8 ขั้นตอนวิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย MLM ที่ได้ผล
ถ้าท่านไม่รู้วิธีการชวนคนทำธุรกิจเครือข่ายที่ได้ผล และต้องการรู้วิธีดึงดูดผู้คนให้เข้ามาขอสมัครทำธุรกิจกับท่านเอง คลิกที่นี่
ถ้าท่านไม่รู้วิธีการชวนคนทำธุรกิจเครือข่ายที่ได้ผลมากๆนี้ ท่านอาจจะไม่สามารถพาใครมาดูสินค้าหรือเข้าฟังโอกาสทางธุรกิจได้ แน่นอนว่า "ท่านจะล้มเหลวไม่เป็นท่า"
More...
พื้นฐานในการทำธุรกิจเครือข่าย ไม่ว่าท่านจะทำแบบออนไลน์ หรือแบบออฟไลน์ เมื่อท่านมีรายชื่อ มีผู้ติดตามมากพอแล้ว ทักษะสำคัญที่สุดคือการเชิญคนให้มาดูสินค้า และฟังโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเป็นเหมือนประตูสู่ความสำเร็จในธุรกิจของท่าน
ในบทความนี้จะพูดถึงเทคนิคการเชิญแบบออฟไลน์โดยการเจอตัวกัน หรือโทรศัพท์คุยกัน
พื้นฐานที่สำคัญ ที่ท่านต้องรู้ก่อนการเชิญชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย
สิ่งแรกที่เป็นพื้นฐาน คือการปรับอารมณ์ของการเชิญ มีกฏพื้นฐาน 4 ข้อ คือ
1. ท่านต้องแยกอารมณ์ออกจากผลลัพท์
จำไว้ว่าเป้าหมายของเราคือ การให้ข้อมูล และ ความเข้าใจ กับผู้มุ่งหวังของเรา ไม่ใช่เพื่อให้มาเป็นลูกค้าหรือสมัครเข้าร่วมธุรกิจในครั้งแรก
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ให้ตัดความอยากขายสินค้าหรือสมัครดาวน์ไลน์ออกไปก่อน
ทำตัวเสมือน ท่านเป็นผู้ให้ความรู้ แล้วทุกอย่างจะง่ายขึ้นครับ
ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ทำได้ยาก เพราะเราทุกคนที่เข้ามาในธุรกิจนี้ก็ต้องการความสำเร็จจากการสร้างทีมและขายสินค้ากันทั้งนั้น
แต่ให้จำไว้ว่า เราไม่ใช่นักล่า
งานของเราคือ ให้การศึกษากับผู้คน และให้พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอ เรามีหน้าที่เป็น ที่ปรึกษา และให้คำแนะนำ เกี่ยวกับวิธีการทำให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น
ถ้าท่านมุ่งเน้นไปในการหาลูกค้าหรือผู้จำหน่ายรายใหม่ ท่านจะผิดหวังอยู่ตลอดเวลา และผู้มุ่งหวังจะวิ่งหนีไม่มีใครกล้ามายุ่งกับท่าน
ถ้าท่านมุ่งเน้นไปในการช่วยเหลือผู้คน ให้ความรู้และความเข้าใจ ท่านจะรู้สึกสนุกสนานและมีความสุขกับประสบการณ์ในการทำธุรกิจของท่าน
2. เป็นตัวของตัวเอง
หลายคนทำตัวแปลกต่างจากเดิมเมื่อเริ่มเชิญคน มันจะทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด จงเป็นตัวของตัวเอง
3. มีความกระตือรือร้น
ต้องมีความกระตือรือร้น ใส่ความจริงใจ ท่านอาจจะต้องสร้างอารมณ์ขึ้นมาให้ได้ก่อนการโทรเชิญ หรือ อาจจะเปิดเพลงที่ให้กำลังใจก่อนก็ได้ ทำหน้ายิ้มตลอดเวลา อารมณ์ดีและคิดในเชิงบวกจะทำให้ท่านได้ผลลัพท์ออกมาดี
4. มีท่าทีที่มุ่งมั่น
ท่านต้องมีความมั่นใจ และมุ่งมั่น ซึ่งมีความสำคัญมาก เพราะผู้ถูกเชิญจะมีความรู้สึกได้ว่าท่านเอาจริงกับงานนี้หรือไม่
วิธีการคือไม่จำเป็นต้องออกตัวหรือขอโทษตลอดเวลา ลองดูต้วอย่างนี้:
แทนที่จะพูดว่า “ใช่ ผมรู้ ผมเองก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว และผมหวังว่าธุรกิจนี้จะมาเปลี่ยนชีวิตของเราได้”
ให้พูดแบบนี้แทน “ลองคิดดูนะ ว่าถ้าหากผมป่วย หรือทำงานไม่ได้ขึ้นมา ชีวิตจะเป็นอย่างไร ตอนยังมีแรงและเวลาพอที่ทำงานเพิ่ม เพื่อรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งผมจริงจังกับมันมาก”
ท่านรู้สึกถึงความแตกต่างมั๊ยครับ?
