ธุรกิจเครือข่าย MLM คืออะไร?

ธุรกิจเครือข่าย MLM คืออะไร?

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ท่านเคยได้รับการเชิญชวนจาก ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ของท่าน เพื่อให้เข้าไปประชุมร่วมโอกาสทางธุรกิจ หรือถูกนำเสนอขายสินค้า โดยที่ท่านยังไม่ได้อยากจะได้บ้างไหมครับ

วีดีโอ “ธุรกิจเครือข่าย MLM คืออะไร ? : คู่มือสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM จากเริ่มต้นจนประสบความสำเร็จ ตอน 1”

หนังสือเสียง “ธุรกิจเครือข่าย MLM คืออะไร ? : คู่มือสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM จากเริ่มต้นจนประสบความสำเร็จ ตอน 1”

Table of Contentsประสบการณ์ ธุรกิจเครือข่าย ของกมลเวชธุรกิจเครือข่ายคืออะไร1. ปัญหาในธุรกิจเครือข่าย1.1 ปัญหาการขาดรายชื่อ1.2 ปัญหาการขาดรายได้2. เข้าใจธุรกิจเครือข่าย3. การตลาดเครือข่ายการเริ่มต้นธุรกิจเครือข่าย

ประสบการณ์ ธุรกิจเครือข่าย ของกมลเวช

ท่านอาจจะเคยได้รับคำเชิญแล้วก็ตัดสินใจจะไปดูโอกาส แล้วท่านได้เข้าไปในงานก็เห็นบรรยากาศ ตื่นเต้นมากมายเลย เห็นคนประสบความสำเร็จ เห็นเด็กก็ทำได้ ผู้ใหญ่ก็ทำได้ คนมีอายุทำได้  นักเรียน นักศึกษา พนักงานประจำ ก็ทำได้หมดเลย ต่างทำรายได้หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน

ท่านก็ตื่นเต้นไฟลุกท่วมตัว นอนไม่หลับ จนตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับเขา 

แต่เวลาผ่านไปไม่นาน ท่านมารู้ตัวอีกที ท่านกลับไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ตัดสินใจลงทุนทำไป 

ถ้านั่นคือท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นคนที่เคยทำธุรกิจมาแล้ว แล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือตอนนี้ท่านกำลังทำธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิตอยู่ แล้วท่านให้กำลังมีปัญหาอย่างมากเลย ในการที่จะทำยังไงให้ตัวท่านเอง สามารถที่จะเอาชนะความท้าทายในธุรกิจ แล้วก็สร้างผลลัพธ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกเดือน ทุกเดือน สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง หลักร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน

ในคู่มือการสอนวิธีการสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM ให้ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงวันที่ท่านสร้าง Passive Income มีรายได้ 6 ถึง 7 หลักนี้นะครับ ผมกมลเวช เมืองศรี จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการสร้างธุรกิจเครือข่าย ธุรกิจออนไลน์ ขายตรง ประกันชีวิต ธุรกิจที่จำเป็นจะต้องสร้างทีม และขยายทีม

โดยที่ผมจะใช้ประสบการณ์จริงของผม ที่ปัจจุบันนี้ ผมมีประสบการณ์ 16 ปีเต็ม ผมอายุใกล้จะ 50 แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะแบ่งปันนั้นคือ สิ่งที่ผมมีความตั้งใจมากเลยว่า อยากจะช่วยให้ผู้คนจำนวนมาก ที่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจเครือข่าย MLM ขายตรง ประกันชีวิต ให้ประสบความสำเร็จ เขาได้รู้ว่า ทำยังไงให้สำเร็จ และเขานั้นจะได้ไม่ต้องลองผิดแล้ว ก็ลองถูก เหมือนผมอีกต่อไป

ท่านชอบบทความแบบนี้ มีเนื้อหาแบบนี้ ที่จะพาท่าน จูงมือเดิน ตั้งแต่วันแรก คือพูดง่ายว่า ติดกระดุมเม็ดแรก ถ้าติดผิด เม็ดต่อไปมันก็จะติดผิด ผิดหมดเลย

วันนี้เราจะมาพูดถึงในหัวข้อสำคัญกันหัวข้อนี้เราจะพูดกันถึงเรื่องของเราจะทำธุรกิจเครือข่ายอย่างไรให้ประสบความสำเร็จโดยวันนี้แมวเราจะเริ่มในตอนที่ 1 ซึ่งในตอนนี้เนี่ยเราจะพูดกันถึงเรื่องว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไร

ทุกท่านทราบไหมครับว่ามีคนมากกว่า 90 ถึง 91% ถึงแม้จะอยู่ในธุรกิจเครือข่าย MLM อยู่แล้วถึงแม้เขาจะประสบความสำเร็จแล้วแต่เขายังไม่รู้เลยครับว่าจริงๆแล้วธุรกิจเครือข่ายคืออะไร และมันคือกุญแจสำคัญครับที่ทำให้ผู้คนจำนวนมาก ไม่ประสบความสำเร็จ 

วันนี้นะครับเราจะมาเริ่มต้นเรียนรู้จักคู่มือสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM จากเริ่มต้นให้ประสบความสำเร็จจากตัวเป็นของคนที่ทำมาแล้ว 16 ปีแล้วก็ผ่านประสบการณ์และผ่านทุกสิ่งทุกอย่างจากจุดต่ำสุดนะไปจนถึงจุดสูงสุดเดี๋ยวเราจะเริ่มต้นด้วยการผมอยากจะเล่าประสบการณ์ท่านของผมให้ฉันฟังได้พิจารณาว่าท่านนะเนี่ยจะได้ไม่ส่งคนผิดแล้วก็จะได้เห็นว่าสิ่งที่ผมแบ่งปันนะเนี่ยมันอาจจะนำพาให้ท่านและครอบครัวท่านน่ะไปสู่จุดสูงสุดของธุรกิจเครือข่ายได้

ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้วนะครับผมนะเนี่ยได้กลับมาจากต่างประเทศเพราะว่าผมนักเรียนจบผมก็ไปอยู่ต่างประเทศเลยประมาณ 7 ปีมีโอกาสไปทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหาร เป็นเด็กเสิร์ฟนั่นแหละนานแล้วก็มีโอกาสได้พัฒนาภาษาอังกฤษจึงทำให้มีภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างใช้ได้ พอจบ 7 ปีทำงานโง่ๆผมก็ตัดสินใจกลับบ้านแล้วก็มีครอบครัวมีภรรยาแล้วก็ลูก

ด้วยที่เพราะว่าผมนะมีลูกผมได้แบบไม่อยากทำงานประจำผมอยากที่จะเลี้ยงลูกได้เองแล้วผมมีความตั้งใจตั้งแต่ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยบ้าง ผมอยากที่จะใช้คอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตผมอยากจะทราบธุรกิจจากที่บ้านให้มีรายได้สัก 5 หลัก 6-7 หลัก โดยที่ผมไม่ออกจากบ้าน

ผมอยากจะดูการเจริญเติบโตของลูกผมเลยอยากจะอบรมให้เขาเป็นเด็กดี ผมก็เลยมุ่งมั่นค้นหาข้อมูลเข้าไปในอินเตอร์เน็ตจนผมได้เจอโฆษณาจากเว็บไซต์เว็บหนึ่งบอกว่า work from home ถ้าท่านสนใจคลิกที่นี่ 

พอผมคลิก ก็จะมีช่องให้ กรอกชื่อ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล์ พอกรอกครบ สักพักใหญ่ๆ ก็จะมีน้องผู้หญิงคนหนึ่งโทรมา แล้วก็จะเชิญผมให้ไปดูโอกาสทางธุรกิจ 

ซึ่งผมก็ถามว่ามันคือธุรกิจอะไรเหรอ ผมก็มองหาอยู่ ใช่ผมตื่นเต้นมาก ผมอยากจะไปดูธุรกิจ จะทำธุรกิจเขาบอกถ้างั้นเดี๋ยววันเสาร์วันอาทิตย์นี้เจอกันที่โรงแรม แต่ว่าพี่จะต้องจ่ายค่าบัตรในการเข้าชมด้วยนะคนละ 550 บาท ผมก็เลยไปกับภรรยา 2 คน 1100 บาท

เข้าไปในงานก็ตื่นเต้นในบรรยากาศ คนเยอะแยะเลย งานเริ่มต้นตั้งแต่ 8 – 9:00 น จบเอาประมาณ 19:30 น ผมก็ได้เห็นผู้คนจำนวนมากเลย ขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์บนเวที มีนักศึกษา มีพนักงานประจำ มีแม่บ้าน แต่ละคนทำรายได้หลักหมื่น หลักแสน มีพนักงานประจำผู้ชาย ยังทำงานประจำอยู่ แต่มีรายได้เดือนละล้าน

ประสบการณ์ที่ผมได้รับนั้น ทำให้ผมตื่นเต้น นอนไม่หลับ ทุกท่านเคยมีประสบการณ์กันแบบนี้บ้างไหมสุดท้ายตัดสินใจ สมัครทำธุรกิจ ด้วยการลงทุนมูลค่า 140,000 บาท เงินลงทุนในตอนนั้น ซึ่งผมพึ่งกลับมาจากต่างประเทศใหม่ๆ ผมมีเงินเก็บก้อนใหญ่ ก็เข้าร่วมองค์กรที่เขาเชิญผมเข้าไปร่วม ทำเรื่องยาวให้สั้นลงผ่านไป 3 ปีผลปรากฏว่า

ผมหมดตัวครับ ไม่เหลือเงินเลย แถมยังเป็นหนี้ อีกประมาณ 3 แสนกว่าๆ เมื่อ 15 ปีที่แล้วนะ เป็นเงินที่เยอะมาก ผมตกอยู่ในจุดที่ต่ำสุดของชีวิต ลูกผมป่วยบ่อยมาก เข้าโรงพยาบาล ผมไม่มีเงินจะจ่าย ผมต้องให้ คุณพ่อ คุณแม่ พ่อตา แม่ยาย ด้วยนะ มาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกผม

นั่นคือความอดสู คือความอัปยศที่สุด ในฐานะของผู้นำครอบครัว ที่ต้องการที่จะสร้างความสำเร็จให้กับครอบครัว แต่เข้าไปทำธุรกิจ แล้วไม่สามารถทำให้ประสบความสำเร็จ ผมก็เสียใจมาก เสียใจตลอดเลย

จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายมันขาด ผมตัดสินใจ ที่จะลุกขึ้นมา แล้วทำอะไรสักอย่าง เพราะที่ผมตัดสินใจนั้น วันนั้นผมเหลือเงินทั้งบ้านเลย ในกระเป๋า 21 บาท แต่ผมตัดสินใจว่า ผมจะไม่กลับไปทำงานประจำ พ่อแม่ ผมก็อยากให้ผมทำงานประจำ

ผมก็เลยค้นหาข้อมูล เข้าไปในอินเตอร์เน็ต มันมีวิธีไหม ที่จะทำให้ ผมนั้นสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายได้จริง ผมใช้เวลาค้นหาข้อมูลไปประมาณ 6 เดือน ไม่หลับ ไม่นอนครับ ทั้งวัน ทั้งคืนเพราะว่ามันมีไฟปรารถนามากเลย ที่ต้องทำให้ครอบครัวพ้นจากวิกฤตการณ์นี้ให้ได้

จนกระทั่งคืนนึง ผมท่องอินเทอร์เน็ต เพื่อหาข้อมูล ผมไปเจอเว็บไซต์ของสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง ที่เขาได้แบ่งปัน แล้วสอนวิธีการ ในการที่จะสามารถสร้างธุรกิจเครือข่ายอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ โดยการใช้อินเตอร์เน็ตช่วย โดยใช้วิธีการทำการตลาดที่มันแปลกแหวกแนวที่สุด ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

แต่..มันเป็นเหมือนขอนไม้ท่อนสุดท้าย ที่ผมกำลังโดนพายุถล่มอยู่กลางทะเล ผมต้องคว้าไว้ ผมก็เลยตัดสินใจที่จะโทรไปหาคุณแม่ เพื่อสารภาพว่า ตอนนี้ผมหมดตัวแล้ว ไม่เหลือแล้ว ที่ผ่านมาโกหกตลอด เพราะไม่อยากให้แม่เสียใจว่า พอไปได้

ผมสารภาพ ร้องไห้กับคุณแม่ ว่าผมหมดตัวแล้วครับแม่ ไม่เหลืออะไรเลย แล้วผมก็มีความตั้งใจที่ ผมอยากจะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง ผมไม่ยอมแพ้นะ แม่ก็บอกให้ไปทำงานประจำเถอะ ผมบอกว่า ผมขอครั้งเดียวครับแม่ ผมจะไม่ทำธุรกิจอีกเลย ถ้าครั้งนี้แล้ว ผมทำไม่สำเร็จ ผมเดิมพันด้วยชีวิตว่าผมต้องทำสำเร็จให้ได้

และสุดท้ายผมขออนุญาตยืมเงินคุณแม่ด้วย เพราะคุณแม่ พึ่งเกษียณมาใหม่ๆ แล้วมีเงินบำเหน็จมา ผมบอกว่า แม่ครับผมขออนุญาตยืมเงิน เพื่อที่ผมได้ เริ่มต้นสร้างตัวใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม่ก็ให้ยืมเงินมาก่อน

ผมก็ตัดสินใจ เอาไปเรียนวิชานี้ วิชานี้สอนให้ผมได้เรียนรู้ถึงวิธีการทำการตลาดที่ถูกต้อง โดยการใช้เทคโนโลยีอย่างอินเตอร์เน็ต ช่วยทำให้ผมได้รู้ว่า จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อทำการตลาด ทำให้คนทักเรามาทุกวัน พูดคุยถามเกี่ยวกับเรื่องสินค้า และธุรกิจของเราทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 คน 5 คน 10 คน โดยไม่มีวันหยุดเลย 

และสุดท้ายแล้วถ้าเราทำการตลาดถูกต้องผู้คนเหล่านี้ ก็จะตัดสินใจ เอ่ยปากขอสมัครทำธุรกิจกับเราเอง โดยที่เราไม่ต้องเอ่ยปากชวนเลยแม้แต่คำเดียว 

พอผมรู้ว่าวิชานี้จะสอนแบบนี้ ผมตัดสินใจสมัครเรียน แล้วผมก็เรียนรู้ เข้าใจ ที่ผ่านมาเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำการตลาดในธุรกิจเครือข่ายมาตลอดเลย 

วันนี้เข้าใจแล้ว ก็เลยเอาวิชาที่เรียนมา สมัครทำธุรกิจเครือข่ายใหม่ ผลปรากฏว่าในปีแรกทำรายได้ 7 หลัก ทันทีครับ จากการที่เปลี่ยน mindset เรียนวิชา และผมก็ทำรายได้ 7 หลักทุกปี ติดต่อกันมาถึงปีนี้ ปีที่ 16 แล้ว ธุรกิจผมไม่มีท่าทีว่าจะตกต่ำเลย มีแต่จะขึ้น จะขึ้น จะขึ้น อย่างต่อเนื่อง

แม้แต่ช่วงเหตุการณ์โควิดที่ผ่านมา ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ผมรายได้ที่ยอดเยี่ยม และยังมีวิถีชีวิตที่ยอดเยี่ยมอยู่เหมือนเดิม โดยที่ผมนั้นไม่จำเป็นต้องออกจากบ้านเลย แม้แต่ก้าวเดียว ถ้าผมไม่ต้องการ

คำถามคือ ถ้าทุกท่านอยากจะได้ผลลัพธ์เหมือนผม ท่านอยากจะรู้ไหม ว่าผมทำอะไร และทำอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ 3 ปีก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะเจอวิชานี้ ผมไปต่อไม่ได้ ผมหมดตัวล้มเหลวสุดๆ แต่หลังจากนั้นผมนั้นวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่มีถอยกลับ

ผมก็ใช้วิชาที่ผมทำและประสบความสำเร็จ เอาไปสอนหุ้นส่วนในทีม เอาไปถ่ายทอดให้กับคนนอก ที่อยากรู้ ปรากฏว่าเทสติโมเนียล หรือคำนิยมจากคนที่ได้เรียนกับผม ส่งมาให้บางคนสปอนเซอร์สร้างทีม มีทีมงาน 5,000 คน มีคนยินดีที่จะจ่ายเงินค่าสมัครทำธุรกิจกับเขาหลักแสน สองแสน สบายมาก 

เขาเขียนมาบอกว่าผมทำอย่างที่อาจารย์กมลเวชสอน ผมไม่ต้องเอ่ยปากชวนใครเลยแม้แต่คนเดียว ตอนนี้มีแต่คนอยากที่จะเข้าร่วมธุรกิจ อยากที่จะทำกับผมมากเลย 

นั่นแหละครับ คือสิ่งที่ผมจะเอามาถ่ายทอดให้กับทุกท่าน step by step ทีละขั้นทีละตอน เป็นซีรีย์เรื่องยาว ถ้าพูดถึงธุรกิจอะไร มันต้องเป็นซีรีย์เรื่องยาว 

ผมจะทำเป็นตอน 1 2 3 4 เมื่อท่านฟังทุกตอน ท่านก็จะเข้าใจ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องครับ 

มีท่านใด ที่ตอนนี้กำลังทำธุรกิจเครือข่ายอยู่บ้าง ถ้าท่านเคยทำธุรกิจเครือข่าย หรือตอนนี้กำลังทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ ช่วยพิมพ์ลงในช่องคอมเม้นต์หน่อย ผมจะได้รู้ว่ามีกี่ท่านที่ทำธุรกิจเครือข่าย แล้วมีกี่ท่านที่ยังไม่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน ไม่เคยสัมผัส ไม่เคยรู้เลย ว่ามันทำยังไง

