6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ

"ในที่สุด...วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!" คลิกที่นี่

อาจารย์ครับ ผมอยากขอคำชี้แนะ เรื่องของผมนะครับ ผมไม่เคยทำงานออนไลน์มาก่อนเลย จนมาวันหนึ่งได้รู้จักธุรกิจออนไลน์จึงได้ตัดสินใจทำ แต่ด้วยความที่ผมไม่มีประสบการณ์ จึงทำตามที่เขาสอน

เขาสอนให้โพสต์ลง Facebook  ผมก็ทำอย่างนี้มาตลอด ผลลัพธ์ไม่เกิดเลยครับ เสียเวลามาตั้งหลายเดือน ผมอยากสำเร็จครับอาจารย์ ผมอยากทำให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้ ผมขอคำแนะนำด้วยครับ

More...

วีดีโอ
"6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ"

หนังสือเสียง 

"6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ"

เชษฐวิทย์ สิงขร:
สวัสดีครับวันนี้เราสองคนมาตอบคำถามและแก้ไขปัญหา ให้กับผู้คนที่มีปัญหาในการทำธุรกิจเครือข่าย หรือธุรกิจออนไลน์ และนี่คือคำถามที่ถามมาซึ่งมีเยอะมาก

วันนี้ได้หยิบยกคำถามจากคุณประพัฒน์ ซึ่งถามมาข้างต้นแบบนี้ อาจารย์กมลเวช จะตอบว่าอย่างไรขอคำชี้แนะด้วยครับ


กมลเวช เมืองศรี:
ขอบคุณครับโค้ชแนม และขอบคุณคุณประพัฒน์ที่ถามคำถามที่มีคุณภาพเข้ามา

ผมได้ฟังคำถามผมรู้เลยว่า คำตอบที่ผมจะแบ่งปันในวันนี้ จะสามารถช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก ให้เขาได้เข้าใจว่า

ถ้าเขาอยากจะทำธุรกิจออนไลน์หรือการตลาดออนไลน์ ให้เกิดผลลัพธ์ อย่างถูกต้อง ยั่งยืน และยาวนาน ต้องทำอย่างไร

เรียกว่าแบ่งปันประสบการณ์ดีกว่า เป็นประสบการณ์ที่ผมทำธุรกิจออนไลน์มามากกว่า 10 ถึง 15 ปี ลองผิดลองถูกสารพัด

อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณประพัฒน์ทำแล้วพวกเราไม่เคยทำนะ เราทำมาหมดแล้ว สมัยเราเริ่มต้นยังไม่มี Facebook และ YouTube

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ผมโพสต์ในเว็บบอร์ดครับอาจารย์

กมลเวช เมืองศรี:
วันละกี่ร้อยเว็บ

เชษฐวิทย์ สิงขร:
จำไม่ได้ว่ากี่ร้อยเว็บแต่เยอะมาก

กมลเวช เมืองศรี:
ใช้ซอฟต์แวร์ด้วยไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ใช้ครับ ซอฟต์แวร์ที่โพสต์อัตโนมัติซื้อมาใช้หมด เพียงแค่ใส่ข้อความลงไป แล้วก็โพสต์โดยอัตโนมัติ

กมลเวช เมืองศรี:
แล้วผลลัพธ์

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ผลลัพธ์ก็เกิดเหมือนกันแต่เกิดน้อยมากไม่สม่ำเสมอไม่เสถียร

กมลเวช เมืองศรี:
สเกลขยายเพิ่มได้ไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ไม่ได้เลยครับ

กมลเวช เมืองศรี:
เพราะมีข้อจำกัดคือเรื่องความรู้และเทคโนโลยีสมัยนั้น

เพราะฉะนั้นตั้งแต่ยุคนั้นมาถึงยุคนี้ โค้ชแนมคิดว่าทั้งเทคโนโลยี และเครื่องมือ มันสามารถช่วยให้ใครสักคน ประสบความสำเร็จได้ใน 1 ปีไหม

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ผมว่าเร็วกว่า 1 ปีนะ ถ้าใช้อย่างมีระบบใช้เครื่องมือต่างๆ แบบที่ถูกต้องด้วย

กมลเวช เมืองศรี:
ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตเอาข้อมูลความลับสำคัญที่ผมนั้นใช้สอนกับกลุ่มคนวงในของผม ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอน เอามาให้ท่านดู ข้อมูลนี้อยู่ในโทรศัพท์ของผม เป็นข้อมูลที่จะสอนเรื่อง  6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ 