สูตรสำเร็จ 8 ขั้นตอนในการเชิญชวนคนทำธุรกิจเครือข่าย
จงเป็นตัวของตัวเอง ที่เป็นความมุ่งมั่น จริงใจ ในตอนเริ่มแรกท่านอาจจะรู้สึกทำได้ไม่มาก และเปลี่ยนอารมณ์ไปอย่างรวดเร็ว หากถูกปฏิเสธ
แต่ถ้าท่านฝึกทำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง จะทำให้ท่านเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการเชิญ และสามารถนำไปสอนต่อได้
ต่อจากนี้จะเป็นสูตรในการเชิญ ซึ่งท่านสามารถนำไปใช้ในการเชิญแบบตัวต่อตัว หรือโทรศัพท์ ที่มีการโต้ตอบกันได้ในทันทีแบบเสียง แต่ไม่สามารถใช้ได้กับการสื่อสารทางแชท ส่งข้อความ หรืออีเมล์
สูตรนี้ใช้ได้กับรายชื่อที่ท่านรู้จัก หรือผู้ติดตามที่มีการเชื่อมความสัมพันธ์กันไว้แล้วเป็นอย่างดี
นี่คือสูตร 8 ขั้นตอนในการเชิญคน อาจจะดูแล้วยาก แต่ถ้าได้ลงมือทำจะทำให้ท่านเพิ่มทักษะในการเชิญคนอย่างเป็นมืออาชีพได้
อยู่ในอารมณ์เร่งรีบ
ทักทายแบบชมเชย
สร้างคำเชื้อเชิญ
ใช้คำถาม ถ้าฉันให้... เธอจะดูมั๊ย?
ยืนยันครั้งแรก ตกลงเรื่องเวลา
ยืนยันครั้งที่สอง ยืนยันเรื่องเวลา
ยืนยันครั้งที่สาม นัดหมายการโทรครั้งหน้า
จบการสนทนา
เรามาเจาะลึกในแต่ละข้อกันนะครับ
ขั้นตอนที่ 1 อยู่ในอารมณ์เร่งรีบ
เป็นเหตุผลทางจิตวิทยา ถ้ามีเหตุการณ์ใดที่กำลังเกิดขึ้นจะดึงดูดผู้คนได้มากกว่า
ถ้าท่านเริ่มต้นการสนทนาด้วยความเร่งรีบ จะพบว่าการสนทนานั้นจะจบลงด้วยการใช้เวลาอันสั้น โดยไม่มีคำถามใดๆ จากผู้สนทนา หรืออาจจะมีแต่น้อยมาก ผู้คนจะไม่รู้สึกต่อต้าน และจะใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ
ตัวอย่างการคุยคนสนิท:
“ฉันมีเวลาไม่มาก แต่มันสำคัญจริงๆ ที่ต้องคุยเรื่องนี้กับเธอ...”
“ฉันกำลังจะออกไปทำธุระข้างนอก แต่มีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเธอก่อน...”
ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:
“ตอนนี้ยังไม่มีเวลาอธิบาย เพราะฉันต้องรีบไป แต่…”
สร้างเหตุการณ์ที่เร่งรีบ ทั้งน้ำเสียงและท่าทาง นี่คือตัวอย่าง ท่านสามารถใช้ถ้อยคำของท่านเอง ทำให้ผู้คนรู้ว่าท่านกำลังยุ่งและจะใช้เวลาอันสั้น แต่มันมีสิ่งสำคัญที่จำเป็นจริงๆ ที่จะต้องบอกตอนนี้
ขั้นตอนที่ 2 ทักทายแบบชมเชย
นี่เป็นสิ่งสำคัญ คำชมที่จริงใจ (และจะต้องเป็นความจริงใจจริงๆ) จะเป็นประตูสู่การพูดคุยสื่อสารที่แท้จริงและจะทำให้ผู้มุ่งหวังชื่นชอบ พอใจ จนทำให้มีความอยากรู้ในสิ่งที่ท่านจะพูดออกมาได้ดีกว่า
ตัวอย่างการคุยคนสนิท:
“ท่านประสบความสำเร็จ และผมชึ่นชมแนวทางในการทำธุรกิจของท่าน”
“ท่านคือผู้คอยช่วยเหลือผม และผมทราบซึ้งใจอย่างมาก”
“ท่านมีแนวคิดในการทำธุรกิจอันน่าทึ่ง ท่านมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น”
“เท่าที่รู้จักกับท่านมา ผมเห็นสิ่งที่ท่านทำ ท่านจะทำมันอย่างดีที่สุด”
ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:
“คุณคือผู้ที่ให้บริการได้ดีที่สุด เท่าที่ผมเคยใช้บริการมา”
“คุณเป็นคนเก่งมาก ผมจะขอความรู้เทคนนิคการดำเนินชีวิตจากท่านได้ไหม?”
“ท่านเป็นคนที่มากไปด้วยประสบการณ์”
กุญแจสำคัญในการชมเชยนั้น จะต้องเป็นความจริงใจ ที่ออกมาจากใจจริงๆ ค้นหาสิ่งที่ท่านสามารถนำมาชื่นชมได้จากผู้มุ่งหวังท่าน
นี่เป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้การเชิญเป็นไปโดยง่าย และการตอบรับมากขึ้น เมื่อท่านเริ่มต้นด้วยความเร่งรีบ และคำชมเชย มันเป็นการยากมากที่ผู้คนจะต่อต้านท่าน ผู้คนส่วนมากไม่ค่อยได้ยินคำชมเชย มันจะดีมากที่ท่านทำแตกต่างจากผู้อื่น
ขั้นตอนที่ 3 สร้างคำเชื้อเชิญ
นี่คือ 3 สถานะการณ์ ที่เป็นตัวอย่างเมื่อท่านนำไปใช้แล้วท่านจะดูเป็นมืออาชีพ
3.1 การเชิญโดยตรง:
ใช้สำหรับการเชิญให้ผู้มุ่งหวังเข้ามาเรียนรู้โอกาสทางธุรกิจมากขึ้น คนส่วนมากจะใช้การชวนโดยตรงกับผู้มุ่งหวังทุกคน ตัวอย่างเช่น “ผมมีหนทางที่จะทำให้ท่านรวยขึ้น ลองฟังดูสิ บลาๆๆ…”
ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นดี แต่จะมีใครตื่นเต้นกับท่าน ยกเว้นเขาจะได้รับโทรศัพท์จากมหาเศรษฐี
ไม่ได้หมายความว่าการชวนโดยตรงจะใช้ไม่ได้นะครับ แต่ควรใช้กับผู้ที่ท่านรู้จักเป็นอย่างดี และท่านรู้ว่าเขากำลังมองหาโอกาสที่ดีกว่า
นี่คือตัวอย่างคนสนิทที่รู้จักกันดี:
“ที่คุณเคยบอกผมว่า เบื่องาน เงินไม่พอใช้ อยากซื้อบ้านใหม่ อยากมีรายได้เพิ่ม คุณพูดจริงใช่มั๊ย หรือว่าพูดเล่นๆ (ถ้าเขาบอกว่าพูดจริง) เยี่ยมเลย! ผมคิดว่าพบหนทางแก้ปัญหาให้คุณได้แล้วล่ะ…”
“ผมได้คุยกับนักธุรกิจที่มีแนวทางในการสร้างรายได้ และผมก็เห็นว่ามันเป็นไปได้ ผมเลยนึกถึงคุณ…”
“ผมขอถามคุณว่า ถ้ามีธุรกิจที่คุณสามารถทำแบบพาร์ทไทม์ ทำอยู่ที่บ้านได้ และสามารถสร้างรายได้มากกว่างานประจำ คุณสนใจมั๊ย!”
ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:
“คุณเคยคิดที่จะ สร้างรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่งหรือไม่?”
“คุณกำลังมองหาอาชีพ เพิ่มเติมอยู่หรือไม่?”
