ต่อ ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นการฝึกไม่ใช่อ่านตำราอย่างเดียวโดยไม่ต้องทำอะไรเลย

ใช่ต้องลงมือทำด้วย แม้ว่าผู้อุปถัมภ์ของท่าน หรือสปอนเซอร์ของท่านจะทำงานแทนท่าน ท่านจะเป็นผู้อุปถัมภ์โดยตรงของคนที่ท่านพาเข้ามาในธุรกิจ

คือสปอนเซอร์ช่วยท่านก็จริงแต่ถ้ามันเป็นคนที่สามารถสปอนเซอร์เขาเข้ามา ท่านก็เป็นสปอนเซอร์ของเขาเป็นคนที่อุปถัมภ์เขา

ในธุรกิจเครือข่ายนั้นจะท่านจะเริ่มอุปถัมภ์ผู้คนได้ทันที ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเลยนะควรจะทำตั้งแต่วันนั้นเลย

เพราะถ้าสปอนเซอร์ของท่านสอนวิธีการที่เวิร์คกับท่านตั้งแต่วันแรกให้ท่านได้อ่านตำรานี้ตั้งแต่วันแรก ท่านเข้าใจสี่บทแล้วท่านเข้าใจวิธีการเชิญคนบุคคลที่สาม รู้แล้วท่านสามารถทำได้เดี๋ยวนั้นเลย

แต่ถ้าท่านไม่ต้องการทำเดี๋ยวนั้นก็ไม่มีปัญหายิ่งทำเร็วยิ่งดี แต่ถ้าหากท่านต้องการทำทีหลังก็ไม่มีปัญหา

เมื่อท่านเริ่มต้นธุรกิจก็จะมีเพียงแต่ท่านคนเดียวและท่านก็ทราบดีว่าท่านจะต้องอุปถัมภ์ 5 คนที่เอาจริงเท่านั้นเ พราะท่านจะต้องมี 5 ฟ้อนไลน์ และสร้างลึกลงไปห้าชั้น

แต่การที่ท่านจะได้หาคนจริงจังท่านต้องอุปถัมภ์คนมากกว่า 5 คน ค่าเฉลี่ยคือท่านจะต้องสปอนเซอร์ประมาณ 10-20 คน มีคนสมัครทำธุรกิจกับท่าน ไม่ว่าจะเป็น package อะไรก็แล้วแต่ 10 ถึง 20 คนแล้วจะมีห้าคนที่จริงจังปรากฎตัวขึ้นมานี่คือ กิจกรรมแรกที่ต้องทำ

แล้วเหตุใดเล่าเมื่อเวลาผ่านไปเวลาที่ท่านต้องใช้ในการสปอนเซอร์คนหรืออุปถัมภ์คนจึงลดลง ดูกราฟครับท่านจะเห็นเลยครับว่า ยิ่งเวลาผ่านไปเวลาที่ใช้ในการสปอนเซอร์คนลดลง เรื่อยๆ จาก 100% เหลือ 10%

จริงๆเราทำงานกันแค่ช่วงแรกเท่านั้น ถ้าใครเข้าใจจุดนี้ทุ่มเทเวลาเต็มที่เลยช่วง เดือน 2 เดือน 3 เดือนแรก ในการสปอนเซอร์คน 5 คนจริงจังให้ได้

ถ้าท่านไม่เริ่มต้นสักที ท่านจะเหมือน พายเรืออยู่ในอ่างอยู่นั้นแหละไม่ไปไหนเลย แต่ถ้าท่านเข้าใจจุดนี้แล้วก็จับมือกับอัพไลน์ อัพไลน์จับมือกับทีมงาน

เฮ้ยยย พวกเราเดือนแรกจัดหนักจัดเต็มหา 5 คนจริงจังให้ได้ไม่เกิน 18 เดือนท่านมีรายได้ 6-7 หลักได้เลย แต่ถ้าพิรี้พิไรอยู่นั้นแหละ ไม่เริ่มสักที เราต้องหาคนที่พร้อมที่จะเริ่มต้นอย่างจริงจังภายในหนึ่งเดือน อย่าไปเสียเวลากับเรือว่างเปล่า

เหตุใดเล่าเมื่อเวลาผ่านไปเวลาที่ท่านต้องใช้ในการสปอนเซอร์คนหรืออุปถัมภ์คนจึงลดลง

คำตอบคือ เมื่อถึงเวลาเอาจริงเมื่อสปอนเซอร์หนึ่งคน สองคน สามคน จนถึงห้าคนเมื่อไหร่ ท่านจะเลิกใช้เวลาในการหาคนเอาจริงแล้วไง แต่ท่านจะเปลี่ยนมาใช้เวลาสอนก่อน เห็นไหมไม่มีคำว่าขายเลย ท่านจะสอนเขาให้เรียนรู้กับ สี่บทแรกและสอนให้เขาอุปถัมภ์ห้าคนจริงจังของเขา และก็สอนให้เขารู้วิธีในการสอนคนของเขาให้สปอนเซอร์คนอื่นๆได้อีกด้วย

ง่ายๆเลยเมื่อท่านได้ 5 คนจริงจังลงไปสอนเขาให้เต็มที่เลยจะต้องพูดยังไงสปอนเซอร์ยังไง ขั้นตอนเป็นยังไง ให้เขาสอนทีมงานเขาได้ด้วยเมื่อเขารู้วิธี และเมื่อเขาสามารถสร้างทีมได้ลึก 3-4 ชั้น

และเมื่อเขาบอกเขาไม่ต้องการท่านแล้ว เขาเป็นแล้ว ท่านค่อยไปหาคนเอาจริงใหม่ในสายใหม่ ท่านก็จะมีสายที่ 6 7 8 9 10 ท่านก็ยิ่งร่ำรวยมากยิ่งขึ้นและมีแพสซีพอินคำ

ท่านดูภาพนะครับ ท่านมี 4 คนแรก 4 คนนี้ไม่ต้องการท่านแล้วองค์กรเขาโตแบบอัติโนมัติลึกไป 4 ชั้นมี 625 คนในชั้นที่ 4 แล้วท่านเปิดสายใหม่แล้วทำแบบเดิมอีก 4-5 คน ท่านได้อีก 6,000 คน ทวีคูณกันเป็นหมื่นเลยครับ เลขมันเป็นแบบนี้จริงๆ

เพราะฉนั้นท่านจะต้องเข้าใจก่อนว่าโฟกัสอะไร

หา 5 คนที่จริงจัง พา 5 คนนี้ลงลึก 4 ชั้น ข้างใต้นี้จะมีคน 625 คนรวมในองค์กรทั้งหมด 781 โอ้โห เห็นภาพรึยัง นี่เป็นภารกิจที่น่าทำมากที่สุดในโลกนี้ในการสร้างรายได้ที่ทรงพลังที่สุด ความเสี่ยงต่ำที่สุดแล้วทุกคนสามารถทำได้ เมื่อตั้งสติ ตั้งใจและตระหนักว่าตัวเองต้องทำอะไรที่ละขั้นที่ละตอน ทำเล็กๆจนกระทั่งพิชิตจุดหมายใหม่

เมื่อท่านพบคน 5 คนเอาจริงเรียบร้อยแล้วท่านควรจะใช้เวลา 95% ของท่านในการทำงานกับเขา 2.5%ในการดูแลลูกค้าที่เป็นเพื่อนของท่าน ท่านมีเพื่อนเป็นลูกค้าไง เพราะท่านแบ่งปันผลิตภัณฑ์ให้กับเพื่อนของท่าน

และอีก 2.5% ที่เหลือ ใช้ในการหว่านเมล็ดเมื่อใดก็ตามที่ท่านได้เจอคนใหม่ๆ สปอนเซอร์ไว้ก่อนต้องทำเรื่อยๆ ถ้าท่านแบ่งงานอย่างนี้ได้ นั้นหมายความว่าเวลาในแต่ละวันคือทำงานกับคน 5 คน

สมมุติผมจะบอกวิธีการในการทำงานกับ 5 คนให้เป็นระบบให้ฟัง ท่านทำงานแบบงานประจำเลย

  • วันจันทร์ทำกับคนที่ 1
  • วันอังคารทำกับคนที 2
  • วันพุธทำกับคนที่ 3
  • วันพฤหัสทำกับคนที่ 4
  • วันศุกร์ทำกับคนที่ 5
  • เสาร์อาทิตย์หยุดพักผ่อน

วันจันทร์กลับมาหาคนที่ 1 ใหม่ เป็นไงมีทีมงานรึยัง เพราะตลอดสัปดาห์นั้นท่านสามารถทรีเวย์คอล ตอบคนถามให้คนที่ 1 ด้วยมันจะวนเกิดผลลัพธ์กันแบบนี้แล้วทุกคนก็รู้หน้าที่ของเขาว่าวันจันทร์ต้องทำไง เป็นระบบ ทำให้ท่านแยกแยะได้ไม่มั่ว

ท่านเหมือนออกไปทำงานประจำ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปท่านจะยิ่งรวยกว่าคนทำงานประจำเป็นร้อยเท่า ยิ่งเวลาผ่านไปองค์กรท่านโต ท่านไปเลยครับ 5 โมงเย็นนัดกันร้านกาแฟ นัดกันบ้านไหนก็ได้ ใช้เวลาทำงานด้วยกันผ่านไป 3 ปี ท่านมีรายได้เป็นล้านๆบาทต่อเดือน 

คนทำงานประจำรายได้ขึ้นไม่ถึง 15% แล้วงานอิสระด้วยทำตอนไหนก็ได้ นี่คือธุรกิจที่ดีที่สุดในโลก อิสระที่สุดในโลก

ตอนที่ 9 นักย่างสเต็ก ขายสเต็กเนื้อย่าง

ผมจะทำให้ท่านได้เห็นภาพครับว่า ถ้าเราเข้าใจธุรกิจเครือข่าย เรามี Mind set ที่ถูกต้อง เข้าใจหลักการของมัน มีจิตวิทยาในการเข้าใจคนด้วย การทำธุรกิจจะเป็นอะไรที่สนุกมาก บทเรียนนี้สามารถที่จะเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า “กองไฟ”

สมมุติว่าท่านไปค้างแรมที่กลางป่า เมื่อท่านดึงฟีนออกจากกองไฟ ไฟก็จะลดลง ถูกไหมครับ และเมื่อท่านใส่ฟืนกลับเข้าไปใหม่ ไฟก็จะเกิดกลับมาโหมแรงเช่นเดิม 

เพราะฉะนั้นถ้าท่านมีฟืน 1 ท่อน ท่านจะ “ไม่มีอะไรเลย”

แต่ถ้าท่านมีฟืน 2 ท่อน ท่านจะมี “เปลวไฟ” 

ถ้าท่านมีฟืน 3 ท่อนท่านจะมี “ไฟ” เกิดขึ้นแล้ว

เมื่อท่านมีฟืน 4 ท่อนวางอยู่ด้วยกันท่านจะมี “กองไฟ”

ผู้คนก็เช่นเดียวกัน เช่น เมื่อท่านนั้นนัดเจอกับผู้มุ่งหวังของท่านพร้อมกับคนที่ท่าน อุปถัมภ์หรือไม่ก็คนที่เป็นคนสปอนเซอร์ของท่านในร้านอาหารสักแห่งหนึ่ง

แล้วตัวท่านไปถึงร้านก่อนซึ่งท่านนั้นอยู่คนเดียวให้ท่านลองสังเกตดูว่าในร้านๆนั้นมีพลังานมากแค่ไหนหรือไม่มีเลย ส่วนมากแล้วไม่มีพลังเลยนอนจากพลังจากตัวท่าน เงียบสนิท

และเมื่อผู้สปอนเซอร์ของท่านมาถึงและนั่งด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีพลังงานเพิ่มมากขึ้นขนาดไหน ท่านรู้สึกได้ไหม เมื่อเทียบกับการนั่งคนเดียว

แล้วท่าน 2 คนกำลังรอใครบางคนอยู่ แล้วเมื่อเขามาถึงแล้วมันก็ยิ่งมีพลังงานมากขึ้นอีก กลายเป็น 3 คนแล้วนะครับ

และเมื่อบุคคลที่ 4 มาถึง ท่านได้สร้างกองไฟหรือบรรยากาศอันร้อนฉ่าสำเร็จแล้ว

​​​​​​​​ธุรกิจเครือข่ายที่ท่านกำลังจะนำเสนอ ก็เหมือนเนื้อสเต็กครับ ใครๆก็รู้ว่าไฟที่ร้อนฉ่าเท่านั้นจึงจะย่างสเต็กได้

หมายความว่า ต้องมีคนอย่างน้อย 4 คนจึงจะย่างสเต็กหรือจะทำธุรกิจเครือข่ายให้มันแบบถึงพริกถึงขิง สุกกินอร่อยได้ เพราะฉะนั้นจงนัดผู้อุปถัมภ์ของท่าน อัพไลน์ ดาวไลน์ พร้อมกับองค์กรของท่าน สัก 2 คน รวมด้วยท่านเป็น 4 เพื่อแบ่งปันบทเรียนนี้

ทำให้พวกเขาร้อนฉ่า ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา สถานที่ๆเหมาะสมกับเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นที่ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ออฟฟิต ห้องประชุมเล็ก เลือกร้านอาหาร เลือกเวลาที่ยุ่งน้อยที่สุดคือช่วงก่อนอาหารเที่ยงสัก 10 โมงเช้าหรือหลังอาหารเที่ยงคือบ่ายสอง 

หากท่านพาผู้มุ่งหวังเข้าสู่วงสนทนาอันร้อนฉ่านี้แล้วละก็ แม้ว่าตอนแรกเขาจะมีข้อสงสัย หรือมีคำถามในใจ ผู้มุ่งหวังนั้นเปรียบเสมือนฟืนที่เปียกน้ำ พอผู้มุ่งหวังมาถึงเราก็โยนเขาลงไปในกองไฟ ฟืนเปียกนั้นก็จะแห้ง แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไหม้ในกองไฟนั้น เห็นภาพไหมครับการสปอนเซอร์แบบออฟไลน์ การคุยนั้นเราจะต้องจัดบรรยากาศอย่างไร

แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากเรือทองของท่านนั้น เข้ามาในธุรกิจได้ไม่นานกำลังนั่งอยู่ที่ร้านอาหารตามลำพัง และ นั่งคุยกับผู้มุ่งหวังที่เปรียบเสมือนฟืนเปียกน้ำ แบบนี้ไม่ต่างกับการโยนฟืนเปียกน้ำใส่ฟืนที่ไม่มีไฟ อย่าปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่ว่าพวกเขาจะไม่สามารถย่างสเต็กได้ท่อนไม้เดิมที่แห้งพลอยจะเปียกไปด้วย เรือทองของท่านจะกลายไปเป็นฟืนเปียกในที่สุด

จากรูป สมมติว่าคุณพึ่งเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตนเอง สมมติให้คุณเป็นเพียง “กิ่งไม้” แต่ว่าผู้ที่อุปถัมภ์คุณเข้ามา ในธุรกิจ เขาอยู่มานานกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า สมมติให้เขาเป็น “ท่อนไม้” ท่อนไม้กับกิ่งไม้ก็สามารถสร้าง “เปลวไฟ” ได้แล้ว การมีใครบางคนอยู่กับคุณด้วยสามารถสร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนมาก

ตอนที่ 10 แรงกระตุ้นและทัศนคติ

ให้ท่านเริ่มต้นเขียนคำว่า “แรงกระตุ้น” บนกระดาษ จากนั้นเขียนลูกศรชี้ลง อีกอันหนึ่งชีขึ้น ตามรูป แสดงให้เห็นถึงแรงกระตุ้น 2 ประเภท ขึ้น และ ลง

ให้ท่านเขียนใต้ลูกศรชี้ลงว่า “อ่างน้ำร้อน” ใต้ลูกศรชี้ขึ้นว่า “สม่ำเสมอ”

ภาพนี้หมายความว่า

แรงกระตุ้นลง เปรียนเสมือนการอาบน้ำร้อน ดูเหมือนกับว่าเมื่อท่านอาบน้ำร้อนยิ่งน้ำนั้นร้อนเท่าไหร่ ตัวยิ่งเย็นเร็วเท่านั้น

เพราะฉะนั้นผมเคยเห็นคนไปงานประชุมประเภทนี้ หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 สัปดาห์เขากลับมาหดหู่เหมือนเดิม ที่เรียนไปจำอะไรไม่ได้เลย ทำไมเป็นแบบนั้นละ เคยสงสัยรึป่าว

คำตอบก็คือ งานดังกล่าวเขาให้กำลังใจ ตื่นตัวมากแต่ไม่มีใครบอกให้เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไร อย่างไร โมติเวท กันอย่างเดียวเลย ไปออกไปลุยพวกเรา อัพไลน์ไม่ลงมาคอยสอนเลย

หรือไม่มาเป็นจุดยืนว่าทีมตัวเองได้รับการสอนแบบนี้หรือป่าวเห็นภาพไหม ต้องพูดเชิญคนยังไง เชิญคนมาแล้วต้องสปอนเซอร์ ต้องนัดเขายังไง พาเขาเริ่มต้นทำยังไงให้เขาอ่านตำราอะไร

เมื่ออัพไลน์ไม่เป็นจุดยืนอย่างนั้น คนยิ่งลงอ่างน้ำร้อนเท่าไหร่ยิ่งมอดเร็วเท่านั้นเพราะ เฮ้ยย ร้อนแล้วนะเฮ้ยย แล้วเอาไงต่อละ

นี่คือปัญหา ปัญหามาจากไหนล่ะ มาจากอัพไลน์ครับ ที่ไม่ยอมใช้เวลาที่ทีมงานตัวเองมีพลังโมติเวทเต็มที่หลังจากออกอีเว้นมาเข้าไปทำงานอย่างจริงจังกับเขา