ผมขออนุญาตเอาข้อมูล มูลค่าหลักล้านมาแบ่งปันให้กับทุกท่าน เพราะว่าอยากสนับสนุนช่วยเหลือคุณประพัฒน์ รวมถึงคนที่อยากจะทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จด้วย เพราะว่าในยุคนี้ มีธุรกิจที่สามารถทำให้ใครสักคนประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุด ต้องพึ่งพลังทางอินเทอร์เน็ต

มีอยู่ 6 ขั้นตอนในการที่จะทำให้ใครก็ตามทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ ผมขอแนะนำว่า อะไรที่ท่านรู้มาในการทำธุรกิจออนไลน์ ใครสอนท่านให้โพสต์ ไลฟ์ทุกวัน เต้นหน้าจอ โพสต์ยัดเยียดลงไปในกลุ่ม หรือส่ง Message ไปหาผู้คน ลืมสิ่งเหล่านั้นไปก่อน เพราะนั่นไม่ใช่ระบบแห่งความสำเร็จ

เพราะถ้าท่านต้องการมีระบบในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จท่านต้องทำตาม 6 ขั้นตอนนี้

1

ขั้นตอนที่หนึ่ง

มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเองสม่ำเสมอ

ท่านจะต้องมีวิสัยทัศน์ ท่านจะต้องมีทัศนคติของคนที่ต้องการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทำไมสำคัญผมจะบอกให้ฟัง คนที่เข้ามาในวงการของการสร้างธุรกิจออนไลน์ส่วนมากไม่มีแผนและไม่มีการคิดระยะยาว สิ่งที่เขาจะทำก็คือใครสอนอะไรก็ทำทำทำ โดยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีรบกวนคนอื่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ 

ถ้าเราเริ่มกระบวนการที่ถูกต้องตั้งแต่แรกก็เหมือนกับการติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่เม็ดแรกเม็ดต่อไปก็จะดูสวย แต่ถ้าติดผิดทำผิดทำในสิ่งที่คนไม่ชอบ เช่น   ไลฟ์ไปด่าไปหรือพูดหยาบคาย มันเรียกกระแสได้แต่มันไม่ใช่ระยะยาว โค้ชแนมอยากให้คนรู้จักในฐานะโค้ชแนมจอมหยาบคายหรือเปล่า

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ไม่ใช่แน่นอนครับ

กมลเวช เมืองศรี:
เพราะฉะนั้น ขั้นตอนที่ 1 ครับท่านต้องมีวิสัยทัศน์ว่าท่านจะสร้างธุรกิจออนไลน์ไปเพื่ออะไร

ยกตัวอย่าง ผมต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์เพื่อให้มีอิสรภาพทางการเงินและเวลา

ผมรู้ว่าพลังของอินเทอร์เน็ตสามารถทำให้เราสร้างธุรกิจขายสินค้าหรือบริการที่สามารถทำเงินให้เราเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นได้ และมันต้องอยู่ได้อย่างน้อย 10 ถึง 20 ปี และผมทำมาตอนนี้ปีที่ 15 แล้วนะ

เพราะฉะนั้นคนที่มีระบบจะอยู่ยงคงกระพันและรับเงินทุกเดือน

ท่านจะต้องชัดเจนว่าทำไปเพื่ออะไร เช่น อยากจะทำทดแทนงานประจำ เราเคยทำงานประจำมาก่อนแต่ไม่ตอบโจทย์เราเลยต้องมีอาชีพที่ 2  

และถ้าท่านต้องการทำธุรกิจออนไลน์เป็นอาชีพที่ 2 หรืออาชีพหลัก ท่านต้องตั้งเป้าไว้เลยว่าทำไปเพื่ออะไร

ท่านจะต้องเรียนวิชาที่จะทำให้ท่านเกิดชุดทักษะไม่ใช่ว่าการทำไลฟ์อย่างเดียวจะทำให้ท่านประสบความสำเร็จ

ท่านต้องมีชุดทักษะเช่น เขียนโฆษณาอย่างไรทำให้คนอยากซื้อใจจะขาด

จะพูดอย่างไรเพื่อดึงคนให้อยู่กับเราได้ 5 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