“ผมมีบางสิ่งที่คุณน่าจะสนใจ แต่ตอนนี้ผมกำลังยุ่ง เอาไว้ค่อยคุยกัน…”
3.2 การเชิญแบบอ้อม:
เป็นการเชิญที่ทรงพลังมาก เพราะจะเป็นการลดการต่อต้านจากผู้ถูกเชิญ การชวนแบบอ้อมจะเป็นการถามคำถามเพื่อขอความช่วยเหลือ หรือคำแนะนำ
ตัวอย่างการคุยคนสนิท:
“ผมเพิ่งจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ และตอนนี้กำลังต้องการฝึกการนำเสนอ คุณสามารถช่วยผมด้วยการฟังและแนะนำผมว่าต้องปรับปรุงตรงไหน ได้หรือไม่?”
“ผมเจอธุรกิจใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะทำดีหรือไม่ คุณมีประสบการณ์มากกว่าผม ช่วยดูและวิเคราะห์ให้ได้หรือไม่”
ตัวอย่างการคุยกับคนรู้จัก:
ถ้าท่านรู้จักคนที่อยู่ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ และบริษัทก็ดำเนินธุรกิจในพื้นที่นั้นด้วย
“บริษัทของผมกำลังขยายไปยังพื้นที่ของคุณ คุณสามารถเข้าไปดูและพิจารณาว่าธุรกิจนี้เหมาะจะดำเนินธุรกิจที่นั่นหรือไม่?”
เมื่อท่านอยากให้ผู้มุ่งหวังได้ทดลองใช้สินค้า
“ผมเริ่มต้นธุรกิจและมีสินค้าที่จะให้คุณได้ทดลอง คุณสามารถทดลองใช้สินค้าและบอกผมได้ไหมว่า มันดีหรือไม่?”
3.3 การเชิญแบบอ้อมสุดๆ:
วิธีการนี้มีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมีการใช้จิตวิทยา ซ้อนเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง โดยวิธีการคือทำเหมือนผู้มุ่งหวังไม่ใช่เป้าหมายของเรา แต่ใช้เป็นสะพานไปหาคนรู้จักของผู้มุ่งหวังคนนั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสงสัย และความอยากรู้
ตัวอย่างการคุยคนสนิท:
“ธุรกิจนี้ไม่เหมาะสำหรับคุณ คุณพอจะรู้จักใครบ้างหรือไม่ ที่มีความทะเยอทะยาน อยากร่ำรวย และตื่นเต้นกับการที่จะมีรายได้มากขึ้น”
“คุณรู้จักใครบ้างหรือไม่ ที่กำลังมองหาธุรกิจที่ทำอยู่บ้านได้”
“ผมกำลังทำธุรกิจกับบริษัทที่กำลังขยายมาดำเนินกิจการในพื้นที่ของท่าน และผมกำลังมองหาคนที่สนใจอยากมีรายได้เพิ่ม คุณรู้จักใครบ้างหรือไม่ที่เหมาะสำหรับงานนี้”
เมื่อผู้มุ่งหวังได้รับคำถาม เขาก็จะมีคำถามกลับมาว่า ขอดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนแล้วจึงให้รายชื่อกับท่าน (จริงๆ แล้วพวกเขาอยากรู้ว่า ธุรกิจนั้นเหมาะกับตัวเขาเองด้วยหรือไม่)
เมื่อได้รับคำถาม ท่านก็จะตอบกลับไปว่า
“แน่นอน ท่านจะได้รับข้อมูลมากขึ้น ก่อนที่จะเสนอรายชื่อให้ผม…”
จากนั้นท่านก็ทำขั้นตอนที่ 4 ต่อไป
ขั้นตอนที่ 4 ใช้คำถาม ถ้าฉันให้... เธอจะดูมั๊ย?