แต่โอกาสแบบนี้เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เพราะบริษัทเหล่านี้จะมีอีเว้นทุกๆ 1 เดือนหรือ 3 เดือน พาทีมงานเข้าอีเว้นให้มากที่สุด นัดหมายในการทำงานทันที วางแผนในการทำงานที่เวิร์ค

การไปงานสัมนาการพบปะกับผู้คนและก็ทีมงาน การอ่านหนังสือ การฟังเทปการใช้ผลิตภัณฑ์ การหาความรู้เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายเพิ่มเติม หรือแม้แต่การดูวีดีโอนี้ ที่ผมกำลังพูดอยู่

หรือ การอ่านหนังสือ การนำเสนอ 45 วินาทีก็เป็นแรงกระตุ้นประเภท อ่างน้ำร้อน นะครับ เป็นแรงกระตุ้นลง

ผมไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะครับ มันเป็นแรงกระตุ้นที่ดี ก่อนที่ผมจะพูดถึงแรงกระตุ้นขึ้น ผมขอพูดเรื่องทัศนคติก่อน

ให้ทุกท่านนึกภาพดูนะครับว่า ท่านกำลังจะไปพูดกับใครบางคนเกี่ยวกับธุรกิจของท่านโดยที่คนนั้นไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับธุรกิจของท่าน เพราะฉะนั้นเขามีระดับทัศนคติเป็น 0

สมมุติว่าการที่ท่าน จะไปพูดกับใครให้ได้ผลท่านจำเป็นจะต้องมีระดับทัศนคติอย่างน้อย 50 หากทัศนคติของท่านต่ำกว่า 50 อย่าไปพูดกับใครเพราะเค้าจะถูกจุ่มลงลงไปกับเขาด้วย เดี๋ยวเรามาเช็คกันว่าทัศนคติ 50 เป็นยังไง

สมมุติว่าหลังจากที่ท่านนำเสนอธุรกิจไปแล้ว ผู้มุ่งหวังของท่านตื่นเต้นมากเค้าเซ็นใบสมัครและต้องการเริ่มต้นเดี๋ยวนี้เลย บอกมา บอกผมมาว่า จะต้องทำอะไร ผมรอไม่ได้แล้ว ผมอยากเปลี่ยนชีวิต

ระดับทัศนคติของเขาอยู่ที่ 65 เลยนะครับ เค้ากำลังจะรวยเค้าออกไปพูดกับผู้คนทันทีโดยที่เขาไม่เคยผ่านการอบรมอะไรมาก่อนเลยไม่มีใครสอนเค้า โชคร้ายเลยครับที่เขาออกไปเจอกับกิ่งไม้ที่เปียกน้ำ  

และเนื่องจากเค้าไม่รู้ว่าจะรับมือกับข้อสงสัยของคนอื่นหรือทัศนคติที่เป็นลบมากๆ ของผู้คนเหล่านั้นได้ยังไงทัศนคติของเขาจึงเป็นลบ

เพราะฉะนั้นท่านเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมต้องใจเย็นๆช้าๆได้พล้าเล่มงามแต่ไม่ได้ช้ามากตัวท่านนั่นแหละต้องเป็นคนเร่งสปีดของกระบวนการในการสอนคนให้เร็วที่สุด

คราวนี้ทัศนคติของเค้าเป็นลบ แล้วก็สูญเสียความมั่นใจในที่สุด ออกไปกำลังร้อนเลยถูกเบรกหัวทิ่มกลับมาเลย แม้แต่ญาติ หรือว่าเพื่อนสนิท ที่ผู้มุ่งหวังของท่านไปคุยด้วย ยังอาจคิดว่าตัวเค้าเองกำลังจะถูกหลอกให้เซ็นใบสมัคร

เพื่อที่ผู้มุ่งหวังของคุณจะได้เงิน แทนที่จะคิดว่า ตนเองกำลังจะเซ็นใบสมัคร เพราะผู้มุ่งหวังของคุณกำลังจะช่วยเขาให้สร้างธุรกิจของเขาเอง 

อย่าลืมนะครับว่า สปอนเซอร์ที่แท้จริงผู้อุปถัมภ์ที่แท้จริงต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยผู้อื่นก่อนช่วยเหลือตัวเอง

และหลังจากที่ทัศนคติของเขาต่ำกว่า 50 ล่ะจะเป็นยังไงท่านจะไปพบเขาอีกครั้งพร้อมกับตอบคำถามและข้อสงสัยที่ผู้มุ่งหวังของท่านตอบไม่ได้ ทำให้ทัศนคติของเค้าดีขึ้น

เค้าอาจจะอยู่ที่ประมาณ 70 คราวนี้ระดับทัศนคติของเขาจะอยู่เหนือระดับ 50 นานกว่าเดิมเห็นไหมว่าตัวอัพไลน์ สำคัญแค่ไหนเมื่อทีมงานจิตตก เราต้องเข้าไปปรับทัศนคติ

การที่ท่านต้องการให้ทีมงานของท่านมีทัศนคติที่ อัพ อัพ อัพ อัพ ขึ้นไปท่านจะต้องใช้แรงกระตุ้นขึ้นหรือสม่ำเสมอนั่นเอง เพราะแรงกระตุ้นขึ้นนั้นเป็นแรงกระตุ้นที่คงที่สม่ำเสมอไม่มีขึ้นๆ ลงๆ

แรงกระตุ้นขึ้น คือ ท่านมีผู้อุปถัมภ์ของท่านหรือสปอนเซอร์ของท่าน เราจะใช้ตัวย่อว่า SP.

สปอนเซอร์ของท่านจะช่วยสปอนเซอร์คนห้าคนให้กับท่าน พาท่านทำ สังเกตนะครับว่าเมื่อท่านสปอนเซอร์คนห้าคนได้ท่านจะมี 25 องศา

เพราะข้างล่างแต่ละคน 5 องศาแต่ระวังอย่าสปอนเซอร์คนมากเกินกว่าที่ท่านจะทำงานด้วยได้ การทำงานด้วยนั้นหมายถึงการทำงานด้วยประสิทธิภาพห้าคนพอแล้ว

มันพิสูจน์มาแล้วครับว่า ค่าเฉลี่ยของคนบนโลกนี้ดูแลทีมงานได้ไม่เกินสี่ถึงห้าสายงานต่อเดือน

คราวนี้ถึงคิวของท่านครับที่ต้องไปช่วย 5 คนนี้อุปถัมภ์คนของเขา เพื่อให้เขามีคนละห้าคน แต่ 5 องศาของพวกเขาคือ 10 องศาของท่านนะครับ คนทุกคนในระดับที่สองของท่านมีค่าเท่ากับ 10 องศา

เห็นไหมครับเมื่อสปอนเซอร์สอนท่านให้ท่านสปอนเซอร์คน ได้ห้า คนในชั้นแรกของท่านมีระดับทัศนคติอยู่ที่ 5 องศาแต่เมื่อเขาสปอนเซอร์ ห้าคนของเขาซึ่งเป็นชั้นที่สองของท่านคนในชั้นที่สองของท่านมีค่าเท่ากับ 10 องศา

สังเกตดูขอแค่ท่านช่วยคนคนเดียวให้มีห้าเรือทองของเค้าเอง ท่านก็มีระดับทัศนคติสูงกว่า 50 องศาแล้ว

ดูสิตัวท่านเนี่ยมีคนอยู่ข้างใต้ท่าน 55 องศาเลยทีเดียวนะ จากคนแรกมีห้า อีกห้าคนของคนแรกคนละ 10 เป็น 50 + 5 นั่นหมายความว่าถ้าท่านต้องการทำให้ใครหรือแม้แต่ตัวเองมีทัศนคติที่อยู่เหนือระดับ 50 ท่านจะต้องมีทีมงานหนึ่งสายที่สายนั้นมีห้าคนอยู่ใต้เค้าเรียบร้อยแล้ว พูดง่ายง่ายคือมีชั้นที่สองห้าคนเรียบร้อยแล้ว

สังเกตดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปหากท่านสอนให้เรือทองของท่านให้สอนให้เรือทองของเค้า ไปสอนคนอื่น

ระดับที่สามของท่านจะมีค่าเท่ากับ 20 องศา

ระดับที่สี่ของท่านจะเป็น 40 องศา

ยิ่งลึกเท่าไหร่ท่านยิ่งร้อนมากเท่านั้นตอนนี้ท่านเข้าใจแล้วหรือยังว่ายิ่งลึกยิ่งโต ยิ่งลึกยิ่งรวย

แต่ถ้าท่านไม่ลุกขึ้นมาสร้างทีมของท่าน ให้อยู่ในแนวลึกท่านก็จะค่อยๆ ตายกันไปเรื่อยๆ คนที่มีทัศนคติดีและเห็นภาพชัดเจนเท่านั้นที่จะอยู่

หนทางเดียวที่ท่านจะตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้ได้ดีที่สุดคือให้มันเกิดกับตัวท่านเอง เป้าหมายแรกของท่านเลยนะคือมีทีมงานที่ลึกลงไป

ชั้นที่สองอย่างน้อยมีห้าคน

เพราะฉะนั้นท่านจึงควรที่จะทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเรือทองของท่าน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นกับเขาพวกเขาจะตื่นเต้นมาก แล้วเขาจะไม่เลิกทำธุรกิจกับท่านอย่างแน่นอน

ยกตัวอย่างเช่นนาย ก. อุปถัมภ์นาย ข. และนาย ข. อุปถัมภ์นาย ค. อยู่มาวันหนึ่งนาย ก.ได้รับโทรศัพท์จากนาย ค. ว่า

เขาออกไปอุปถัมภ์คนเอาจริงได้ห้าคนแล้ว ไม่เลวทีเดียวสุดยอดแต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือทุกคนนับจากนาย ค. ขึ้นไปในสายงานนี้ จะตื่นเต้นหมดทุกคน

การที่ระดับความตื่นเต้นวิ่งขึ้นข้างบนแบบนี้เราจึงเรียกว่าแรงกระตุ้นขึ้นไง ท่านจำเป็นจะต้องช่วยเหลือคนของท่านให้ช่วยเหลือคนของเค้าอีกต่อไปเรื่อยๆ

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อท่านสปอนเซอร์ใครบางคนเข้ามาในธุรกิจ พวกเขาจะเป็นเรือเงิน เค้าตื่นเต้นก็จริงแต่ก็ยังไม่จริงจัง แต่ทุกคนอย่างน้อยต้องมีเพื่อนสักคนหนึ่งใช่ไหม?

ท่านต้องไปกับคนของท่าน แล้วก็ช่วยเค้าอุปถัมภ์เพื่อนเพื่อนของเขา ซึ่งอาจจะเข้ามาเป็นเรือเงิน อีกจงช่วยเหลือทีมงานต่อไปให้อุปถัมภ์คนเข้ามาในสายทางลึกต่อไปให้มันลึกลงไปอีก

สุดท้ายท่านจะต้องเจอเรือทองสักคนแหละ ในแนวลึกแบบรูปนี้ ท่านมาถึงปุ๊บท่านได้เรือเงิน เรือเงิน เรือเงิน 3 ชั้นเลย เสร็จแล้วท่านจะไปเจอเรือทองชั้นที่ 4 ข้างบนเป็นรางวัลหมดเลยนะ ท่านจะเจอเรือทองชั้นที่ 4

แล้วท่านก็ลงไปทำงานกับเขาอย่างจริงจังกระโดดไปทำงานกับเขาเลยสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการช่วยเหลือเรือทองลำนี้ เรือเงินข้างบนจะเปลี่ยนเป็นเรือทอง สุดยอดไหมครับ

นี่คือศิลปะธุรกิจเครือข่ายของพลังทวีคูณ ดีกว่าการขายของออนไลน์ ดีกว่าการขายคอร์สออนไลน์อย่างเดียว ดีกว่าการทำธุรกิจอย่างอื่นที่ไม่มีพลังทวีของทีม

และถ้าท่านทำงานกับเรือทองอย่างจริงจัง เรือเงินผู้ที่เป็นคนสปอนเซอร์เขาเข้ามา จะเจอเรือทองลำที่ 4 นะเมื่อเรือเงิน 3 ลำข้างบนเป็นคนสปอตเซอร์เข้ามา จะเริ่มเข้ามาสังเกต แล้วก็คิดว่า เฮ้ยย ฉันน่าจะทำอะไรสักอย่างแล้วนะ

ไม่มีวิธีไหนที่จะกระตุ้น ผู้คนให้ตื่นเต้นได้มากไปกว่าการที่มีใครบางคนใต้เขากำลังเอาจริงอยู่ นี่คือวิธีที่กระตุ้นคนทำให้คนในสายงานตื่นเต้นที่ทรงพลังที่สุดอันดับหนึ่งในธุรกิจเครือข่าย

นี่คือแรงกระตุ้นขึ้น เมื่อมีผลลัพธ์อยู่ข้างใต้ ข้างบนจะร้อนทันที

ท่านไม่ควรที่จะให้ผู้ที่ท่านพาเข้ามาในธุรกิจต้องพึ่งพาท่านเป็นระยะเวลายาวนาน ตัวของทีมงานเข้ามาก็ต้องพยายามเรียนรู้และพัฒนาตัวเองและเป็นอิสระจากอัพไลน์โดยเร็วที่สุด

เมื่อถึงจุดนี้คุณค่อยออกไปหาคนเอาจริงคนใหม่ต่อไป

ยกตัวอย่างเช่น สมมติคุณอุปถัมภ์นาย ก. เข้ามาในธุรกิจ คุณสอนนาย ก. ว่า “นาย ก. ครับ สมมติคุณเป็นดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์นั้นมีพลังงานสูงสุดกว่าทุกสิ่งที่เรารู้จัก” (พูดในทำนองชมเชยทางอ้อมเล็กน้อย)

แล้วคุณก็พูดต่อไปว่า “สมมติคนที่คุณอุปถัมภ์เข้ามาเหมือนกระทะใส่น้ำ” (อย่าเทียบตัวเองเป็นพระอาทิตย์ แล้วเทียบ นาย ก. เป็นกระทะใส่น้ำเข้าเชียวนะครับ)

ดังนั้นในกลุ่มของคุณ ก. ก็จะมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง คำถามครับ คุณว่าเมื่อไหร่น้ำในกระทะจะเดือด แม้ว่าคุณจะเอากระทะน้ำนี้ไปตั้งในทะเลทรายที่ร้อนที่สุดในปีนั้น น้ำก็ไม่เดือดหรอกครับ

น้ำต้องเดือดที่อุณหภูมิร้อยองศาเท่านั้น ไม่ใช่ 98 หรือ 99 มันต้อง 100 องศา

สมมติว่าทรรศนะคติของคุณเป็นร้อยองศาเลยนะครับ คุณสามารถพูดกับใครก็ได้เวลาไหนก็ได้เกี่ยวกับธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่ แต่คุณเองก็ไม่สามารถทำให้น้ำเดือดได้ ต่อให้ผู้ที่สปอนเซอร์คุณเข้าสู่ธุรกิจก็ทำ3ไม่ได้ครับ ไม่มีใครทำได้ ไม่มีแรงกระตุ้นแบบ “อ่างน้ำร้อน” ใดๆ จะทำให้น้ำเดือดได้

แม้ว่าผู้นำระดับสูงสุดของบริษัทคุณจะมาบรรยายในเมืองที่คุณอยู่ และคุณก็เข้าประชุมทุกครั้ง น้ำในกระทะก็จะไม่เดือด อย่างมากก็แค่ทำให้น้ำอยู่ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 50 องศา แต่อย่าลืมนะครับผู้ที่อุปถัมภ์คุณเข้ามาจะช่วยคุณ

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือคุณรู้จักใครบางคนที่ผู้อุปถัมภ์คุณไม่รู้จักใช่ไหมครับ พาเขาไปกับคุณแล้วเขาจะช่วยคุณอุปถัมภ์เพื่อนของคุณ

เมื่อคุณอุปถัมภ์ใครบางคนได้ คุณกำลังเริ่มเผาก้นกระทะของคุณเองแล้วครับ เมื่อคุณอุปถัมภ์คนได้ 5 คนเมื่อไหร่ คุณจะมีเทียนห้าแท่งเผาไหม้กระทะของคุณอยู่ ห้าคน จำนวนคนที่เหมาะสมในการทำงานด้วย แต่ว่าน้ำก็ยังไม่เดือดนะครับ คุณมีแค่ 25 องศาเท่านั้น

แต่หากมีสามคนสร้างสายงานทางลึกได้สามชั้น

หรือมีสองคนสร้างสายงานทางลึกได้ 4 ชั้น

หรือมีเพียงคนเดียวสร้างสายงานทางลึกได้ 5 ชั้น น้ำก็จะเริ่มเดือด เพราะรวมกันได้ร้อยองศาแล้ว 

และเมื่อน้ำเดือดแล้ว ดวงอาทิตย์ (หรือผู้อุปถัมภ์) ก็สามารถจากไปได้โดยที่น้ำนั้นยังเดือดอยู่ เมื่อคุณแสดงบทเรียนนี้ให้กับใครบางคนไป แล้วคุณโทรหาเขา เขาจะเข้าใจเลยครับว่าคุณโทรมาเพื่อต้องการช่วยเขา มิได้ต้องการไปเร่งหรือกดดันเขา

คุณต้องการจะดูซิว่าจะสามารถจุดเทียนเล่มไหนได้อีกบ้างคุณต้องการช่วยให้น้ำของเขาเดือด ยิ่งคุณลงลึกเท่าไหร่ คุณจะยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น

ไม่จำเป็นว่าบุคคลแรกที่น้ำเดือดจะต้องเป็นคนแรกที่คุณอุปถัมภ์เข้ามาในธุรกิจนะครับ คนแรกที่เดือดคือคนแรกที่เอาจริงและสร้างองค์กรทางลึกของเขาเอง

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

วิธีเชิญชวนคนมาดูโอกาสธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ทำแล้วได้ผลดีเยี่ยม

วิธีเชิญชวนคนมาดูโอกาสธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ทำแล้วได้ผลดีเยี่ยม

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

วีดีโอ “วิธีชวนคนมาดูโอกาสธุรกิจเครือข่าย MLM”

หนังสือเสียง “วิธีชวนคนมาดูโอกาสธุรกิจเครือข่าย MLM”

การเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจ คือ สิ่งที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งในการ “สร้างองค์กรธุรกิจเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่และประสบความสำเร็จ!”