ทำวีดีโออย่างไรให้คนอยากซื้อสินค้าของเรา มันเป็นชุดทักษะ เพราะฉะนั้นข้อที่ 1  มีวิสัยทัศน์และพัฒนาตัวเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ผมมีเป้าหมายในการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ เพราะรู้ว่างานประจำไม่ทำให้เราร่ำรวยก็เลยมองหาธุรกิจทำและธุรกิจที่ทำจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า สามารถทำให้มีรายได้แบบ Passive Income 

คือทำระบบไว้ในช่วงแรกและให้มันเติบโตเองได้และสร้างรายได้ให้กับเราจนกระทั่งเราหยุดหรือไม่หยุดก็ตาม มันยังสามารถทำรายได้ให้กับเราได้

และเราก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอด และนำสิ่งที่เราพัฒนาตัวเองมาพัฒนาทีมงานของเราด้วย

กมลเวช เมืองศรี:
ผมถามอย่างนี้วันแรกที่เข้ามาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองพัฒนาขึ้นขนาดไหน

เชษฐวิทย์ สิงขร:
พัฒนาขึ้นแบบเยอะมากจากที่ไม่เคยรู้เรื่องการทำออนไลน์ ทำธุรกิจผ่านสื่อโซเชียลต่างๆพอได้เรียนรู้ก็สามารถทำได้

และทำได้อย่างถูกวิธี รู้ว่าจะโพสต์อย่างไรโพสต์ให้คุณค่ากับผู้คนอย่างไรและติดตามพวกเขาอย่างไร อันนี้สำคัญมาก ต้องทำอย่างถูกต้องถึงจะได้ผลลัพธ์ ซึ่งผมก็เรียนจากอาจารย์กมลเวชนี่แหละ ท่านเป็นอาจารย์ที่เชี่ยวชาญมาก

กมลเวช เมืองศรี:
ผมพูดอย่างนี้ได้ไหมว่าถ้าเราไม่พัฒนาตัวเองรายได้ก็ไม่เพิ่มขึ้น รายได้จะอยู่เท่าเดิมเพราะทักษะเท่าเดิม เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ

2

ขั้นตอนที่สอง

รู้จักวิธีการสร้างแบรนด์และกำหนดกลุ่มเป้าหมาย

มาดูข้อที่ 2  ท่านจะต้องรู้จักวิธีการสร้างแบรนด์ และรู้จักการกำหนดกลุ่มเป้าหมายของท่าน

พูดง่ายๆก็คือ ท่านจะต้องรู้วิธีนำเสนอตัวเองให้เป็น  ท่านเป็นใคร ท่านอยากให้ผู้คนในโลกออนไลน์เห็นว่าท่านเป็นใคร เราเรียกว่า branding การนำเสนอตัวเอง

เช่น เป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นนักธุรกิจ เป็นโค้ช  เป็นกูรู ท่านจะเห็นว่าสิ่งที่ผมพูดนี้อยู่ในอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด ทุกวันนี้มีโค้ชเยอะมาก กูรูเยอะมาก นักธุรกิจเยอะมาก

นั่นคือแบรนด์ท่านต้องชัดเจนก่อนว่าท่านคือใคร 

อีกคำหนึ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันซึ่งผู้คนไม่ค่อยจะพูดถึงกัน คือ  การสร้าง branding อย่างเดียวนั้นไม่พอแต่ต้องเข้าใจในเรื่องของการวางโพซิชันนิ่ง แปลว่า การวางตัวเองให้อยู่ในจุดที่ถูกต้อง วางตัวเองอยู่ในสถานะที่ถูกต้อง เช่น  เป็นอาจารย์

การโพซิชั่นนิ่งนั้นสำคัญกว่านั้นอีก คือเป็นอาจารย์ระดับไหน เป็นคนประสบความสำเร็จในระดับไหน มีประวัติศาสตร์ มีความสำเร็จมานำเสนอให้ผู้คน เพราะใครๆก็แบรนด์ได้ แต่การวางตัวเองให้ถูกต้องให้ผู้คนอยากติดตาม อยากจะเรียนรู้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก 

แต่ถ้าท่านยังไม่มีความสำเร็จอะไรมาก่อน วิธีการวางตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือ การเป็นครูเป็นอาจารย์เป็น Coach  ที่สอนวิธีการทำให้ผู้คนแก้ปัญหาในชีวิตของเขาได้ 