คำถามนี้เปรียนเสมือนอาวุธที่ทรงพลังมาก เป็นการสร้างคำมั่นสัญญา ในการที่จะให้ผู้มุ่งหวังทำสิ่งใด และให้เขาตกลงใจด้วยตัวของเขาเอง
“ถ้าผมให้ หนังสือนี้ คุณจะอ่านหรือไม่ อ่านเฉพาะ 4 บทแรกเท่านั้น”
“ถ้าผมให้ วีดีโอ คุณจะดูหรือไม่ ใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น”
“ถ้าผมให้ ลิงค์เว็บไซต์ ดูการนำเสนอโอกาส คุณจะเข้าไปดูหรือไม่”
“ถ้าผมเชิญให้เข้าร่วม webinar (สัมมนาบนเว็บ) คุณจะเข้าร่วมหรือไม่”
“ถ้าผมเชิญให้เข้าร่วม ประชุมออนไลน์ส่วนตัว คุณจะเข้าร่วมหรือไม่”
ประการแรก มันเป็นการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เมื่อท่านพูดว่า ถ้าผมทำอะไรบางอย่าง คุณจะทำอะไรบางอย่างหรือไม่ ท่านกำลังสร้างพันธสัญญาเชิงบวกต่อกัน
ประการที่สอง มันทำให้ท่านอยู่ในสถานะผู้ควบคุมเหตุการณ์ ท่านไม่ได้มาขอร้อง แต่มาเสนอแลกเปลี่ยนสิ่งของ
ประการที่สาม มันหมายความว่าท่านมีสิ่งของที่มีคุณค่ามานำเสนอ เมื่อผู้มุ่งหวังเห็นว่าของมีคุณค่าเขาจะมีความเคารพในตัวท่าน
สิ่งที่นักธุรกิจใหม่ๆ มักจะทำผิดพลาดคือ มักจะพูดว่า
“ฉันอยากให้คุณดูวีดีโอนี้, ฉันอยากให้คุณได้ทดลองสินค้านี้…”
ลองนึกดูนะครับ ทางจิตวิทยามันไม่ค่อยมีน้ำหนัก และสิ่งที่จะให้นั้นดูไม่มีคุณค่า
เมื่อท่านใช้คำถาม ถ้าฉันให้… เธอจะดูมั๊ย…? ผู้ได้รับคำถามจะ ตอบรับ แทบจะ 100% ยิ่งถ้าท่านทำในสถานการณ์เร่งรีบในตอนต้น
ถ้าท่านได้รับคำตอบว่า "ไม่" ให้ท่านกล่าวขอบคุณที่สละเวลาเล็กน้อยคุยกัน โดยที่ไม่ต้องให้อะไรกับเขาไป ท่านอาจจะต้องกลับไปทบทวนขั้นตอนที่ 1-3 ว่าท่านทำได้ดีแล้วหรือไม่
เมื่อท่านผ่านมายังขั้นตอนที่ 4 แล้ว และมีผู้ที่ตอบรับแล้ว ไม่ได้หมายความว่าท่านประสบความสำเร็จ
จากสถิติผู้ที่ตอบรับนั้น จะมีเพียง 5% ที่จะทำตามที่ตอบรับ ถ้าท่านทำเพียงแค่ 4 ขั้นตอน ท่านยังห่างไกลความสำเร็จ
ท่านจะต้องทำให้ตัวเลขผู้ที่ทำตามคำพูดให้เป็น 80% โดยทำขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนที่ 5 ยืนยันครั้งแรก ตกลงเรื่องเวลา
เมื่อท่านได้รับคำตอบรับ สิ่งที่จะทำต่อก็คือตกลงเรื่องเวลา
“คุณคิดว่า จะดูวีดีโอได้เมื่อไรครับ?”
“คุณคิดว่าจะเข้าฟัง webinar/ประชุมออนไลน์ ได้เวลาไหนครับ”
คำถามนี้เพื่อให้พวกเขาได้คิดถึงตารางเวลาของเขา และสถานที่จะนัดเจอกัน และทำให้สถานการณ์นั้นเกิดขึ้นได้จริง
ถ้าผู้มุ่งหวังพยายามพูดว่า
“ฉันจะหาเวลาดู”
ให้บอกไปว่า
“ผมก็ไม่อยากให้คุณเสียเวลา ดังนั้นเรามากำหนดเวลาที่แน่นอน เพื่อที่จะให้ชัวร์ว่าคุณได้ดูแน่ๆ”
กุญแจสำคัญในขั้นตอนนี้ก็คือ การได้รับการ ตอบรับครั้งที่สอง เรื่องเวลา แต่ยังไม่ใช่เวลาที่จะมอบหนังสือ หรือวีดีโอ หรือลิงก์ ให้ในขั้นตอนนี้ ท่านจะต้องทำขั้นต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 ยืนยันครั้งที่สอง ยืนยันเรื่องเวลา
เมื่อท่านได้รับคำตอบว่า
“ฉันจะดูวีดีโอได้ในคืนวันศุกร์”
ท่านจะต้องตอบว่า
“ถ้าผมโทรหาคุณเช้าวันเสาร์ แสดงว่าคุณได้ดูวีดีโอแล้วใช่ไหม?”