ถ้าท่านกำลังสร้างธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจขายตรง  ประกันชีวิต ที่จำเป็นที่จะต้องสปอนเซอร์ หรือเชิญคนเข้ามาดูโอกาสทางธุรกิจ

เพื่อที่จะได้สมัครทำธุรกิจ เพื่อที่จะเป็นหุ้นส่วนกับท่านแล้วละก็ การเชิญคนมาดูโอกาส คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ท่านเจอในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจเหล่านี้ใช่ไหมครับ 

เพราะถ้าท่านเชิญคนเข้ามาดูโอกาสไม่ได้ ก็ไม่มีใครสมัครทำธุรกิจกับท่านอย่างแน่นอน เห็นด้วยไหมครับ

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ “วิธีชวนคนมาดูโอกาสธุรกิจเครือข่าย MLM”หนังสือเสียง “วิธีชวนคนมาดูโอกาสธุรกิจเครือข่าย MLM”การเชื้อเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจตั้งคำถามให้เป็นพูดให้น้อย และพูดความจริงปรับแนวคิดในการชวนคนทำอย่างไรเมื่อโดนปฏิเสธ

วันนี้ผมจะแบ่งปันวิธีการเชิญคนเข้ามาดูโอกาสทางธุรกิจ ธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจขายตรง  ประกันชีวิต ธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ที่จำเป็นจะต้องสร้างทีม หรือ สปอนเซอร์คนเข้าร่วมธุรกิจ  หรือแม้แต่อยากจะขายของให้ได้ นี่คือสุดยอดวิชา สุดยอดธุรกิจ  สุดยอดโอกาสที่จะทำให้ท่านสร้างธุรกิจให้เกิดผลลัพธ์

คนจำนวนมากมี Mind set ที่ไม่ถูกต้องในการเชิญคนมาดูโอกาส ข้อมูลวันนี้จะทำให้ท่านเห็นวิธีการ เอาไปใช้แล้วเกิดผลลัพธ์ทันที

คนที่ไม่เข้าใจการเชิญคนที่เวิร์คนั้น เขาจะไม่มีวันประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายในระยะยาวได้เลย ที่แบบระยะสั้น รับเงินก้อนใหญ่ แล้วธุรกิจไปต่อไม่ได้ เราไม่นับว่าประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย เพราะธุรกิจเครือข่าย ขายตรง ประกันชีวิตที่ต้องสร้างทีม มันต้องสร้าง Passive Income ที่ไม่ทำก็ยังได้เงิน มีเงินงอกเงยทุกๆเดือน

การเชื้อเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจ

เรามาเริ่มกันเลยนะครับ ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 ท่านยังไม่ได้ดูตอนที่ 1 และตอนที่ 2 แนะนำให้ดูก่อนนะครับ เพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ตอนที่ 3  การเชื้อเชิญคนมาดูโอกาสทางธุรกิจ เราจะเรียกว่า การเชิญบุคลที่ 3 

ข้อมูลในวันนี้เป็นข้อมูลที่ผมไม่ได้คิดเอง มันมาจากหนังสือ 10 Napkin หรือ การนำเสนอ 45 วินาที  ขั้นนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด

ถ้าท่านสปอนเซอร์คนไม่ได้ องค์กรท่านไม่โต ไม่มียอดขาย ไม่มียอดธุรกิจ สินค้าปล่อยไม่ได้ ไม่มีรายได้  เราจะต้องโฟกัสไปในเรื่องเชื้อเชิญบุคคลที่ 3

มันคืออะไร มันคือสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่ท่านจำเป็นจะต้องทราบว่ามันคืออะไร และ มันทำอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากว่าผมรู้จักกับเพื่อนของผม ชื่อสมชาย ผมอยากจะสปอนเซอร์เขา สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะให้ท่านคิดตาม คือ คนส่วนมากพอไปถึง และยังไม่ได้รับการสอนมาก่อนก็จะเข้าไปชวนเลย

สมชายฉันมีธุรกิจใหม่ สุดยอด เดี๋ยวเราจะรวยเป็นล้านกัน เดี๋ยวมาสมัครแล้วทำกันเลย แกอยากทำกับฉันไหม แกอยากมีชีวิตที่ดีไหม

สมชายก็จะถอยเลย กลัว เอ๊ะ อะไรเหรอ อะไรๆ สมชายก็จะแบบ อืม มาเป็นชุด ไปทำกันเถอะเรารวยแน่นอน แล้วเราก็คาดหวังว่าสมชายจะตอบว่า ทำแน่นอน เพราะเราตื่นเต้นมากและเราก็ชวน แล้วเราก็พูดในสิ่งที่เราคิดว่ามันเวิร์ค

แต่สิ่งที่ได้กลับมามากกว่า 95-97% สมชายจะพูดว่า คิดดูก่อน หรือ ไม่สนใจ   ท่านได้ผลลัพธ์แบบนี้รึป่าว ???

นั้นเป็นเพราะคนที่ไปชวนนั้นยังไม่มีทักษะในการชวนคนที่เวิร์ค  ถ้าเป็นผม แล้วเรียนรู้วิธีการที่เวิร์คแล้ว ผมจะไม่เข้าไปหาสมชาย แล้วพูดแบบเมื่อกี้ 

หรือว่า พุดว่า “สมชาย คุณอยากมีรายได้เพิ่มไหม”  ผมจะไม่พูดแบบนี้เด็ดขาด จะไม่ถามเขา เหมือนให้เขาเป็นบุคคลที่ 2 ผมเป็นบุคคลที่ 1 กำลังถามบุคคลที่2 ว่า เฮ้ยยย  a b c x y z อยากมีรายได้เพิ่มไหม ถามตรงๆเราจะไม่พูดแบบนั้น เพราะถ้าเขาตอบมาว่า “โอ้ ผมต้องการรายได้เพิ่มใจจะขาด” คนที่เราไปถามนั้นเขาจะรู้สึกเสียหน้าทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมไทยของเราที่มีเรื่อง ยศฐา บันดาศักดิ์ ติดมาตั้งแต่อดีต เรื่องหน้าตาสำคัญมาก ไม่มีเงินไม่เป็นไร ต้องแต่งตัวดี ดูดี

เพราะฉะนั้นสมชายจะไม่บอกว่า “โอ้ ผมต้องการรายได้เพิ่มใจจะขาด” เพราะเขาจะรู้สึกเสียหน้าทันที และรู้สึกดูไม่ดี ถ้าท่านไปถามเขา ใครบ้างไม่อยากมีรายได้เพิ่ม

ผมจะทำให้ท่านได้เห็นว่าธรรมชาติของมนุษย์ 99.99% ต้องการรายได้เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น แต่ถ้าเราไปถามตรงๆ หรือโดนถาม ธรรมชาติแล้วเราจะกลัวดูไม่ดี กลัวคนรู้ว่าฉันมีปัญหาเรื่องเงิน 

เราไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเรามีปัญหาเรื่องเงิน ถึงแม้ว่าหนี้ยังไม่พอจ่าย เงินเดือนชนเดือน  เขาจะตอบกลับมาว่า “ไม่หละครับ ขอบคุณมาก” ทั้งๆที่ใจอยากรู้แต่เพราะเราถามไม่เป็น

ตั้งคำถามให้เป็น

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เขา แต่อยู่ที่เรา เพราะเราไม่เข้าใจมนุษย์

ธุรกิจเครือข่ายหรือทุกธุรกิจบนโลกนี้ สำคัญมากเราจะต้องเข้าใจพฤติกรรม ความคิด การกระทำ ของมนุษย์ ถ้าท่านเข้าใจท่านจะเอาชนะได้ทุกตลาด

แต่ถ้าท่านไม่เข้าใจ ทำอะไรก็ขายไม่ได้ ชวนไม่ได้ ถ้าท่านเข้าใจว่าคนกลัวเสียหน้า กลัวดูไม่ดี แล้วท่านจะทำสิ่งนั้นทำไมถ้ามันทำให้คนตอบรับน้อย

ทำไมท่านไม่ทำในสิ่งที่คนตอบรับมากๆ และไม่ทำให้เขารู้สึกว่า เขาดูไม่ดี เพราะฉะนั้นคนส่วนมากจะมีทัศนคติอย่างที่ผมบอก

แต่สิ่งที่ผมจะทำก็คือ ผมจะเข้าไปหาสมชาย และถามสมชายว่า

“สมชาย ผมพึ่งเริ่มธุรกิจของตัวเองและผมตื่นเต้นมาก บางทีคุณอาจช่วยผมได้ คุณพอจะรู้จักใครบ้างไหม ที่อยากมีรายได้เพิ่ม หรือ สนใจที่จะเริ่มธุรกิจที่สอง” นี่คือบทสนทนา หรือ คำถามที่เวิร์ค

คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆจะไม่เข้าใจว่า เราจะต้องเริ่มต้นด้วยคำถามเสมอ เขาจะยัดเหยียดข้อมูล ขาย ขาย ขาย ทั้งที่ได้รับการเตือนแล้วอย่าขาย

แต่เขาพูดไม่เป็นไม่มีใครสอนเขาไง พอเขาไปถึงเขาก็เลย แนะนำๆ เชิญๆ ชวนๆ และก็สอนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆทำแบบนี้มันจะโต ยั่งยืนได้ยังไง

ในเมื่อสอนให้ทีมงานไปเจอของยากตลอด ดูสคลิปนี้และฝึกพูดไปพร้อมๆกัน “สมชาย ผมพึ่งเริ่มธุรกิจของตัวเองและผมตื่นเต้นมาก บางทีคุณอาจช่วยผมได้ คุณพอจะรู้จักใครบ้างไหม ที่อยากมีรายได้เพิ่ม หรือ สนใจที่จะเริ่มธุรกิจที่สอง” นี่คือคำถาม ถามหาบุคคลที่ 3 ผมไม่ได้เจาะจงไปที่สมชายเลย

ผมถามถึง คุณพอจะรู้จักใครบ้างไหมที่มีรายได้เพิ่ม เห็นไหมครับว่ามันไม่ได้จี้ไปที่เขา แล้วทำให้เขาอึดอัด หาทางออกไม่ได้ และธรรมชาติของคนที่เคยหรือไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน ท่านจะเจอคำตอบเคยทำมาแล้วและไม่อยากทำ

ท่านจะต้องทำให้เขาค่อยๆ เปิดใจทีละนิด ทุกคำถามที่เราถามจะเป็นการแง้มใจเขาออก พอเปิดปุ๊ปท่านถึงค่อยเจาะใจเขาได้ แต่ปัญหาคือถ้าไปชวน แล้วไปขายเลย ท่านจะไปเจาะใจเขาได้ยังไง

เอาไปลองฝึกทำดู พูดคำถามนี้กับ 10 คนในชีวิต คนแปลกหน้า ทดสอบ ทดลองตลาด ไม่ต้องการผลลัพธ์ใครทำขอให้รวย ขอให้ประสบความสำเร็จ  

แค่พูดบทสนทนานี้ สั้นๆ “คุณพอจะรู้จักใครสักคนไหม ที่อยากได้รายได้เพิ่ม” แล้วสังเกตปฎิกิริยาเขา มันจะตอบอะไรท่านหลายๆอย่าง และคนส่วนใหญ่จะตอบกลับมาว่า “มันคืออะไรเหรอ”

เหตุผลที่เขาถามกลับมาว่า มันคืออะไรเหรอ แทนที่จะตอบกลับมาว่า รู้ ไม่รู้ หรือ รู้จัก ไม่รู้จักให้ตรงคำถาม เป็นเพราะว่าเขารู้จักใครบางคนที่ต้องการมีรายได้เพิ่มเป็นอย่างดี และคนผู้นั้นคือ “เขานั้นเอง “ เขาอยากรู้ข้อมมูลเพิ่มว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร เพื่อที่เขาจะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เมื่อเขาถามว่า “มันคืออะไรหรอ” สิ่งที่ท่านต้องทำคือ “งดพูด” อย่าเพิ่งพูดอะไร ยิ่งทำให้เขาสงสัย หัวใจสำคัญที่สุดในการสร้างธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ คือ การงดพูด เพราะเราจะหลง ลืมตัว พูด พูด พูด คือเราคิดว่า ยิ่งเราพุดมันยิ่งช่วยให้เขาอยากทำกับเรามากขึ้น ผมบอกเลย ไม่ใช่  

ตั้งสติก่อนนะครับ ถ้าท่านไปชวนคนทำธุรกิจ แล้วเขามีท่าทีลังเล สงสัย  แล้วท่านยิ่งพูดเพิ่มขึ้น ยิ่งเพิ่มโอกาสที่เขาจะไม่ทำกับท่านมากขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามเวลาที่เจอคนไม่สนใจยิ่งพูดเยอะ ยิ่งเขาไม่สนใจยิ่งติดตามผลเยอะ

อันนั้นสวนทางเลยเป็นวิธีที่ผิด ที่ไม่เวิร์ค เพราะว่ามันจะทำให้ เอาง่ายๆ ยิ่งท่านพูดมากขึ้นหรือไม่ก็แบบจับเขานั่งลงแล้วพรีเซ้นต์ หรือพูดไม่หยุด ทั้งที่ท่านไม่เคยถามเขาเลยว่าอยากฟังไหม ดูไหม ในขณะที่ผู้มุ่งหวังยังไม่รู้เลยฉันมาทำอะไรที่นี่ ถามฉันบ้างไหมว่าฉันอยากดู อยากฟังไหม

พูดให้น้อย และพูดความจริง

หลายๆบริษัทอบรมผู้จำหน่ายเลยครับ  ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ซึ่งการกระทำแบบนี้ผู้มุ่งหวังจะเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก คิดว่าท่านหลอกเขามา คือ ท่านไม่พูดอะไรเลย ลากเขาดูเลย หรือแม้แต่บางคนหลอกให้มาดูแบบ พวกเราเดี๋ยวไปกินข้าวกัน เดี๋ยวแวะตรงนี้หน่อย แล้วก็นั่งลง แล้วก็ยัดเยียด นี่เป็นวิธีการที่สิ้นคิด

ทำไมอัพไลน์ไม่เรียนรู้สักหน่อย แล้วก็สอนสิ่งที่เวิร์ค มันทำให้เขาสูญเสียความสัมพันธ์กับคนที่เขาเชิญมาเลยนะครับ ความสัมพันธ์อาจจะมีมา 10 20 30 ปี

จะเป็นเพื่อนกินหรือเพื่อนตายก็เถอะพอรู้ว่าท่านหลอกมาฟังอะไรก้ไม่รู้ ทั้งๆที่ท่านควรจะพูดตรงๆ ท่านว่าแค่จะสร้างธุรกิจจำเป็นต้องทำอะไรขนาดนี้ไหม หลอกเลยเหรอ ทั้งๆที่ท่านไม่รู้ว่าหลอก

แต่ท่านถูกคนที่ชวนท่านทำธุรกิจ บอกให้ทำวิธีนี้ แล้วท่านก็ทำ แล้วท่านไม่รู้หรอกว่าคนที่ถูกชวนมาโดยไม่บอกอะไรเลยเนี้ย เสียความรู้สึกแค่ไหน ใครบ้างเคยโดนชวนแบบนี้ ไปแล้วเสียความรู้สึก

ผมเคยโดน ขนาดว่าทำมา 15 ปี มีคนรู้จักเชิญมากินข้าว อยากพูดคุย อยากปรึกษาเรื่องธุรกิจด้วยแล้วก็เชิญผมไป ซึ่งธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจที่ดีมาก แล้วก็เชิญให้ไปคุยกับอัพไลน์ใหญ่ของประเทศ ผมไปถึง ก็ งง เอ๊ะอะไร  ไหนบอกกินข้าวไง แล้วมาเชิญผมนั่งลง แล้วก็หัวเราะ แฮร่ๆ แนะนำให้รู้จักอัพไลน์  

ผมก็รู้จักเขาอยู่แล้วแหละ แล้วไงอะ ผมไม่ได้อยากมานั่งฟัง ผมอยากมาเจอ มาช่วยเขา ผมต้องนั่งฟัง 1 ชั่วโมงกว่า พุดอะไรก็ไม่รู้ ผมเป็นคนมีมารยาท และ ให้เกียติ สุดท้ายเขาไม่ได้ ความไว้ใจจากผมอีกเลย ตลอดชีวิต ไม่มีทางจะเชิญผมได้ และผมไม่ฟังอะไรจากเขาอีกเลย

คุณไม่จำเป็นต้องฟังแบบนี้กับผม พูดตรงๆก็ได้ ผมทำมาตั้ง 15 ปี ผมรู้ว่าอะไรคืออะไร นี่คุณหลอกเนียนมากเลย ต้องการความช่วยเหลือ ผมก็รีบไปเลย เขามีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ ผมก็โอเค  เห็นภาพไหมครับ มันไม่เวิร์คด้วยประการทั้งปวง และสูญเสียความเชื่อถือ เชื่อใจ ไปเลย อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด อ้าวววว แล้วต้องทำยังไง