ทำ 2 อย่างนี้อย่างต่อเนื่องแบรนด์ของท่านจะแข็งแกร่งมาก  บางคนเป็นโค้ชสายฮา บางคนเป็นอาจารย์ระดับเทพ นี่คือการวางตำแหน่งตัวเองทั้งสิ้นเข้าใจไหมครับ 

เมื่อเราสร้างแบรนด์ของเราชัดเจน เราต้องรู้ด้วยว่ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของเราคือใคร ถ้าท่านมีทัศนคติที่ว่าทุกคนคือลูกค้าของฉัน อันนั้นท่านกำลังเข้าใจอะไรไม่ถูกอยู่ เพราะถ้าท่านพยายามเป็นทุกอย่างให้กับคนทุกคน นั่นเท่ากับท่านนั้นไม่ได้เป็นอะไรให้กับใครเลย 

ยกตัวอย่างเราสองคน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากวงการการสร้างธุรกิจจากที่บ้าน ธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย ถ้าเราอยากทำการตลาดเพื่อจะดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้มา เราคงไม่ทำการตลาดดึงดูดคนที่ไม่ชอบสิ่งเหล่านี้เห็นด้วยไหมครับ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นกลุ่มเป้าหมายเรา เราทำการตลาดเพื่อดึงดูดคนที่ชอบธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย

3

ขั้นตอนที่สาม

กลยุทธ์ในการสร้างรายได้

ข้อ 3  สำคัญมาก ท่านต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างรายได้ มีคำหนึ่งที่ถ้าผมพูดออกไปท่านจะต้องตระหนักว่ามันเป็นเรื่องจริง คนจำนวนมากอยากรวยอยากสำเร็จอยากทำธุรกิจ แต่พอถามว่าคุณรู้ไหมว่าทำอย่างไรถึงจะมีรายได้ มีกลยุทธ์หรือไม่

สมมุติผมจะถามโค้ชแนม ถ้าอยากมีรายได้เดือนละแสน มีกลยุทธ์หรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ไม่มีเพราะไม่เคยศึกษามาก่อน อยากรู้ก็ต้องถามผู้รู้

กมลเวช เมืองศรี:
ตั้งเป้าหมายอยากมีรายได้เดือนละแสน สินค้าที่ท่านขายได้กำไรชิ้นละเท่าไหร่ ตัวอย่าง 1 ชิ้นกำไร 100 บาทถ้าอยากได้ 100,000 บาทต้องขาย 1000 ชิ้น

หมายความว่าในเดือนนั้นต้องตั้งเป้าหมายขายสินค้าให้ได้ 1000 ชิ้น  เริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้นหรือยังจากเดิมที่ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้รู้แล้วว่าเราต้องขาย 1000 คน ขายคน 1000 คนต่อเดือนเยอะหรือไม่ ยากไหมครับ 

สินค้ามีตัวเดียวหรือหลายตัวถ้ามีหลายตัวเราก็ต้องเอามาแยกแยะว่าจะต้องขายตัวนี้กี่ชิ้นตัวนั้นกี่ชิ้นเพื่อให้พิชิตเป้าหมาย 1 แสนบาทต่อเดือน แล้วเดือนต่อไปทำอย่างไรจะให้ขายได้

ถ้าเป็นสมัยก่อนอยากขายของก็ไปเคาะประตูบ้าน ท่านเคยทำไหมครับ จะขายให้ได้ 1,000 ชิ้นด้วยการเคาะประตูบ้าน โหดไหมครับ ผมเคยทำมาแล้ว แต่หลังจากที่เราเจออินเทอร์เน็ตมันดีกว่าเยอะมาก

4

ขั้นตอนที่สี่

ทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระ

ข้อ 4 คนส่วนมากเวลามีสินค้าสิ่งแรกที่เขาคิดคือจะขายอย่างไร เขาโฟกัสในเรื่องขาย คำถามก็คือ การโฟกัสการทำตลาดออนไลน์โดยการเน้นขายอย่างเดียวจะสร้างผลลัพธ์ได้ในระยะสั้นเท่านั้น แล้วต้องหาลูกค้าใหม่อยู่เสมอด้วย ถ้าไม่มีกลยุทธ์ในการให้ลูกค้าเก่ามาซื้อซ้ำ

สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำคือมันมีวิธีทำการตลาดที่ไม่ใช่การเน้นขายอย่างเดียว ผมอยากให้ทุกท่านจำคำนี้ไว้ตลอดชีวิตเลยครับว่า