วันนี้ผมจะทำให้ทุกๆ ท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นคนกลุ่มไหน กลุ่มมองหาโอกาสในการสร้างธุรกิจตอนนี้ คนตกงานในประเทศไทยช่วงโรคระบาด โควิด-19 มีหลายล้านคนนะครับ คนจำนวนมากจะกระโจนเข้าสู่ธุรกิจเครือข่าย แบบไม่รู้ แล้วจะสูญเงินที่มี อาจจะได้เงินมาจากการ lay off อาจจะได้ซองขาวมาหลายเดือน เขาจะหมดตัวแน่ๆ ถ้าเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้สำเร็จ โอกาสสำเร็จมีน้อยมาก ถ้าเขาไม่เข้าใจ

เพราะฉะนั้น ในคู่มือสร้างธุรกิจเครือข่าย MLM จากเริ่มต้นจนประสบความสำเร็จนี้ ในตอนที่ 1 ผมจะมาแบ่งปันกันแบบสบายๆ กระชับ เข้าประเด็น ว่าสิ่งแรก วันแรก นาทีแรก เมื่อท่านตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายแล้ว ที่ท่านจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุด นั่นก็คือ ธุรกิจเครือข่าย คืออะไร

หลายท่านอาจจะมองข้ามว่า ทำไมต้องมานั่งฟังด้วย ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร มันก็ขายตรง มันก็คล้ายๆ 

ผิด 100% ถ้าเข้าใจแบบนั้น ก็สมควรแล้ว ที่ทำแล้วไม่สำเร็จ สมควรจริงๆ 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะพาทุกท่าน ไปทำความเข้าใจก็คือ ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร และอะไรที่ไม่ใช่ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากจะรู้เรื่องนี้ตั้งแต่วันแรก 

ผมมาเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไรจริงๆ หลังจากที่ทำมาแล้ว 10 ปี ให้ตายเถอะ ปีก่อนหน้านี้ กดเงิน 7 หลัก 8 หลัก ตลอดเลย แต่ก็ยังไม่เข้าใจมัน หลังจากที่เข้าใจแล้ว โอ้โหคุ้มค่าเหลือเกินที่เข้าใจมัน แล้วมันทำให้ผมเข้าใจไปหมดเลยว่า ธุรกิจเครือข่ายไม่ต้องทำอย่างนี้นะ มันต้องสร้างทีมอย่างนี้ มันต้องพูดแบบนี้ มันต้องพาทีมนั้นเจริญเติบโตแบบนี้ แล้วมันจึงจะสำเร็จ

ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร

ประวัติของธุรกิจเครือข่าย เกิดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่มีความแน่ชัด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ สักปีประมาณ 1950 กว่า มีบริษัท ที่ตั้งขึ้นมา แล้วใช้ระบบการทำการตลาด ที่ตัดสินใจไม่ใช้ดารา หรือไม่จ้างคนดัง มาทำโฆษณา 

แต่ตัดสินใจว่าจะให้ลูกค้า มาสมัครเป็นหุ้นส่วน มาสมัครเป็นผู้จำหน่าย แล้วถ้าลูกค้าไปแนะนำ ให้คนอื่นมาซื้อสินค้าต่อจากเขาได้ หรือซื้อจากบริษัทเอง บริษัทก็จะมอบเงินค่าแนะนำให้เป็นค่าคอมมิชชั่น และถ้าลูกค้าที่เปลี่ยนมาเป็นนักธุรกิจนั้น สอนให้คนอื่นสามารถทำได้เหมือนเขาด้วย บริษัทก็จะจ่ายเงินมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ให้กับเขา 

มีการพัฒนารูปแบบ จากธุรกิจขายตรงธรรมดาชั้นเดียว ที่มาสมัครแล้วก็รับของราคาทุนแล้วเอาไปขายต่อทำกำไรส่วนต่าง มาพัฒนาเป็นมา สมัครรับของเพื่อจำหน่ายก็ได้ หรือจะไปแนะนำให้คนอื่น มาเข้าร่วมธุรกิจ แล้วมาเรียนรู้เพื่อที่ขยายองค์กรต่อไปก็ได้ 

และนั่นแหละคือความแตกต่างของธุรกิจเครือข่าย กับธุรกิจขายตรง เพราะฉะนั้นถ้าให้ผมสรุปสั้นๆ ธุรกิจเครือข่ายมีการพัฒนามาจากธุรกิจขายตรง แต่มีการพัฒนาเพื่อความเจริญเติบโตของธุรกิจ ได้ดีกว่า มากกว่า และมีการเพิ่มแผนการจ่ายผลตอบแทน ที่ทำให้เกิดการรับรายได้ จากผลลัพธ์ที่สร้างองค์กรลึกลงไปหลายๆ ชั้น 

เพราะฉะนั้นธุรกิจเครือข่าย จึงได้ชื่อว่า MLM นั่นเอง เพราะคำว่า MLM ย่อมาจากคำว่า Multi-Level Marketing Multi แปลว่า หลาย Level แปลว่าชั้น Marketing แปลว่าการตลาด ถ้าแปลตรงๆ Multi-Level Marketing แปลเป็นภาษาไทยก็คือ การตลาดหลายๆ ชั้นนั่นเอง 

Multi-Level Marketing การตลาดที่จ่ายหลายๆ ชั้นหลายๆ รุ่นนั่นแหละ ยิ่งสร้างองค์กรเยอะ ยิ่งได้เงินเยอะ เพราะฉะนั้นท่านรู้แล้วว่า ตอนนี้ท่านกำลังมองหาธุรกิจเครือข่ายทำ ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วม หรือตอนนี้ทำอยู่ 

ผมเชื่อว่าทุกๆ ท่านกำลังจะเจอปัญหา หรือกำลังมีปัญหาแน่นอน ปัญหาใหญ่ที่สุดของคนที่ทำธุรกิจเครือข่าย แล้วไปต่อไม่ได้ แล้วไม่สำเร็จ ถ้าผมสรุปปัญหารวมทั้งหมดจริงๆ ปัญหามันมีเป็นสิบเป็นร้อยข้อ

ผมมีตัวอย่างให้ท่านดู และจะผมวิเคราะห์ปัญหาผู้คน ในการทำธุรกิจเครือข่าย 

1. ปัญหาในธุรกิจเครือข่าย

ปัญหาและความท้าทายความเจ็บปวดของผู้ที่ทำธุรกิจเครือข่ายได้อย่างน้อยใน 32 ข้อ ถ้านี่คือปัญหาของท่าน ให้ช่วยกันพิมพ์เข้ามาเลยว่า ปัญหาของท่าน คืออะไร 

  1. มีคนมาชวนไม่มีทุน
  2. พอมีทุนลงเงินไปก็ไม่เกิดอะไรไม่เห็นได้ผลลัพธ์เลย 
  3. ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
  4. หรือว่าไม่รู้จะต้องทำอย่างไรเพราะเขาสอนให้ชวนคน
  5. ชวนคนก็ชวนไม่ได้นะชวนไม่เป็น
  6. เขาสอนให้ขายของก็ขายไม่ได้ขายไม่เป็น
  7. แนะนำคนไม่มีใครสนใจ
  8. โทรไปชวนคนมาทำธุรกิจคนก็ไม่เชื่อถือ
  9. ชวนคนมาดูโอกาสเขาก็ลังเลแล้วก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้เขาอยากสมัครกับเรา เราก็อยากให้เขาสมัครเขาก็ลังเลขอคิดดูก่อนอยู่ตลอดเลย สุดท้ายก็ขอคิดดูก่อน ไม่สมัครสักที
  10. สปอนเซอร์คนมาได้ก็ไม่รู้จะสอนยังไงให้เขาได้ผลลัพธ์เกิดรายได้ 
  11. ซื้อรายชื่อมาจากทุกแหล่ง จ่ายเงินไปหลายปี ลงทุนต่อเดือนเป็นพันเป็นหมื่นก็ไม่เคยประสบความสำเร็จได้จริง
  12. โทรหาคนละ 50 คน 100 คนก็ไม่ได้ผล
  13. จัดประชุมใหญ่โต ที่บ้าน ที่โรงแรมแต่ก็ได้ผลลัพธ์นิดเดียวไม่คุ้มเลย 
  14. ไม่ว่าจะเดินทาง 100-200 กม. เพื่อไปสปอนเซอร์สุดท้ายได้แต่คำว่าขอคิดดูก่อน
  15. การโทรหารายชื่อที่ไม่มีคุณภาพและคนไม่สนใจ

และปัญหาอีกมากมาย

ท่านทราบอะไรไหม หลังจากที่ผมรู้วิธีการในการทำธุรกิจเครือข่ายที่ถูกต้องแล้ว ผมแก้ปัญหาเหล่านี้ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่เกิดขึ้นกับเราอีกเลย เพราะฉะนั้นผมจะสรุป ปัญหาเหล่านี้ให้เหลือสั้นๆ แค่ 2 ข้อแล้ว ถ้าท่าน รู้แล้วว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของธุรกิจเครือข่าย คือ 2 ข้อนี้ และท่านแก้มันได้ ท่านจะต้องประสบความสำเร็จ อยากรู้ไหมครับว่า 2 ข้อนี้ คืออะไร 

ปัญหา 2 อย่าง ในธุรกิจเครือข่ายที่ท่านจำเป็นจะต้องรู้วิธีแก้ปัญหาให้ได้ ถ้าท่านรู้วิธีแก้ปัญหา 2 อย่างนี้ท่านสามารถที่จะเอาชนะ ธุรกิจเครือข่ายไปได้แล้ว ประมาณ 80% ที่เหลือเป็นเรื่องของทัศนคติ

1.1 ปัญหาการขาดรายชื่อ

ปัญหาข้อที่ 1 การขาดรายชื่อ เป็นปัญหาหลักๆ ที่คนส่วนมากเจอ และตัวผมเจอด้วย ก็คือตอนที่ผมสมัครเข้าไปทำธุรกิจ ก็จะได้รับการสอน แต่ผมไม่ได้รับการสอนนะว่า ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ผมได้รับการสอนว่า เอากระดาษมา เอาปากกามา แล้วลิสรายชื่อคนออกมาให้มากที่สุด แล้วก็เขียน script แล้วก็โทรตามสคริปต์ เพื่อที่จะเชิญคนในรายชื่อ 

เราจะมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงรายชื่อกันได้เป็น 100-200 ถูกไหม แล้วก็โทรไปเชิญ เพื่อให้เขามาดูโอกาสทางธุรกิจกับเรา สุดท้ายเมื่อเราทำรายชื่อมา แล้วโทรไปแล้ว เราไม่มีทักษะในการโทรที่ถูกต้อง เราเชิญคนไม่เป็น ท่านว่าโทรไปมันจะได้ผลไหม มันไม่มีทางได้ผล มันได้ผลน้อย 

ถ้าได้ผลก็เพราะว่าคนที่โทรไปเขารักท่าน เขาเชื่อท่าน เขาอยากจะสนับสนุนท่าน ส่วนมากแล้วท่านก็จะขายได้ หรือชวนได้ กับคนที่เขารักกันนั่นแหละ ส่วนคนที่แบบ เป็นเพื่อนห่างๆ เป็นญาติห่างๆ โอกาสที่ท่านจะชวนเขาได้นี่ยากมากเลย จริงไหม มันไม่ได้ชวนกันได้ง่ายๆ นะ เพื่อให้มาลงทุนหลักพัน หลักหมื่น หรือหลักแสน

พอเราโทรตามรายชื่อคนรู้จักหมดแล้ว แล้วทำไง เห็นไหมเริ่มเกิดอาการขาดรายชื่อ รายชื่อหมดทางองค์กรของผมก็บอกว่า เอางี้สิไปซื้อรายชื่อมา ตอนนั้นรายชื่อละ 50 บาท ลงโฆษณา ผมก็เงินก็ร่อยหรอไป ผลลัพธ์ก็ไม่ค่อยจะดี ทักษะต่างๆ ก็ยังไม่มีไม่มีมากพอ แต่ผมก็ซื้อ แล้วก็โทร

โทรไปเจอสารพัด สวัสดีครับผมกมลเวชครับ โทรมาเพื่อที่จะพูดคุยเรื่องที่คุณได้กรอกข้อมูลเข้ามา สนใจเรื่องธุรกิจใช่ไหม โทรไปเจอพระ เจอเด็ก นี่คือรายชื่อไม่มีคุณภาพ

1.2 ปัญหาการขาดรายได้

ผมเจอปัญหาเรื่องการขาดรายชื่อ เพราะขาดรายชื่อปัญหาใหญ่ที่จะตามมา อีกปัญหาหนึ่งก็คือ การขาดรายได้ เพราะเราไม่มีคนให้คุยเรื่องธุรกิจ ไม่มีคนให้นำเสนอโอกาสทางธุรกิจ หรือสินค้า เราก็จะขายไม่ได้ ไม่มีรายได้ หรือไม่มีค่าคอมมิชชั่นเข้า 

สิ้นเดือนต้องจ่ายค่ารักษายอดถูกไหม ธุรกิจเครือข่าย โดยส่วนมากมันก็เลย จมลงไป จมลงไป จมลงไปทุกที และองค์กรก็สอนแต่วิธีเดิมๆ เช่น ออกไปเดินคุยกับคนตามถนน ออกไปโรดโชว์ตั้งเต็นท์ ทำมาหมดทุกอย่างแล้ว ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย 

เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมได้เจอวิธีการทำการตลาดออนไลน์ที่ทรงพลังที่สุดแล้ว ผมไม่กลับไปทำวิธีเดิมอีกเลย 

แต่วันนี้ผมจะไม่มาพูดเรื่องของการตลาดออนไลน์ ผมจะพูดให้ได้เข้าใจก่อนว่า ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร ตอนนี้ท่านทราบระดับนึงแล้ว ว่ามันคือธุรกิจที่พัฒนามาจากธุรกิจขายตรง และมันคือธุรกิจที่จ่ายไปหลายหลายชั้น และมันมีทั้งคนดีและไม่ดีอยู่ในนั้น 

2. เข้าใจธุรกิจเครือข่าย

คนที่เข้าใจว่าธุรกิจเครือข่าย คือธุรกิจขายตรง เขาจะโฟกัสไปในเรื่อง การขาย ชื่อมันบอกแล้วขายตรง แล้วถ้าธุรกิจเครือข่ายไหน โฟกัสหนักๆ ไปเรื่องการขาย องค์กรนั้นมีปัญหา เพราะค่าเฉลี่ยของคนบนโลกนี้ครับ จะมีคนที่ชอบขายอยู่แค่ 15 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น 85% คนบนโลกนี้ไม่ชอบขาย

ถ้าท่านสร้างองค์กรธุรกิจเครือข่าย แล้วมันพัวพันกับการขายตลอดเวลา แม้แต่บางบริษัทอาจจะมียอดขายส่วนตัว หรืออาจจะมีแบบพวกเรารีบออกไปโทรขายกันเถอะ เราต้องขาย ไม่สงสัยหรอว่า ทำไมคนมันตายออกจากธุรกิจเร็วจัง บางคนสมัครบุ๊บ ยังไม่เอาของเลย เลิกเลยนะ พอได้ยินคำว่าขายเนี่ยกลับบ้านแล้ว ไม่เอาแล้ว กลัว 

เป็นปัญหาใหญ่ที่ทั้งประเทศไทยไม่เข้าใจ ธุรกิจเครือข่าย ท่านจะไม่สามารถมั่งคั่งร่ำรวยได้ จากการโฟกัสขายนะครับ จำไว้นะ ถ้าท่านโฟกัสที่จะขายสินค้า ที่จะขายใครดี เดี๋ยวเราขาย 1 ชิ้น 2 ชิ้น เอามาคุยกันสนุก ท่านจะไม่มีทางมั่งคั่งร่ำรวย ท่านจะพออยู่ได้แบบรายเดือนเท่านั้น ต่อให้ท่านขาย เดือนเป็นหมื่น เป็นแสน ท่านก็จะอยู่แค่นั้น 

ถ้าท่านอยากจะทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จจริงๆ ท่านต้องโฟกัสในการขยายครับ ขยายองค์กรแห่งความสำเร็จ แล้วการขาย เป็นแค่ส่วนหนึ่งเล็กๆ ในกลยุทธ์ ในการสร้างธุรกิจเครือข่ายเท่านั้น 

ในธุรกิจเครือข่าย สิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การขายนะ มันคือการขยายแล้วคำจำกัดความของการขยายองค์กรให้ประสบความสำเร็จนั้น ผมได้ทำการสรุป เป็นคำ คำเดียวเท่านั้น แล้วถ้าท่านเข้าใจคำนี้ แล้วท่านพัฒนาตัวเองให้เป็นคำๆนี้ได้ ท่านจะสามารถขยายองค์กรให้มีรายได้ 6-7 หลักต่อเดือนได้ ภายในปีแรกเลย 

คำนั้นก็คือคำว่า สปอนเซอร์ หรือแปลเป็นภาษาไทยก็คือ อุปถัมภ์ นักธุรกิจใหม่ที่สมัครเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย เปรียบเสมือนเด็ก ที่เพิ่งคลอดท้องแม่ เพราะฉะนั้นสปอนเซอร์ที่ดี จะต้องเป็นคนที่ ทำหน้าที่  ทั้งพ่อและแม่ให้กับนักธุรกิจใหม่ของเขา

แต่หาสปอนเซอร์ที่ดีแบบนี้หายากเหลือเกิน เพราะสปอนเซอร์เอง ยังไม่เข้าใจธุรกิจ มาถึงก็จะให้ลิสต์รายชื่อ ขายของเลย นั่นเป็นขั้นตอน ที่ผิดมากๆ เลยนะ 