เพราะฉะนั้น ถ้าท่านทำแบบนั้น ผู้คนจะจากท่านไปพร้อมคำว่า “ไม่” และเป็นภาพลบให้กับธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจเครือข่ายมีความเสียหาย เพราะมีคนทำแบบนี้ เลยเกิดผลลัพธ์แบบนี้ ให้กับธุรกิจไง

เรามาช่วยกันปฎิวัติ เรามาช่วยกันทำให้ธุรกิจเครือข่ายมันดีขึ้นด้วยการ เพิ่มทักษะในการตลาดที่เวิร์ค เข้าใจผู้คน ทำการตลาดให้ถูก วางตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ช่วยเหลือผู้คน ไม่ใช่จะเอาแต่ยัดเยียดขาย  อยากได้เงินเขา ไม่ใช่

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านจำเป็นจะต้องทำหลังจากที่เขาถามว่า มันคืออะไรเหรอ คำตอบของท่านก็คือ “คุณรู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายบ้างไหม”

เขาอาจจะตอบว่ารู้ หรือ ไม่รู้ ถ้าเขาตอบว่ารู้ ให้ถามเขาว่า เขารู้อะไรเพื่อเช็คดูว่าเขารู้จริงรึป่าว เพราะนี่เรียนมาแล้วนี่ไง 1 2 3 4 ตั้งแต่ธุรกิจมี 5 แบบ 2×2 การขยายเชิงลึกดีกว่าหน้ากว้าง เพราะฉะนั้นท่านจะต้องพออธิบายได้บ้าง ถ้าท่านอธิบายไม่ได้ท่านก็ซื้อหนังสือ หรือ เอาหนังสือให้เขา เมื่อเราถามแล้วเราจะทราบทัศนคติของเขาที่มีต่อธุรกิจเครือข่าย ให้เรา

  • พูดคุยถึงเรื่องทั่วๆไป เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย (ขอให้นำบทที่ 1 Introduction to MLM ไปใช้ในการพูดคุย)
  • ชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่ได้จากการมีส่วนร่วมในธุรกิจเครือข่าย
  • พูดถึงหลักการพลังทวีคูณในตอนที่ 1 (2×2 = 4 )
  • ถ้าเขาสนใจคุณอาจมอบหนังสือเล่นนี้ให้กับเขา แล้วบอกเขาให้อ่านบทที่ 1 – 4 ก็ได้ หรือส่งคลิปก็ได้

แล้วเขาจะเห็นภาพหมดเลยว่าเป็นสุดยอดธุรกิจ ทำแล้วมันร่ำรวยได้จริง เพียงแต่ว่าผู้คนน้อยมากที่จะทำ ถ้าเขากลับมาด้วยความสนใจที่อยากจะรู้ต่อ ให้ท่านนัดหมายกับเขาให้มาฟังข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่ท่านเป็นตัวแทนอยู่ ฟังแผนรายได้ ฟังสินค้า ฟังระบบ งานที่ท่านมี 

คุยให้เขาเข้าใจว่ามันใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้นในการเล่าเรื่องราวทั้งหมด อย่าพยายามเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านรู้ ขณะที่เขากำลังเติมน้ำมันให้ท่าน หรือเขากวาดขยะ หรือว่าเขากำลังทำงาน หรือ ว่าเขาอยู่ในสายโทรศัพท์กับท่าน อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาด

ปรับแนวคิดในการชวนคน

คนส่วนใหญ่กลัวที่จะพูดกับคนอื่นเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย ท่านกลัว กังวล และท่านไม่รู้จะพูดอะไร ยังไงให้เวิร์คไม่เคยฟังผมแบ่งปันมาก่อน

ผมจะบอกวิธีการในการพุดคุยกับคน วิธีสื่อสาร ผมจะให้ท่านได้รู้ถึงวิธีคิดของการเป็นนักธุรกิจเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จให้ฟัง

นี่คือวิธีคิดอย่างไรให้รวย แล้วถ้าท่านทำได้แบบนี้ คิดได้แบบนี้ รวยแน่นอนการันตี

แต่ถ้าคิดไม่ได้ ฟังผมแบ่งปันต่อไปนี้แล้วคิดได้ ไม่สามารถเอาไปปรับใช้ได้ ยังคิดเหมือนเดิมไม่มีวัน ยาก

ถ้าท่านไม่สามารถถ่ายทอดไปให้องค์กรท่านด้วย เพราะท่านยังกลัวเองเลย ท่านจะไม่สอนให้เขาทำอย่างที่ท่านทำ ท่านต้องคิดให้เป็นว่ามันคือธุรกิจมันไม่เกี่ยวอะไรกับท่านเลย

คนส่วนใหญ่กลัวที่จะพูดกับคนอื่นเกี่ยวกับธุรกิจเครือข่าย และก็แนะนำให้กับผู้มุ่งหวังของเขารู้จักกับบริษัทที่เขาเป็นตัวแทนอยู่ คนส่วนใหญ่ที่กลัวนั้น กลัวที่จะได้ยินคำว่าไม่ No ไม่เอา ไม่สนใจ ไม่ทำ เคยทำแล้ว อย่ามาชวน หรือ เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความกลัวที่จะถูกปฎิเสธ นั้นเอง เพราะฉะนั้นผมขอยกเหตุการณ์สมมุติเหตุการณ์หนึ่งให้กับทุกๆท่านได้อ่าน

สมมุติว่า มันมีงานเต้นรำของนักศึกษาจบใหม่ ที่ผู้ชายผู้หญิงจับคู่กันไปเต้นรำ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง แล้วท่านก็เป็นเด็กผู้ชาย คนหนึ่ง เพิ่งเคยไปงานเต้นรำเป็นครั้งแรก

แล้วท่านก็ตื่นเต้นมาก มันเป็นงานที่ไม่เคยเข้ามาก่อน เหมือนท่านกำลังเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย มันตื่นเต้น มันสวยงามไปหมด มันต้องรวยแน่ๆ และท่านเข้าไปคงจะมีคนเต้นรำกับฉันเต็มไปหมดเพราะวันนี้ฉันคือ เจ้าชายสุดหล่อ จะแต่งตัวหล่อที่สุดในชีวิต

แล้วก็เดินไปหาเด็กผุ้หญิงคนหนึ่งที่เขาหมายตาไว้ น่ารักจังเลย สวยจังเลย เหมือนที่ท่านหมายตาว่าคนนี้คือผู้มุ่งหวังคนที่ใช่ แล้วก็ขอเต้นรำกับเธอ ผลปรากฏว่าเธอ ปฎิเสธ ช๊อคไหมครับ นี่แหละ เพราะเราคาดหวังว่า เขาจะตอบว่า เยส แต่สิ่งที่ได้คือ โน

เด็กผู้ชายคนนี้ก็เลยหันหลังกลับ พร้อมกับความคิดว่า “ฉันโดนปฎิเสธ”  จากนั้นเขาก็ไม่เคยขอเด็กผู้หญิงคนไหน ในงานที่เหลืออีกประมาณ 1000 คนเต้นรำอีกเลย

โดนคนเดียวปฎิเสธ ไม่ขอใครอีกเลย เพราะคิดว่าโดนปฎิเสธ เขาคงจะรู้สึกว่า ขนาดที่ว่าทุกคนในห้องมองเห็นเขาโดนปฎิเสธ และ เขาก็รู้สึกเสียหน้า จริงๆไม่มีใครมองเห็นเขาหรอก คิดไปเอง

โดนคนที่คาดหวังว่าจะทำ ปฎิเสธ เลยรู้สึกเสียหน้า เสียกำลังใจ และรู้สึกว่า ไม่อยากโดนปฏิเสธอีก เพราะไม่มีใครชอบโดนปฏิเสธหรอก เห็นด้วยไหมครับ

ท่านก็ไม่ชอบ ผมก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นท่านต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ก่อน ว่า คิดใหม่นะ เพราะถ้าหากเด็กผู้ชายคนนี้ เดินไปถามเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ อยู่มุมโน้น มุมนี้ และก็คนอื่นๆ และสุดท้ายแล้วเด็กผู้ชายคนนี้ จะได้เต้นรำกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ บ้างไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาต้องการเต้นกับ 5 คน คนที่อยากเต้นกับเขาเท่านั้น

เพราะว่าในบทก่อนหน้านี้ต้องการแค่ 5 คนจริงจังใช่ไหม ท่านว่าได้ หรือ ไม่ได้ ถ้าเขาถามทุกคนเลยว่าเต้นรำกับผมไหมครับ เหมือนกันรู้จักใครบ้างไหมที่อยากมีรายได้เพิ่ม รู้จักบ้างไหม แค่นั้นเอง  ยังไงก็ต้องได้

เพราะฉะนั้นเพื่อที่จะให้ทุกๆท่านเอาชนะความกลัวที่จะโดนปฎิเสธ ผมอยากให้ทุกท่านได้เปลี่ยนความคิดของตัวเองเพื่อที่ท่านจะสามารถคุยกับคนอื่นให้ได้มากขึ้น การที่จะทำเช่นนี้ให้ท่านนึกถึงว่าตัวเองอยู่ที่ท่าเรือ

ท่านกำลังรอให้เรือของท่าน เข้ามา เพราะท่านเพิ่งจะส่งมันออกไป คือท่านเพิ่งถามคำถามนั่นเอง ถ้าท่านส่งเรือออกไปหนึ่งลำแล้วมันกลับมาด้วยความว่างเปล่ามันจะมีประโยชน์อะไรล่ะเห็นด้วยมั้ยครับท่านจะต้องส่งเรือออกไปปริมาณหนึ่งครับ

ยิ่งท่านส่งเรื่องออกไปมากเท่าไหร่ท่านก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้รับเรือพร้อมทองคำกลับมาเต็มเรือมากเท่านั้น

เรือทองที่ท่านต้องการร่วมงานด้วย กำลังจะเข้ามาหาท่าน แต่ถ้าท่านไม่เคยปล่อยเรือลงน้ำเลยแม้แต่ลำเดียวนั่นแปลว่าไม่เคยมีอะไรเลยในจิตใต้สำนึกที่ทำให้ท่านรู้สึกเจ็บปวดเลย

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีมากแต่มันดีมากยิ่งขึ้นหรือเปล่าว่าถ้าผมการันตีว่าท่านจะไม่มีทางเจ็บปวดจากวิธีที่ผม ได้แบ่งปันแม้แต่ครั้งเดียวท่านจะรู้สึกกล้าที่จะปล่อยเรือลงน้ำมากขึ้นก็คือกล้าที่จะถามคำถามมากขึ้นไหม

เพราะถามไปแล้วถ้า ไม่มีการตอบกลับว่าอยากดูสนใจอยากทำนี่ผมรวมไปถึงการสปอนเซอร์คนให้ดูโอกาสทางธุรกิจแล้วเค้าตอบปฏิเสธด้วยนะ

ถึงตอนนั้นเลยนะ เข้ามาแล้วบอกไม่เอา เพราะฉะนั้นท่านลองสังเกตวิธีในการปล่อยเรือที่ผมแบ่งปันนี้ครับ

ในการชวนคนนั่นแหละหากท่านถามใครบางคนว่า คุณรู้จักใครบ้างไหม ที่อยากจะมีรายได้เพิ่มแล้วถ้าเค้าตอบว่าไม่ครับผมไม่รู้จักใครเลยคนเดียวก็ไม่รู้จัก

ท่านสามารถพูดได้ว่า ไม่เป็นไรครับแต่ถ้าหากท่านบังเอิญพบใครที่ อยากมีรายได้เพิ่มบอกให้เขาติดต่อกลับมาหาผมนะครับแล้วก็ยื่นนำบัตรของท่านให้ไป หรือส่งลิ้งค์ของท่านให้ไป

เมื่อท่านทำแบบนี้ท่านก็หลีกเลี่ยงการโดนปฏิเสธได้แล้วแม้ว่าท่านจะทำในสเต็ปที่หนึ่งคือถามว่ารู้จักใครบ้างไหมเค้าบอกว่าไม่ผ่านก็บอกเลย ถ้าเจอใครที่อยากมีรายได้เพิ่มให้แอดเข้ามาในกลุ่มนี้นะหรือให้รับข้อมูลผ่านตรงนะถ้าเป็นเค้าก็พาเขาเข้ากลุ่ม

เพื่อที่เขาจะได้เห็นข้อมูลเรื่อยเรื่อยแต่ถ้าหากว่าขั้นตอนแรกเค้าบอกอยากดูแต่เค้ามาดูโอกาสทางธุรกิจแล้วดูแผน ดูสินค้าดูบริษัทแล้วแล้วเค้าบอกไม่ทันก็แค่บอกว่าไม่เป็นไรครับ

ถ้ารู้จักใครที่อยากจะมีรายได้แบบนี้บอกผมนะครับนี่สินค้าที่เรากำลังจะทำการตลาดกระจายไปทั่วประเทศถ้าผมทำสำเร็จผมน่าจะมีรายได้เดือนละ 1,000,000 ถึง 3,000,000 บาทต่อเดือน

และเหตุผลที่ผมบอกคุณก็เป็นเพราะว่าผมไม่อยากให้คุณมาว่าผมเมื่อตอนที่ผมประสบความสำเร็จจนมีรายได้เดือนละ 3,000,000 ว่าทำไม ไปเจออะไรดีดีแล้วไม่บอกผมนี่ผมบอกคุณแล้วนะให้คุณเห็นหมดทุกอย่างเลยแต่ว่าถ้าคุณไม่เห็นโอกาสหรือว่าคุณคิดว่ามันไม่ใช่สำหรับคุณจริงๆ

ทำอย่างไรเมื่อโดนปฏิเสธ

ผมก็ไม่มีอะไรที่จะแบ่งปันอีกเอาสินค้าไปทดลองใช้แล้วให้ฟิตแบคหน่อยนะว่าดีไหมว่าผมจะขยายได้ไหมแล้วก็ค่อยส่งระบบติดตามให้เขาและเชิญเขาเข้ากลุ่มหรือไม่ก็ทำให้เค้าเห็นข้อมูลว่าคุณพัฒนาขึ้นมีรายได้มากขึ้น

คนพวกนี้ทุกคนอยากอยากมีรายได้ทุกคนแต่เค้าเรียกว่า มีอีโก้มีการเป็นที่แบบไม่อ่ะฉันสบายดีแต่จะมีอะไรการันตีว่า 6 เดือนธุรกิจเขาจะไม่มีปัญหา ลูกจะไม่ต้องการมีรายได้เพิ่มขึ้น คนในบ้านจะไม่เจ็บป่วย เรื่องการเงิน

สุดท้ายแล้วเมื่อท่านเจริญเติบโตร่ำรวยมั่งคั่งเดี๋ยวเค้ากลับมาหาท่านเองท่านจะต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ในระยะยาว

นี่คือวิธีการคิดของผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจไม่ว่าใครทุกคนการัน

ตีคำถามสำคัญคือท่านคิดว่าตัวท่านเองสามารถพัฒนาทักษะทัศนคติแห่งความสำเร็จนี้ได้หรือไม่

แค่เปิดโอกาสให้กับผู้คนผมจะบอกวิธีการที่เหนื่อยิ่งกว่านี้ เคลียร์ตรงนี้ก่อนเพราะเมื่อท่านพูดอย่างที่ผมบอกเมื่อกี้นี้ผมเชื่อว่าท่านอยากฟังบทสนทนาเมื่อกี้อีกหลายรอบเลยว่า

เฮ้ยสมชายขอบใจมากเลยนะที่มาดูโอกาสซึ่งเราก็บอกนายแล้วไงตั้งแต่แรกแล้วว่ามันอาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับนายก็ได้แล้วตอนนี้นายบอกว่าไม่เหมาะไม่มีปัญหาเลย

ที่เราบอกนายเพราะว่าเราอยาก ให้นายได้รู้ตอนนี้ดีกว่ามาว่าเราทีหลังว่า เฮ้ยเรามั่งคั่งร่ำรวยแล้วซื้อบ้านใหม่ซื้อรถใหม่มีเงินเต็มบัญชีแล้วนายจะมาต่อว่า ทำไมไม่บอกกันบ้างเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ขอบใจมากเลยเพื่อนแล้วเจอกันสบายสบายไม่มีปัญหาหรอกเรายังเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมเราคุยกันได้ทุกเรื่องแต่ผมจะไม่คุยเรื่องนี้อีกเลยสุดยอด ไหมครับ

และไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน ถ้าเค้าบอกว่าไม่ อย่าตื๊อ อย่าโน้น นี้นั้น

ท่านต้องแลนดิ้งให้ลงมาก่อน แบบที่ผมบอกแลนด์สวยสวยดูดีมากแล้วทำต่อไปเมื่อท่านประสบความสำเร็จเค้ายังอยู่ที่เดิมเค้าจะเป็นคนนอนร้องไห้ทุกคืนแต่เวลาเจอหน้าท่านเค้าจะแบบ ยินดีด้วย

ท่านขับรถเบ้นซ์เค้าอาจจะยังรถมือสองคันเดิมที่ยังไม่เปลี่ยนเลย 15 ปีแล้ว

ผมจะเล่าวิธีการชวนคนวิธีที่หนึ่งให้ฟังแล้วก็ Mind set ในการที่จะคิดให้รวยให้ยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก

โดยที่จะสรุปเนื้อหาในตรงนี้ก่อนว่าหลังจากที่ท่านพูดแบบที่ผมพูดแล้วท่านจะไม่โดนปฏิเสธใดใดทั้งสิ้น พอท่านแค่เชิญเขามาดูโอกาส แล้วถ้าเขาบอกไม่ใช่ท่านก็แค่ปล่อยเขาไปแล้วก็หาคนใหม่ แค่นั้นเอง