คนไม่ชอบถูกขาย แต่ทุกคนชอบซื้อ

เราจะทำอย่างไรให้คนที่ไม่ชอบถูกขายมาซื้อสินค้ากับเรา คือการทำให้ผู้คน ซื้อด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% 

วิธีการที่ทำให้ผู้คนซื้อของด้วยความเต็มใจของเขาเอง 100% วิธีนั้นก็คือการทำการตลาดด้วยเนื้อหาสาระหรือ Content Marketing  อาจจะทำออกมาในรูปแบบของบทความ Video หรือพ็อดคาสท์ไฟล์เสียง ebooks นี่คือ Content ทำได้หลากหลายรูปแบบ 

การโพสต์ใน Facebook  แทนที่จะโพสต์ขาย เปลี่ยนมาโพสต์เนื้อหาสาระว่าสินค้าของเรามีประโยชน์อย่างไร กลุ่มเป้าหมายของเรามีปัญหาอะไรอยู่ สินค้าของเราจะช่วยเขาได้อย่างไร ก่อนที่ผู้คนจะควักเงินซื้อสินค้านั้นเขามีคำถามอยู่ในหัว ว่าฉันจะได้อะไรถ้าฉันเอาเงินที่หามาได้ยากของฉันซื้อของกับคุณ 

ท่านจะต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ว่าคนซื้อเขาจะได้อะไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:
สิ่งนี้ก็คือการมอบประโยชน์หรือมอบคุณค่าโดยที่ไม่ได้ยัดเยียดขาย จะทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อด้วยตัวของเขาเอง 100%

กมลเวช เมืองศรี:
ผมมีตัวอย่างที่จะทำให้เห็นภาพชัดเจน เช่นธุรกิจที่จะต้องมีการสปอนเซอร์ผู้คน วิธีการเดิมพอเราสมัครเราก็จะไปหาผู้คนพูดคุยแนะนำแผน ขายสินค้า และปิดสมัครให้ได้ คนส่วนมากรู้สึกชอบหรือไม่ โค้ดเนมเคยโดนหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:
เคยครับ เราก็นั่งรับฟังแต่ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะจบสักทีและจะหาคำปฏิเสธว่าอะไรดี เราอยากรวยก็จริงแต่วิธีที่เขาใช้มันไม่ได้กระตุ้นให้เราทำกับเขา

กมลเวช เมืองศรี:
แทนที่เราจะใช้กลยุทธ์หรือวิธีการที่ทำให้คนชอบ เรากลับใช้วิธีที่ทำให้คนไม่ชอบ มันไม่ตอบโจทย์จิตวิทยาของคน วิธีการ ตื้อ ง้อ ขอ ขาย ผู้คนไม่ชอบ

สมมุติว่าผมใช้วิธีเขียนบทความสอนวิธีการสร้างธุรกิจเครือข่ายหรือธุรกิจออนไลน์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จแล้วโค้ชแนมมาเจอบทความนี้มาดูวีดีโอนี้ ผมบังคับให้อ่านหรือโค้ชแนมมาดูเอง

เชษฐวิทย์ สิงขร:
มาดูเองครับเพราะผมค้นหาว่าทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จไปเจอบทความ เขาบอกว่าจะประสบความสำเร็จด้วยการตลาดออนไลน์ ซึ่งเราค้นหามานานแล้ว ทุกสิ่งที่อ่านมันทำให้เราตื่นเต้น ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกดีชอบคนที่มาสอนเรา สุดท้ายแล้วเราจะทำธุรกิจกับเขาหรือซื้อของกับเขาหรือไม่ก็ตามเราก็ยังชอบเขาอยู่ดี ไม่รู้สึกรังเกียจ

กมลเวช เมืองศรี:
แล้ววันหนึ่งผมเปิดโอกาสทางธุรกิจกำลังรับสมัครผู้คนมาเป็นหุ้นส่วนในทีม ผมกำลังทำธุรกิจออนไลน์ตัวใหม่ผมรับ 30 คนเท่านั้นใครก็ตามที่ต้องการให้คลิกลิงค์นี้แล้วกรอกข้อมูล ผมจะทำการสัมภาษณ์ทีละคน ถ้าโค้ชแนมเห็นข้อความแล้วอยากทำจะต้องทำอย่างไร