วันแรกต้องพาทีมงานใหม่นั่งลง แล้วอธิบายให้เขาเข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไร เขาจะไม่ประสบความสำเร็จจากการขายเป็นหลักนะ เขาจะประสบความสำเร็จจากการขยาย เขาจะได้เรียนรู้กับท่าน ถึงวิธีการอุปถัมภ์คนอื่น 

คำว่าอุปถัมภ์ เป็นคำที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายนั้น แยกตัวออกจากธุรกิจขายตรง แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แยกตัวแบบว่า เพราะธุรกิจขายตรงโฟกัสแต่การขาย รับมาแล้วขายไป หาแต่ลูกค้า นั่นคือธรรมชาติของธุรกิจขายตรง 

ธุรกิจขายตรงให้นึกถึงสาวมิส ทีนสาวเอวอน ทับเปอร์แวร์ ยาคูลท์ ประกันชีวิต ในแบบที่เน้นขายอย่างเดียว นั่นน่ะขายตรงๆ ไม่อ้อมเลยมาถึงเคาะประตูบ้าน นั่ง Present งานขายตรงๆ เอาสินค้ามาให้ 

แต่ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่แบบนั้น เวลาคุยกับผู้มุ่งหวัง เราไม่ได้คุยเรื่องสินค้าก่อนเลย แล้วไม่ขายก่อน ถ้าพยายามขายสินค้าให้กับผู้มุ่งหวังก่อน เขาหนีท่านแน่ เพราะจำไว้นะครับ คนไม่ชอบถูกขาย แต่ว่าทุกคนชอบซื้อ เมื่อมีเงิน เข้าใจกฎข้อนี้ ถ้าจะขายอะไรก็ได้ แล้วประสบความสำเร็จอย่างมาก

เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเข้าใจ กฎที่ทรงพลังที่สุดของโลกนี้ ว่าคนไม่ชอบถูกขาย ทุกๆท่านที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ ก็ไม่ชอบถูกขาย ท่านอึดอัด เมื่อมีคนพยายามขายประกันให้ท่าน ท่านอึดอัด เมื่อไปนั่งตามร้านแล้วก็มีคนพยายามมาเดินเอามาขายให้ ท่านอึดอัดเวลาไปบางแสนแล้วก็มีคนมาเอากุ้งไหมจ๊ะ เอาปูไหม เอาหอยไหม น่าอึดอัดไหมล่ะ มันน่ารำคาญใช่ไหมล่ะ

แต่ถ้ามีเงินท่านจะ Shopping เพราะฉะนั้น หากท่านอยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจเครือข่าย ท่านจะต้องเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แล้วการที่ทำให้ท่านเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างดี ท่านต้องเรียนรู้ วิธีการทำการตลาดที่ถูกต้อง 

เพราะใครก็ตามที่ทำการตลาดเป็น ทำการตลาดถูกต้องคน เหล่านี้มักจะพูดอะไรโดนใจผู้มุ่งหวังเสมอ มักจะนำเสนออะไรก็ไม่ถูกปฏิเสธ และคนอยากซื้อด้วยความเต็มใจของเขาเอง 

เพราะฉะนั้นคำว่าการตลาด มันไม่ใช่การขาย การขายที่ดี จะนำยอดขายที่ดีมาให้ แต่การตลาดที่ดีจะนำยอดขายถล่มทลายมาให้ 

3. การตลาดเครือข่าย

ธุรกิจเครือข่าย ชื่อภาษาอังกฤษคือ Network Marketing, Multi-Level Marketing แปลเป็นไทยคือ การตลาดหลายชั้น หรือการตลาดเครือข่าย มันไม่มีการพูดเลยนะครับว่า Network selling หรือว่า  Multi-level selling 

เข้าใจผิดกันทั้งประเทศ เข้าใจผิดกันทั้งโลก แล้วถ้าท่านทำธุรกิจเครือข่ายอยู่ ถ้าท่านยังไม่เข้าใจว่าหยุดโฟกัสขายได้แล้วนะ แล้วเริ่มโฟกัสขยายแล้วนะ ท่านจะหลงทางตลอดชีวิต แล้วมันมี 2 ทางเท่านั้นคือทนทำแบบไม่ได้ผลลัพธ์ไปตลอดชีวิต 

ผมเห็นเพื่อนๆ ยังไม่ไปไหนเลย 10 ปี 15 ปีอยู่ที่เดิม พอใจกับการขายปลีกไปวันๆ แล้วผมก็เห็นเพื่อนผมที่ปรับจากการที่ผมแบ่งปัน แล้วก็สร้างองค์กร มีบ้านใหม่ รถใหม่ BMW เงินเต็มบัญชี

เพราะเขาแค่เปิดใจรับฟังวิธีการที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นตอนนี้ ทุกท่านรู้แล้วนะว่า ธุรกิจเครือข่ายคืออะไร

ธุรกิจเครือข่าย คือธุรกิจที่จ่ายหลายๆ ชั้น โดยที่บริษัทเครือข่ายไม่เอาเงินไปจ่ายให้ดารา แต่เอามาจ่ายให้เรา คนที่ช่วยบอกต่อ ช่วยขยายธุรกิจ ทำให้มีคนมาซื้อสินค้าแล้วเปิดแพ็คเกจธุรกิจ

ธุรกิจเครือข่าย ไม่ใช่ธุรกิจขายตรง อย่าโฟกัสที่การขายตรง พอท่านเข้ามาในธุรกิจเครือข่ายแล้ว ท่านเข้ามาในฐานะคนใหม่ ท่านต้องเรียนรู้ว่าธุรกิจเครือข่ายคืออะไร 

หนังสือเล่มนึงที่ดีมากๆ ที่ผมอยากจะแนะนำให้ท่านได้ซื้อ เพราะท่านซื้อหนังสือไปอ่าน มันช่วยทำให้ท่านเข้าใจธุรกิจเครือข่ายกันแบบ เข้าใจกันสุดๆไปเลย 

OwnYourLife

OwnYourLife

หนังสือการนำเสนอ 45 นาที ที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณ (Own you life ชีวิตเป็นของคุณ) ท่านต้องรีบไปหามาเลยนะ ถ้าท่านอยากเข้าใจธุรกิจเครือข่าย ในหนังสือเล่มนี้อธิบายมากกว่า อธิบายละเอียดกว่าผมเยอะ ถ้าจะเข้าใจสุดๆ แล้วก็จะเห็นวิธีการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ 

ผมขออนุโมทนาสาธุ ขอนมัสการอันเชิญทุกท่าน ไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน ไม่ใช่หนังสือของผมนะ แต่มันเปลี่ยนชีวิตผมเลย ผมเอาวิชาที่อยู่ในหนังสือนี้ มาบวกกับการตลาดออนไลน์ที่ทรงพลังที่สุด ที่ผมรู้ เราจะไม่มีวันตัน และไม่มีวันตาย จากธุรกิจเครือข่ายเลย

เพราะฉะนั้นการบ้านแรกจากวีดีโอตอนแรกนี้ ไปซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านนะครับ ถ้าท่านมีองค์กร มีทีมงานนะ ซื้อให้เขาอ่าน หรือพาเขาไปอ่าน แล้วทำกิจกรรมที่ทำให้องค์กรต้องอ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบ ให้เร็วที่สุด 

การเริ่มต้นธุรกิจเครือข่าย

ต้องทำให้เขาเข้าใจธุรกิจ ด้วยการมอบหนังสือนี้ให้เขา และกำหนดเลยครับว่า วันแรกผมอยากให้อ่าน 4 บทแรกก่อนนะ ใช้เวลาอ่านครึ่งชั่วโมง อ่านจบแล้วโทรหาผม เราจะทำความเข้าใจกัน ว่าคุณเข้าใจไหม 4 บทนี้เป็นยังไง ปรับทัศนคติก่อน อย่าเพิ่งรีบขาย มีเวลารวยอีกเยอะ 

เพราะหนังสือนี้จะทำงานแทนท่าน ไม่ต้องมานั่งอธิบาย เอาหนังสือให้เขา เขาพอเขาอ่านจบ  4 บทแล้วเดี๋ยวเราค่อยพาเขาอ่านบทที่ 5 6 7 8 9 10 ต่อไป ให้เขาอ่านวันละบท ไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็อ่านหนังสือเล่มนี้จบ ท่านจะได้ทรัพยากรบุคคลที่ทรงพลังมากๆ ถ้าเขาเข้าใจธุรกิจเครือข่าย 

แต่ถ้าท่านไม่ทำให้เขาเข้าใจ ท่านจะได้คนที่ไม่ได้เรื่องสักที มีใจสู้ ใจสู้ แต่ไม่เข้าใจ ไม่มีทางทำสำเร็จนะ ถ้าไม่เข้าใจมัน 

เพราะฉะนั้นหน้าที่ของท่านคือ ทำตัวเป็นแม่ ป้อนความรู้ในวันแรก ส่วนหน้าที่ของการเป็นพ่อ ท่านต้องปกป้องเขา ไม่ให้อะไรก็ตามมาทำลายความเชื่อ ในธุรกิจเครือข่ายของเขาได้ 

ในวันแรก ผมจะบอกเลยว่า จะถามว่าคุณสมชาย ก่อนที่เราจะจากกันวันนี้ มีใครที่บ้านไม่เห็นด้วยกับคุณบ้างไหม ผมจะทำหน้าที่พ่อ ด้วยการฉีดวัคซีนวัคซีนต้านทานโรค ด้วยการพูดว่า ถ้าวันนี้กลับไปแล้วภรรยาคุณไม่เห็นด้วย คุณจะทำยังไง 

ถ้าสมชายบอกว่า ผมก็จะอธิบายให้เขาเข้าใจ ว่าผมเอาจริง เขาจะไม่มีทางมาทำให้ความเชื่อผมสั่นคลอน ไปจากธุรกิจ ที่ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับอาจารย์ได้เลย โอเคสมชายกลับบ้านได้ นั่นแปลว่าทัศนคติเขาแข็งแกร่งพอ เขาไม่ยอมให้ใครมาขโมยความฝัน 

ผมเชื่อว่าทุกๆ ท่าน หรือหลายท่านที่อยู่ในนี้ เคยถูกคนในครอบครัวไม่เชื่อใจ มันไม่เชื่อ นึกว่าเราไปเลือกธุรกิจไม่ดีมาทำ ไม่เชื่อน้ำยาเรา ว่าเราจะทำสำเร็จ กลัวเราจะโดนหลอก อย่าไปโกรธเขานะ เขารักท่าน แต่เขาไม่เข้าใจท่านนะตอนนี้ชั่วคราว เขาไม่เข้าใจธุรกิจที่ท่านไปตัดสินใจลงทุนทำมัน เป็นหน้าที่ของท่าน ที่ท่านจะตั้งใจทำมัน ไม่เลิก

แล้ววันที่ท่านประสบความสำเร็จ พวกเขาเหล่านั้น จะกลับมาเป็นกองเชียร์ คุณพ่อผมด่า เสียๆ หายๆ ด่าหยาบๆ พ่อผมเป็นคนใช้ภาษาพ่อขุนรามได้ดีมาก ผมน่ะเสียน้ำตาเสมอเลย เมื่อพ่อไม่เข้าใจว่า ผมทำธุรกิจบ้าอะไร ผมก็ได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจ แต่ไม่เลิก

จนกระทั่งผมทำแล้วประสบความสำเร็จ ผมซื้อบ้านใหม่ ผมถอยรถใหม่ ผมมีวิถีชีวิตที่ยอดเยี่ยม ผมมอบเงินให้คุณพ่อคุณแม่ทุกเดือน วันนึงคุณพ่อก็โทรมา ผมก็นึกว่าจะโทรมาด่า ตามฟอร์ม 

ปรากฏว่าไม่ใช่ โทรมาคราวนี้ลูกเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ธุรกิจเป็นยังไง พ่อขออวยพรให้ลูก ทำธุรกิจประสบความสำเร็จ พ่อเอาใจช่วยเสมอ รักลูกนะ คืออะไรเนี่ยวันนั้นใจผมพองฟูไปทั้งวันเลย เพราะโดนพ่อด่ามาโดยตลอด ไม่เข้าใจผม เรารู้วิธีการชนะคนที่ไม่เชื่อใจ ก็คือประสบความสำเร็จให้เขาดู นั่นผมชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผมประสบความสำเร็จคนเดียว สบายทั้งครอบครัว 

เพราะฉะนั้นท่านอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแค่คนเดียว และคนในครอบครัวสบายหรือเปล่า ท่านคือผู้นำ ท่านต้องไปต่อ อย่ายอม ท่านคิดว่า ท่านทำได้คอมเม้นต์ ลงไปครับว่าท่านทำได้ ถ้าท่านคอมเม้นว่าท่านทำได้ผมขออวยพร ให้ท่านทำได้

เพราะผมเชื่อมั่นในคนที่บอกตัวเขา ว่าเขาทำได้ เขาทำได้ เพราะฉะนั้นจะเห็นบทบาทของผม ในการป้อนความรู้ โดยการเอาเนื้อหาในหนังสือให้เขาอ่าน ในฐานะแม่ ป้อนวัคซีนให้เขาในฐานะพ่อ 

และตลอดเส้นทางที่เราสร้างองค์กรร่วมกันเรา ยังต้องป้อนความรู้อีกเสมอๆ แล้วก็ฉีดวัคซีนให้เขาเสมอๆ ความรู้ที่จะทำให้ท่านกลายเป็นอัพไลน์ที่ ทีมงานไม่สามารถด่าได้ คือ 

1. สอนให้เขาเข้าใจธุรกิจเครือข่าย 

2. สอนให้เขารู้ว่าสินค้ามีอะไรอย่างไรใช้อย่างไร 

3. สอนให้เขาเข้าใจว่าแผนการจ่ายผลตอบแทนมันจ่ายแบบไหนทำอย่างไรจึงจะได้รายได้สูงสุดจากแผนการตลาดหรือที่เขาเรียกว่า maximizing compensation plan ถ้าท่านตีโจทย์แผนการตลาดไม่ออก ท่านไม่มีทางที่จะทำเงินสูงสุดได้ จากแผนการตลาด 

ท่านต้องเข้าใจว่า แผนไบนารี่แบบที่บริษัทใช้อยู่เนี่ยทำอย่างไร ท่านถึงจะได้รายได้สูงสุด แผนยูนิลิเวอร์แผน Stair Step แผนต่างๆ 

ท่านต้องเข้าใจให้ได้ และท่านจะต้องอธิบายต่อให้ทีมงานท่านเข้าใจให้ได้ แต่อย่าไปคาดหวังว่าเขาจะเข้าใจตั้งแต่วันแรกนะ แผนการตลาดมันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี กว่าจะเข้าใจจริง

เพราะฉะนั้นพาเขาเข้าการอบรมเสมอ เดี๋ยวเข้าใจไม่ต้องไปบังคับเขา แต่มันคือสิ่งที่ท่านจะต้องสอนให้เขาเข้าใจ 

4. จะเข้าไปในระบบเพื่อสั่งซื้อสินค้าและรักษาคุณสมบัติประจำเดือนทำยังไง

5. สมัครคนยังไงเมื่อมีคนมาสมัครด้วยแล้วเนี่ยจะกรอกข้อมูลยังไง

6. ขยายองค์กรขยายยังไง

7. เมื่อมีองค์กรใหม่เข้ามาในทีมของเค้าท่านจะไปช่วยเขาทำงานแล้วสอนทีมงานใหม่ของเขาอย่างไร

ถ้าท่านทำ 7 ข้อนี้ได้ท่านคือสุดยอดสปอนเซอร์ ไม่มีใครจะด่าท่าน ได้ท่านทำหน้าที่สปอนเซอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว 

คำถามคือท่านรู้กี่ข้อตอนนี้ ใน 7 ข้อนี้ และท่านสอนทีมงานของท่านครบทั้ง 7 ข้อไหม ถ้าไม่ มันยังไม่สายเกินไปนะครับ ที่ท่านจะมาเรียนรู้ ว่าแต่ละข้อนั้นท่านจะต้องทำอะไร สอนอะไรอย่างไรบ้าง 

แต่ถ้าที่บริษัทของท่าน ไม่มีใครสอนท่านได้ ท่านก็ควรจะรู้นะครับว่า ท่านจะเรียนได้จากไหน แน่นอนว่าท่านเรียนได้จากผม นั้นท่านสามารถกดติดตาม Facebook และ YouTube โดยการพิมพ์ชื่อ กมลเวช แล้วผมจะมาแบ่งปันสุดยอดข้อมูลนี้ให้กับท่านเสมอๆ

กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

ทัศนคติแห่งความสำเร็จ : พัฒนาตัวเองกับกมลเวช ตอนที่ 1

ทัศนคติแห่งความสำเร็จ : พัฒนาตัวเองกับกมลเวช ตอนที่ 1

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ทุกความสำเร็จ ทุกความมั่งคั่ง ร่ำรวย เกิดจากความคิดใด ความคิดหนึ่งเสมอ

ถ้าท่านคิดไม่เป็น โอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตแทบไม่มี แต่ถ้าท่านได้รู้ความลับ ในการคิดอย่างไรให้รวยแล้วละก็ ท่านจะสามารถประสบความสำเร็จได้ทุกอย่างในชีวิต ทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็น การเงิน การงาน ความรัก ความสัมพันธ์

วีดีโอ “ทัศนคติแห่งความสำเร็จ : พัฒนาตัวเองกับกมลเวช ตอนที่ 1”

ดาวน์โหลดสไลด์ Powerpoint ของวีดีโอนี้ คลิกที่นี่

หนังสือเสียง “ทัศนคติแห่งความสำเร็จ : พัฒนาตัวเองกับกมลเวช ตอนที่ 1”

Table of Contentsกมลเวช คือใคร?ปรัชญาสร้างชาติ สร้างชีวิตให้สำเร็จ1. เรียนรู้2. ฝึกฝน3. สอนคนอื่นต่อทักษะแห่งความสําเร็จในชีวิต1. วิธีคิด : 80%2. วิธีสื่อสาร : 15%3. วิธีการ : 5%คำสอนของพระพุทธเจ้า

กมลเวช คือใคร?