การโดนผู้หวังปฏิเสธโดยที่เขาไม่มีข้อมูลอะไรสักนิดและเขาไม่คิดที่อยากจะรู้ด้วยซ้ำทั้งๆ ที่ท่านรู้สึกว่าสิ่งที่ท่านรู้มันน่าตื่นเต้นมันน่า สนใจ ธุรกิจนี้มันดีมากเลยทำไมไม่เข้าใจเลยทำไมไม่รู้เรื่อง

แต่เป็นเพราะว่าท่านไม่เข้าใจขั้นตอน ท่านไปพูดธุรกิจหนึ่งท่านไม่มีการแย้มประตูแง้มใจเขาก่อนท่านจะเชิญคน 100 คนท่านก็จะโดนปฏิเสธ 95 97 คนอยู่ดีอย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดกับท่าน ทำอย่างที่ผมบอกเพราะถ้าท่านทำแบบที่ผมบอกมันจะมีแค่สองเหตุการณ์เท่านั้นที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากที่ท่านนั้นปล่อยเรือลงไปน้ำ ท่านแค่ถามคนออกไปคือถ้ามันไม่ลอยมันก็จมแค่นั้นเอง

มันหมายถึงอะไรมันหมายถึงผู้มุ่งหวังไม่รวยกับเราก็อาจจะไปรวยทางอื่นหรืออยู่ที่เดิมแต่เรายืนอยู่บนฝั่งเราไม่จมไปกับเขา

อย่าให้ Mind set ที่ไม่ถูกต้องมาทำให้ท่านโอ้ยฉันปล่อยเรือลงไปแล้วเรือมันจมฉันกระโดดน้ำตายตามตามเขาดีกว่านี่ไง Mind set ของคนที่ ทำธุรกิจเครือข่ายแล้วไม่ประสบความสำเร็จไม่ได้รับการพัฒนา Mind set

ท่านดูรูปนี้สิครับท่านอยู่บนฝั่งท่านจะแคร์อะไรเล่า ก็ปล่อยเรือออกไปใหม่ในเมื่อคนบนโลกนี้ 1,000,000,000 คน คนในประเทศไทยมี 70,000,000 คน

ในชีวิตท่าน ท่านต้องรู้จักอย่างน้อย 200 คน คนในอินเตอร์เน็ต ถ้าท่านยังจะสปอนเซอร์ท่านก็ต้องเรียนรู้จะมีให้คุย 25,000,000 คนท่านจะกระโดดน้ำตายเริ่มทำธุรกิจไปพร้อมกับพวกนี้ทำไมเล่า

วิธีคิดสำคัญสุดสุดเลย ท่านคิดเลยครับว่าท่านเกิดมาเพื่อเป็นผู้ให้ ให้ทานคือเป้าหมายของท่านเหมือนอย่างผมทุกเช้าผม จะต้องให้ทานถ้าผมไม่ให้ทานไม่ให้อะไรออกไปผมจะไม่ทานข้าวเด็ดขาด

การให้ทานของผมคือผมจะมองหาว่ามีใครเดือดร้อนอะไรไหมในอินเตอร์เน็ตหรือรอบข้างผม ผมจะบริจาคเงินช่วยเหลือ สัตว์พิการหรือไม่ก็ผมจะให้ธรรมะเป็นทานผมถึงจะทานข้าวได้

เพราะฉะนั้นเมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าฉันจะไม่ทานข้าวเด็ดขาด ถ้าฉันยังไม่ได้ให้ทานผู้คน ท่านลองตัดสินใจดูครับว่าฉันจะไม่นอนเลยตั้งแต่เช้าจนเย็นเลยถ้าฉันไม่ได้ปล่อยเรือ 10 ลำ คุยกับคน 10 คน

ถ้าฉันไม่ได้ถามผู้คนโดยการแบ่งปันโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดของธุรกิจให้กับเขาส่วนเค้าจะเอาหรือไม่ เค้าจะเป็นเรือจมหรือเรือลอยมันเป็นปัญหาของเขา

ทำตัวให้เป็นแก้วน้ำที่ว่างแล้วใส่สิ่งที่ผมแบ่งปันลงไป ลดอีโก้ตัวเองลง แล้วชีวิตท่านจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลยลดอีโก้ของท่านลงแล้วรายได้ท่านจะเพิ่มขึ้น

เมื่ออีโก้สูงรายได้ก็จะต่ำ เมื่ออีโก้ต่ำรายได้ก็จะสูง กฎของการสร้างรายได้มันเป็นแบบนี้

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

4 ขั้นตอนทำธุรกิจเครือข่าย 6 เดือนให้มีรายได้ 6 หลัก : MLM Success Series ตอนที่ 1

4 ขั้นตอนทำธุรกิจเครือข่าย 6 เดือนให้มีรายได้ 6 หลัก : MLM Success Series ตอนที่ 1

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ผมมีคำถามสำคัญที่จะถามทุกท่านครับว่า

“ถ้าเป้าหมายชีวิตของทุกท่าน คือ การมีชีวิตอิสระและไม่มีปัญหาเรื่องเงินและเวลาอีกเลย” เหมือนกับผม

ข้อมูลในวันนี้ผมตั้งใจที่จะแบ่งปันมากๆ ให้เป็นเหมือนประตูเปิดทางให้กับทุกท่านที่กำลังหาช่องทาง วิธีการที่มันเวิร์ค ที่มันมีการพิสูจน์มาแล้วครับว่า

ใครก็ตามที่ได้เรียนรู้ข้อมูลที่ผมได้แบ่งปันในวันนี้แล้วได้นำไปใช้ในชีวิตของเขา ชีวิตเขาสามารถที่จะมีรายได้แบบ Passive Income  ภายในเวลา 6 เดือน ถึง 3 ปี  หรือน้อยกว่านั้น

ท่านสามารถเลือกที่จะ อ่านบทความ หรือ ดูวีดีโอถ่ายทอดสด หรือดาวน์โหลดไฟล์ Mp3 เพื่อฟังหนังสือเสียง ที่อธิบายอย่างละเอียดได้ที่นี่ทันที

วีดีโอ”สร้างรายได้อย่างไร ให้มีอิสรภาพตลอดไป”

​หนังสือเสียง”สร้างรายได้อย่างไร ให้มีอิสรภาพตลอดไป”

สารบัญเนื้อหาวีดีโอ”สร้างรายได้อย่างไร ให้มีอิสรภาพตลอดไป”​หนังสือเสียง”สร้างรายได้อย่างไร ให้มีอิสรภาพตลอดไป”บทที่ 1 ทำความเข้าใจตลาดเครือข่ายช่องทางที่ 1 ขายปลีกช่องทางที่ 2 ขายตรงช่องทางที่ 3 การตลาดหลายชั้น การตลาดเครือข่าย – MLMช่องทางที่ 4 การตลาดออนไลน์ช่องทางที่ 5 พีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่รูปแบบธุรกิจทั่วไปขั้นตอนที่ 1 ปูทาง และนำเสนอ 45 วินาทีขั้นตอนที่ 2 อ่าน, ฟัง หรือดูขั้นตอนที่ 3 การนำเสนอพาหนะบทที่ 2 สองคูณสองเป็นสี่บทที่ 3 อาการล้มเหลวของนักขายบทที่ 4 สี่สิ่งที่ท่านจำเป็นต้องทำ

ใครบ้างครับที่อยากมีชีวิตอิสระ หรือ Financial Freedom

ผมคนหนึ่งแหละครับที่อยากเป็น และผมก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของชีวิตอิสระ มีเงิน เวลา สุขภาพที่ยอดเยี่ยม ทำอะไรก็ได้ในสิ่งที่ผมอยากทำ

เราทุกคนมีชีวิตเดียว จงเป็นเจ้าของชีวิตของท่าน อย่าให้ใครมาเป็นเจ้าของชีวิตของท่าน ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย  หรือ ธุรกิจที่ท่านทำอยู่แล้วมันรัดตัวท่านไปไหนไม่ได้ ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง มันเป็นเจ้าของท่าน

ข้อมูลวันนี้ผมไม่ได้คิดเองนะครับ ผมเอามาจากหนังสือที่มันเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมาแล้วทั่วโลก  ที่เขียนโดย ดอน เฟียล่า หนังสือนั้นชื่อ 10 Napkin หรือ การนำเสนอ 45 วินาที

มีคนจำนวนมากที่อ่านแล้วไม่เข้าใจมัน ผมเลยขออนุญาต ย่อย แยกให้ท่านเห็นภาพว่า ถ้าท่านต้องการมีชีวิตที่คิดไม่ถึง อ่านแล้วเข้าใจง่าย นี่คือสิ่งที่ผมกำลังจะแบ่งปันให้กับทุกท่าน

ท่านกำลังเหนื่อยระอากับความเหนื่อยระอาอยู่หรือป่าว ?

คือชีวิตแบบตื่นมาก็ทำงาน เย็นก็กลับบ้าน ฟังเขาพูดว่าอยากรวยก็อยากรวย แต่พลังมันไม่มีเลย ทำธุรกิจก็ไม่ประสบความสำเร็จ โดนโกงสารพัดเพราะว่าอะไร ท่านกำลังเหนื่อยระอากับความเหนื่อยระอาของชีวิตท่านอยู่

นิยามของการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง

เมื่อท่านหักลบเวลานอน เวลาสื่อสาร เวลาทำงาน และเวลาทำกิจวัตรประจำตัวของเรา  คนส่วนมากเหลือเวลาไม่ถึง 1-2 ชั่วโมงต่อวันเพื่อทำในสิ่งที่เขารักที่จะทำ และที่สำคัญ พวกเขาไม่มีเงิน ที่จะทำในสิ่งที่รักเหล่านั้นด้วย

เหตุผลที่ผมถามก็เพราะว่าผมได้พบกับวิธีการที่คนๆหนึ่ง จะสามารถเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองได้ โดยทำธุรกิจจากที่บ้านของเขาเอง และกุญแจที่สำคัญก็คือ ผมมีระบบที่ใช้งานง่าย คนทั่วไปก็สามารถทำงานด้วยระบบนี้ได้ คุณไม่ต้องเป็นนักขาย และมันก็ไม่ต้องการเวลาของคุณมากนัก คือไม่กวนเวลางานประจำ ถ้าคุณสนใจผมจะเริ่มขั้นตอนแรกเดี๋ยวนี้เลย

มี 2 สิ่งที่การันตีในชีวิตของเราอย่างแน่นอน คือ

  1. เราทุกคนมีวันเกิด
  2. เราทุกคนต้องตายจากไป

และอย่างที่ 3 ที่รับประกัน 100% เช่นกันคือ ถ้าท่านเป็นลูกจ้างหรือมีเพื่อนเป็นลูกจ้าง ทั้งท่านและเพื่อนของท่านจะไม่มีทางได้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง

เว้นแต่ว่าท่านจะเข้าร่วมการตลาดเครือข่าย และ ทำธุรกิจจากที่บ้านของท่านเอง

บทที่ 1 ทำความเข้าใจตลาดเครือข่าย

ผมมีคำถามสำคัญที่จะถามครับว่า ทำไมแทบทุกอย่างที่ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับ “การสร้างรายได้” จึงไม่ถูกต้อง

ในโลกใบนี้ ใครก็ตามที่ต้องการสร้างรายได้จากการเป็นเจ้าของธุรกิจ มันจะมีอยู่ 5 ช่องทางค้าขายหลักของโลก ที่ผู้คนจะสามารถทำเงินเข้ากระเป๋าได้ จากเป็นเจ้าของธุรกิจ

ช่องทางที่ 1 ขายปลีก

เป็นธุรกิจแบบดั้งเดิมที่คนบนโลกนี้สมัยก่อนอยากทำอะไรก็เปิดร้าน เปิดร้าน และสมัยนี้ก็ยังคิดเปิดร้านกันอยู่ อยากจะเปิดร้านขายอาหารก็เปิด อยากขายสินค้าก็เปิด ขายสารพัดขาย

ข้อดีคือผู้คนทั่วไปรู้จัก และมันเริ่มต้นได้ง่ายที่สุด

ข้อด้อย คือ ไม่ท่านก็ลูกจ้างท่านจะต้องเสียเงินจ้าง ต้องมีคนเฝ้าร้าน และร้านจะต้องเปิดสม่ำเสมอทุกวัน ถ้าเปิดๆปิดๆ ลูกค้าจะหายไปเลย  แล้วท่านอยากจะนั่งเฝ้าร้านตลอดชีวิตหรอ

ช่องทางที่ 2 ขายตรง

การตลาดส่งตรงจากไปรษณีย์  ขายของออนไลน์ก็เป็นขายตรง มันคือขายตรงๆผ่านช่องทางออนไลน์ โพสต์ขาย ถ่ายรูปขาย มีคนสั่งมาก็ส่งตรง แค่เปลี่ยนสื่อทางการตลาด

ถ้าขายตรงแบบดั้งเดิม ก็คือ ให้นึกภาพของสาวมิสทีน สาวเอวอน  คนขายทัพเปอร์แวร์ หรือขายประกับ แบบนี้คือการขายตรง หรือขายเครื่องกรองน้ำที่ท่านเคยเห็นเขาเคาะประตูตามบ้าน  

ใครก็ตามที่คิดว่าจะทำธุรกิจขายตรง เพื่อให้มีชีวิตอิสระ เขาจะไม่ได้มัน เพราะเขาจะได้รับค่าคอมมิสชั่นและสินค้าราคาต่ำและก็ขายไปในราคาที่สูงกว่าและก็ทำรายได้จากส่วนต่างนั้น

แต่เขาจะต้องขาย ถ้าเขาไม่ขาย เขาจะไม่มีรายได้  พลังทวีน้อยมาก

ช่องทางที่ 3 การตลาดหลายชั้น การตลาดเครือข่าย – MLM

MLM  ย่อมาจากคำว่า Multi-Level Marketing

แปลว่าการตลาดหลายชั้น แต่จริงๆแล้วเราควรจะเรียกว่าการตลาดหลายรุ่นมากกว่า เพราะว่าจากรุ่นแรกมี 1 คน รุ่นที่ 2 มี 2 คน รุ่นที่ 3 มี 4 คน รุ่นที่ 5 มี 16 คน ลึกลงไปเรื่อยๆแบบทวีคูณอย่างนี้  นี่คือการตลาดที่เรียกว่าของยุคศตวรรตใหม่เลยที่เดียว

ปัจจุบันนี้การตลาดแบบเครือข่าย หรือ MLM นั้นใหญ่มาก มีมูลค่าเป็นหมื่นๆแสนๆ ล้านบาทต่อปี

แต่คนจำนวนมาก มากกว่า 95-97 % ที่อยู่ในธุรกิจเครือข่ายเขาก็ยังไม่เข้าใจมัน แล้วคน 100%  ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดแบบนี้ ไม่ได้อยู่ในธุรกิจ MLM เป็นเพราะว่าเขาไม่เข้าใจในธุรกิจ หรือ เข้าใจมันผิดๆ

แต่ถ้าใครเข้าใจการตลาดแบบเครือข่ายหรือ MLM แล้ว เขาเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในการตลาดนี้แล้วทำเต็มที่ภายใน 6 เดือน – 3 ปี แล้วมีชีวิตอิสระไปเลยเพราะมันมีสูตร มีวิธีในการทำที่ใครก็ตามทำแบบนี้แล้วทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ 3 ปี ชีวิตเขาจะไม่เหมือนเดิม

ผมบอกเลยว่ามันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น และในยุคปัจจุบันการตลาดเครือข่าย การตลาดหลายชั้นแบบ MLM นี้ทำง่ายมาก ง่ายกว่าเดิมมากๆ หลายเท่า มันคือช่องทาที่ทรงพลังที่สุดอันดับหนึ่งของโลก

ช่องทางที่ 4 การตลาดออนไลน์

การตลาดออนไลน์ ช่วยให้ท่านนั้น สามารถสื่อสารไปถึงผู้บริโภคจำนวนมากๆได้ ด้วยการใช้พลังทวีของอินเตอร์เน็ต มันคือมีพลังทวีที่สุดยอดและทรงพลังมากๆ

แต่มันมีข้อด้อยตรงที่ว่า รายได้ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดแบบทวีคูณ ถ้าท่านมีระบบที่ทรงพลังในการที่จะเซตอัพระบบธุรกิจออนไลน์ให้มันมีรายได้เติบโตแบบทวีคูณแล้วละก็ มันไม่แตกต่างจากการขายตรงจากข้อที่ 2 เลย

และคนในโลกนี้มากกว่า 90-95% ไม่เข้าใจการตลาดออนไลน์ คิดว่าการสมัครทำธุรกิจแล้วโพสต์ขายของในอินเตอร์เน็ตมันคือการตลาดออนไลน์ มันก็ใช่นะ แต่มันเป็นแบบ Basic มากๆ การตลาดออนไลน์มีอะไรมากกว่านั้น

ช่องทางที่ 5 พีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่

คือช่องทางที่คนนั้นอยากรวยเร็วๆ เขาจะงัดมันออกมาใช้ ออกมาทำ มันคล้ายกับ MLM มาก พูดง่ายๆก็คือมันลอกธุรกิจ MLM มาเลย

แต่ทำไมธุรกิจแบบนี้จึงถูกตีความหรือถูกตำรวจจับหรือถูกคนฟ้อง ว่าเป็นพีระมิด เป็นแชร์ลูกโซ่ เป็นธุรกิจที่หลอกลวงผู้คน ธุรกิจที่รับการฟันธงว่าเป็นพีระมิดเพราะธุรกิจเหล่านี้ล้มเหลวในการเคลื่อนไหวสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค  แต่การตลาดเครือข่ายหรือ MLM ที่เวิร์คนั้นจะต้องมีการเคลื่อนสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค

รูปแบบธุรกิจทั่วไป

เจ้าของแบรนจะสร้างสินค้าอะไรออกมา เขาก็จะลงทุนใหญ่ เช่นรองเท้าไนกี้  อดิดาส เขาทำมา 10,000 คู่ ส่งเข้าไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ก็จะมียี่ปั๊ว หรือว่าพ่อค้าคนกลางมารับไป เราเรียกว่า Distributors ผู้กระจายสินค้า แล้วก็ส่งไปที่เฮลสโตว์ ไปเซนทรัล  ไปร้านขายเครื่องกีฬา

ซึ่งรองเท้าที่ออกมาจากโรงงานราคาคู่ละ 200-500 บาท แต่ขายให้เราคู่ละ 2,000-35,000  ราคาเพิ่มขึ้น 10 เท่า เพราะว่ามันต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เขาต้องมีการเสียค่าเดินทาง ดีเทลสโตว์ต้องเสียค่าเช่า เขาเลยต้องบวกราคา

เพราะฉะนั้นทุกท่านดูสิครับว่าในฐานะที่เราเป็นผู้ซื้อปลีก เราคือผู้แบกภาระทุกอย่าง และพ่อค้าคนกลางคือคนที่ทำเงินมากที่สุด เจ้าของแบรนขายคู่ละ 200 – 300 พ่อค้าคนกลางกว่าจะอามาส่งถึงรีเทลสโตว์(ร้านค้าปลีก)  ราคาบวกมาแล้ว 10 เท่า

เรามาดูการตลาดเครือข่าย การตลาดเครือข่ายก็คือ บริษัทเหมือนกัน สร้างผลิตภัณฑ์ ออกมาคุณภาพดีเหมือนกันแต่เลือกที่จะไม่ใช้วิธีการทำการตลาดแบบเดิมๆคือ ส่งให้ยี่ปั๋ว  ชาปั๊ว หรือ จ้างดาราดัง

ไม่ว่าจะเครือข่ายมือถือ หรือสินค้าอะไรที่จ้างดารามาท่านว่าดาราเหล่านั้นส่วนมากใช้สินค้านั้นไหม ท่านก็รู้ว่าเขาไม่ได้ใช้หรอก บริษัทเหล่านี้จ่ายให้เขา 10 ล้านแล้วก็เอาเงินค่าโฆษณาไปบวกในราคาสินค้าเรียบร้อยแล้ว เขาถึงยิงโฆษณากันสารพัดในทีวี  แล้วท่านก็มาซื้อในราคาที่แพงที่สุด

แต่บริษัทเครือข่ายไม่ต้องจ่ายเงินให้กับดาราเหล่านั้น เพราะดาราเหล่านั้นไม่ได้ใช้สินค้าของบริษัท แต่เขาจ่ายให้กับ Affiliate หรือว่าตัวแทนที่ใช้สินค้าบริษัทนี้ด้วย แล้วก็ส่งต่อสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค เขาก็เลยรับค่าคอมมิชั่นจากบริษัทนี้โดยตรงโดยไม่ผ่านยี่ปั๋ว ชาปั๋ว โดยเอาเงินนั้นทั้งหมดจ่ายให้กับ Affiliate  

การตลาดเครือข่ายให้อะไรท่านได้บ้าง

  • ท่านเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ท่านสามารถจะตื่นตอนไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้
  • ท่านสามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้
  • รับรายได้พิเศษ นอกเหนือจากงานประจำ       

ผมมีคำที่อยากจะแบ่งปันกับท่านครับว่า ไม่ว่าท่านจะเกิดมารวย หรือรวยเพราะแต่งงาน หรือเข้าร่วมกับบริษัทการตลาดเครือข่ายแห่งหนึ่งแล้วรวย ความโชคดีมิได้ต่างกัน เพราะชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

สำหรับคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายแล้วไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อท่านเห็นแล้วว่าการตลาดเครือข่ายเป็นการตลาดที่ทรงพลังที่สุดและท่านสนใจอยากจะเรียนรู้ว่าทำยังไงให้เวิร์ค

นี่คือคัมภีร์ ที่จะทำให้ท่านทำธุรกิจเครือข่ายให้เวิร์คตั้งแต่วันแรก  สิ่งแรกที่ท่านต้องเข้าใจนั้นคือ

การตลาดเครือข่ายแบบขายตรงเป็นเหมือนน้ำกับน้ำมัน มันผสมกันไม่ได้

เพราะฉะนั้นการตลาดเครือข่ายก็คือเครือข่าย ขายตรงก็คือขายตรง อย่าเอามาปนกัน นักธุรกิจจำนวนมากที่ทำธุรกิจเครือข่ายยังเรียกตัวเองว่าฉันขายตรง ผิดครับ ไม่ถูกต้อง ท่านจะเห็นได้ว่าเมื่อท่านเข้าไปทำธุรกิจเครือข่าย แล้วบอกว่าพวกเรากำลังขายตรงกันอยู่

แม้แต่เจ้าของธุรกิจเครือข่ายบางแห่งไม่เข้าใจธุรกิจเครือข่ายแต่เปิดขึ้นมาเพราะอยากรวย แต่ยังเรียกตัวเองว่าเราทำธุรกิจขายตรงเลย ไม่ถูกต้อง มันทำให้คนสับสน ระหว่างธุรกิจเครือข่ายกับขายตรง  การตลาดหลายชั้น MLM ไม่เกี่ยวกับไดเร็กเซลล์

เรามาดูกันว่า ทำไมไม่ถูกต้อง เพราะใครก็ตามที่คิดว่าการสร้างเครือข่ายทำได้เพราะ การขาย จะไม่มีวันทำธุรกิจนี้ให้ใหญ่โตได้ด้วย ข้อยกเว้นเล็กๆนี้

ถ้าท่านคิดว่าทำธุรกิจเครือข่ายแล้วมันจะต้องออกไปขายของ ท่านกำลังเข้าใจผิด

และนี่คือส่วนสำคัญส่วนแรกเลยที่ทำให้ท่านทำธุรกิจเครือข่ายไม่ประสบความสำเร็จ

แต่สินค้ามันต้องเคลื่อน ถ้าไม่ขายมันจะเคลื่อนได้ยังไงละ แม้ว่าท่านจะไม่ได้ทำธุรกิจเครือข่ายหรือท่านทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ ข้อมูลในวันนี้ จะพลิกชีวิตท่าน

เพราะคนที่ไม่ใช่ประเภทนักขายจะคิดว่าการขายของคือการออกไปพูดกับใครสักคนถึงบางสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ หรือไม่จำเป็นต้องมี พูดง่ายๆคือ เขาไม่ได้ต้องการหรอก ฉันอยากจะขาย ฉันอยากยัดเยียดให้เขาอยากซื้อ นั้นคือสิ่งที่ผู้คนคิดว่านักขายจะต้องทำ

แล้วลองขายสินค้าหรือบริการของท่านให้คนประเภทที่ไม่ใช่นักขายที่มีอยู่ 85%  ในโลกใบนี้พวกเขาจะคิดเสมอว่า เฮ้ยนี่มันเป็นธุรกิจที่ต้องออกไปขายตรงนี่หว่า ที่ท่านไปชวนคนแล้วเขาไม่สมัครกับท่านไงก็เพราะว่าท่านไม่เข้าใจ วางตัวไม่ถูก นำเสนอไม่ใช่  แล้วออกไปขายตรง

ท่านเห็นภาพรึยังว่าบริษัทเครือข่ายทั่วไป อัพไลน์ ระบบทั่วไปที่พยายามผลักดันให้ท่านมีการออกไปขาย หรือจับท่านขายของเลย หรือพยายามถามยอดว่าขายได้กี่ชิ้นแล้ว พวกเขาไม่เข้าใจการตลาดเครือข่ายจริงๆ ถึงแม้ว่าเขาทำท่าว่าเขาเข้าใจ

ถ้าท่านไม่สามารถจะพูดกับเพื่อนๆ เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายของท่าน อาจจะเป็นเพราะว่าท่านยังไม่เชื่อ หรือท่านยังไม่เข้าใจมัน

ท่านไม่เชื่อว่าสินค้าของมันดีจริงๆ ท่านเลยไม่กล้าพูดเหมือนที่ท่านไปดูหนัง ไปกินอาหารร้านนั้นมาไง ท่านเข้าใจ มี Mind set ที่ผิด

และถ้าอัพไลน์ ผลักดันท่านออกไปขาย ไม่สอนก่อนว่าควรจะพูดยังไงให้เวิร์ค ท่านก็ตายตั้งแต่แรก เลยทำให้ทำธุรกิจไม่สำเร็จ  แล้วถ้าท่านยิ่งออกไป ขายๆๆ คนก็จะยิ่งไม่ชอบ เพราะคนไม่ชอบถูกขาย และท่านก็ไม่ชอบถูกขาย แต่ทุกคนชอบซื้อ ทำยังไงให้เขาอยากซื้อ ทำยังไงให้ท่านสร้างองค์กรขนาดใหญ่ แล้วผู้คนซื้อกันกระหน่ำ รายได้ไหลเข้ามาหาท่าน  

เพราะธุรกิจเครือข่ายคือธุรกิจของการอุปถัมภ์และการสอน ไม่ใช่ธุรกิจของการหาสมาชิกมาขายตรง  ถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายแล้วท่านยังสาธิตสินค้าอยู่ องค์กรของท่านนั้นเนี้ยจะเจริญเติบโตช้ามากและไม่มีวันเจริญเติบโต ด้วยการสาธิตสินค้า

เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย คือ ท่านจะต้องมีระบบ และระบบในธุรกิจเครือข่ายที่ทรงพลังที่สุดอันดับหนึ่งคือ

ท่านจะต้องงดพูด

ท่านจะต้องพูดให้น้อยที่สุด หรือไม่พูดเลย ปล่อยให้เครื่องมือต่างๆพูดแทน  CD หนังสือ VDO  คลิป ข้อมูล สื่อทั้งหลาย ยิ่งท่านพูดมากเท่าไหร่ ท่านแพ้ พูดให้น้อยที่สุด พูดแต่ละครั้งไม่เกิน 1 นาที  อย่าพูดเยอะ เพราะนักธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่พุดกันที่ 1-2 ชั่วโมง จงแตกต่าง

ผมเชื่อว่าหลายๆท่านตื่นเต้น ฟังข้อมูลจากผมวันนี้ท่านจะนอนไม่หลับ ท่านจะรู้วิธีทำเงินมากๆ ในเวลาอันสั้น

เพราะว่าพวกเราร่ำรวยขึ้นมา ด้วยการสอน คนของเรา ให้รู้จักทำงานกับ คนที่ไม่ฝักใฝ่ขายตรง  

ไม่ว่าท่านจะชอบขายตรง หรือ ไม่ชอบขายตรงท่านสามารถร่ำรวยได้ ด้วยการทำธุรกิจการตลาดหลายๆชั้นแบบเครือข่ายและไม่ฝักใฝ่ขายตรงด้วย

ผมว่าประโยคนี้โดนใจคนทุกคนในโลกนี้ เพราะคนทุกคนบนโลกนี้มี 15% เท่านั้นชอบขายตรง มี 85% ไม่ชอบขายตรง แล้วเราร่ำรวยขึ้นมาได้ด้วยการสอนคน 2 กลุ่มนี้ให้เขาขยายเครือข่ายเป็น ข้อมูลนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตคนทุกคนเลย

เพราะยิ่งท่านออกไปพูดมากเท่าไหร่  ผู้มุ่งหวังของท่านก็ยิ่งคิดว่า พวกเขาไม่มีเวลาแล้วพวกเขาก็จะคิดว่าพวกเขาไม่สามารถทำสิ่งที่ท่านกำลังทำอยู่

เพราะข้ออ้างอันดับหนึ่งที่คนใช้ปฎิเสธธุรกิจนี้คือ เวลา รู้ไหมใครที่ทำให้เขามีข้อปฎิเสธนี้ ก็คือท่านไง  ท่านเอาแต่พูดๆๆ  ยิ่งเขาทำไม่สนใจมากเท่าไหร่ ท่านยิ่งพูดๆๆๆ ยิ่งท่านพูดมากเท่าไหร่  เขาก็เลยคิดว่า ถ้าฉันไปร่วมธุรกิจกับคนนี้ ดูสิเขา พรีเซ็นต์เก่งมากเลย ใช้ไอแพด ถ้าฉันทำ แล้วฉันไม่มีไอแพดแบบเขา ฉันจะทำได้หรอ ฉันไม่ทำดีกว่า

ท่านนี่แหละ ยิ่งพูดเก่ง ขายเก่ง ยิ่งทำธุรกิจเครือข่ายไม่สำเร็จ ท่านจะต้องพูดเป็น ไม่ใช่พูดเก่ง  ท่านจะต้องใช้เครื่องมือเป็น  ให้เครื่องมือเก่ง ไม่ใช่ตัวท่านเก่ง ท่านจึงจะทำธุรกิจเครือข่ายสำเร็จ  

เพราะฉะนั้นท่านคือต้นเหตุที่ทำให้ผู้มุ่งหวังของท่านอ้างว่าไม่มีเวลา  จริงๆแล้วไม่มีใครไม่มีเวลา มันคือข้ออ้าง  แล้วถ้าเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ เจอคำว่าไม่มีเวลา จะทำให้ท่านอึกๆอักๆ และเจอระบบที่ไม่เวิร์ค

คือระบบพยายามผลักดันให้ท่านไปชวนคน ผลักดันท่านออกไปขาย ไม่สอนก่อนว่าควรจะพูดยังไงให้เวิร์ค ท่านก็ตายตั้งแต่แรกเลย เจอแบบนี้เข้าไป 2-3 ครั้งท่านก็จะคิดว่าธุรกิจเครือข่ายไม่เหมาะกับฉัน ไม่ใช่ ท่านและระบบที่ท่านเจอไม่เวิร์ค

ท่านเคยเห็นไหมล่ะ ที่เขาทำจริง เจอระบบที่เวิร์คและเขาก็รวยจริง และท่านเคยเห็นไหมล่ะ ทำบริษัทนั้นแล้วก็กระโดดไปบริษัทนี้ เพราะเขาทำแบบนี้ ระดมคน ระดมพล ระดมเงิน แล้วก็จากไป ไม่ใช่ระบบที่จะทำธุรกิจเครือข่ายแล้วสามารถประสบความสำเร็จได้ตลอดชีวิต

เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จคือ

เรียนรู้ที่จะถามคำถาม

ถ้าท่านถามคำถามไม่เป็นในธุรกิจเครือข่ายหรือไม่เคยมีคนสอนให้ท่านถามคำถามเป็น ท่านกำลังพายเรือวนอยู่ในอ่าง เพราะท่านจะออกไปขายตรง ท่านจะออกไปชวนคนทำธุรกิจ ท่านจะพูดแผน ท่านจะพูดสินค้า ท่านจะพูดบริษัท ท่านจะพูดผู้นำ ท่านจะพูดสิ่งเหล่านี้แล้วท่านก็เกาหัว

ทำไมไม่มีใครสมัครเลยอ่ะ ขับรถไป 200 km 300 km พรีเซนสินค้านัดมา ผู้มุ่งหวังก็มานั่งอยู่ในห้องประชุม ทำไมไม่มีใครสมัคร สมัครแล้วก็ไม่ทำ ทำไม เห็นรึยังว่าที่ผ่านมาท่านพลาดอะไร

ถ้าท่านต้องการที่จะสร้างธุรกิจเครือข่ายให้เกิดผลลัพธ์ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งตัวท่านและทีมงานท่านที่สมัครเข้ามาตั้งแต่วันแรก ท่านจะต้องเริ่มสอนคนเหล่านั้นที่ท่านมีอยู่แล้ว ให้รู้วิธีพูดกับคนที่พวกเขารู้จักอยู่แล้ว อย่าเพิ่งไปสอนให้เขาทำกับคนไม่รู้จัก ท่านกำลังสอนให้เขาทำในสิ่งที่ยากกว่าทำกับคนรู้จัก 10 เท่า

ถ้าท่านแบ่งปันข้อมูลนี้กับคนที่ รู้จักท่าน รักท่าน ชอบท่านอยู่แล้ว หรือแบ่งปันสินค้าให้เขาได้ใช้ เมื่อเขาชอบเขาจะหันมาชื้อกับท่าน แค่ข้อมูลนี้ข้อมูลเดียว จะทำให้ชีวิตของคนที่ทำธุรกิจเครือข่ายมาไม่รู้บริษัทไหนต่อบริษัทไหนทำแล้วก็ไม่สำเร็จ

ชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงได้จากการที่เขารู้แล้วว่า เขาจะต้องเริ่มต้นสอนคน สอนอะไร สอนในสิ่งที่ผมกำลังสอนอยู่นี่ไง ให้กับเขา 

ย้ำอีกทีนะครับ

สอนคนเหล่านั้นที่ท่านมีอยู่แล้วให้ รู้วิธีพูด กับคนที่พวกเขารู้จักอยู่แล้ว เพื่อน ญาติ พี่น้องของเขา ถ้าเขาเป็นคนที่ยังไม่เคยทำธุรกิจเครือข่าย ปรับ Mind set เขาทันที อย่าชวนคนที่ไม่รู้จักก่อน

คนส่วนมากคิดว่ามันจะต้องได้คนเก่งๆ ได้นักขาย ท่านกำลังทำให้เขาไปเจองานยาก เพราะการชวนคนไม่รู้จักยากกว่าการชวนคนรู้จัก 10 เท่า

เพราะเขาไม่รู้วิธีชวนคนไม่รู้จัก แต่ผมรู้ว่าจะต้องชวนยังไงให้มันง่าย แต่ท่านไม่รู้ไง ท่านเลยต้องทำสิ่งที่ง่ายก่อนคือชวนคนรู้จักก่อน เพราะเขารู้จักรักชอบ ท่าน  ด้วยกระบวนการและขั้นตอนนี้