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ผมก็รีบกรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม โดยไม่รู้สึกว่าโดนบังคับ แต่รู้สึกว่าถ้าไม่กรอกหรือกรอกช้าก็อาจจะพลาดเพราะครบ 30 ไปแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:
แต่ถ้า โค้ชแนม ไม่ได้อยากทำตอนนี้ จะรู้สึกอึดอัดหรือไม่

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ไม่รู้สึกกดดันเลยครับ ถ้าเราไม่สนใจก็ผ่านไปแค่นั้นเอง

กมลเวช เมืองศรี:
เห็นไหมครับว่าการตลาดแบบนำเสนอด้วยเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ กับผู้คนก่อน ที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ จะทำให้คนนั้นรู้สึกดีกับคนที่ทำการตลาดแบบนี้อย่างมากเลย และจะรู้ว่าผู้นำเสนอนั้นเป็นใครชื่ออะไร ท่านจะรู้สึกชอบ

เมื่อท่านฟังไปเรื่อยๆ และสิ่งที่เราสอนสามารถแก้ปัญหาในชีวิตได้ ตอนนี้ท่านจะมีความรู้สึกเชื่อและศรัทธา ใครก็ตามที่มีคนเชื่อถือและศรัทธามากกว่าร้อยถึงพันคนขึ้นไป เมื่อจะทำธุรกิจหรือขายสินค้าแฟนพันธุ์แท้เหล่านี้จะเข้ามาเป็นลูกค้าหรือหุ้นส่วนในทีมแห่งความสำเร็จ ตอนนี้ตามทันและเห็นภาพชัดเจนไหมครับ

การตลาดแบบนี้ทำได้ผลระยะสั้นหรือระยะยาว เช่นวีดีโอนี้จะอยู่ยาวนานตลอดไปบน youtube มันแตกต่างจากนักขายทั่วไปมาก

ถ้าท่านยังไม่รู้วิธีการว่าทำอย่างไรให้คนซื้อของถล่มทลายผมกำลังแบ่งปันว่าต้องทำการตลาดด้วย Content Marketing  ยิ่งในยุคนี้โซเชียลมีเดียครองเมืองท่านต้องเข้าเป็นพวกเดียวและใช้พลังจากโซเชียลเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์แล้วทำการตลาดนำด้วยคุณค่าเนื้อหาสาระแล้วชีวิตท่านจะเปลี่ยนไป

5

ขั้นตอนที่ห้า

กลยุทธ์ในการติดตามผล

ข้อ 5  ท่านจะต้องมีการติดตั้งระบบ เพื่อให้ท่านนำเสนอสินค้าหรือโอกาสให้กับผู้ที่เห็นสินค้าและยังไม่ตัดสินใจซื้อในทันที โดยระบบจะทำให้ผู้คนเห็นสินค้าหลายๆรอบด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างกัน

คนที่เอาสินค้ามาไว้ที่บ้านแล้วยิงแอด คนพวกนี้ยังไม่มีวิธีติดตามผลเขาเลยขายได้แค่ 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เป็นการใช้เงินเยอะแต่ได้ผลลัพธ์น้อย

แต่เราเปลี่ยนใหม่ถ้าท่านติดตั้งระบบที่ทำให้สามารถติดตามผลคนได้ เช่น  Facebook Page, YouTube Channel, Instagram, Line Office หลังจากที่กดติดตาม คนที่ทำการตลาดเป็นจะส่งข้อความมาให้ท่านหลายๆรอบ ด้วยเนื้อหาสาระที่แตกต่างไป แต่จุดประสงค์คือต้องการขายสินค้าให้ได้

แต่ถ้านักการตลาดระดับเทพเขาจะใช้ระบบที่เรียกว่า email Marketing  การติดตามผลผ่านช่องทางอีเมล์เป็นช่องทางที่ได้ผลสูงสุด แต่เราจะใช้ทุกช่องทางเพราะว่าผู้มุ่งหวังเขาไม่ได้ใช้อีเมลอย่างเดียวหรือไม่ได้ใช้ Facebook อย่างเดียว ทำอย่างไรให้เขาเห็นเราทุกช่องทาง เมื่อเขาได้รับข้อความมากขึ้นเห็นสินค้ามากขึ้นสุดท้ายก็จะตัดสินใจซื้อของจากเรา