ถ้าท่านยังไม่รู้จักผม ผมขออนุญาตแนะนำตัวผมเองให้กับทุกท่านได้รู้จักก่อนนะครับ ผมขอกราบสวัสดีทุกท่านอีกครั้ง ผมชื่อ กมลเวช เมืองศรี เป็นผู้ก่อตั้งแล้วก็เป็น CEO ของ บริษัทภูวเดชคอร์ปอเรชั่นจำกัดบริษัทนี้และตัวผมนี้ได้ทำการถ่ายทอดสุดยอดวิชา เพื่อสอนให้กับผู้ที่ต้องการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจออนไลน์ หรือที่เราเรียกว่า Digital Marketing หรือว่าการตลาดแบบเครือข่าย Network Marketing ตัวผมเองกว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ท่านอาจจะคิดว่า ผมเป็นคนเก่ง ไม่ใช่เลยครับ ย้อนกลับไปเมื่อ 15-16 ปีที่แล้ว ผมก็เป็นคนที่แค่เรียนจบใหม่ๆ แล้วก็มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานอยู่ต่างประเทศอยู่ 7 ปีไม่ได้มีทักษะอะไรดีเลย นอกจากภาษาอังกฤษที่ดีกลับมาเท่านั้น หลังจากกลับมาที่บ้าน ตัดสินใจลงทุนทำธุรกิจทั้งที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน และธุรกิจนั้นก็คือธุรกิจเครือข่ายผมเข้าไปทำอยู่ 3 ปี ผมไม่สามารถที่จะพัฒนาตัวเองให้ทันกับค่าใช้จ่าย ให้ทันกับความต้องการในการที่จะประสบความสำเร็จ ผลปรากฏว่า 3 ปีผ่านไป เงินเก็บจำนวนมากหมดเกลี้ยงแถมหมดตัว แล้วก็ล้มเหลว แถมเป็นหนี้อีกก้อนใหญ่มหาศาลหลายแสนบาท ไม่น่าเชื่อนะครับ ผมจะมาเปิดเผยให้ทราบว่า ผมตกต่ำ ล้มเหลวขนาดนั้นได้ยังไง และหลังจากนั้น ผมไม่ยอมแพ้ครับ ทำให้ผมนั้นตัดสินใจลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ผมลุกขึ้นมาตัดสินใจตัวเองว่า เอาล่ะฉันจะประสบความสำเร็จจากธุรกิจที่ทำอยู่ที่บ้าน โดยใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเดียว อยากใช้อินเตอร์เน็ตอย่างเดียว อยากใช้มือถือ แล้วก็สร้างรายได้ 6-7 หลัก แล้วก็สบายตลอดชีวิตผมไม่ชอบออกจากบ้าน อยากทำงานอยู่กับบ้าน อยากมีความสุข อยากท่องเที่ยวไปทั่วโลก ปัจจุบันนี้ผมไปมาทั่วโลกแล้วมากกว่า 33 ประเทศ เพราะฉะนั้นเป็นเพราะว่าผมได้มีโอกาสได้เรียนรู้จาก Mentor หรือว่าภาษาไทยเรียกว่าเมนเทอร์ ก็คือผู้ที่ถ่ายทอดสดยอดวิชาครับ หลังจากที่ผมได้รับการถ่ายทอดวิชาการตลาด ผมใช้วิชานี้จากเมนทอร์ของผมผู้มีรายได้ 3,000 ล้านบาท จากธุรกิจเครือข่ายทำให้ผมกลับเข้ามาทำธุรกิจเครือข่ายอีก และครั้งนี้ประสบความสำเร็จเร็วแรงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของทุกบริษัท ทำเงินเร็วที่สุด ทำเงินมากที่สุด ขึ้นตำแหน่งเร็วที่สุด ขึ้นตำแหน่งแรงที่สุดทุกอันดับ ถ้ามาแข่งกันแบบออกตัวพร้อมกัน ไม่มีใครสู้ได้เลยเป็นเพราะเคล็ดลับสำคัญ หลังจากที่ผมได้เรียนรู้วิธีการทำการตลาดออนไลน์ เอาวิชาการตลาดออนไลน์ที่สุดยอดนั้นผสมการตลาดเครือข่ายที่ทรงพลังที่สุด จนกลายเป็นวิชาที่ไม่มีใครเหมือนเลย ในประเทศไทย วิชานี้เป็นวิชาที่จับเอาการตลาดออนไลน์และการตลาดเครือข่ายมาผสมกันได้ทรงพลังที่สุด ที่ไม่มีครูการตลาดออนไลน์คนไหน หรือผู้รู้การตลาดเครือข่ายคนไหน สามารถที่จะถ่ายทอดสุดยอดวิชานี้ได้เหมือนกับผม

ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆท่าน ที่ได้ติดตามผม ได้ดูวีดีโอผม ผ่าน YouTube หรือว่าได้เรียนวิชากับผมผ่านคอร์สต่างๆ คงจะได้ประสบกับตัวเองแล้วว่าเขานั้นได้เรียนรู้อะไร เขาได้เปรียบในชีวิตมากขนาดไหน

มีผู้ประสบความสำเร็จมากมาย มาบอกว่าพวกเขาทำรายได้ หลายแสนบาทต่อเดือน มีคนติดต่อมาอยากทำธุรกิจกับเขาเดี๋ยวโอนเงินค่าสมัครให้ โดยที่พวกเขาไม่มีปัญหาในการทำธุรกิจอีกเลยแล้วนั่นคืออีกหนึ่งเคล็ดลับที่เราจะเอามาแบ่งปันในรายการนี้ รายการพัฒนาตัวเองกับกมลเวช ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นตอนที่ 1 แล้วผมจะทำซีรี่ย์แบบนี้ต่อเนื่อง ให้ท่านติดตาม ท่านต้องการพัฒนาตัวเองให้ครบทุกด้าน ทั้งความคิด และวิธีการ วิธีสื่อสาร 

ติดตามรายการที่ผมจะแบ่งปันนี้ ท่านจะพัฒนาตัวอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นผลลัพธ์อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียวครับ

เมนทอร์ของผมแบ่งปันกับผมว่า กมลเวชถ้านายอยากจะมีความสุขตลอดชีวิต เพราะความสุขเป็นบ่อเกิดแห่งความสำเร็จ ถ้าท่านไม่มีความสุข โอกาสที่ท่านจะประสบความสำเร็จนั้นยาก “ก็คือ ให้นายส่องกระจกดูตัวเอง ส่องกระจกแล้วถามตัวเองในทุกๆวัน ถามจนได้คำตอบนะครับว่า นายต้องการที่จะทำอะไรทุกๆวันไปตลอดชีวิตเมื่อ นายได้คำตอบแล้วนะ ลงมือทำสิ่งนั้น แค่นั้นเอง”ผมก็เลยมาถามตัวเองครับ แล้วผมก็ได้คำตอบอย่างที่ผมได้แบ่งปันทุกท่านว่า

ผมต้องการสร้างธุรกิจจากที่บ้านให้ประสบความสำเร็จ ผมไม่ชอบออกนอกบ้าน ไปรถติด ฝนตก ออกไปคนเยอะ ออกไปต้องเจอกับเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ผมต้องการสร้างธุรกิจด้วยการทำการตลาดออนไลน์และประสบความสำเร็จมีรายได้ 6-7 หลักทุกเดือนตลอดชีวิต นั่นคือคำตอบที่ผมได้ พอผมได้คำตอบนี้ ผมก็ลงมือทำตามสิ่งที่เมนทอร์ของผมแนะนำ ผมเลิกทำงานประจำ ผมเลิกทำธุรกิจที่ต้องทำให้ผมออกจากบ้าน ดูนะว่าผมตัดสินใจทำตามคำแนะนำของเมนทอร์ แล้วผมไม่ถอยกลับ! เพราะผมเลิกที่จะทำอะไรที่มันขัดแย้งกับความฝันและความมุ่งมาดปรารถนาตัวเอง ผลที่ได้คือ ผมมีความสุขทันทีเลยทุกท่าน เพราะผมรู้ตัวดีว่าผมชอบมากเลย ที่จะจับเม้าส์ท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ต แล้วพัฒนาตัวเอง เรียนรู้วิธีการทำการตลาด แล้วก็สร้างสินค้า สร้างแบรนด์ ให้บริการกับผู้คนและผู้คนมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาซื้อ ผมชอบและเกิดมีความสุขผมชอบตอน มีข้อความ และอีเมลเข้ามาแจ้งรายได้ ผมชอบตอนเอาเช็คไปขึ้นเงิน ฉะนั้นพอตัดสินใจได้ปุ๊บ ชีวิตผมมีความสุขที่สุดตั้งแต่วันนั้น แต่มันเพิ่งเริ่มต้นใช่ไหม เพราะตอนนั้นผมยังไม่มีความรู้ ในการทำการตลาดออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จยังไงใช่ไหม เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าผมทำยังไง

ปรัชญาสร้างชาติ สร้างชีวิตให้สำเร็จ

เรามาดู 3 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จในชีวิตกันเลย หลังจากนี้จะมีแต่เคล็ดลัพธ์ที่พิสูจน์มาแล้ว ท่านจะประสบความสำเร็จในชีวิต 3 เคล็ดลับนี้จะนำท่าน ไปสู่ความสำเร็จทุกความสำเร็จในชีวิต ผมการันตีด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย

ผมการันตีเพราะถ้าทำ 3 อย่างนี้แล้วท่านไม่ประสบความสำเร็จ กรุณาทักมาแล้วด่าได้เต็มที่ แต่ถ้าท่านทำแล้วประสบความสำเร็จ แค่ทักมาขอบคุณก็พอ หรือเลี้ยงข้าวสักมื้อก็ได้ ท่านพร้อมหรือยังที่จะเรียนรู้ 3 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จในชีวิตนี้

ปรัชญานี้ผมแบ่งปันให้กับคนวงในที่เรียนสุดยอดคอร์สปีดเวลท์ หรือ คอร์สเศรษฐีชุดนอน ที่ผมจะสอนการ set up ระบบในการทำการตลาดออนไลน์ และประสบความสำเร็จอย่างละเอียดมาก 

1. เรียนรู้

ข้อแรกไม่ว่าท่านอยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร เช่น

ถ้าอยากจะเป็นนักมวยที่ประสบความสำเร็จ ถ้าอยากเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ ถ้าอยากเป็นนักดนตรีที่ประสบความสำเร็จ อยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ในธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจเครือข่าย ขายตรง ประกันชีวิตข้อที่ 1 ท่านต้องเรียนรู้

เรียนรู้ให้ลึกซึ้งที่สุด เรียนรู้แบบจนกระทั่งท่านรู้สึกว่า ท่านไม่มีอะไรต้องเรียนแล้วมันเก่งสุดๆเลย เข้าใจที่สุดเลย

 นี่คือคำนิยามของการเรียนรู้ เรียนให้รู้จริง รู้ลึก รู้จนกระทั่งหายใจเข้าหายใจออกท่านรู้หมดว่า ถ้ามีปัญหาฉันจะแก้ยังไง ถ้ารู้หมดว่า ถ้าท่านต้องการไปต่ออีกแบบนึงต้องทำยังไง นี่คือคำนิยามของการเรียนรู้ผมยกตัวอย่างนะว่าปรัชญานี้มันสร้างชาติชาติหนึ่งให้ประสบความสำเร็จได้ไง

ประเทศไทยย้อนกลับไปซัก 200 ปี สมัยเริ่มต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คงไม่มีถนนลาดคอนกรีต เขาไม่มีตึกรามบ้านช่องใหญ่โตขนาดนี้ นึกออกไหม ก็เป็นบ้านไม้ธรรมดา แต่ทำไมคนไทยเมื่อเวลาผ่านมาจึงสามารถสร้างถนนลาดยางได้ ซีเมนต์คอนกรีต สามารถสร้างตึกใบหยกที่สูงที่สุดในประเทศได้ ก็เพราะว่าเขาไปเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี ถ้าไม่เรียนรู้ไม่มีทางทำได้จริงไหมและความสำเร็จเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ได้ถ้าท่านอยากประสบความสำเร็จท่านต้องเรียนรู้ และเรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ คนที่ทำมาแล้วจริงไม่ใช่คนที่ไปจำมาสอน เรียนรู้ทุกเรื่องครับ อยากว่ายน้ำเก่งต้องเรียนรู้ อยากขับรถได้เก่งต้องเรียนรู้

2. ฝึกฝน

กฎข้อที่ 2 ต้องฝึกฝน

คนส่วนมากตายตรงกฏข้อแรก จึงทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่เชื่อก็ลองนึกถึงตัวเองดูว่า มีกี่ครั้งในชีวิต ที่ท่านนั้นตัดสินใจเรียนคอร์สอะไรสักคอร์ส ลงสัมมนา หรือไม่ก็ซื้อหนังสืออะไรมา แบบตื่นเต้นตั้งใจที่จะอ่าน ฉันอยากสำเร็จเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่สุดท้ายท่านก็ไม่เคยทำมันสำเร็จ 

ผมการันตีว่าเป็นแทบทุกคน เพราะท่านได้แต่แค่เรียนรู้ เสียเงินไปเรียนแต่ท่านไม่ลงมือทำ ไม่ฝึกฝน ท่านจะไม่เกิดทักษะ เพราะถ้าไม่เกิดทักษะ ท่านก็จะไม่สามารถทำมันได้ เพราะท่านทำไม่เป็น

ยกตัวอย่างการสั่งซื้อหนังสือวิธีการฝึกว่ายน้ำมา หนทางเดียวที่เขาจะว่ายน้ำเป็น คือเขาต้องกระโดดลงน้ำ 

และเขาก็ต้องฝึกแล้วเขาต้อง Enjoy the process ด้วยนะ ก็คือมีความสุขในระหว่างการฝึกฝน เพราะเขาไม่มีความสุขเขาจะเลิก นั่นคือสาเหตุที่ท่านต้องตัดสินใจทำในสิ่งที่ท่านอยากทำ ท่านจะได้มีความสุขและท่านจะได้ทำมันได้ตลอดชีวิตไง นี่คือการเปลี่ยนหางเสีอชีวิตไปเลยนะ

ถ้าทุกวันนี้ท่านไม่มีความสุขในการทำงานที่ท่านทำ ทำไมไม่พิจารณาเวลาหลังเลิกงาน ถ้าทุกท่านหยุดเสาร์อาทิตย์นะ เวลาตั้งแต่ 18:00 น วันศุกร์ จนถึง 8 โมงเช้าวันจันทร์น่ะ ที่ผ่านมาท่านทำอะไรกับเวลาที่ท่านว่าง ท่านพัฒนาตัวเองหรือเปล่า หรือที่ผ่านมาเอาแต่จะกิน เที่ยว

ผมบอกเลยว่า มันไม่มีวันสายครับ ลุกขึ้นมาเรียนรู้และฝึกฝนพัฒนาตัวเองกันทันที

ตัวผมเองลงทุนเรียนรู้คอร์สต่างๆ เป็นหมื่นเป็นแสนนะครับ ที่ผมจ่ายแพงสุดเนี่ยนะสักประมาณ 2.5 – 3 แสนกว่าบาทครับทุกท่าน ด้วยการเรียนวิชาเดียวครับ แล้วพอผมเรียนวิชานั้นสำเร็จทำเงินหลายล้านบาท

เพราะฉะนั้นผมจึงฝึกตัวเองให้เป็นผู้ที่เรียนรู้ และต้องลงมือทำ ถ้าไม่เรียนรู้และ ถ้าเรียนรู้และไม่ลงมือทำผมจะรู้สึกสงสารตัวเองว่า ทำไมนายเป็นคนไม่เอาไหนแบบนี้ นายแย่ขนาดนี้นะ กลับไปเรียนแล้วไปฝึก

นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมเป็นอะไรหลายๆอย่าง เพราะผมฝึกฝน เพราะฉะนั้น ถ้าท่านเป็นคนที่เรียนรู้และไม่ฝึกฝนมาก่อน ไม่ยอมทำ ท่านแค่หยุดคิด หยุดลังเลว่าจะทำดีไหม กลัวจะพลาด ไม่ต้องกลัว เพราะคนชื่นชอบความล้มเหลว คือคนที่เข้าใจครับ ว่าความสำเร็จนั้นมันเกิดจากการล้มเหลวหลายๆ ครั้ง จนกระทั่งเขารู้แล้วว่าทำยังไงให้ไม่ล้มเหลวไง 

แต่คนที่ไม่กล้าทำอะไรเลยเพราะกลัวล้มเหลว แม้แต่ครั้งแรกก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะฉะนั้นจงกล้าที่จะล้มเหลวไปเรื่อยๆ ยิ่งท่านอายุน้อยๆ เด็กๆ ทุกคนนะครับ ถ้าท่านอายุต่ำกว่า 50 ท่านเป็นเด็กในสายตาผมหมด

ผมจะบอกให้ว่าทุกๆ ท่าน ถ้าท่านยังไม่ได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ ถ้ายังไม่มีชีวิตที่คิดไม่ถึง ยังไม่มีความสุขในทุกจังหวะชีวิต ท่านรออะไรอยู่ ท่านลุกขึ้นมาสิ ผมยินดีเป็นเมนทอร์ ให้กับทุกท่าน