เราจะเริ่มต้นด้วยการคุยกับคนรู้จักเราแต่ละคนไม่เกิน 45 วินาที

ขั้นตอนแรก เราเรียกว่าขั้นตอนปูทาง

วิธีการเริ่มต้นทำธุรกิจเครือข่ายทุกบริษัทเริ่มแบบนี้ ทุกบริษัท ถึงบริษัทท่านจะสอนยังไงก็แล้วแต่ ถ้าท่านทำแล้วไม่เวิร์ค  ทำไมไม่ลองวิธีที่เวิร์คละครับ

ขั้นตอนที่ 1 ปูทาง และนำเสนอ 45 วินาที

เราจะถามเขาครับ  สมมุติว่าเรานั่งทานข้าวกับน้องชายเรา หรือ เพื่อนของเรา กำลังจะจ่ายบิลละ เราจะเริ่มถามว่า สมชายนายเคยคิดไหมว่าชีวิตนายจะเป็นอย่างไรถ้านายได้เป็นเจ้าของชีวิตของนายจริงๆ หรือ “สมชายนายเคยคิดไหมว่า ชีวิตนายจะเป็นยังไงถ้านายไม่มีปัญหาเรื่องเงินและเวลาอีกเลย”

“สมชายนายก็รู้นี่เมื่อเราหักลบเวลานอน เวลาสื่อสาร เวลาทำงาน และเวลาทำกิจวัตรประจำตัวของเรา คนส่วนมากเหลือเวลาไม่ถึง 1-2 ชั่วโมง ต่อวันเพื่อทำในสิ่งที่เขารักที่จะทำ ที่สำคัญก็คือ พวกเขาไม่มีเงินที่จะทำในสิ่งที่รักเหล่านั้นด้วย”

“เหตุผลที่ผมถามคุณก็เพราะว่า ผมได้พบกับวิธีการที่คนๆหนึ่ง จะสามารถเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองได้ โดยทำธุรกิจจากที่บ้านของเราเอง  และกุญแจที่สำคัญที่สุดคือ ผมมีระบบที่ใช้งานได้ง่าย คนทั่วไปก็สามารถทำงานด้วยระบบนี้ได้ คุณไม่ต้องเป็นนักขาย และมันก็ใช้เวลาของคุณไม่มากนัก ถ้าคุณสนใจผมจะเริ่มขั้นตอนแรกเดี๋ยวนี้เลย คุณอยากดูข้อมูลไหมล่ะ”

ง่ายไหมครับ  นี่คือบทสนทนา 45 วินาที ถ้าท่านจำมันไม่ได้ ท่านก็สามารถที่จะ แคปเจอร์หน้าจอนี้ส่งให้เพื่อนคุณอ่านได้ หรือให้เขาอ่านเอง

เมื่อเราเริ่มพูด 45 วินาทีกับเขาไปแล้ว แล้วเขาตอบกลับมาว่า ไม่สนใจ  ให้ถามต่อเลยว่า งั้นผมถามหน่อยสมชาย คุณชอบท่องเที่ยวไหม  “คุณรู้จักใครไหมที่ชอบท่องเที่ยว ชอบวันพักร้อน  หรือมีวันหยุดพักผ่อนหลายๆวัน”  ถ้าสมชายตอบว่า ไม่รู้จักใคร หยุดคุยกับเขาเลย เราไม่เหตุผลที่จะต้องคุยกับคนที่ไม่รู้จักใคร  

แต่คนส่วนมากจะบอกว่ารู้จักสิ  ก็ฉันนี่ไง เราจะพูดต่อว่า สมชายเรามีแค่ 3 สิ่งในวันท่องเที่ยวคือ เวลา เงิน สุขภาพ ถ้าเราแสดงให้สมชายได้เห็นว่า คุณจะสามารถมีทั้ง 3 อย่างนี้ได้อย่างไรคุณอยากดูข้อมูลไหม  ถ้าเขาตอบว่าดู ไปที่ขั้นตอนที่ 2

ขั้นตอนที่ 2 อ่าน, ฟัง หรือดู

ขั้นตอนที่ 2  ให้เขาอ่านหนังสือ ให้เขาฟังสื่อ หรือให้ดูวีดีโอ “การนำเสนอ 45 วินาที” บอกให้เขาอ่านแค่ 4 บทแรก แล้วเขาจะเข้าใจวิธีการขับพาหนะก่อน

ขั้นตอนที่ 3 การนำเสนอพาหนะ

พาหนะ หรือโอกาสทางธุรกิจ แค่ 15 นาที ท่านจะพูดแผน  พูดถึงบริษัท ท่านจะต้องพูดหลังจากที่ทำ

  1. การนำเสนอ 45 วินาทีแล้ว 
  2. ให้เขาฟัง อ่าน ขั้นตอนการทำธุรกิจเครือข่าย ทำยังไงให้สำเร็จ  
  3. ค่อยนำเสนอพาหนะ หรือ โอกาสทางธุรกิจ 

อย่าพุดเกิน 15 นาที หรือ 20 นาทีเด็ดขาด และบอกเขาว่า เขาจะได้เรียนรู้ตลอด 6 เดือน เขาจะได้เข้าโรงเรียน หรือ มหาวิทยาลัย MLM มหาวิทยาลัยธุรกิจเครือข่าย ที่เขาเรียนแค่ 6 เดือน แต่สามารถสร้างรายได้ 6-7 หลักได้เลย

บทที่ 2 สองคูณสองเป็นสี่

เรามาดูวิธีการ ว่าเราจะสอนผู้มุ่งหวังของท่าน ให้รู้วิธีขับ ก่อนที่จะให้พวกเขา ได้เห็นพาหนะของท่าน อย่างไร

ท่านสามารถสอนระบบนี้ให้กับเพื่อนของท่านได้ด้วยเวลาที่น้อยกว่า 10 นาที เราจะบอกเขาว่า ธุรกิจนี้เกี่ยวกับการทวีคูณ ไม่ใช่การบวกลบเลข  เป็นการทวีคูณทุกๆด้านไม่ว่าจำนวนคนที่เข้ามาในธุรกิจหรือจำนวนเงินรายได้ที่เกิดขึ้น

บทเรียนนี้เราเรียกว่า พลังทวีคูณ  2×2 = 4 คือบทสนทนาในบทเรียนที่ 2 

จากบทเรียนที่ 1 ที่เราบอกว่า 5 ช่องทางของการสร้างรายได้ แล้วเราก็พาเขาเข้ามาสู่การสร้างรายได้แบบทวีคูณ  มันจะทำให้เขาเห็นภาพครับว่าชีวิตเขาจะเปลี่ยนแปลงไปจากการทำโปรเจคนี้

เราจะเริ่มต้นโดยการถามเขาว่า ถ้าผมสามารถสอนให้เขามีสองคนได้  เราสองคนไปช่วยกันสอนสองคนของคุณ

สมมุติว่าสมชายถ้าผมสามารถสอนให้คุณนั้นอุปถัมภ์สองคนเข้ามาได้ คือ ทำให้เขาได้เห็นภาพ ให้เขาได้เข้าร่วมการตลาดแบบเครือข่าย เราเรียกว่าการอุปถัมภ์

เพราะเมื่อเข้ามาเราจะต้องสอนเขาต่อด้วย ถ้าเราสองคนไปช่วยกันสอนสองคนของคุณได้ 2×2 เท่ากับเท่าไหร่ ให้สมชายตอบ แล้วเขียนให้เขาดู 4

หรือถ้าเขาอยู่ไกล คุณต้องโทรคุยกับเขา ท่านต้องบอกเขาหยิบกระดาษปากกามา พูดแล้วให้เขาเขียน เขาจะได้เห็นภาพ สมชาย 2×2 = 4 แล้ว 4×2 = 8 แล้ว 8×2 = เท่าไหร่  16 นี่ไงสมชาย ผมอยากให้คุณดูว่า

ถ้าคุณกับผมช่วยกันอุปถัมภ์ 2 คนที่คุณอุปถัมภ์มาให้เขามี อีกคนละ 2 คน นั้นหมายความว่า คนในชั้นที่ 2 ของคุณนั้น จะมี 4 คน และถ้าเราอยู่ด้านบนทั้งหมดไปร่วมด้วยช่วยกันอุปถัมภ์ 4 คนนี้ ให้เขามีอีกคนละ 2 คน

คนในชั้นที่ 3 ของเรา จะมี 8 และถ้าพวกเราข้างบอกทั้งหมด สอนกันไป ถ่ายทอดกันไปสอน 8 คนนี้ ให้มีอีกคนละ 2 เท่ากับ 16

นั้นหมายความว่าชั้นที่ 4 ของเขา มี 16 คน คราวนี้ผมจะคำนวณอะไรให้ดู

ในธุรกิจเครือข่าย เป็นธุรกิจแห่งการซื้อซ้ำ ผมคิดตัวเลขง่ายๆเลยครับว่า สมมุติว่า คนในองค์กรนี้ของท่านนี้มีกี่คน ส่วนมากจะตอบว่า 16 ไม่ใช่นะครับ มีทั้งหมด 31 คน เพราะในแต่ละชั้นมีคนอยู่แล้ว

ชั้นที่ 1 สมชาย ชั้นที่ 2 มี 4 ขั้นที่ 3 มี 8 ขั้นที่ 4 มี 16 รวมแล้วเท่ากับ 31 องค์นี้ถ้าสมมุติทุกคนซื้อสินค้าคนละชิ้น ต่อเดือนคือ 1,000 บาท เท่าทำเงินเข้าบริษัทได้ 31,000 บาท

บริษัทเครือข่ายโดยทั่วไป จ่ายให้ท่านเป็น Passive Income  เข้าบัญชีท่านทุกเดือนจากการที่มีคนซื้อทุกเดือนอย่างน้อย 8-12%  ผมคิดตัวเลขง่ายๆ 10% นั้นหมายความว่า 31,000 คูณ 10% เท่ากับ ท่านได้ 3,100 บาทเป็น Passive Income  

เพราะคนที่เราชวนเข้ามานี้ เราจะชวนคน และอุปถัมภ์ คนที่เอาจริง ที่เขาพร้อมจะซื้อสินค้าทุกเดือน อย่างน้อยตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ซึ่งโดยส่วนมากแล้วบริษัทเครือข่ายทั่วไปจะมีการซื้อซ้ำเกิน 1,000 บาทอยู่แล้ว นี่เป็นตัวอย่างนะครับ

เห็นไหมครับแค่ทำ 2×2  ลึกลงไป 4 ชั้นท่านก็รับ Passive Income  แล้วนะครับ

แล้วเรามาดูต่อ สมชายแล้ว 3×3 เท่ากับเท่าไหร่ เท่ากับ 9

แล้ว 9×3 เท่ากับเท่าไหร่ เท่ากับ 27

แล้ว 27×3 เท่ากับเท่าไหร่ เท่ากับ 81

ผมอยากให้ทุกท่านได้สังเกตดูอย่างนี้ครับว่า สมชายดูนี่สิ ชั้นที่ 4 ของ 2×2 กับ 3×3 มันต่างกันถึง 65 คนเลยนะ

แต่ความจริงก็คือ แค่ทุกๆคนอุปถัมเพื่อนคนละ 1 คน ท่านมาดูครับว่าความแตกต่างของพลังทวีคูณ ท่านจะเห็นเลยครับว่าแตกต่างกันเยอะมาก  65 คน

แล้วเรามาดูจำนวนคนครับว่ามันเยอะแค่ไหน มันเพิ่มไปเรื่อยๆ ผมจะคิดที่ 3×3 นะครับ เอา 81 + 27 + 9 + 3 +1 คนทั้งหมดในองค์กรนี้ทั้งหมด 121 คน

ทุกคนซื้อสินค้า 3,300 บาท นั้นหมายความว่ายอดธุรกิจ 399,300 บาท ท่านรับเกือบ 40,000 เรียบร้อยแล้ว

คำถามคือท่านทำงานประจำมากี่ปี แล้วรายได้ท่านถึง 40,000 ต่อเดือนรึยัง  ท่านทำธุรกิจเครือข่ายมากี่ปีแล้ว หรือ ทำธุรกิจส่วนตัวมากี่ปี  ท่านทำรายได้แบบไม่ต้องทำก็ยังได้เงินเดือน แบบเดือนละ 40,000 สักเดือนได้รึยัง

แต่ถ้าท่านแค่เริ่มต้นแล้วหา 3 คนที่จริงจังให้เจอ แล้วสอน 3 คน นี้แตกคนละ 3 ลงไปแค่ลึก 4 ชั้น ท่านรับเดือนละ 40,000  สุดยอดไหมครับ

มาดูต่อนะครับ ถ้าขยายต่อไปเป็นระดับ 5×5 ละครับ

ผมจะให้ท่านดูครับว่า 5×5 เท่ากับ 25  

25×5 เท่ากับ 125  

125×5 เท่ากับ 625  

คุณดูสิว่า แค่ 4×4 มันต่างจาก 2×2 ในชั้นที่ 4 ถึง 240คน

แต่ถ้า 5×5  ลงลึก 4 ชั้น คนในองค์กรทั้งหมด 780 คน  

เอา 780 คน ที่จริงจังจะซื้อสินค้าทุกเดือนอย่างน้อยเดือนละ 3,300บาท จะมียอดเงินเข้าในบริษัทเครือข่ายของท่าน 2,574,000 บาท 10% ก็จะได้รายได้ต่อเดือนเท่ากับ  250,000 บาท  

ถ้ามันต้องใช้เวลา 3 ปี ในการทำโปรเจค 5×5 ทุกท่านว่ามันคุ้มไหมครับ เอาไหมครับ เข้าใจการตลาดเครือข่ายรึยังครับ

บทที่ 3 อาการล้มเหลวของนักขาย

หลังจากที่ท่านอธิบายบทนี้ให้เขาฟังแล้ว ท่านต้องเริ่มบทที่ 3 เลย

เรื่องอวสานเซลล์แมน หรือ นักขาย ท่านต้องบอกเขาว่า  คนส่วนมากเมื่อเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย มันจะมองหาว่า ฉันจะมองหาใครมาช่วยฉันขายดี นั้นเป็น Mind set ที่ผิด

หรือท่านกำลังมองหานักขาย มองหาคนขายเก่ง  ท่านกำลังเข้าใจผิดว่าธุรกิจนี้ต้องออกไปขาย เริ่มต้นผิดตั้งแต่แรกเลย Mind set ผิด  ปรับใหม่

ถ้าท่านโฟกัสการขาย ท่านจะไม่สำเร็จในธุรกิจเครือข่าย  ถ้าท่านผลักดันให้ทีมงาน ท่านออกไปขาย ทีมงานท่านจะตายอย่างรวดเร็ว  

แล้วถ้าท่านสปอนเซอร์นักขายมาได้  ท่านต้องรีบปรับ Mind set  และอธิบาย 4 บทนี้ก่อน ถ้าท่านไม่อธิบาย หุ้นส่วนใหม่ของท่านในวันแรกที่เขาสมัครทำธุรกิจ ใน 4 บทนี้เขาจะตายอย่างรวดเร็ว 

สิ่งที่ควรทำซ้ำคือ

คุยกัน เริ่มเขียนวงกลมแรกนี่คุณนะ  สมชายผมจะอุปถัมภ์คุณนะ เพื่อให้คุณมีนาย ก. 