เชษฐวิทย์ สิงขร:
แล้วเราจะเริ่มต้นที่ช่องทางไหนก่อนดีครับ

กมลเวช เมืองศรี:
ผมแนะนำว่าเอาช่องทางที่ท่านรักชอบและถนัดที่จะทำ บางคนทำเป็นวีดีโอบน youtube บางคนชอบทำเป็นบทความ เลือกเอาช่องทางใดช่องทางหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยายไปช่องทางอื่นอย่าทำหลายช่องทางพร้อมกัน มันจะทำให้ท่านงงแล้วทำไม่ดีสักอย่าง

เมื่อท่านรู้แล้วว่าการทำการตลาดผ่านเนื้อหาพนักงานขับรถจะตามมาด้วยการติดตามผลเพราะผู้คนจะไม่ซื้อสินค้าทันทีในครั้งแรก แต่หลังจากที่ติดตามผลแล้ว การซื้อจะเพิ่มขึ้นจาก 1 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ มาเป็น 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าติดตามผลดีๆจะเพิ่มมากถึง 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

คำถามคือเมื่อท่านนำเสนอขายสินค้า 100 คนท่านอยากให้มีคนซื้อ 1 ถึง 5 คนหรือ 20-30 คนล่ะ

จงติดตั้งกลยุทธ์การติดตามผลถ้าท่านไม่รู้จะทำอย่างไรโปรเจคเศรษฐีชุดนอนจะสอนให้ท่านทำได้ครับ

6

ขั้นตอนที่หก

กลยุทธ์ในการเคลื่อนคนเข้าระบบ 

ข้อสุดท้ายสำคัญมากถ้าท่านอยากทำให้ธุรกิจของท่านได้ผลลัพธ์เพิ่มมากขึ้น 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า 8 เท่า ท่านก็สามารถทำได้ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจในขั้นตอนนี้จะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ 

กลยุทธ์ในข้อนี้ก็คือท่านจะต้องรู้จักการ Drive Traffic หรือการเคลื่อนคนเข้าไปสู่เว็บไซต์ของเราเอง เน้นนะครับว่าเป็นเว็บไซต์ของเราเอง เพราะบนโซเชียลนั้นเราไม่ได้เป็นเจ้าของ ถ้ามีผู้ติดตามที่เราสร้างไว้เยอะแล้ว แต่ account โดนปิดเราจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ท่านจะต้องสร้างสินทรัพย์ ที่ทรงพลังที่สุด และท่านเป็นเจ้าของ 100% สิ่งนั้นก็คือเว็บไซต์ของเราเอง ที่เราสร้างขึ้นมาเองมันเป็นของเราจริงๆ เราเอาเนื้อหาที่สร้างไว้ในทุกๆที่มาใส่ในเว็บเราเวลาทำการตลาดเราจะดึงคนจากโซเชียลให้เข้ามาสู่เว็บเรา

ยกตัวอย่างเช่นโพสต์บทความบน Facebook เราจะไม่โพสต์บทความทั้งหมดแต่เราจะเกริ่นนำแล้วให้คลิกเพื่อมาอ่านต่อบนเว็บไซต์ของเรา ข้อดีของการใช้เว็บไซต์ก็คือเราสามารถใส่โฆษณาของเราเองได้ ให้คนกรอกข้อมูลรับข่าวสารของเราผ่านอีเมลได้ 

จงจำไว้นะครับ เว็บไซต์คือเครื่องมืออันทรงพลังอันดับ 1  แต่ไม่ใช่เว็บไซต์ทั่วๆไปนะครับ เว็บไซต์ทำการตลาดที่ดีจะต้องมีการดักจับข้อมูล มีการติดตามผล เพราะถ้าเราไม่ได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้เราจะคิดว่าเว็บไซต์ไหนๆก็เหมือนกัน มีบางคนไปจ้างทำเว็บไซต์ที่มีแต่ข้อมูลเสียเงินไปหลักแสนแต่ไม่ได้ผลลัพธ์หรือได้ผลลัพธ์น้อยมาก ท่านเห็นไหมครับว่าการไม่รู้นั้นแพงมาก โดนหลอกเอาง่ายๆ 

เว็บไซต์ที่ทรงพลังจริงๆที่เราสามารถเป็นเจ้าของได้มีโดเมนมี hosting จริงๆแล้วลงทุน ในระดับหลักพันไม่เกินหมื่น และเป็นเว็บไซต์ที่ถูกต้องตามหลักการตลาดด้วย

นี่คือ 6 องค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้คุณประพัฒน์และทุกๆท่านที่ต้องการสร้างธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จได้เอาไปใช้และเอาไปสร้างความสำเร็จ