ถ้าท่านมีคำถาม หรือข้อสงสัย ท่านสามารถ inbox ถามผมได้ตลอด ส่วนมากผมตอบคำถามเองทั้งสิ้น ถ้าเป็นคำถามที่จำเป็นต้องให้ผมตอบ Admin ผมจะเชิญอาจารย์คะ ช่วยตอบคำถามหน่อยอาจารย์ค่ะ มีคนขอร้องให้ตอบ มาทางนี้ผมตอบเองแทบทั้งสิ้น ผมอยากให้ชีวิตผู้คนเปลี่ยน

3. สอนคนอื่นต่อ

ข้อ 3 ท่านต้องสอนคนอื่นต่อให้ได้ ถ้าท่านสอนคนอื่นต่อได้ จากการเรียนรู้มาแล้วฝึกฝนจนเก่ง ท่านจะกลายเป็นคนยอดคน และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านจะเก่งที่สุดตอนที่ท่านสองคนอื่นต่อ 

ยกตัวอย่าง คนๆนึง เล่นฟุตบอลไม่เป็นเลย ไม่เก่งเลย แต่เขาฝึกๆ จนกระทั่งเขาได้บรรจุอยู่ในทีมชุดใหญ่ของสโมสรระดับโลก อย่างแมนยู ลิเวอร์พูล เล่นฟุตบอลเก่งจริงๆเลย จนรับรางวัลมากมาย

แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ทำให้เขาเก่งที่สุดในเกมฟุตบอล คือ ตอนที่เขาผันตัวเองมาเป็นโค้ช แล้วก็เริ่มสอนคนอื่นให้เล่นเก่งเหมือนเขาเริ่มสอน แก้ไขปัญหาสถานการณ์ในสนามได้เหมือนเขา เขาประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ 

เรื่องนี้ผมเรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเองก็คือ

ตัวผมเองจะเรียนรู้และฝึกฝนจนผมนั้นสร้างระบบสร้างธุรกิจที่รายได้ 6-7 หลักต่อเดือนแล้ว แต่ผมรู้สึกทุกครั้งว่าผมเก่งมากขึ้นไปอีกระดับ เมื่อผมได้สอนคนอื่นต่อ

เพราะฉะนั้นนี่คือสมการง่ายๆ ทุกท่านจำไว้นะครับ อยากประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่องของชีวิต ทำตามสูตรนี้ เรียนรู้ ฝึกฝน สอนคนอื่นต่อ

ทักษะแห่งความสําเร็จในชีวิต

สามทักษะแห่งความสำเร็จในชีวิตนี้ เป็นกระบวนการที่ท่านพัฒนา 3 ทักษะนี้ได้ ท่านจะสามารถประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง ที่ทำทำได้ตามปรัชญาเมื่อกี้ คือสร้างชาติสร้างชีวิตนะ ถ้าท่านเอา 3 ปรัชญานั้นมาบวกกับ 3 ทักษะนี้ ถ้าท่านอยากรวยต้องรวยล้นๆ แบบไม่มีอะไรมาหยุดท่านได้เลย 

ท่านจะมีความสุข แต่ถ้าอยากเป็นคนที่มีทุกสิ่งอย่างในชีวิตเอา 3 ทักษะแห่งความสำเร็จในชีวิต + 3 ปรัชญา ยังไงก็สำเร็จได้ เราไปเริ่มกันเลย

1. วิธีคิด : 80%

3 ทักษะแห่งความสําเร็จในชีวิต คือท่านต้องฝึกคิด เพราะอย่างที่ผมจะบอกว่า ทุกความมั่งคั่งร่ำรวยเกิดจากความคิดใดความคิดหนึ่งเสมอ นี่คือสิ่งที่ถูกสอนอยู่ในหนังสือคิด อย่างไรให้รวย หนังสือที่สัมภาษณ์มหาเศรษฐี 500 คนที่รวยที่สุดอันดับต้นๆ ของอเมริกา

มหาเศรษฐีทั้ง 500 คนที่รวยก็เป็นแสนแสนล้านคอนเฟิร์มปรัชญานี้ว่า ความคิดเป็นสิ่งที่มีพลังและความคิดเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้น้อยมาก ผมสรุปให้ง่ายๆ มนุษย์คิดไม่เป็น ถ้าคิดเป็นเขาจะต้องได้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ ถ้าเขาอยากรวยก็รวย แล้วก็อยากสำเร็จในเรื่องอะไรเขาต้องสำเร็จ 

แต่ถ้าเขายังไม่ได้แปลว่าเขาคิดไม่เป็น อันนี้ผมจะแบ่งปันวิธีการคิดเป็นมหาเศรษฐี ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ได้สอนวิธีการ ในการฝึกคิด ด้วยการให้หาเวลาอยู่กับตัวเองอย่างน้อยวันละ 5-10 นาที อยู่กับตัวเองเลยไม่มีใครมายุ่งปิดโทรศัพท์ 

นี่คือเคล็ดลับที่มหาเศรษฐีแสนล้านสอนนะ แล้วก็นั่งนิ่งๆ เงียบๆ หลับตาแล้วทำการวิเคราะห์ชีวิตตัวเองว่า ตัวฉันได้ทำในสิ่งที่ฉันต้องการแล้วหรือยัง ฉันมีในสิ่งที่ฉันต้องการมีแล้วหรือยัง ฉันได้ในสิ่งที่ฉันต้องการได้หรือยัง

ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่หรือเปล่า ฉันกำลังไปในจุดที่ฉันกำลังไปหรือเปล่า หรือฉันอยากรวยแต่ฉันยังทำงานประจำอยู่ งานประจำไม่มีอะไรผิด แต่มันไม่ทำให้ร่ำรวย 

นั่ง 5 นาที 10 นาทีต่อวัน ถ้าท่านนั่งรถทำอย่างสม่ำเสมอหรือจะนั่งสมาธิแล้วคิดไปด้วยก็ได้ไม่เกิน 1 เดือนจะเริ่มคิดได้ แล้วคิดแต่ละครั้ง ถ้าท่านมีสมาธิในความคิดนี้ด้วย ท่านจะได้พรจากสวรรค์มา 

เขาเรียกว่าจะได้บลูปริ้นท์ แบบพิมพ์เขียวมาทำอย่างนี้สิ ทำอย่างนั้นสิ นั่นคือสารจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพลังจักรวาล ท่านต้องการเป็นอะไรใน 1 ปี 3 ปีข้างหน้า เดี๋ยวจะมีสัญญานส่งมาไม่รู้จากที่ไหน บอกวิธีให้ท่าน

เมื่อท่านได้เคล็ดลับนี้แล้วจดไว้นะครับ เพราะท่านจะลืม ผมได้ประจำครับ ว่าผมติดเรื่องนี้ผมขอนั่งสมาธิหน่อย 10 นาทีผมก็คิดแวบขึ้นมาเลย ท่านเคยได้ยินเรื่องราวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ไหม

เป็นผู้ที่คิดวิธีการเอายานอวกาศลงจอดดาวอังคารคนไทย และดร. อาจอง ท่านให้สัมภาษณ์ว่า มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ว่าท่านทำได้อย่างไร ถึงสามารถคิดถึงวิธีการเอายาลงจอดได้ นักบินอวกาศ หรือนักวิทยาศาสตร์นาซ่าของอเมริกาคิดไม่ได้สักคน 

วิธีการที่ ดร. อาจอง เป็นคนไทยเอาชนะคนทั้งโลกได้ ด้วยการคิดวิธีนี้ คือการคิดในสมาธิครับทุกท่านผมกำลังเผยเคล็ดลับสำคัญ ที่สุดยอด อาจารย์อันดับหนึ่งของจักรวาลนี้ก่อนนะครับ คือ พระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรามีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา สอนให้เรามีสมาธิ เห็นภาพ ท่านสอนวิธีให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตนั่นเอง สอนให้เราเจริญ ตลอดเวลาที่เรามีสมาธิเพราะคนที่มีสติ มีสมาธิอยู่กับตัวจะเป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดความสำเร็จขนาดใหญ่ 

ตัวผมเองหลังจากที่ได้ศึกษาธรรมะเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ผมได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตลอด ทำได้ครบบ้าง ไม่ครบบ้าง ของตัวเองมาตลอด จากรักษาศีลไม่ได้ กลายเป็นรักษาศีลมาได้ตลอด จากที่นั่งสมาธิไม่ได้เลย จนสามารถนั่งสมาธิติดต่อกัน 3 ชั่วโมง โดยไม่กระดิกเลยนะครับทุกท่าน 

ผมฝึกจากนั่ง 5 นาที อึดอัดจนจะระเบิดอยู่แล้ว เป็น 10 เป็น 15 นาที เป็น 1 ชั่วโมง เป็น 2 ชั่วโมง 3 ชั่วโมง ไม่กระดิกเลย แล้วก็ได้อะไรมหาศาลมากมาย

มีอยู่ครั้งนึงตอนผมนั่งสมาธิ ผมรู้สึกว่าเหมือนสายฟ้าเนี่ยฟาดลงมาที่หัวใจของผม เพราะผมนั่งสมาธิอยู่ตอนนั้นผมนั่งอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง พอออกจากสมาธิแล้วเนี่ยกำลังจะเดินไปอาบน้ำเหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมา ผมหนาวตั้งแต่ตอน 17:00 น ยัน 07:00 น ของอีกวันหนึ่ง 

นั่นคือพลังมหาศาลที่ได้จากสมาธิ ซึ่งมีคนที่ได้ดีกว่าผมเยอะแยะมากมาย มีท่านใดมีประสบการณ์แบบนี้บ้างไหมพิมพ์เล่าให้ฟังได้นะ เพราะฉะนั้นผมแนะนำว่าให้ฝึกวิธีคิดและวิธีคิดนั้นถ้าเทียบเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ วิธีคิดมีความสำคัญถึง 80% ที่จะสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับชีวิตของท่าน 

วิธีคิดในที่นี้ผมหมายถึงทัศนคติแห่งความสำเร็จด้วย ท่านจะต้องรู้ว่าคิดอย่างไรท่านจึงจะสำเร็จ และท่านต้องไม่ยอมแพ้ ท่านต้องพัฒนา EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ให้เกิดขึ้น ฝึกปล่อยวาง ฝึกให้อภัย ฝึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ฝึกการให้ โดยไม่หวังผลตอบแทนอย่างเช่น ผมมาแบ่งปันท่านเนี่ย ผมไม่ต้องการผลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น ผมอยากจะให้เคล็ดลับ 

เพราะนี่คือสิ่งที่ทำให้ผมมีชีวิตทุกวันนี้ นี่คือประสบการณ์จริง ผมฝึก อาจารย์ผมสอนว่าจงขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ผมก็เดินออกกำลังกายทุกเช้า ไม่ว่าจะเล่นเวท หรือวิ่งผมจะขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง พลังแห่ง การขอบคุณ ขอบคุณทุกท่านที่ท่านรู้สึกซาบซึ้ง บุญคุณอะไรก็ตามท่านได้ปล่อยสัญญาณออกไปนะ ปล่อยพลังงานออกไปให้จักรวาลได้รู้ ว่าท่านพร้อมแล้วที่จะเปิดรับสิ่งดีๆในชีวิต 

ขอบคุณดูสิครับท่านอาจจะกล่าวขอบคุณผมก็ได้ ผมอนุญาตขอบคุณอาจารย์กมลเวชที่แบ่งปันความลับของจักรวาลให้ทราบ ที่ได้จากตัวเอง ท่านจะรู้สึกคนละเรื่องเลยนะว่า ท่านขอบคุณสำหรับฉัน ฉันรู้สึกดีมันดีไม่น่าเชื่อ ฉันเปิดรับอะไรดีไปหมดเลย

2. วิธีสื่อสาร : 15%

ทักษะที่ 2 ท่านจะต้องมีวิธีการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม ในซีรีย์การพัฒนาตัวเองกับกมลเวชประเวศ จะมาแบ่งปันทักษะการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุด สื่อสารทุกครั้งจะต้องแทงทะลุหัวใจคน เราพูดอะไรเนี่ยทำไมมันโดน อยากซื้อสินค้าและบริการของท่านแล้วก็เอาตังค์ไปเลย หรือไม่ก็อยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เราอยากให้เขาทำ เพราะทักษะในการสื่อสารนั้นคือหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในสังคม

ทุกวันนี้เราสื่อสารกันตลอดเวลา แต่ทุกท่านทราบไหมครับว่า มีคนน้อยมาก ที่สื่อสารเป็นแล้วคนจำนวนมากผมเชื่อว่ามากระดับ 95 เปอร์เซ็นต์ของบนโลกนี้สื่อสารไม่เป็น จึงทำให้ชีวิตเขาไม่เจริญรุ่งเรือง ทำให้ชีวิตครอบครัวเขาไม่มีความสุข ความรัก ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดี ภรรยา สามี พ่อ แม่

ยกตัวอย่างการสื่อสารที่ไม่เวิร์คนะ คือการบ่นทุกท่านทราบไหมว่าเราทุกคนนะชอบบ่น ส่วนมากแล้วเกือบทุกคนชอบบ่น โดยไม่รู้ตัว 

การบ่นไม่เคยเวิร์คคนที่ถูกบ่นจะรู้สึกไม่ดีทุกครั้ง และจะมีระยะห่างของความสัมพันธ์ออกจากคนบ่นทุกครั้ง ถ้าพ่อแม่บ่นลูกมาก ลูกจะดื้อ ลูกจะรักพ่อแม่น้อยลง จนกลายเป็นเด็กเกเรไปเลยเสียคนไปเลยก็เยอะ 

ยิ่งด่ายิ่งเสียคนทุกท่านผมจะบอกให้ นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ไม่รู้วิธีการสื่อสาร ที่ว่าแต่ลูก อยากให้ลูกเป็นเด็กดีต้องไม่บ่น แต่พ่อแม่ไม่รู้ต้องทำยังไงใช่ไหม ผมจะแบ่งปันวันหลังนะ สามีภรรยา อยากให้สามีอยากให้ภรรยายินยอมทุกอย่าง อยากให้ใช้เงินยังไง จะให้ซื้ออะไร อยากให้ภรรยาพูดง่ายๆ ว่าเป็นช้างเท้าหลังที่ดี สามีต้องมีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมด้วย ไม่งั้นโดนตะโกนใส่กัน

เจ้านายกับลูกน้อง เจ้านายบางคนคิดว่าด่าอย่างเดียวได้ เพราะฉันจ่ายเงินเดือน เขาไม่ได้ใจลูกน้อง ท่านเคยเห็นไหม ท่านอ่านหนังสือเรื่องสามก๊ก ดูสามก๊ก เตียวหุยถูกลูกน้องตัวเองตัดคอเพราะอะไร เอาแต่ได้อย่างเดียว เป็นวิธีที่ผิดมาก ทักษะการสื่อสารเป็นทักษะที่จำเป็นที่สุดอันดับต้นๆ ที่มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ต้องเรียน แล้วบอกเลยว่ามีคนเรียนรู้น้อยมาก 

ถ้าท่านอยากจะเป็นสุดยอดแห่งนักสื่อสาร พูดอะไรเนี่ยครองใจคนได้หมด ทำยังไงคนก็ยินดีที่จะทําในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านต้องการ หรือแม้แต่กระทั่งซื้อสินค้า แนะนำหนังสือเล่มหนึ่งครับชื่อว่า วิธีชนะมิตรและจูงใจคน ของเดลคาร์เน กีไปหามาอ่านให้ได้ หรือฟังใน YouTube ก็ได้ มีคนอ่านไว้ท่านจะขนลุกขนพองว่าตายแล้วฉันจะ 60 แล้ว ฉันเพิ่งรู้ความลับของการที่จะเอาชนะมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ได้ รวมถึงศัตรูของท่านด้วย

ทุกท่านเคยมีศัตรูใช่ไหมในชีวิตน้อยคนที่ไม่มีศัตรู คนไม่ชอบขี้หน้าฝ่ายตรงข้ามในหนังสือเล่มนี้สอนแม้กระทั่งพิชิตศัตรูด้วยวาทะศิลป์ การสื่อสารสำคัญมากและมันสำคัญประมาณ 15%

3. วิธีการ : 5%

สุดท้ายทักษะที่ 3 วิธีการ นี่คือสิ่งที่ผู้คนทั้งโลกเข้าใจผิดมาก เวลาเขาอยากจะประสบความสำเร็จอะไรเขาจะมองหาวิธีการ ทำการตลาดออนไลน์ทำไงอ่ะ ไปเรียนสัมมนานี้ก็สอนวิธีการ การตลาดเครือข่ายทำยังไงอ่ะ ไปเรียนรู้กับองค์กรนี้สิเขาสอนวิธีการ

วิธีการนั้นสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นการันตี เพราะท่านเคยเห็นคนความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดไหม เพราะคิดไม่เป็นไงคิดไม่เป็น สื่อสารไม่เป็น ท่านเห็นดอกเตอร์ที่ทำธุรกิจให้สำเร็จแล้วยิงตัวตายทั้งครอบครัวไหม เยอะแยะลงข่าวทุกวันพวกนี้คิดไม่เป็น สื่อสารไม่เป็น วิธีการท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อครับ

เพราะฉะนั้นทุกความสำเร็จในชีวิตเริ่มต้นจากความคิดใดความคิดหนึ่งจำไว้นะ คิดให้ตกผลึก คิดจนเข้าใจและรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร 

ถ้าท่านอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิต จากประสบการณ์ 50 ปีที่ผ่านมา ท่านจะต้องหาเวลารู้จักตัวเองให้ได้ บอกตัวเองก็ได้ รู้จักตัวเองให้ได้ว่า ตัวเองต้องการอะไรจริงๆ ในชีวิต