และจะช่วยคุณอุปถัมภ์นาย ก.ให้เขาสามารถอุปถัมภ์ให้มีนายข.ได้

แล้วเราจะต้องสอนนาย ก.ให้สอนนาย ข.ให้ไปอุปถัมภ์นาย ค. ได้ด้วย

เห็นไหมครับว่าไม่มีคำว่าขายเลย มีแต่คำว่าอุปถัมภ์และคำว่าสอน  สอนให้คนเข้าใจการตลาดเครือข่าย  สอนให้คนรู้ว่าเวลาจะขยายต้อง ขยายลงลึก  

ถ้าท่านไม่อยากจะเป็นอวสานเซลล์แมน คือ ท่านไปชวนคนมาเป็นสิบเป็นร้อย เพราะนักขายเขาเก่งมาเขาสามารถไปขายโอกาสทางธุรกิจได้ เก็บเงินมาสมัครแล้วเขาก็มาบอกท่านว่าผมได้มาแล้ว 5 คนแล้วท่านก็บอกว่าเยี่ยมมากแล้วเขาออกไปชวนมาอีก 5 คน ในสัปดาห์ต่อไป เขาก็พบว่า 5 คนแรกที่เขาสมัครเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหายไปหมดแล้ว  

แล้วเขาก็จะไปชวนๆ มาอีก แล้วคนเก่าเขาก็จะหายไปหมด เพราะเขาทำงานเรื่องการขยายเชิงลึกไม่เป็น เขาเป็นแต่ขยายเชิงกว้าง  ในธุรกิจเครือข่ายจำไว้ ยิ่งลึก ยิ่งโต ยิ่งลึกยิ่งรวย

ยิ่งขยายแนวกว้างยิ่งตาย ถ้าท่านยังทำลึกไม่เก่งพอ  สร้างลึกไม่แข็งพอลึกไม่ดีพอ ไม่มากพอ

เมื่อท่านสอนทอม ให้รู้วิธีการสอนแครอล ให้รู้วิธีอุปถัมภ์เบทตี้ อันนี้เราจะเรียกเลยว่าท่านเป็น 4 ชั้นลึกเรียบร้อยแล้ว

แล้วองค์กรไหนก็ตามที่เป็นรูปแบบนี้ ไม่ว่าแผนไหนก็ตามที่ลึกลงไป 4 ชั้นได้  องค์กรนี้เริ่มทำซ้ำได้แล้ว แล้วถ้าท่านลงไปทำให้มันเกิดแบบนี้ลงไปเรื่อยๆช่วยเบทตี้หา นาย  5 6 7 และสอนนาย 5 6 7 ลงไปเรื่อยๆองค์กรนี้จะตายยากมาก

การลึกลงไป 2 ชั้นท่านจำเป็นต้องมีระบบที่ง่าย  ระบบที่เรากำลังแบ่งปันนี้ไง ถ้าท่านไม่ใช้ระบบที่เราแบ่งปันนี้ ท่านสอนแต่สิ่งยากๆ คนจะเลิกสนใจธุรกิจเครือข่ายไป และก็ไม่เข้ามาพัฒนา ไม่เข้ามาเรียน 6 เดือนสร้างรายได้ 6 หลัก ท่านก็หาคนใหม่ไปเถอะ  คนเก่าตายหมด

บทที่ 4 สี่สิ่งที่ท่านจำเป็นต้องทำ

การสอนบทที่ 4 เมื่อผู้มุ่งหวังของเราเข้าใจบทต่างๆ ที่เราพูดถึงแล้ว แล้วเขาต้องการที่จะเริ่มต้นแล้ว นี่คือ 4 สิ่งที่เราควรทำ

สมมุติว่าจุดเริ่มต้นของเราอยู่ที่กรุงเทพ จุดเริ่มต้นรายได้ของเราเป็น 0  แล้วจุดสุดท้ายปลายทางของท่านนั้นคือเชียงใหม่ คือจุดที่ทำให้ท่านนั้นถึงอิสรภาพทางการเงินแล้วเวลามีรายได้เดือนละแสนถึงเดือนละล้าน ไม่ทำก็ยังได้เงิน ถ้าเราต้องการที่จะขับรถจากจุดเริ่มต้นไปจุดสุดท้าย

ขั้นตอนแรก เราจะต้องเข้าไปในรถ  แล้วก็สตาร์ทรถ เพราะฉะนั้นสมชายขั้นตอนแรกที่ท่านจำเป็นที่สุดที่จะต้องทำคือ สมัคร สตาร์ทรถไง เข้าไปในรถ เข้าไปในบริษัท ถ้าไม่สมัครแล้วไปบอกคนต่อมันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องเป็นสมาชิกก่อน  เลือกลงแพ็กเกจที่ใหญ่ที่สุด จะดีที่สุด  

ขั้นที่ 2 เราต้องใช้สินค้าของเรา และ ซื้อซ้ำ เพราะเวลาที่เราจะขับรถไปเชียงใหม่ เราต้องเติมน้ำมัน และการเติมน้ำมันคือการซื้อซ้ำนั่นเอง

ขั้นที่ 3 เราเข้าไปในรถแล้ว สตาร์ทรถแล้ว เติมน้ำมันแล้ว เราจะทำยังไงให้รถมันเคลื่อนละ เราต้องเข้าเกียร์  เกียร์ในธุรกิจนี้ไม่ใช่ออโต้ คนส่วนมากจะเข้าใจผิดว่าสมัครแล้วจะรวยเลย อันนี้ต้องไปหลับละก็ไปฝันเอา

ท่านจะต้องเข้าเกียร์เอง เกียร์ 1 ท่านจะต้องเข้า 5 ครั้ง คือ สปอนเซอร์คนที่จริงจังให้ได้ 5 คน กว่าจะได้ 5 คนที่จริงจริงท่านอาจจะต้องสปอนเซอร์คน 10 15 คน  แล้วตัวของท่านจะขึ้นไปอยู่เกียร์ 2 เพราะท่านมีสมชาย  และเมื่อตัวท่านสอนสมชายให้สมชายมี 5 คนของเขา ท่านจะเข้าไปอยู่เกียร์ 3 ทำไปเรื่อยๆจนถึง 5×5

ขั้นที่ 4.แบ่งปันสินค้ากับเพื่อนๆ หรือ การซื้อสินค้าซ้ำทุกๆ เดือนนั่นเอง

ในการดูแลธุรกิจด้วยการซื้อซ้ำนั้นเป็นการทำธุรกิจด้วยต้นทุนที่ถูกมากๆ แต่ได้รับผลตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่า

ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับผู้คนได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน

กมลเวช เมืองศรีFounder & CEOMLMOnlineSchool.com

3 เคล็ดลับสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM ให้มีรายได้ 6-7 หลัก

3 เคล็ดลับสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM ให้มีรายได้ 6-7 หลัก

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ถ้าท่านเชื่อมั่นในธุรกิจเครือข่าย และท่านต้องการสร้างธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ ให้มีรายได้ 6-7 หลักต่อเดือน  หรือ 6-7 หลักต่อปี!

ข้อมูลที่กำลังจะแบ่งปันในวันนี้ จะทำให้ท่านได้ย่นระยะเวลาของการเรียนรู้ในการสร้างธุรกิจเครือข่าย และนำไปปรับใช้ได้ทันที จากประสบการณ์จริงของผมใน 10 ปีที่ผ่านมา

ท่านสามารถเลือกที่จะ อ่านบทความ หรือ ดูวีดีโอถ่ายทอดสด หรือฟังหนังสือเสียง ที่อธิบายอย่างละเอียดได้ที่นี่ทันที

วีดีโอ “3 เคล็ดลับสร้างธุรกิจเครือข่ายให้มีรายได้ 6-7 หลัก”

หนังสือเสียง

“3 เคล็ดลับสร้างธุรกิจเครือข่ายให้มีรายได้ 6-7 หลัก”

สารบัญเนื้อหาหลักการที่ 1 Prospecting (การสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังที่อาจได้เป็นลูกค้า)หลักการที่ 2 Presenting  (การนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ)หลักการที่ 3 Promoting (การส่งเสริม)

ในการที่ท่านจะสามารถเริ่มต้นสร้างพื้นฐานและนำหลักการที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และยั่งยืนไปใช้นั้น ท่านจำเป็นจะต้องเข้าใจหลักการ 3 P นี้ก่อน

หลักการที่ 1 Prospecting (การสร้างรายชื่อผู้มุ่งหวังที่อาจได้เป็นลูกค้า)

Prospecting คือ  การทำให้คนธรรมดาๆ กลายมาเป็นผู้มุ่งหวังที่มีคุณภาพ จากที่เขาไม่สนใจเข้าร่วมธุรกิจ ให้กลายมาเป็น สนใจเข้าร่วมธุรกิจกับท่าน

วิธีการดั้งเดิมที่ทำกันมาแล้วคือ

  1. ลิสต์รายชื่อให้ได้มากๆ
  2. โทรเชิญผู้คนในลิสต์ให้มาดูโอกาส

แต่นักธุรกิจส่วนใหญ่มักทำด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง คือ

  • เมื่อโทรแล้วชวนทำธุรกิจทันที
  • หรืออธิบายโอกาสทางโทรศัพท์ในครั้งแรกที่โทร
  • เพราะจากสถิติแล้วการโทรแบบนี้ประสบความสำเร็จเพียงแค่ 14 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นเอง ซึ่งมันทำให้สูญเสียและสิ้นเปลืองรายชื่อผู้มุ่งหวังมากๆ

วิธีที่เวิร์คในการชวนคนมาดูโอกาส คือ

ในการโทรครั้งแรก ควรเป็นเพียงแค่การโทรเชิญให้มาดูโอกาสทางธุรกิจเท่านั้น

โดยการตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบว่าเขาสนใจที่จะดูโอกาสทางธุรกิจหรือไม่

ถ้าสนใจก็เชิญชวนให้มาดูโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการมาพูดคุยและเจอตัวกัน

การแค่ปรับปรุงการ Prospecting แบบนี้จะส่งผลให้

เพิ่มอัตราประสบความสำเร็จจาก 14% เป็น 74 % เลยทีเดียว

สุดยอดไหมล่ะครับ ?

และถ้าเป็นการสปอนเซอร์ผ่านอินเตอร์เน็ตแบบทั่วๆ ไป ที่คนทั่วไปคิดว่ามันง่าย มันแค่โพสต์ๆๆ แต่ไม่มีระบบที่ดีในการสร้างผลลัพธ์นั้น ผมบอกเลยว่า

อัตราการประสบความสำเร็จเพียงแค่ 4-7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ดังนั้นถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายแบบออนไลน์โดยไม่มีระบบ และไม่รู้วิธี ท่านจะไม่ประสบความสำเร็จทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างแน่นอน

ในยุคออนไลน์ปัจจุบันนี้ ถ้าท่านได้รู้วิธี เหมือนที่ผมรู้และใช้เป็นเครื่องมือแบบที่ผมทำ ผมศึกษา และลองผิดลองถูก จนประสบความสำเร็จอย่างมากมายมาแล้ว

เช่น ได้รู้ตัวอย่างวิธีการเชิญคนอย่างได้ผล <ดูในวีดีโอด้านบน>

ท่านจะสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มผลลัพธ์และความสำเร็จได้อย่างที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น ท่านจะต้องรู้วิชา รู้วิธีการ ในการทำให้คนทั่วไป กลายมาเป็นผู้มุ่งหวังที่ดี ที่ยอดเยี่ยม

แล้วหลักการที่ 2  เราจะทำให้เขากลายมาเป็นลูกค้า กลายมาเป็นหุ้นส่วนของเรา   

หลักการที่ 2 Presenting  (การนำเสนอโอกาสทางธุรกิจ)

ในการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจที่เวิร์คมากๆนั้น

ท่านจะต้องมีทักษะการนำเสนอที่ทรงพลัง อย่างหลักการที่ผมใช้ในการนำเสนอโอกาสทางธุรกิจนั้น ผมใช้หลักการ 2 E

  1. Educate – ผู้ฟังต้องได้รับความรู้ คือ ถ้าเขาฟังเราแล้วเขารู้สึกว่าเขาได้ความรู้ ได้เรียนรู้ เขาจะฟังต่อ เขาจะชอบ  และ 
  2. Entertain – ผู้ฟังต้องสนุกสนานท่านต้องพูดแบบสนุก พูดแบบไม่เครียด อย่าทำให้ธุรกิจดูเครียด ทำให้ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจที่ทำแล้วมีความสุข สนุกสนาน และถามเขาตลอดว่า ได้ความรู้ ได้ประโยชน์ใช่ไหม ชอบใช่ไหม เห็นภาพใช่ไหม ถามกลับตลอดเวลา เพื่อให้เขาอยู่กับเรา หลักนี้จะทำให้เขาฟังข้อมูลไป สนุกไป

เวลาแบ่งปันโอกาส หรือการนำเสนอโอกาสเราควรใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ถ้าเกินนี้เขาจะรู้สึกว่าธุรกิจนี้ใช้เวลาเยอะ

และผมอยากจะแบ่งปันหลักการหนึ่งที่จะทำให้ผู้มุ่งหวังชอบท่าน และไม่เบื่อท่าน ท่านอยากเรียนรู้ต่อไหมครับ?การที่จะทำให้เพื่อนในชีวิตของท่านไม่เบื่อท่าน ทำให้คนรักของท่านอยากจะคุยกับท่าน

หลักการนี้สำคัญมาก ใช้ได้ทั้งในธุรกิจเครือข่าย และ ใช้ได้ในชีวิตประจำวันของท่าน

หลักการง่ายๆ คือ

“พูดแต่เรื่องของเขา” 

คนที่สร้างเพื่อนไม่ค่อยได้มาก เพราะคนเหล่านั้น วันๆ เอาแต่

“พูดเรื่องของตัวเอง” 

การพูดแต่เรื่องของฉัน พูดแต่เรื่องของตัวเองมันเป็นการปิดสวิตส์ คนฟังให้เขาได้เบื่อหน่ายได้เร็วที่สุด

ถ้าเราอยากให้คนชอบเรา รักเรา อยากให้คนคุยเปิดใจคุยกับเรา เราต้องพูดเรื่องของเขา เอาสปอตไลท์ ฉายไปที่เขา ให้เขาเป็นคนสำคัญของบทสนทนาจนกระทั่งเขาได้พูด ได้แบ่งปันเกี่ยวกับเรื่องของเขา ตัวของเขา ชีวิตของเรา จนเต็มที่แล้ว

เขาก็จะเปิดใจและเปิดโอกาสให้เราได้นำเสนอสิ่งที่เราต้องการด้วยความเต็มใจฟังของเขาเองในที่สุด

นี่คือหลักการในการเปิดใจคนให้รับฟังเราด้วยความสมัครใจของเขาเองมากที่สุด  

การสปอนเซอร์ก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาอีกหลายเท่าเลยทีเดียว

และเวลานำเสนอโอกาสโอกาสทางธุรกิจ

  • จะต้องพูดแต่เรื่องของเขา
  • ถามความสนใจเขา
  • ถามว่าเขามองหาอะไรอยู่
  • เขาเคยทำธุรกิจมาไหม
  • ทำแล้วได้ผลเป็นยังไง
  • ถ้ามันมีช่องทางที่ดีกว่าเขาอยากรู้ไหม  
  • เราต้องโฟกัสไปที่เขา และเรียกชื่อเขาบ่อยๆ
  • การนำเสนอท่านต้องนำเสนอให้สั้นที่สุด
  • พูดแต่ชื่อเขา โฟกัสแต่เรื่องของเขา
  • การนำเสนอของท่านจะพลิกผลลัพธ์เลยทันที

หลักการที่ 3 Promoting (การส่งเสริม)

Promoting นี้สำคัญมากๆ…แล้วมันคืออะไรล่ะ?

Promoting คือ การโปรโมท  การส่งเสริม การกระตุ้นทีม การส่งเสริมทีม โดยมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้คนเข้าระบบ เข้างานอีเว้นท์ทุกงาน โปรโมทงานอีเว้นท์ทุกงานล่วงหน้า

ง่ายๆ เลยครับ ทำธุรกิจเครือข่ายไม่เข้างานอีเว้นท์มันจะโตไหมครับทุกท่าน  

  • ทำธุรกิจเครือข่ายไม่เข้างานฝึกอบรม
  • ไม่เข้างาน Convention
  • ไม่เข้างานแคมป์ 
  • ไม่เข้างานพัฒนาตัวเอง
  • ไม่เข้างานผู้นำ
  • ไม่เข้างานเทรนนิ่ง

โอกาสสำเร็จบอกได้เลยว่าริบๆๆๆหรี่ ^_^เพราะฉะนั้น   Promoting คือ การพาคนเข้าระบบ โปรโมทงานล่วงหน้า ให้ทีมงานมีบัตรเตรียมตัว แล้วก็สอนให้เขานั้น Prospect  คน สอนให้เขานำเสนอคน สปอนเซอร์คน แล้วก็สอนให้เขาพาทีมเขาเข้าระบบ

เพราะมันมีสถานะอยู่ 3 สถานะในธุรกิจเครือข่าย แล้วถ้าท่านไม่เข้าใจสิ่งนี้ ทำธุรกิจเครือข่ายยังไงก็ไม่สำเร็จ

  1. เราเข้าระบบ มาคนเดียวเลยยังไม่มีทีมงานเลย เขาบอกให้เข้าระบบอะไรเราก็เข้าหมดเลย ท่านต้องไป ไม่มีข้อแม้ว่าอยากรวยอยู่ที่บ้าน สร้างธุรกิจออนไลน์อยู่ที่บ้าน
  2. พาตัวเอง พาทีม เข้าระบบ
  3. เอาตัวเองออกจากระบบ ในขณะที่ทีมงานยังเข้าอยู่ในระบบ

เพราะฉะนั้นท่านต้องเข้าใจหลักการนี้ คือ

โฟกัสไปที่การสปอนเซอร์ ​

เวลาของท่าน 80-90% ในการสร้างธุรกิจเครือข่าย ท่านจะต้องโฟกัสสร้างแต่เรื่อง สปอนเซอร์ สปอนเซอร์ เท่านั้น

นักธุรกิจเครือข่าย 70-90% โฟกัสผิดหมดเลย คนส่วนมากอยากทำระบบอยู่บ้าน อยากจะเรียนรู้

การเรียนรู้ไม่ทำเงินครับท่าน

มันมีกิจกรรมหนึ่งกิจกรรมเดียวในธุรกิจเครือข่ายที่ทำเงิน กิจกรรมนั้นเรียกว่า สปอนเซอร์ ครับ

เมื่อถ้าท่านสปอนเซอร์คนแล้ว คนนั้นจะตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับท่าน ท่านก็ทำเงิน

ถ้าคนไม่ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับท่าน ท่านก็ยังทำเงินได้ เมื่อท่านขอให้เขาสนับสนุนเป็นลูกค้า

เอาล่ะครับวันนี้แค่น้ำจิ้มเท่านั้น แต่หลักการ 3 P นี้ มันสำคัญมาก ใครนำไปปรับใช้ เห็นผลเร็วไวในเวลาข้ามคืนต้องการให้ผมแบ่งปันหลักการ 3P & 2E ให้ลึกมากกว่านี้ไหมครับเช่น จะเริ่มชวนคนให้สนใจธุรกิจเครือข่าย หรือ ธุรกิจออนไลน์ที่เราทำอยู่ได้ยังไงบ้างจะสปอนเซอร์เขาเข้าร่วมธุรกิจกับเราทั้ง วิธีการแบบออฟไลน์ และ ออนไลน์อย่างไรได้บ้างทำอย่างไรให้ทีมงานชอบเข้างานฝึกอบรมและพาคนเข้าทีละมากๆ

คอมเมนต์แสดงความคิดเห็นที่กล่องคอมเมนต์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ ผมจะได้นำความต้องการของท่าน หรือช่วยตอบปัญหาที่ท่านมี

โดยนำมาสอนเป็นบทความให้ท่านได้ศึกษาอย่างละเอียดและใช้งานได้ผลจริงต่อไป

แชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จของท่าน!

กมลเวช เมืองศรีFounder & CEOMLMOnlineSchool.com