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ปัจจุบันนี้มีผู้ที่ทำเว็บไซต์แบบถูกต้องมีการติดตามผลมีระบบ Email Marketing ไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่เราสามารถใช้บริการได้เลยเพียงแค่สร้างเนื้อหา ซึ่งอยู่ที่นี่แล้ว

กมลเวช เมืองศรี:
เราสองคนเป็นนักสร้างระบบ เราสร้าง Sale funnel เป็น ผมแนะนำว่าถ้าท่านต้องการเรียนรู้และสร้างระบบได้เหมือนอย่างที่เราทำ โปรเจคที่เราเปิดเราตั้งใจที่จะสอนผู้คน 100 คน ให้เขาสามารถทำได้เหมือนอย่างเรา

สร้างเว็บไซต์ที่ทรงพลังระบบติดตามผลเพื่อให้ผู้คนซื้อสินค้า ระบบ Messenger Marketing  การทำ YouTube การเขียนบทความอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอทำอย่างไร เราสอนทั้งหมดนี้ใน Project เศรษฐีชุดนอน ถ้าท่านชอบท่านสามารถคลิกลิงค์ที่อยู่ใต้วีดีโอนี้ เพราะผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้เรียนคอร์สนี้ชีวิตของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย

เชษฐวิทย์ สิงขร:
เห็นด้วยครับเพราะชีวิตของผมเปลี่ยนจากเดิมที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ มาใช้วิธีการแบบออนไลน์ที่ได้เรียนมาทำให้ประสบความสำเร็จเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนะรางวัลไปเที่ยวต่างประเทศ เราทำสำเร็จมาแล้ว

กมลเวช เมืองศรี:
และอย่าลืมนะครับกดติดตามกดสั่นกระดิ่งและกดแชร์บทความของเรา เพราะถ้าท่านแคร์คนอื่นฉันจะต้องให้คนที่ท่านรักได้รู้ข้อมูลนี้ด้วย เพราะผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก  และผู้ให้ย่อมได้รับผลตอบแทนเสมอเสมอ

เชษฐวิทย์ สิงขร:
ยิ่งให้สิ่งดีๆออกไป ให้คุณค่าที่อยู่ในตัวเราออกไปไม่จำเป็นว่าเราต้องเก่งมาจากไหนเพียงแค่เรารู้ว่าสิ่งนี้มีคุณค่าแล้วเราให้ออกไปแล้วเราจะได้สิ่งที่มีคุณค่ากลับมาหลายร้อยหลายพันเท่า

กมลเวช เมืองศรี:
ดังนั้นฟันธงเลยว่า Content Marketing ดีกว่าการออกไปขายอย่างแน่นอนและยิ่งเรามีระบบ ในการกระจายสื่อข้อมูลเหล่านี้ทั้ง 6 ขั้นตอน การทำรายได้เป็นหมื่นเป็นแสนต่อวันนั้นทำได้อย่างแน่นอน เนื้อหาทั้ง 6 ขั้นตอนอยู่ในโปรเจคเศรษฐีชุดนอนเรียบร้อยแล้ว

วันนี้เราสองคนต้องลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่เมื่อเจอคำถามที่ยอดเยี่ยมขอขอบคุณคำถามจากคุณประพัฒน์นะครับสวัสดีครับ


ถ้าเนื้อหานี้มีประโยชน์กับท่าน เราอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?
เขียนความเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!


kamolwech-chetthawit

เชษฐวิทย์ สิงขร & กมลเวช เมืองศรี

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน

"ในที่สุด...วิธีที่ดีกว่า ที่ทำให้ท่าน สร้างธุรกิจออนไลน์ ให้ประสบความสำเร็จ ในไม่เกิน 6-12 เดือนนี้ แม้ไม่มีพื้นฐานใดๆ มาก่อนเลย การันตี!"

โปรเจคเศรษฐีชุดนอน กำลังเปิดคอร์สให้ท่านได้เข้ามาเป็นคนวงใน
ถ้าท่านต้องการเป็นผู้มีรายได้ทั้งตอนหลับและตื่น

และไม่ต้องการเสียใจที่พลาดข้อมูลนี้ไปตลอดกาล

กดแชร์เก็บไว้อ่านหรือแบ่งปันได้ที่นี่
Click Here to Leave a Comment Below 0 comments