คำสอนของพระพุทธเจ้า

ถ้าถามผมว่าอ่านแล้วอาจารย์รู้ไหมว่าต้องการอะไร ผมตอบได้ทันทีผมต้องการบรรลุธรรม และเข้าสู่พระนิพพานภายในชาตินี้ นี่คือสิ่งที่ปรารถนาสูงสุด ผมรู้แล้ว ผมเกิดมาทำไมสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่เนี่ยการหาเงิน มันเป็นกระบวนการหนึ่งของฆราวาสที่ใช้ในการเลี้ยงครอบครัว ผมมีคุณพ่อคุณแม่ผมมีพี่มีน้องผมมีภรรยา ผมมีลูก ผมเลยต้องทำธุรกิจ

แต่ผมยึดเอาคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหลัก เพราะฉะนั้นผมรู้ว่าตั้งแต่วันที่ผมเข้าใจแล้ว ผมเกิดมาทำไมแล้วเป้าหมายสูงสุดใน YouTube คืออะไร ผมเดินตามเส้นทางนี้ตลอดเลยคือ ผมจะต้องบรรลุธรรมให้ได้ขั้นใดขั้นหนึ่ง แล้วจะต้องหาทางที่จะไม่กลับมาเกิดอีก 

เพราะการเกิดเป็นทุกข์ การแก่เป็นทุกข์ การเจ็บเป็นทุก การตายเป็นทุก ถ้าเราไม่รู้จักหยุดการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้ไม่รู้จักจบสิ้น แล้วก็ต้องทุกข์เพราะเกิดมาก็ร้องทันทีเห็นด้วยไหม มันไม่มีเด็กคนไหนเกิดมาหัวเราะ เด็กทุกคนเกิดมาร้องไห้ก่อน เพราะประกาศให้โลกนี้รู้ว่าฉันเกิดมาเจอความทุกข์แล้ว การเกิดเป็นทุกข์ การใช้ชีวิตเป็นทุกข์ 

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมไปค้นพบขออนุญาตแบ่งปันธรรมะสักเล็กน้อยได้ไหม เพราะว่าจะมีอยู่วันนึงนะวันพุธผมชอบฟังเรื่องธรรมะ ในการหลุดพ้นจริงๆ คือปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้ายังไง ให้รวย ความสุขยังไงให้เป็นผู้ที่จิตใจเบิกบานตลอดเวลา และให้สามารถบรรลุนิพพานได้

ทุกวันพุธอย่างน้อยผมจะมาแบ่งปันให้ทราบ เพราะวันพุธสำหรับผมคือวันศาสนา จะเอาธรรมะในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าสอนมาแบ่งปันให้ท่านได้เรียนรู้ก่อนนอนทุกคืนวันพุธ ฟังธรรมะนอนหลับฝันดีแล้วก็มีความเจริญเกิดขึ้นในชีวิตมีมงคล 38 ประการเกิดขึ้นในชีวิตเสมอ จากการฟังในสิ่งที่ผมแบ่งปันยินดีก็ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยนะครับ

วิธีคิด วิธีสื่อสาร วิธีการคือ 3 ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในทุกเรื่องของชีวิตจำไว้นะ ถ้าอยากสำเร็จ อยากมั่งคั่งร่ำรวยเรื่องอะไร คิดให้ตกว่า ฉันต้องทำอะไร ทำยังไง ถ้าจะสำเร็จเรื่องนั้น เสร็จแล้วท่านก็ไปเรียนรู้วิธีการว่ามันทำยังไง 

แล้วถ้าจะสื่อสารออกไปให้กับผู้คนได้รู้ ว่าท่านขายอะไร ท่านทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรหรือท่านนั้นทำงานประจำยังไงสื่อสารให้เจ้านายรู้ เขาจะได้ยกระดับ ยกฐานะขึ้นตำแหน่งให้ท่าน สำคัญหมดทุกเรื่อง 

ผมจะเอาหลักการของที่พระพุทธเจ้าสอน หลักการสูงสุดอันดับ 1 ผมเอาคนที่ประเสริฐที่สุดในจักรวาลมาสอน เพราะฉะนั้นวันนี้เราสอน 3 ปรัชญาในการสร้างชาติสร้างชีวิต สร้างทักษะในการพัฒนาชีวิตด้วย 

ก่อนที่เราจะจากกันในวันนี้ ผมจะแบ่งปันถึงคำอธิษฐาน ที่ผมเก็บไว้อธิษฐานกับตัวเองทุกวัน เพราะนี่คือคำอธิษฐานที่เกิดขึ้นเมื่อ 2500 ปีที่แล้ว ในตอนที่พระพุทธองค์ทรงนั่งอยู่ที่แท่นวัชรอาสน์ แล้วก็มีพญามารยกกองทัพมาเพื่อที่จะทำลายการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ทำอะไรมากเลย แค่ขอให้พระแม่ธรณี ช่วยบีบมวยผมเพื่อแสดงถึงน้ำทักษิโณทก หรือน้ำที่กรวดน้ำ ที่ได้ทำบุญมาตลอดสังสารวัฏ 

แม่ธรณีก็เกิดขึ้นมาจากดิน แล้วก็บีบมวยผมเพื่อหลั่งน้ำทักษิโณทกพญามารทั้งหลาย โดนน้ำพัดไปขอบจักรวาลเลย แล้วพระองค์ก็ตรัสคำนี้ครับว่า 

หนังเอ็นกระดูก จักเหลืออยู่, เนื้อและเลือดในสรีระจะเหือดแห้งไปก็ตามที ; ประโยชน์ใด อันบุคคลจะพึงบรรลุได้ด้วยกำลัง ด้วยความเพียร ด้วยความบากบั่น ของบุรุษ, ถ้ายังไม่บรรลุประโยชน์นั้นแล้ว จักหยุดความเพียรเสีย เป็นไม่มี

เสร็จแล้วพระพุทธองค์ก็นั่งสมาธิแล้วก็เริ่มบรรลุญาณต่างๆ เพราะฉะนั้นนี่คือคำอธิษฐานของมหาบุรุษที่ประเสริฐที่สุดในจักรวาล ผมเอามามอบให้กับทุกท่าน ถ้าท่านอยากประสบความสำเร็จในเรื่องใด ให้ท่านปฏิญาณกับตัวเองแบบนี้

ผมแปลให้ฟังง่ายนะ ต่อให้หนังเอ็นกระดูกจะไม่เหลืออยู่แล้วต่อให้เลือดและเนื้อจะแห้งไปทั้งหมดแล้วทั้งตัวก็ตามทีถ้าเรา ไม่บรรลุนั้นในความตั้งใจในสิ่งที่จะทำแล้วด้วยความเพียรความบากบั่นของตัวเราเนี่ยเราจะไม่มีวันหยุดความเพียรนั้นเลย 

จงยอมตายแต่อย่ายอมแพ้แล้วท่านจะประสบความสำเร็จในชีวิตทุกด้านผมการันตี

กมลเวช เมืองศรี

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

วิธีนำเสนอธุรกิจเครือข่ายอย่างมือโปร

วิธีนำเสนอธุรกิจเครือข่ายอย่างมือโปร

ถ้าท่านไม่รู้วิธีการชวนคนทำธุรกิจเครือข่ายที่ได้ผล และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

แชร์

ถ้าท่านไม่รู้วิธีการชวนคนทำธุรกิจเครือข่ายที่ได้ผลมากๆนี้ ท่านอาจจะไม่สามารถพาใครมาดูสินค้าหรือเข้าฟังโอกาสทางธุรกิจได้ แน่นอนว่า “ท่านจะล้มเหลวไม่เป็นท่า”

พื้นฐานในการทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าท่านจะทำแบบออนไลน์ หรือแบบออฟไลน์ เมื่อท่านมีรายชื่อ มีผู้ติดตามมากพอแล้ว ทักษะสำคัญที่สุดคือการเชิญคนให้มาดูสินค้า และฟังโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเป็นเหมือนประตูสู่ความสำเร็จในธุรกิจของท่าน

ในบทความนี้จะพูดถึงเทคนิคการเชิญแบบออฟไลน์โดยการเจอตัวกัน หรือโทรศัพท์คุยกัน

พื้นฐานที่สำคัญ ที่ท่านต้องรู้ก่อนการเชิญชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย

สิ่งแรกที่เป็นพื้นฐาน คือการปรับอารมณ์ของการเชิญ มีกฏพื้นฐาน 4 ข้อ คือ

1. ท่านต้องแยกอารมณ์ออกจากผลลัพท์ 

จำไว้ว่าเป้าหมายของเราคือ การให้ข้อมูล และ ความเข้าใจ กับผู้มุ่งหวังของเรา ไม่ใช่เพื่อให้มาเป็นลูกค้าหรือสมัครเข้าร่วมธุรกิจในครั้งแรก  

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ให้ตัดความอยากขายสินค้าหรือสมัครดาวน์ไลน์ออกไปก่อน

ทำตัวเสมือน ท่านเป็นผู้ให้ความรู้ แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นครับ

ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะเราทุกคนที่เข้ามาในธุรกิจนี้ก็ต้องการความสำเร็จจากการสร้างทีมและขายสินค้ากันทั้งนั้น

แต่ให้จำไว้ว่า เราไม่ใช่นักล่า 

งานของเราคือ ให้การศึกษากับผู้คน และให้พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอ เรามีหน้าที่เป็น ที่ปรึกษา และให้คำแนะนำ เกี่ยวกับวิธีการทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น

ถ้าท่านมุ่งเน้นไปในการหาลูกค้าหรือผู้จำหน่ายรายใหม่ ท่านจะผิดหวังอยู่ตลอดเวลา และผู้มุ่งหวังจะวิ่งหนีไม่มีใครกล้ามายุ่งกับท่าน

ถ้าท่านมุ่งเน้นไปในการช่วยเหลือผู้คน ให้ความรู้และความเข้าใจ ท่านจะรู้สึกสนุกสนานและมีความสุขกับประสบการณ์ในการทำธุรกิจของท่าน

2. เป็นตัวของตัวเอง

หลายคนทำตัวแปลกต่างจากเดิมเมื่อเริ่มเชิญคน มันจะทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด จงเป็นตัวของตัวเอง 

3. มีความกระตือรือร้น

ต้องมีความกระตือรือร้น ใส่ความจริงใจ ท่านอาจจะต้องสร้างอารมณ์ขึ้นมาให้ได้ก่อนการโทรเชิญ หรือ อาจจะเปิดเพลงที่ให้กำลังใจก่อนก็ได้ ทำหน้ายิ้มตลอดเวลา อารมณ์ดีและคิดในเชิงบวกจะทำให้ท่านได้ผลลัพท์ออกมาดี

4. มีท่าทีที่มุ่งมั่น

ท่านต้องมีความมั่นใจ และมุ่งมั่น ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะผู้ถูกเชิญจะมีความรู้สึกได้ว่าท่านเอาจริงกับงานนี้หรือไม่

วิธีการคือไม่จำเป็นต้องออกตัวหรือขอโทษตลอดเวลา ลองดูต้วอย่างนี้:

แทนที่จะพูดว่า “ใช่ ผมรู้ ผมเองก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว และผมหวังว่าธุรกิจนี้จะมาเปลี่ยนชีวิตของเราได้”

ให้พูดแบบนี้แทน “ลองคิดดูนะ ว่าถ้าหากผมป่วย หรือทำงานไม่ได้ขึ้นมา ชีวิตจะเป็นอย่างไร ตอนยังมีแรงและเวลาพอที่ทำงานเพิ่ม เพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผมจริงจังกับมันมาก”

ท่านรู้สึกถึงความแตกต่างมั๊ยครับ?

สูตรสำเร็จ 8 ขั้นตอนในการเชิญชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย

จงเป็นตัวของตัวเอง ที่เป็นความมุ่งมั่น จริงใจ ในตอนเริ่มแรกท่านอาจจะรู้สึกทำได้ไม่มาก และเปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว หากถูกปฏิเสธ

แต่ถ้าท่านฝึกทำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง จะทำให้ท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการเชิญ และสามารถนำไปสอนต่อได้

ต่อจากนี้จะเป็นสูตรในการเชิญ ซึ่งท่านสามารถนำไปใช้ในการเชิญแบบตัวต่อตัว หรือโทรศัพท์ ที่มีการโต้ตอบกันได้ในทันทีแบบเสียง แต่ไม่สามารถใช้ได้กับการสื่อสารทางแชท ส่งข้อความ หรืออีเมล์

สูตรนี้ใช้ได้กับรายชื่อที่ท่านรู้จัก หรือผู้ติดตามที่มีการเชื่อมความสัมพันธ์กันไว้แล้วเป็นอย่างดี

นี่คือสูตร 8 ขั้นตอนในการเชิญคน อาจจะดูแล้วยาก แต่ถ้าได้ลงมือทำจะทำให้ท่านเพิ่มทักษะในการเชิญคนอย่างเป็นมืออาชีพได้

  1. อยู่ในอารมณ์เร่งรีบ

  2. ทักทายแบบชมเชย

  3. สร้างคำเชื้อเชิญ

  4. ใช้คำถาม ถ้าฉันให้… เธอจะดูมั๊ย?

  5. ยืนยันครั้งแรก ตกลงเรื่องเวลา

  6. ยืนยันครั้งที่สอง ยืนยันเรื่องเวลา

  7. ยืนยันครั้งที่สาม นัดหมายการโทรครั้งหน้า

  8. จบการสนทนา

เรามาเจาะลึกในแต่ละข้อกันนะครับ

ขั้นตอนที่ 1 อยู่ในอารมณ์เร่งรีบ

เป็นเหตุผลทางจิตวิทยา ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่กำลังเกิดขึ้นจะดึงดูดผู้คนได้มากกว่า

ถ้าท่านเริ่มต้นการสนทนาด้วยความเร่งรีบ จะพบว่าการสนทนานั้นจะจบลงด้วยการใช้เวลาอันสั้น โดยไม่มีคำถามใดๆ จากผู้สนทนา หรืออาจจะมีแต่น้อยมาก ผู้คนจะไม่รู้สึกต่อต้าน และจะใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ

ตัวอย่างการคุยคนสนิท:

“ฉันมีเวลาไม่มาก แต่มันสำคัญจริงๆ ที่ต้องคุยเรื่องนี้กับเธอ…”

“ฉันกำลังจะออกไปทำธุระข้างนอก แต่มีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเธอก่อน…”

ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:

“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาอธิบาย เพราะฉันต้องรีบไป แต่…”

สร้างเหตุการณ์ที่เร่งรีบ ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง นี่คือตัวอย่าง ท่านสามารถใช้ถ้อยคำของท่านเอง ทำให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังยุ่งและจะใช้เวลาอันสั้น แต่มันมีสิ่งสำคัญที่จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องบอกตอนนี้

ขั้นตอนที่ 2 ทักทายแบบชมเชย

นี่เป็นสิ่งสำคัญ คำชมที่จริงใจ (และจะต้องเป็นความจริงใจจริงๆ) จะเป็นประตูสู่การพูดคุยสื่อสารที่แท้จริงและจะทำให้ผู้มุ่งหวังชื่นชอบ พอใจ จนทำให้มีความอยากรู้ในสิ่งที่ท่านจะพูดออกมาได้ดีกว่า

ตัวอย่างการคุยคนสนิท:

“ท่านประสบความสำเร็จ และผมชึ่นชมแนวทางในการทำธุรกิจของท่าน”

“ท่านคือผู้คอยช่วยเหลือผม และผมทราบซึ้งใจอย่างมาก”

“ท่านมีแนวคิดในการทำธุรกิจอันน่าทึ่ง ท่านมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น”

“เท่าที่รู้จักกับท่านมา ผมเห็นสิ่งที่ท่านทำ ท่านจะทำมันอย่างดีที่สุด”

ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:

“คุณคือผู้ที่ให้บริการได้ดีที่สุด เท่าที่ผมเคยใช้บริการมา”

“คุณเป็นคนเก่งมาก ผมจะขอความรู้เทคนนิคการดำเนินชีวิตจากท่านได้ไหม?”

“ท่านเป็นคนที่มากไปด้วยประสบการณ์”

กุญแจสำคัญในการชมเชยนั้น จะต้องเป็นความจริงใจ ที่ออกมาจากใจจริงๆ ค้นหาสิ่งที่ท่านสามารถนำมาชื่นชมได้จากผู้มุ่งหวังท่าน

นี่เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้การเชิญเป็นไปโดยง่าย และการตอบรับมากขึ้น เมื่อท่านเริ่มต้นด้วยความเร่งรีบ และคำชมเชย มันเป็นการยากมากที่ผู้คนจะต่อต้านท่าน ผู้คนส่วนมากไม่ค่อยได้ยินคำชมเชย มันจะดีมากที่ท่านทำแตกต่างจากผู้อื่น

ขั้นตอนที่ 3 สร้างคำเชื้อเชิญ

นี่คือ 3 สถานะการณ์ ที่เป็นตัวอย่างเมื่อท่านนำไปใช้แล้วท่านจะดูเป็นมืออาชีพ

3.1 การเชิญโดยตรง:

ใช้สำหรับการเชิญให้ผู้มุ่งหวังเข้ามาเรียนรู้โอกาสทางธุรกิจมากขึ้น คนส่วนมากจะใช้การชวนโดยตรงกับผู้มุ่งหวังทุกคน ตัวอย่างเช่น “ผมมีหนทางที่จะทำให้ท่านรวยขึ้น ลองฟังดูสิ บลาๆๆ…”

ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี แต่จะมีใครตื่นเต้นกับท่าน ยกเว้นเขาจะได้รับโทรศัพท์จากมหาเศรษฐี

ไม่ได้หมายความว่าการชวนโดยตรงจะใช้ไม่ได้นะครับ แต่ควรใช้กับผู้ที่ท่านรู้จักเป็นอย่างดี และท่านรู้ว่าเขากำลังมองหาโอกาสที่ดีกว่า

นี่คือตัวอย่างคนสนิทที่รู้จักกันดี:

“ที่คุณเคยบอกผมว่า เบื่องาน เงินไม่พอใช้ อยากซื้อบ้านใหม่ อยากมีรายได้เพิ่ม คุณพูดจริงใช่มั๊ย หรือว่าพูดเล่นๆ (ถ้าเขาบอกว่าพูดจริง) เยี่ยมเลย! ผมคิดว่าพบหนทางแก้ปัญหาให้คุณได้แล้วล่ะ…”

“ผมได้คุยกับนักธุรกิจที่มีแนวทางในการสร้างรายได้ และผมก็เห็นว่ามันเป็นไปได้ ผมเลยนึกถึงคุณ…”

“ผมขอถามคุณว่า ถ้ามีธุรกิจที่คุณสามารถทำแบบพาร์ทไทม์ ทำอยู่ที่บ้านได้ และสามารถสร้างรายได้มากกว่างานประจำ คุณสนใจมั๊ย!”

ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:

“คุณเคยคิดที่จะ สร้างรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่งหรือไม่?”

“คุณกำลังมองหาอาชีพ เพิ่มเติมอยู่หรือไม่?”

“ผมมีบางสิ่งที่คุณน่าจะสนใจ แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่ง เอาไว้ค่อยคุยกัน…”

3.2 การเชิญแบบอ้อม:

เป็นการเชิญที่ทรงพลังมาก เพราะจะเป็นการลดการต่อต้านจากผู้ถูกเชิญ การชวนแบบอ้อมจะเป็นการถามคำถามเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือคำแนะนำ

ตัวอย่างการคุยคนสนิท:

“ผมเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และตอนนี้กำลังต้องการฝึกการนำเสนอ คุณสามารถช่วยผมด้วยการฟังและแนะนำผมว่าต้องปรับปรุงตรงไหน ได้หรือไม่?”

“ผมเจอธุรกิจใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำดีหรือไม่ คุณมีประสบการณ์มากกว่าผม ช่วยดูและวิเคราะห์ให้ได้หรือไม่”

ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:

ถ้าท่านรู้จักคนที่อยู่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และบริษัทก็ดำเนินธุรกิจในพื้นที่นั้นด้วย

“บริษัทของผมกำลังขยายไปยังพื้นที่ของคุณ คุณสามารถเข้าไปดูและพิจารณาว่าธุรกิจนี้เหมาะจะดำเนินธุรกิจที่นั่นหรือไม่?”

เมื่อท่านอยากให้ผู้มุ่งหวังได้ทดลองใช้สินค้า

“ผมเริ่มต้นธุรกิจและมีสินค้าที่จะให้คุณได้ทดลอง คุณสามารถทดลองใช้สินค้าและบอกผมได้ไหมว่า มันดีหรือไม่?”

3.3 การเชิญแบบอ้อมสุดๆ:

วิธีการนี้มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมีการใช้จิตวิทยา ซ้อนเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง โดยวิธีการคือทำเหมือนผู้มุ่งหวังไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่ใช้เป็นสะพานไปหาคนรู้จักของผู้มุ่งหวังคนนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสงสัย และความอยากรู้

ตัวอย่างการคุยคนสนิท:

“ธุรกิจนี้ไม่เหมาะสำหรับคุณ คุณพอจะรู้จักใครบ้างหรือไม่ ที่มีความทะเยอทะยาน อยากร่ำรวย และตื่นเต้นกับการที่จะมีรายได้มากขึ้น”

“คุณรู้จักใครบ้างหรือไม่ ที่กำลังมองหาธุรกิจที่ทำอยู่บ้านได้”

“ผมกำลังทำธุรกิจกับบริษัทที่กำลังขยายมาดำเนินกิจการในพื้นที่ของท่าน และผมกำลังมองหาคนที่สนใจอยากมีรายได้เพิ่ม คุณรู้จักใครบ้างหรือไม่ที่เหมาะสำหรับงานนี้”

เมื่อผู้มุ่งหวังได้รับคำถาม เขาก็จะมีคำถามกลับมาว่า ขอดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนแล้วจึงให้รายชื่อกับท่าน (จริงๆ แล้วพวกเขาอยากรู้ว่า ธุรกิจนั้นเหมาะกับตัวเขาเองด้วยหรือไม่)

เมื่อได้รับคำถาม ท่านก็จะตอบกลับไปว่า

“แน่นอน ท่านจะได้รับข้อมูลมากขึ้น ก่อนที่จะเสนอรายชื่อให้ผม…” 

จากนั้นท่านก็ทำขั้นตอนที่ 4 ต่อไป

ขั้นตอนที่ 4 ใช้คำถาม ถ้าฉันให้… เธอจะดูมั๊ย?

คำถามนี้เปรียนเสมือนอาวุธที่ทรงพลังมาก เป็นการสร้างคำมั่นสัญญา ในการที่จะให้ผู้มุ่งหวังทำสิ่งใด และให้เขาตกลงใจด้วยตัวของเขาเอง

“ถ้าผมให้ หนังสือนี้ คุณจะอ่านหรือไม่ อ่านเฉพาะ 4 บทแรกเท่านั้น”

“ถ้าผมให้ วีดีโอ คุณจะดูหรือไม่ ใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น”

“ถ้าผมให้ ลิงค์เว็บไซต์ ดูการนำเสนอโอกาส คุณจะเข้าไปดูหรือไม่”

“ถ้าผมเชิญให้เข้าร่วม webinar (สัมมนาบนเว็บ) คุณจะเข้าร่วมหรือไม่”

“ถ้าผมเชิญให้เข้าร่วม ประชุมออนไลน์ส่วนตัว คุณจะเข้าร่วมหรือไม่”

ประการแรก มันเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เมื่อท่านพูดว่า ถ้าผมทำอะไรบางอย่าง คุณจะทำอะไรบางอย่างหรือไม่ ท่านกำลังสร้างพันธสัญญาเชิงบวกต่อกัน

ประการที่สอง มันทำให้ท่านอยู่ในสถานะผู้ควบคุมเหตุการณ์ ท่านไม่ได้มาขอร้อง แต่มาเสนอแลกเปลี่ยนสิ่งของ

ประการที่สาม มันหมายความว่าท่านมีสิ่งของที่มีคุณค่ามานำเสนอ เมื่อผู้มุ่งหวังเห็นว่าของมีคุณค่าเขาจะมีความเคารพในตัวท่าน

สิ่งที่นักธุรกิจใหม่ๆ มักจะทำผิดพลาดคือ มักจะพูดว่า

“ฉันอยากให้คุณดูวีดีโอนี้, ฉันอยากให้คุณได้ทดลองสินค้านี้…” 

ลองนึกดูนะครับ ทางจิตวิทยามันไม่ค่อยมีน้ำหนัก และสิ่งที่จะให้นั้นดูไม่มีคุณค่า

เมื่อท่านใช้คำถาม ถ้าฉันให้… เธอจะดูมั๊ย…? ผู้ได้รับคำถามจะ ตอบรับ แทบจะ 100% ยิ่งถ้าท่านทำในสถานการณ์เร่งรีบในตอนต้น

ถ้าท่านได้รับคำตอบว่า “ไม่” ให้ท่านกล่าวขอบคุณที่สละเวลาเล็กน้อยคุยกัน โดยที่ไม่ต้องให้อะไรกับเขาไป ท่านอาจจะต้องกลับไปทบทวนขั้นตอนที่ 1-3 ว่าท่านทำได้ดีแล้วหรือไม่

เมื่อท่านผ่านมายังขั้นตอนที่ 4 แล้ว และมีผู้ที่ตอบรับแล้ว ไม่ได้หมายความว่าท่านประสบความสำเร็จ

จากสถิติผู้ที่ตอบรับนั้น จะมีเพียง 5% ที่จะทำตามที่ตอบรับ ถ้าท่านทำเพียงแค่ 4 ขั้นตอน ท่านยังห่างไกลความสำเร็จ

ท่านจะต้องทำให้ตัวเลขผู้ที่ทำตามคำพูดให้เป็น 80% โดยทำขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 5 ยืนยันครั้งแรก ตกลงเรื่องเวลา

เมื่อท่านได้รับคำตอบรับ สิ่งที่จะทำต่อก็คือตกลงเรื่องเวลา

“คุณคิดว่า จะดูวีดีโอได้เมื่อไรครับ?”

“คุณคิดว่าจะเข้าฟัง webinar/ประชุมออนไลน์ ได้เวลาไหนครับ”

คำถามนี้เพื่อให้พวกเขาได้คิดถึงตารางเวลาของเขา และสถานที่จะนัดเจอกัน และทำให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้นได้จริง

ถ้าผู้มุ่งหวังพยายามพูดว่า

“ฉันจะหาเวลาดู” 

ให้บอกไปว่า

“ผมก็ไม่อยากให้คุณเสียเวลา ดังนั้นเรามากำหนดเวลาที่แน่นอน เพื่อที่จะให้ชัวร์ว่าคุณได้ดูแน่ๆ”

กุญแจสำคัญในขั้นตอนนี้ก็คือ การได้รับการ ตอบรับครั้งที่สอง เรื่องเวลา แต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมอบหนังสือ หรือวีดีโอ หรือลิงก์ ให้ในขั้นตอนนี้ ท่านจะต้องทำขั้นต่อไป

ขั้นตอนที่ 6 ยืนยันครั้งที่สอง ยืนยันเรื่องเวลา

เมื่อท่านได้รับคำตอบว่า

“ฉันจะดูวีดีโอได้ในคืนวันศุกร์”

ท่านจะต้องตอบว่า

“ถ้าผมโทรหาคุณเช้าวันเสาร์ แสดงว่าคุณได้ดูวีดีโอแล้วใช่ไหม?” 

ท่านจะต้องสร้างคำถาม เพื่อความเชื่อมั่น หลังจากที่ตกลงเวลาแล้วไม่เกิน 12-24 ชม.

หลังจากที่ได้รับคำถามพวกเขาจะบอกว่า ใช่ หรือ ไม่ก็ปรับเวลาให้เป็นเวลาที่ใช่จริงๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ท่านจะได้รับคำตอบรับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว

กุญแจสำคัญคือ ท่านไม่ได้เป็นผู้กำหนดเวลา แต่ผู้มุ่งหวังเป็นผู้กำหนดเวลาด้วยตัวเอง

พวกเขาตอบรับว่าจะดูวีดีโอ และกำหนดเวลาว่าจะดูได้ตอนไหน และถ้าท่านโทรไปถามหลังจากนั้น ท่านเป็นผู้ตั้งคำถาม และผู้มุ่งหวังเป็นคนตอบด้วยตัวเอง

ขั้นตอนที่ 7 ยืนยันครั้งที่สาม นัดหมายการโทรครั้งหน้า

ขั้นตอนนี้ง่ายๆ แค่ถามว่า

“คุณจะให้ผมโทรไปหาได้ ตอนไหนครับ?” 

ท่านจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องแน่นอน และตอนนี้ท่านได้รับการนัดหมายที่เป็นจริงแล้ว

สิ่งที่ท่านต้องทำคือ โทรไปตามนัดหมายที่ได้ตกลงไว้

ผู้มุ่งหวังได้ ตอบตกลงมาแล้ว 4 ครั้ง การเชิญทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที เป้าหมายในการให้ข้อมูลความรู้ของท่านประสบความสำเร็จไปแล้ว 80%

ขั้นตอนที่ 8 จบการสนทนา

จำไว้ว่า ท่านอยู่ในเหตุการณ์กำลังรีบ ใช่ไหมครับ หลังจากตกลงเรื่องการนัดหมายได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือพูดว่า

“ขอบคุณครับ แล้วค่อยคุยกันตามเวลาที่นัดหมาย สวัสดีครับ”

หลายคนทำให้การนัดหมายนั้นหมดความสำคัญ ด้วยการคุยต่อ และบางครั้งอดไม่ได้ที่จะเปิดเผยข้อมูลที่จะให้ดู ดังนั้น การนัดหมายที่ทำไว้อาจไม่จำเป็นต่อไป เพราะเขารู้หมดแล้ว

สุดท้ายท่านจะต้องยึดมั่นใน เป้าหมายที่จะให้ข้อมูล ความรู้ และความเข้าใจ กับผู้มุ่งหวังของเราเท่านั้น

ท่านตั้งเป้าหมายที่จะใช้วิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่ายที่สุดยอดนี้วันละกี่คนครับ เขียนความคิดเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลย

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

วิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย ขายตรง MLM ให้ได้ผลและไม่เสียเพื่อน

วิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย ขายตรง MLM ให้ได้ผลและไม่เสียเพื่อน

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

ท่านนักธุรกิจเครือข่ายทั้งหลาย ที่ชวนคนอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคำว่า “ไม่” ดังก้องอยู่ในหู หรือไม่ก็คำว่า “ขอคิดดูก่อน” ท่านแน่ใจหรือว่า เขาจะกลับไปคิดดูจริงๆ

ปัญหาการชวนคนสำหรับนักธุรกิจเครือข่าย

ท่านเกิดความท้อใจมาก ใช่ไหม?

ปัญหาเกี่ยวกับวิธีการตลาดเครือข่ายแบบ “ดั้งเดิม” จำนวนมากคือ:

  • ชวนคนแล้วไม่มา
  • มาแล้วไม่ทำ
  • ทำแล้วไม่ทน
  • ทนได้ไม่นานก็เลิกทำธุรกิจออกไป

ในบางครั้งการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายแบบเดิมๆ จะทำให้รู้สึกเหมือนวิ่งวนอยู่ในอ่าง ธุรกิจไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย

สิ่งที่สอนกันมาส่วนใหญ่ไม่ได้ผล! และเมื่อทำตามสิ่งที่อัพไลน์ล้าสมัยสอน จะเป็นการผลักผู้มุ่งหวังออกไป แทนที่จะได้ผู้คนเข้าร่วมธุรกิจ

วิธีชวนคนแบบใหม่

ลองคิดดูใหม่ ถ้ามันมีวิธีใหม่ ที่ได้ผลลัพท์สวนทางกับวิธีเดิมๆ โชคดีที่เรายังมี สิ่งที่เรียกว่า การตลาดแบบดึงดูด สิ่งนี้จะทำให้:

  • ทุกวัน จะมีผู้คน 5-10 คนติดต่อมาหาเรา เพื่อที่จะถามว่า ต้องทำอย่างไร
  • พวกเขาเหล่านั้นพร้อมแล้ว และเปิดโอกาสตัวเอง ที่จะเข้ามาดูธุรกิจของเรา
  • วิธีการของเรา เริ่มต้นด้วยการสร้างความอยากรู้ และสิ่งที่แก้ปัญหาให้พวกเขา

อยู่ที่การทำให้ตัวเราแตกต่าง ทำให้ผู้คนอยากเข้าหา และยินยอมพร้อมใจ ด้วยตัวของเขาเอง ที่จะเข้ามาดูโอกาส และสมัครเข้าร่วมทำธุรกิจกับเรา

ตอนนี้ ท่านคงสงสัยว่า มันทำได้อย่างไร ใช้เครื่องมืออะไร ต้องจ่ายเงินหรือไม่?

ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เชื่อมต่อผู้คนได้ง่ายกว่าการใช้โทรศัพท์ ก็คือ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เช่น เฟสบุค ท่านอาจจะใช้บัญชีเฟสบุคของท่าน หรือสร้างเพจ หรือสร้างกลุ่มก็ได้ ทั้งหมดสามารถใช้งานได้ฟรี 

แต่บางครั้งการโฆษณาแบบเสียเงินก็อาจจำเป็น ถ้าหากท่านต้องการให้เกิดผลลัพท์อย่างรวดเร็ว

ใช้เฟสบุคเป็นเครื่องมือ

สร้างเนื้อหา บนเฟสบุคเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงเราได้ ท่านอาจจะสร้างเนื้อหาเหล่านี้:

  • โพสข้อความ และรูปภาพ
  • โพสวีดีโอ ถ่ายทอดสด

เนื้อหาที่ท่านจะนำเสนอคือ

“ผู้มุ่งหวังจำเป็นต้องรู้อะไร จึงจะติดตามเรา และเข้ามาค้นหา ข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ”

คำตอบนั้น จะต้องแตกต่างจากสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำ จึงจะทำให้ท่านนั้น “ดูโดดเด่นและเป็นผู้นำ”

นี่คือสิ่งที่ท่านต้องนำเสนอ:

  1. อะไรที่ทำให้พวกเขาล้มเหลว และไปต่อไม่ได้?
  2. ข้อมูลสำคัญที่ใช้แก้ปัญหา ซึ่งพวกเขาไม่มี 
  3. แนวความคิด ที่จะช่วยให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้

ลองค้นหาและเจาะลึกลงไปถึง “ความเจ็บปวด” หรือ “ปัญหา” ที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่

ขั้นตอนต่อไป:

กำหนดให้พวกเขาลงมือทำบางอย่าง เพื่อเรียนรู้ต่อไป เช่น

  • ให้พวกเขาส่งข้อคิดเห็นหรือคำถามลงในช่อง แสดงความคิดเห็น
  • ให้พวกเขาคลิกลิงก์ เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของท่าน
  • หรือ แนะนำให้พวกเขาส่งข้อความถึงท่านในช่อง Messenger ก็ได้

เมื่อท่านทำสิ่งเหล่านี้ไว้แล้ว จะเป็นการเชิญชวนผู้มุ่งหวังของท่านให้ ตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง ซึ่งท่านได้นำทางพวกเขาให้มีความคิดที่ว่า

“ไชโย! ฉันพบหนทางที่จะไม่เจ็บปวด และสามารถแก้ไขปัญหาฉันได้แล้ว!”