ท่านจะต้องสร้างคำถาม เพื่อความเชื่อมั่น หลังจากที่ตกลงเวลาแล้วไม่เกิน 12-24 ชม.
หลังจากที่ได้รับคำถามพวกเขาจะบอกว่า ใช่ หรือ ไม่ก็ปรับเวลาให้เป็นเวลาที่ใช่จริงๆ ซึ่งในขั้นตอนนี้ท่านจะได้รับคำตอบรับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว
กุญแจสำคัญคือ ท่านไม่ได้เป็นผู้กำหนดเวลา แต่ผู้มุ่งหวังเป็นผู้กำหนดเวลาด้วยตัวเอง
พวกเขาตอบรับว่าจะดูวีดีโอ และกำหนดเวลาว่าจะดูได้ตอนไหน และถ้าท่านโทรไปถามหลังจากนั้น ท่านเป็นผู้ตั้งคำถาม และผู้มุ่งหวังเป็นคนตอบด้วยตัวเอง
ขั้นตอนที่ 7 ยืนยันครั้งที่สาม นัดหมายการโทรครั้งหน้า
ขั้นตอนนี้ง่ายๆ แค่ถามว่า
“คุณจะให้ผมโทรไปหาได้ ตอนไหนครับ?”
ท่านจะได้รับคำตอบที่ถูกต้องแน่นอน และตอนนี้ท่านได้รับการนัดหมายที่เป็นจริงแล้ว
สิ่งที่ท่านต้องทำคือ โทรไปตามนัดหมายที่ได้ตกลงไว้
ผู้มุ่งหวังได้ ตอบตกลงมาแล้ว 4 ครั้ง การเชิญทั้งหมดนี้ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที เป้าหมายในการให้ข้อมูลความรู้ของท่านประสบความสำเร็จไปแล้ว 80%
ขั้นตอนที่ 8 จบการสนทนา
จำไว้ว่า ท่านอยู่ในเหตุการณ์กำลังรีบ ใช่ไหมครับ หลังจากตกลงเรื่องการนัดหมายได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือพูดว่า
“ขอบคุณครับ แล้วค่อยคุยกันตามเวลาที่นัดหมาย สวัสดีครับ”
หลายคนทำให้การนัดหมายนั้นหมดความสำคัญ ด้วยการคุยต่อ และบางครั้งอดไม่ได้ที่จะเปิดเผยข้อมูลที่จะให้ดู ดังนั้น การนัดหมายที่ทำไว้อาจไม่จำเป็นต่อไป เพราะเขารู้หมดแล้ว
สุดท้ายท่านจะต้องยึดมั่นใน เป้าหมายที่จะให้ข้อมูล ความรู้ และความเข้าใจ กับผู้มุ่งหวังของเราเท่านั้น
ท่านตั้งเป้าหมายที่จะใช้วิธีชวนคนทำธุรกิจเครือข่ายที่สุดยอดนี้วันละกี่คนครับ เขียนความคิดเห็นที่ด้านล่างนี้ได้เลย
ท่านสามารถช่วยเพิ่มคุณค่าของท่านได้โดยการแชร์บทความนี้ออกไปเยอะๆ นะครับ
แด่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์ของท่าน!
เชษฐวิทย์ สิงขร
Co-Founder
MLMOnlineSchool.com
MLM Attraction Blueprint 2.0
"ในที่สุด! วิธีที่ง่ายกว่า
ในการชวนคนเข้าร่วมธุรกิจ ที่ไม่ถูกปฏิเสธ
ไม่สูญเงิน เวลาและแรงงานของท่าน
วิ่งไล่ล่าผู้มุ่งหวังคุณภาพแย่ๆอีกต่อไป"
"นี่คือสุดยอดวิชาที่ผมใช้สร้างธุรกิจเครือข่ายให้เติบโตมีรายได้ 7 หลัก โดยไม่ต้องโทรชวนคนไม่รู้จัก หรือขอร้องญาติพี่น้องเพื่อนฝูงอีกต่อไป ...และผมอยากจะเปิดเผยให้ท่านได้รู้ด้วยว่า..."