และพวกเขาเปิดใจ เปิดโอกาสของเขาเอง ให้เข้ามาหาท่านด้วยความเต็มใจ

สิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ

และนี่คือสิ่งที่ผู้คนทั่วไปทำกัน และเป็นคำถามมากที่สุด

“นำเสนอสินค้า หรือโอกาสทางธุรกิจโดยตรง ได้หรือไม่?”

คำตอบคือ: “ไม่ได้

สิ่งที่ผู้คนทำผิดมากที่สุด ที่นักธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ ที่กำลังตื่นเต้น มักจะทำกัน และคิดว่า “โอ้ว! สินค้า มันเยี่ยมมาก, แผนธุรกิจสุดยอดมาก” อยากจะบอกเล่าสิ่งเหล่านี้ออกไปเร็วๆ…

ความจริงก็คือ ผู้คนไม่ได้สนใจสินค้าของท่าน พวกเขายังไม่ได้รับข้อมูลสินค้าเหมือนกับที่ท่านเพิ่งจะได้รับรู้มา

ดังนั้น นี่คือความลับ

การโพสนำเสนอสินค้า หรือแผนการตลาด ไม่ได้ทำให้ท่านแตกต่างจากคนอื่นๆ

แล้วอะไรล่ะ? ที่จะทำให้ตัวฉัน และธุรกิจที่ฉันทำอยู่ แตกต่างจากคนอื่นๆ

เรามาลองวิเคราะห์กันนะครับว่าจะมีสินค้าหรือบริการอะไรที่จะช่วยให้ผู้คนลดความเจ็บปวดจากที่เป็นอยู่ 

ขอยกตัวอย่าง การลดน้ำหนัก

ผู้คนไม่ได้สนใจเรียนรู้วิธีลดน้ำหนัก เพราะพวกเขารู้วิธีอยู่แล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้

ดังนั้น สิ่งที่ท่านต้องทำคือ

  1. อะไรที่ทำให้พวกเขารู้ว่าสินค้าของท่านแตกต่างที่ไม่เคยเห็นจากที่อื่น และแก้ปัญหาได้อย่างไร
  2. จะทำอย่างไรให้ท่านดูโดดเด่นกว่าคนอื่นที่ขายสินค้าชนิดเดียวกัน

เมื่อท่านทำตามขั้นตอนจนกระทั่งมีคนมาพูดกับท่านว่า “ฉันอยากรู้เกี่ยวกับสินค้าของท่าน” นั่นแหละครับ ถึงเวลาที่ท่านจะอธิบายถึงสินค้าและแผนการตลาดของท่านแล้ว

ให้ผู้คนตอบรับท่าน ด้วยคำพูดว่า “ใช่ ฉันอยากรู้” เป็นขั้นตอนสำคัญที่ท่านต้องทำให้ได้

ท่านจะต้องโพสหรือทำวีดีโอ แสดงถึงปัญหาที่พวกเขาเป็นอยู่ บอกให้พวกเขารู้ว่าท่านทราบถึงปัญหาเหล่านั้นดี และมีวิธีแก้ปัญหา โดยยังไม่ได้บอกในตอนนี้

ท่านจะต้องให้พวกเขาทำบางอย่าง เพื่อแลกกับวิธีแก้ปัญหา

ท่านจะต้องสร้างความอยากรู้ อยากเห็น เพื่อให้พวกเขาเรียนรู้เพิ่มเติม

และวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความอยากรู้ อยากเห็น ก็คือการเล่าเรื่อง

การเล่าเรื่องราวของท่าน

ท่านอาจจะเคยได้ยินข้อความที่ว่า “facts tell, stories sell” ซึ่งผู้คนในธุรกิจเครือข่ายมักได้ยินอยู่ตลอดเวลา แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจอย่างแท้จริง

เรื่องราวที่น่าสนใจทำให้ผู้คนอยากได้สิ่งที่ท่านทำ

ความจริงอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเล่าเรื่องบริษัทของท่าน ไม่ได้ช่วยให้ท่านมีความแตกต่างจากคนอื่น

ดังนั้นแทนที่ท่านจะเอาแต่บอกเล่าเรื่องเกี่ยวกับบริษัท หรือสินค้าในธุรกิจของท่าน ท่านจะต้องเล่าเรื่องของตัวท่านเองว่าแตกต่างจากคนอื่นๆ อย่างไร

ตั้งเป้าไปยังตัวท่าน ทำให้แตกต่างจากคนอื่น ที่ผู้คนต้องการถามหา

มันไม่จำเป็นต้องเอาบริษัทที่ท่านทำอยู่มานำเสนอ

ไม่จำเป็นต้องเอาสินค้าที่ท่านขายอยู่มานำเสนอ

ให้ท่านสร้างเรื่องราวเพื่อสร้างความผูกพัน และพัฒนาความสัมพันธ์กับผู้มุ่งหวังของท่าน แล้วนำไปโพส เล่าผ่านวีดีโอ หรือไลฟ์สด ทำให้ผู้มุ่งหวังพูดว่า

“ฉันชอบ คนนี้จัง ฉันอยากจะทำงานกับคนแบบนี้”

ความผูกพันที่ท่านสร้างกับผู้คน จะทำให้ท่านไปได้ไกลกว่าการสร้างความผูกพันให้กับสินค้า

เรื่องราวที่จะเล่า จะต้องเป็นเรื่องจริง มีวิธีการเล่าเรื่องที่เรียกว่า “Killer share” คือการเล่าเรื่องในอดีตของท่านว่าเป็นมาอย่างไร และท่านมาเจอกับสิ่งที่ทำให้ท่านเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และท่านจะทำเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นได้อย่างไร

ยิ่งท่านเล่าความจริงของท่านออกมามากเท่าไร ท่านเสนอตัวที่จะให้บริการและแก้ไขปัญหาให้ได้มากเท่าไร ก็จะมีผู้คนมากมายเข้ามาหาท่านมากเท่านั้น

สิ่งที่ท่านได้เรียนรู้วันนี้เรียกว่า “การตลาดแบบดึงดูด” ซึ่งท่านสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้จากคอร์สที่ชื่อว่า “MLM Attraction Blueprint 2.0”  ท่านจะได้เรียนรู้พื้นฐานในการที่จะทำให้ท่านเป็นผู้มีแรงดึงดูด อย่างถูกต้อง

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”

4 ขั้นตอน วิธีสร้างรายชื่อในธุรกิจเครือข่าย – mlm ให้ประสบความสำเร็จ

4 ขั้นตอน วิธีสร้างรายชื่อในธุรกิจเครือข่าย – mlm ให้ประสบความสำเร็จ

ถ้าท่านไม่ต้องการเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธและล้มเหลวในการสร้างผลลัพธ์ให้กับธุรกิจเครือข่ายของท่านอีกต่อไป และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่

เมื่อเริ่มธุรกิจเครือข่าย MLM ใหม่ๆ ท่านมีความคิดแบบนี้หรือไม่?“ฉันไม่ค่อยรู้จักใคร คงทำไม่ได้หรอก” 

แนวคิดการสร้างรายชื่อที่ถูกต้องสำหรับนักธุรกิจเครือข่ายใหม่

เมื่อเริ่มธุรกิจเครือข่ายใหม่ๆ ท่านมีความคิดแบบนี้หรือไม่?

“ฉันไม่ค่อยรู้จักใคร คงทำไม่ได้หรอก” 

มันเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะถึงแม้ท่านจะรู้จักคนมาก ก็ไม่ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ และถึงแม้ท่านจะไม่รู้จักใคร แต่ถ้าท่านเรียนรู้ และลงมือทำอย่างถูกต้อง ท่านก็จะประสบความสำเร็จ

ดังนั้น มันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้ ท่านจะมีคนรู้จักมากหรือน้อย มันขึ้นอยู่กับความตั้งใจในการทำให้เกิดความสำเร็จกับตัวท่านต่างหาก

คนที่ล้มเหลวมักจะเริ่มต้นชวนคน เพียงแค่ 3, 4 หรือ 5 คน แล้วก็หวังว่าคนที่ชวนนั้นจะเข้าร่วมทำธุรกิจ และประสบความสำเร็จจะมีธุรกิจใหญ่โต มันเป็นการฝากความหวังไว้กับคนเพียงไม่กี่คน ถ้าท่านโชคดี เจอคนที่ใช่ มันเป็นความโชคดีของท่าน 

แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องในการสอน หรือเป็นตัวอย่างให้คนในองค์กรของท่าน แต่อย่างไรก็ตาม ท่านจะแปลกใจว่า มีคนมากกว่า 80% ที่เข้าร่วมธุรกิจเครือข่าย มักจะทำแบบนั้น และไม่พยายามเรียนรู้ และไม่พัฒนาทักษะให้เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น! งานแรกของท่าน คือ ทำให้แน่ใจว่า ท่านไม่ใช่คนแบบนั้น และช่วยทีมของท่าน ไม่ให้เป็นแบบนั้นด้วย

การมีรายชื่อ ไม่ได้ช่วยสร้างความมั่งคั่ง แค่เฉพาะธุรกิจเครือข่าย

ผมไม่เคยคิดเลยว่า ทักษะการค้นหารายชื่อ หรือผู้มุ่งหวังที่ใช่นั้น จะทำให้ชีวิตมีความมั่งคั่ง จนกระทั่งได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องราวเหล่านี้ในธุรกิจเครือข่าย และแน่นอนมันไม่ใช่เฉพาะแค่ธุรกิจเครือข่ายเท่านั้น ความรู้นี้ยังสามารถนำไปใช้ได้ในทุกธุรกิจอีกด้วย

ผู้ประสบความสำเร็จที่มีองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ จะพัฒนาทักษะในการค้นหาผู้คนใหม่ๆ และสอนบทเรียนนี้ให้เป็นหนึ่งในทักษะหลักที่จำเป็น และนี่คือสิ่งสำคัญ

  • ความสำเร็จมันไม่ใช่เรื่องของความโชคดี
  • อย่าคิดมากหรือยึดติดกับผู้คนที่ยังไม่สนใจ
  • มีความคิดที่เหลือเฟือ คือยังมีคนอีกมากมายให้เราได้ค้นหา
  • จงยืนหยัด และอย่าหยุดเพิ่มรายชื่อ
  • มีปฏิสัมพันธ์กับรายชื่อหรือพูดคุยส่งข่าวสารให้อยู่เสมอ

ถ้าท่านต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญในทักษะนี้ ทำตาม 4 ขั้นตอนที่จะพูดถึงต่อไปนี้ได้เลย

ขั้นตอนที่ 1 รายชื่อผู้คนรอบตัวท่าน

เขียนรายชื่อออกมาให้ได้มากที่สุด ทุกคนที่ท่านจำได้ ขอย้ำว่า ทุกคน อย่าเพิ่งตัดสินใจว่ารายชื่อนั้นจะเข้าร่วมทำธุรกิจกับเราหรือไม่ รายชื่อเหล่านี้จะเป็นเหมือนทรัพย์สินสำคัญสำหรับท่าน เพราะถ้าท่านไม่เขียนรายชื่อใครบางคนลงไป เขาคนนั้นในขณะเดียวกันก็จะเป็นทรัพย์สินของคนอื่นด้วยเขียนรายชื่อทุกคน หมายความว่า ถ้าท่านรู้จักคนที่คิดลบ ให้เขียนรายชื่อลงไปด้วย ถ้าท่านรู้จักคนที่ท่านไม่ชอบ ก็เขียนรายชื่อลงไปด้วย ถ้าท่านรู้จักเพื่อนรักกันมาก เขียนรายชื่อลงไปด้วย ถ้ามีเพื่อนที่ชอบพูดว่า “ฉันไม่ชอบทำเครือข่าย” ให้เขียนรายชื่อนั้นลงไปด้วย ถ้าท่านรู้จักคนที่มีอายุมากก็เขียนรายชื่อนั้นลงไปด้วย…มันสำคัญมาก เพราะคนที่ท่านรู้จักเหล่านั้น เมื่อท่านเขียนรายชื่อลงไป 1 รายชื่อ ก็จะมีเครือข่ายคนรอบข้างอีกมากมาย มันจะทำให้ท่านมีรายชื่อมากกว่าร้อยรายชื่อ หรืออาจจะมากถึงพันรายชื่อเลยก็เป็นได้ 

ขั้นตอนที่ 2 รายชื่อรอบตัวของคนในรายชื่อของท่าน

ตรวจสอบทุกรายชื่อของท่าน และเขียนรายชื่อของคนที่อยู่รอบตัวของเขา ที่ท่านเองก็รู้จักด้วย ตัวอย่างเช่น เพื่อนของท่าน ถ้าท่านรู้จักคนในครอบครัวของเพื่อน ท่านก็เขียนรายชื่อพวกเขาเหล่านั้นลงไป ถ้าท่านรู้จักเพื่อนของเพื่อน ก็เขียนรายชื่อลงไป ท่านยังไม่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรกับรายชื่อเหล่านี้ ยังไม่ต้องคิดว่าจะชวนเข้าร่วมธุรกิจด้วยหรือไม่ มันเป็นเพียงแค่การสร้างรายชื่อ

ขั้นตอนที่ 3 เพิ่มรายชื่ออย่างต่อเนื่อง

นี่เป็นขั้นตอนของผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน จงเพิ่มรายชื่อเข้าไปในรายการของท่านอย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดเด็ดขาด ตัวอย่างเช่น วางเป้าหมายในการเพิ่มรายชื่ออย่างน้อย 2 รายชื่อต่อวัน อย่างต่อเนื่อง และทำการเชื่อมความสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ 

ในปัจจุบันมันง่ายมากที่จะเพิ่มรายชื่อ เพราะโลกอินเตอร์เน็ต และโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ จะทำให้ท่านสามารถเพิ่มรายชื่อได้ มากกว่า 2 รายชื่อต่อวันอย่างแน่นอน

และเมื่อท่านประสบความสำเร็จ แล้วย้อนกลับมาดู จะเห็นว่าคนที่อยู่ในทีมของท่าน ล้วนเป็นคนแปลกหน้าที่ท่านไม่เคยรู้จักมาก่อนหน้านี้ทั้งสิ้น

ผู้ที่เป็นมืออาชึพนั้น จะพัฒนาทักษะในการเพิ่มรายชื่อใหม่ๆ พวกเขารู้ว่า ในทุกๆ วัน จะต้องพบเจอผู้คนใหม่ๆ อยู่เสมอ ในขณะที่มือสมัครเล่นจะคิดว่า “วันนี้ไม่ได้เจอใครเลย อยู่เฉยๆ ดีกว่า”

ลองมาคิดดูว่า การเพิ่มรายชื่อ 2 คนต่อวันนั้น จะได้ผลลัพท์มากแค่ไหน ถ้าท่านทำงานนี้ 6 วันต่อสัปดาห์ เมื่อครบ 1 ปี ท่านจะมีรายชื่อมากว่า 600 รายชื่อ ทำต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี จะมีรายชื่อมากกว่า 3,000 รายชื่อ เห็นไหมครับว่ามืออาชีพไม่จำเป็นต้องออกไปวิ่งไล่ล่าผู้คนให้เหนื่อยเลย

ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะต้องออกไปชวนผู้คนทั้งหมด 3,000 รายชื่อนะครับ นักธุรกิจเครือข่ายหลายคนเข้าใจผิด ท่านทำเพียงแค่ เพิ่มรายชื่อเข้าไปในรายการ สร้างความสัมพันธ์ อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเพื่อน และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมท่านสามารถอธิบายสิ่งที่ท่านนำเสนอเพื่อช่วยผู้คนเหล่านั้นได้ 

ขั้นตอนที่ 4 สร้างตัวตนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ

เป็นการยากมาก ถ้าท่านเอาแต่หลบอยู่ในห้อง โดยไม่แสดงตัวตนให้โลกได้รับรู้ จงออกไปข้างนอก อย่างสนุกสนาน ไปออกกำลังกายที่ยิม หาความสนุกด้วยงานอดิเรกกับผู้คนอื่นๆ เสนอตัวเองเป็นอาสาสมัครงานช่วยเหลือชุมชนที่ท่านชอบ ค้นหาสถานที่ หรือ องค์กรต่างๆ ที่ท่านจะสามารถพบผู้คนใหม่ๆ นอกจากจะได้ประโยชน์กับธุรกิจของท่านแล้ว ท่านจะได้เพื่อนใหม่ๆ เพิ่มอีกมากมายการสร้างตัวตนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ท่านสามารถอ่านได้จากบทความก่อนหน้านี้ ที่เขียนไว้แล้ว เช่น “6 หลักพื้นฐานในการสร้างธุรกิจด้วยการตลาดออนไลน์” และ “6 เสาหลักในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ”

ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้วว่า จะชวนคนทั้งหมดที่อยู่ในรายชื่อหรือไม่ แต่ผมรับประกันเลยว่า ในระหว่างที่ท่านเริ่มลงมือชวนเพื่อนๆ ในรายชื่อ ท่านจะมีความมั่งคั่งเกิดขึ้นก่อนที่จะชวนหมดทุกคนแน่นอน

ท่านตั้งเป้าหมายมีรายชื่อเพิ่มวันละกี่รายชื่อ เขียนความคิดเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ

แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!

เชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขรเชษฐวิทย์ สิงขร

เชษฐวิทย์ สิงขรCo-FounderMLMOnlineSchool.com

MLM Attraction Blueprint 2.0

“ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่าในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่านวิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป”

“นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป …และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า…”